“ขออภัย เมื่อครู่ข้าเพียงร้อนใจรีบมาตามฮูหยินกลับจวนจึงหนักมือไปหน่อย”
“จะรีบร้อนกลับไปด้วยเหตุใด มิสู้ท่านมานั่งจิบสุราด้วยกันก่อน พวกเขาเอาอกเอาใจเก่งมาก ทั้งยังนวดได้ดี หากมีโอกาสข้าคงจะต้องมาอีก”
“ฮูหยิน สามีเจ้าบาดแผลยังไม่หาย รอให้เจ้ากลับไปเช็ดตัวให้รู้หรือไม่”
“อ่า...ให้หลี่เฉิงทำสิเจ้าคะ ก่อนหน้านี้ท่านเคยให้ข้าเช็ดตัวที่ใด” สิ้นวาจาของนาง หลวนจิ้นฝานทราบได้ทันทีว่าที่แท้ตนเองกำลังถูกฮูหยินเอาคืน
“ฮูหยิน เจ้ายังโกรธเคืองข้าอยู่ใช่หรือไม่”
“ท่านมอบเงินให้ข้ามาเที่ยวหอชายงามแล้ว ข้าหรือจะกล้าโกรธเคืองท่าน”
&nb
หากเป็นผู้อื่นยามนี้คงนอนไม่หลับเพราะตื่นเต้นที่จะได้เข้าพิธีกราบไหว้ฟ้าดิน แตกต่างจากคู่นี้มากนักที่หลับสนิทจนเป่าหลิงสาวใช้คนสนิทของคุณหนูจูต้องเข้ามาปลุก จูเฉ่าเหมยอยู่ในอาภรณ์สีแดงที่ปักด้วยตนเอง ดวงหน้าหวานเต็มไปด้วยความสุขเปล่งประกาย “หยุดมองหน้าข้าเช่นนั้นได้แล้วเป่าหลิง” คุณหนูจูกล่าวพลางนึกกล่าวโทษบุรุษที่มีอ้อมกอดอบอุ่นทำให้นางหลับสนิทจนถูกสาวใช้มาพบเข้าว่ามีบุรุษลอบมานอนร่วมเตียง “บ่าวเพียงดีใจเจ้าค่ะที่คุณหนูได้เจอบุรุษที่รักท่านมากเช่นใต้เท้าจิ้น” วันรุ่งขึ้นก็จะเข้าพิธีแล้ว แต่ใต้เท้าจิ้นยังลอบปีนหน้าต่างเข้ามาหาว่าที่ฮูหยินของตน ช่างรักใคร่กันมากเสียจริง “ข้าก็ดีใจที่บุรุษรูปงามเช่นเขาเลือกข้า แล้
“ข้าว่าแท้จริงเขาอยากแต่งตั้งแต่สามเดือนก่อนแล้ว แต่จนใจที่ไม่มีฤกษ์ดีเลย จึงพยายามเสาะหานักพรต ไต้ซือที่พอจะหาฤกษ์ดีที่รวดเร็วได้ จนได้ฤกษ์นี้มา ซึ่งเป็นเพียงฤกษ์เดียวที่จะสามารถทำให้เขาได้แต่งฮูหยินภายในปีนี้ได้” นอกนั้นต้องรอนานถึงปีหน้า “ใต้เท้าจิ้นช่างมีความพยายาม” “แต่ก็แพ้ข้า เพราะนอกจากข้ามีความพยายามแล้วข้ายังแข็งแรงมาก” “เจ้าค่ะ ท่านพี่ของข้าเก่งกาจที่สุด ทุกวันนี้ข้าหลงท่านจนโงหัวไม่ขึ้นแล้ว” คนผู้นี้ชอบให้นางชมเชยเช่นนี้บ่อยครั้ง หากนางไม่ยอมเอ่ยปากชมเขา ค่ำคืนนั้นเขาจะรุกเร้านางจนนางไม่ได้หลับไม่ได้นอนเอาแต่ส่งเสียงร้องครวญครางไม่หยุด “ข้าก็รักและหลงเจ้ายิ่งนัก ฮูหยินของข้า” หลวนจิ้นฝานกอดฮูหยินของตนเอาไว้ด้วยความรัก 
