ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในเขตชานเมืองของกรุงเทพฯ บ้านสไตล์ยุโรปสีขาวสะอาดตา ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยแชนเดอเลียร์คริสตัล และเฟอร์นิเจอร์สุดคลาสสิก ทุกมุมของบ้านดูสมบูรณ์แบบราวกับอยู่ในนิตยสารบ้านและสวน แต่ถึงแม้ภายนอกจะดูสวยงามเพียงใด ภายในบ้านหลังนี้กลับเย็นชาและไร้ชีวิตชีวา
หลังจากที่ พีท ส่ง อันนา ถึงหอพักของเธอเป็นที่
เรียบร้อย เขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจกลับมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาเรียกว่าบ้าน
ไฟหน้ารถสาดส่องไปตามทางรถแล่นที่ปูด้วยหินแกรนิตเงาวับ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ลดความเร็วและเลี้ยวเข้าสู่บริเวณโรงรถ
เสียงเครื่องยนต์ดับลงพร้อมกับที่ พีท ยกหมวกกันน็อก
ออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แม้จะเหนื่อยล้าแต่ก็ยังคงความเฉียบคม
เขาก้าวลงจากรถ มอเตอร์ไซค์คันโปรดถูกจอดเคียงข้างกับรถสปอร์ตหรูหลายคันที่เรียงรายอยู่ในโรงรถขนาดใหญ่ รถแต่ละคันเป็นเหมือนงานศิลปะที่สะท้อนถึงรสนิยมและความหลงใหลของบิดาของเขา
ตั้งแต่เฟอร์รารีสีแดงสด แลมโบร์กินีสุดโฉบเฉี่ยว ไปจนถึงโรลส์-รอยซ์ที่ดูสง่างาม
พีท ยืนมองรถเหล่านั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
เขาไม่เคยสนใจความหรูหราเหล่านี้มากนัก แม้มันจะอยู่รายล้อมชีวิตเขามาตลอด ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เขาต้องการอาจไม่ใช่ความเร็วหรือความมั่งคั่ง แต่เป็นบางสิ่งที่เติมเต็มหัวใจของเขาได้จริงๆ
หลังจากยืนนิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พีท ก็เดินออกจากโรงรถ มุ่งหน้าไปยังตัวคฤหาสน์ที่แสนเงียบสงบ ทว่าภายในใจของเขากลับเต็มไปด้วยความว้าวุ่นใจที่ยังหาคำตอบไม่ได้...
พีท พาร่างกายสูงโปร่งของเขาก็เดินเข้าไปยืนอยู่กลาง
ห้องโถงของบ้าน ดวงตาของเขามองทอดออกไปยังห้องรับแขก ที่ตอนนี้มีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่บนโซฟาหรู
พ่อของเขา — คุณอรรถพล ธนาธิปนฤกุล นักธุรกิจใหญ่แห่งวงการพลังงาน เจ้าของบริษัทด้านพลังงานและเครื่องกล ที่มีเครือข่ายธุรกิจระดับประเทศ กำลังอ่านเอกสารอยู่บนไอแพด
ส่วนแม่ของเขา — คุณภัทรลดา นักออกแบบเครื่องประดับชื่อดัง กำลังก้มหน้าก้มตาพิมพ์ข้อความบางอย่างลงบนโทรศัพท์
ไม่มีใครพูดกับใคร ไม่มีเสียงหัวเราะ ไม่มีบรรยากาศอบอุ่นของครอบครัว
พีท ถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แล้วเอ่ยขึ้น
“พ่อครับ แม่ครับ” พีท เรียกทั้ง 2 ท่าน
ทั้งสองเงยหน้าขึ้นจากอุปกรณ์ของตัวเองเพียงเล็กน้อย ก่อนจะกลับไปสนใจสิ่งที่ทำต่อ
“อืม มีอะไรพีท” เสียงทุ้มของคุณอรรถพลเอ่ยขึ้นแบบขอไปที
พีท กัดฟันแน่นก่อนจะพูดต่อ “ผมอยากจะปรึกษาเรื่องการทำงานโครงการวิจัย ที่ทำที่มหาวิทยาลัยเพื่อแข่งขันได้ไหมครับ? ”
คุณภัทรลดาหัวเราะเบา ๆ ก่อนตอบ “พีทลูกรัก แม่ติดงานนะจ๊ะ วันนี้ต้องเคลียร์งานและพรุ่งนี้แม่ต้องไปประชุมกับดีไซเนอร์จากฝรั่งเศส งานนี้สำคัญมาก”
“แล้วพ่อล่ะครับ?”