‘ที่ผ่านมาข้าเข้าใจผิดใช่หรือไม่’ ยามนั้นที่นางใช้มือช่วย มิใช่ปลดปล่อยครั้งเดียวเขาก็หมดแรงแล้วหรือ “ครานี้เจ้ากระจ่างแจ้งแก่ใจแล้วใช่หรือไม่ ว่าข้านั้นหาได้อ่อนหัด และข้าก็แข็งแรงมากพอจะทำให้เจ้าหลงใหลข้า” คำกล่าวของเขาทำให้ดวงหน้าหวานแดงก่ำด้วยความเขินอาย แท้จริงวันนั้นเขาแกล้งหลับ ‘ปลดปล่อยแค่ครั้งเดียวก็หมดแรงแล้วหรือ ช่างอ่อนหัดยิ่งนัก หากอยากให้สตรีหลงใหลท่านต้องแข็งแรงกว่านี้ เข้าใจหรือไม่’ นั่นคือวาจาที่นางกล่าวกับบุรุษที่นอนหมดแรงจนเข้าสู่ห้วงนิทราหลังจากที่ขอให้นางใช้มือช่วยเขาปลดปล่อย “ที่แท้เป็นข้าที่หลวมตัวให้หมาป่าห่มหนังแกะเช่นท่าน” “เจ้าจงจำไว้ว่าต่อนี้อย่าได้ดูแคลนสามีเรื่องอุ่นเตียงเด็ดขาด มิเช่นนั้นเจ้าอาจจะไม่มีแรงแ
“เช่นนั้นก็อย่าได้ชักช้าเลย” กล่าวจบเขาก็โอบรั้งเอวคอดกิ่วของนางให้เข้ามาแนบชิด มือใหญ่จับใบหน้าเล็กเอาไว้ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนกลีบปากสีอ่อน ลิ้นร้อนบุกรุกเข้าโพรงปากนุ่มเกี่ยวกระหวัดพัวพันปลุกเร้าความปรารถนา ความสัมผัสวาบหวามทำให้นางอ่อนระทวย อาภรณ์ถูกถอดออกอย่างเร่งรีบ รู้ตัวอีกคราทั้งนางและเขาก็เปลือยเปล่า เขาดันตัวให้นางเอนกายนอนลงบนเตียง มือใหญ่ลูบไล้ไปตามผิวกายอ่อนนุ่ม ก้อนเต้าหู้อวบอิ่มสั่นไหวไปตามการขยับตัวยั่วเย้าให้เขาสัมผัสและเคล้นคลึงมัน ยอดอกชูชันทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะหยอกเย้าด้วยปลายลิ้นก่อนจะดูดกลืนอย่างหิวกระหาย “อ๊า...” เหลียงจิ่วเม่ยส่งเสียงร้องครวญครางพลางบิดกายไปมาอย่างรัญจวน เมื่อหยอกเย้ายอดอกอวบอิ่มจนพอใจแล้ว เขาเลื่อนกายลงสู่ตรง
21 ร่วมกราบไหว้ฟ้าดินด้วยความเต็มใจ ด้านแคว้นซีหนาน หลังจากได้มีการจัดงานเลี้ยงต้อนรับภายในวังหลวงอย่างอบอุ่นแล้ว ฮ่องเต้จงเจียเย่ที่ปลื้มปีติเพราะได้พบเจอทายาทเพียงคนเดียวของพี่สาวฝาแฝด รีบออกราชโองการแต่งตั้งเหลียงจิ่วเม่ยให้เป็นองค์หญิงขั้นหนึ่งมีพระราชทินนามว่า ‘จงจิ่ว’ มีบรรดาศักดิ์เทียบเท่าองค์หญิงที่ประสูติแต่ฮองเฮาเพื่อชดเชยความรู้สึกผิดในใจของพระองค์เอง 
พรึ่บ! ทว่าบุรุษที่อยู่ในสภาพเมามายเมื่อครู่กลับดึงรั้งตัวนางอย่างแรงจนเสียหลักเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา “ที่เมืองซีหลิงหนาวยิ่งนัก คืนนี้เจ้านอนกับข้าได้หรือไม่” น้ำเสียงกระจ่างใสที่ไม่ใกล้เคียงกับคนเมา ทำให้นางรู้ได้ทันทีว่าเขาแสร้งทำ “นี่ท่าน! แกล้งเมาหรือเจ้าคะ” นางดิ้นเล็กน้อย “หากข้าไม่แกล้งเมา เจ้าคิดว่าสุราจะหมดไปกี่ไหกัน” เอาตัวรอดเก่งเหลือเกิน คนผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก... “เช่นนั้นท่านก็นอนเถิดเจ้าค่ะ” นางพยายามแกะมือเขาออกเพื่อลุกจากเตียง “เจ้านอนกับข้าที่นี่ไม่ได้หรือ” จิ้นหลานซีจับ