คุณอรรถพลละสายตาจากไอแพดชั่วขณะ มองลูกชายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “อีกเดี๋ยวพ่อมีจะประชุมกับคณะทำงานที่สิงคโปร์ งานนี้ต้องประชุมด่วนรอไม่ได้”
พีท หัวเราะในลำคอเบา ๆ ก่อนจะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ “แน่นอน งานต้องมาก่อนเสมอ”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความประชดประชัน แต่ดูเหมือนพ่อแม่ของเขาจะไม่รู้สึกอะไร
”ก็รู้นี่ลูก” คุณอรรถพลตอบเสียงเรียบ “เราต้องบริหารบริษัท ถ้าพ่อแม่ไม่ทำงานหนัก พีทกับน้องจะมีชีวิตสบายแบบนี้ได้ยังไง? ”
”แต่เราไม่มีความสุขเลยนะครับ”
ประโยคของพีททำให้บรรยากาศในห้องเงียบลงชั่วขณะ คุณภัทรลดา เงยหน้าขึ้นมองลูกชายด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ทำไมพูดแบบนั้น พีท?”
“พ่อแม่คิดว่าการให้เงิน การให้บ้านหลังใหญ่ การให้รถหรูคือความสุขเหรอครับ? ” พีท หัวเราะเย้ยหยัน “แต่พ่อแม่เคยมีเวลาให้ผมหรือมีนบ้างไหม?”
“มีน” คือชื่อของ น้องสาววัย 14 ปีของเขา
คุณภัทรลดา หลบตาเล็กน้อย แต่ก็ยังคงน้ำเสียงมั่นคง “ลูกกำลังพูดอะไร? เราให้ทุกอย่างที่ดีที่สุดแล้ว”
พีท กำหมัดแน่น เขาส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้น “ไม่ล่ะครับ พ่อแม่ให้ทุกอย่างยกเว้นเวลาและความรัก”
พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกจากห้องไป โดยไม่รอให้พ่อแม่ตอบอะไรอีก
เขาเป็นลูกชายคนเดียวของบ้านนี้และ ไม่ได้ต้องการ รถหรู หรือสิ่งปรนเปรอทางวัตถุ เขาถึงไม่เอารถสปอร์ตที่บ้านไปขับที่มหาวิทยาลัย แต่เขาต้องการเวลาและความรักจากพ่อและแม่แค่นั้นเอง
การที่พ่อและแม่ไม่ได้เป็นที่ปรึกษา หรือมีเวลาคุยกับเขา ทำให้เขารู้สึกว่า การได้พูดคุยกับ อันนา ทำให้ชายหนุ่มมีความสุขและอบอุ่น แม้จะเต็มไปด้วยความขัดแย้งก็ตาม นั่นคือสิ่งที่หัวใจเขาต้องการหรืออย่างไร สิ่งๆ นั้น หรือจะเรียกว่า “ความรัก”
ด้วยปัญหาครอบครัวแบบนี้ พีทจึงไม่เคยเชื่อในความรัก เขามองว่าความรักเป็นเพียงสิ่งที่ชั่วคราว และสุดท้ายก็จะจบลงด้วยการถูกทอดทิ้ง เหมือนที่พ่อแม่ของเขาทิ้งเขาไว้กับคฤหาสน์ที่ว่างเปล่า
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพีทถึงไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนเลย
“ไม่มีใครรักฉันจริง ๆ หรอก” เขาคิดกับตัวเองเสมอ
แต่แล้ว…
“อันนา“ หญิงสาวที่มีดวงตากลมโต ใส่แว่น และขี้บ่น ขี้วีน เป็นที่สุด ก็ก้าวเข้ามาในชีวิตของเขา
ตอนแรกเขามองเธอเป็นแค่คนจู้จี้ ไม่มีอารมณ์ขัน ชอบเถียง และน่ารำคาญ
แต่พอเวลาอยู่ด้วยกัน…
เขาเริ่มสังเกตว่าเธอเป็นคนที่ใส่ใจรายละเอียดทุกอย่าง แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
เธอชอบขมวดคิ้วเวลาคิดหนัก ชอบเถียงเขาทุกเรื่อง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นคนที่มีความจริงใจในการให้คำปรึกษาที่สุดที่เขาเคยพบ
ครั้งแรกที่ พีท รู้สึกแปลก ๆ กับ อันนา คือตอนที่เธอช่วยเขาแก้ไขข้อผิดพลาดในการทดลอง
นั่นทำให้เขารู้สึกพิเศษ…
และมันน่ากลัวสำหรับพีท เพราะเขาไม่อยากเชื่อว่า…อันนาอาจจะเป็นคนแรกที่ทำให้เขาอยากเชื่อในความรักที่ตัวเขาเองโหยหามาตั้งแต่เด็กๆ จากพ่อและแม่ของเขา