[ฟังอยู่ขอรับ นายหญิงต้องการสิ่งใด]
"พาข้าไปยังห้องลับที่อยู่หลังห้องหนังสือในเรือนใหญ่ ข้าคิดว่าข้ายังจำทางเข้าได้"
เมิ่งซีรู้ว่าต้องผ่านเวรย่ามที่ตรวจตราตอนกลางคืน ที่บอกอาเป่าก็เผื่อว่าจะมีวิธีไหนที่สามารถหลีกหนีหูตาคนพวกนั้นได้
[การเคลื่อนย้ายในระยะนี้ปลอดภัย อาเป่าสามารถพานายหญิงไปยังเป้าหมายได้ทันที เริ่มต้นการเคลื่อนย้าย...]
ทันใดนั้น ร่างของเมิ่งซีก็หายวับไปราวกับละอองหมอก ลมหายใจของนางขาดห้วงชั่วขณะ ก่อนที่จะลืมตาขึ้นอีกครั้งในห้องมืดสลัว ครู่เดียวก็มีแสงสว่างส่องขึ้นจากแสงไฟของระบบ ทำให้นางเห็นภาพได้ชัดขึ้น
"อาเป่า! เจ้ามีความสามารถแบบนี้ด้วยเหรอ?" เมิ่งซียังตกใจไม่หาย เดิมทีนางคิดว่าจะต้องเดินออกจากเรือนโดยไม่ให้ใครเห็น
[นี่เป็นเพียงความสามารถพื้นฐานของอาเป่าขอรับนายหญิง สถานที่ในรัศมีไม่เกิน 100 จั้ง อาเป่าสามารถพานายหญิงไปได้ทุกที่ภายในพริบตาขอรับ]
"100 จั้ง คือเท่าไหร่?"
[หากคำนวณเป็นระยะทางของกาลเวลาที่นายหญิงจากมาก็คือ..ประมาณ 300 เมตรขอรับ]
"อื้อ เข้าใจแล้ว"
เมิ่งซีหันมาสนใจสิ่งของตรงหน้าต่อ เบื้องหน้าคือผนังไม้บุนวมหนังสัตว์เก่า ๆ โคมไฟน้ำมันวางอยู่มุมห้องให้ยังไม่ถูกจุดติด หีบเหล็กและหีบไม้จำนวนมากเรียงรายอยู่ตรงหน้า บางหีบถูกคลุมด้วยผ้าขาว ปิดทับตราตระกูลเหยียนเอาไว้อย่างแน่นหนา
"ช่วยข้าเปิดหีบเหล่านั้นที" เมิ่งซีกลืนน้ำลาย ฝ่ามือชื้นเหงื่อด้วยความตื่นเต้น
ระบบไม่ตอบ แต่วงแสงบางเบาก็สว่างวาบขึ้น หีบทุกใบเปิดออกช้า ๆ เผยให้เห็นทองแท่ง เครื่องหยก เหรียญเงิน เหรียญทอง ตั๋วเงิน และแจกันหยกโบราณประดับลายมังกรเก่าแก่
"ของเหล่านี้…บิดาของร่างนี้ได้มาจากการรับสินบนทั้งนั้น"
เมิ่งซีหอบหายใจเบา ๆ ก่อนจะกล่าวอย่างหนักแน่น
"เก็บเข้ามิติทั้งหมด"
ทันใดนั้น ทรัพย์สมบัติที่กองอยู่ตรงหน้า ก็ล่องลอยหายไปอย่างเงียบงัน
"มีสิ่งใดอีกที่สามารถแลกเปลี่ยนเป็นเหรียญในระบบได้บ้าง" เมิ่งซีเอ่ยถาม
[มีแจกันโบราณจำนวนสี่ใบ และภาพวาดของปราชญ์ชื่อดัง เป็นสมบัติราชวงศ์ก่อนที่สูญหาย หากนายหญิงยินยอม ระบบจะนำไปยังพิพิธภัณฑ์ในอนาคต ชิ้นละหนึ่งพันเหรียญเงินขอรับ]
"ของจากราชวงศ์ก่อน!…เจ้าคิดว่าควรทำยังไงดีอาเป่า?" เมิ่งซียกคิ้ว
[สมบัติเหล่านี้หากอยู่ที่นี่อาจสูญหาย ถูกทำลาย หรือถูกขายทิ้งโดยผู้ที่ไม่รู้คุณค่า แต่ถ้าขายให้ร้านเถาเป่า ของพวกนี้จะถูกส่งต่อไปยังอนาคต ของทุกชิ้นจะได้รับการเก็บรักษาในสถานที่ปลอดภัย เพื่อให้ผู้คนรุ่นหลังได้ศึกษาและชื่นชม]
ระบบกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นคง หญิงสาวเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่น
"เช่นนั้น…ข้ายอมขาย"
เพียงพริบตาเดียว แสงสีทองก็แวบวาบ แจกันทั้งสี่ใบและภาพวาด 2 ภาพที่แขวนอยู่หายไปจากสายตา ทันใดนั้นเสียงระบบก็ดังขึ้นอีกครั้ง
[ยอดคะแนนปัจจุบัน: 6,000 เหรียญเงิน]
"เรื่องนี้ข้าก็อยากถาม เหรียญในระบบสามารถนำออกมาใช้ในโลกนี้ได้ไหม? แล้วมูลค่าของมันคือเท่าไหร่บ้าง เหมือนเงินเหวิน ตำลึงเงิน หรือตำลึงทองไหม?"
นางกล่าวถามเรื่องที่คาใจออกมา ในเมื่อนางต้องใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ที่นี่ นางก็ควรเรียนรู้เอาไว้ทั้งหมด
[เรียนนายหญิง ค่าเงินในระบบจะมี
1000 เหรียญทองแดง เท่ากับ 1 เหรียญเงิน
10 เหรียญเงิน เท่ากับ 1 เหรียญทอง
ก็เหมือนกับค่าเงินของโลกในกาลเวลานี้
1000 เหวิน เท่ากับ 1 ตำลึงเงิน
10 ตำลึงเงินเท่ากับ 1 ตำลึงทอง
เพียงแต่เงินทั้งสองส่วนแยกกันอย่างชัดเจน เหรียญในระบบไม่สามารถนำออกมาได้ แต่สามารถนำไปซื้อของในร้านเถาเป่าของระบบได้
ส่วนเงินหรือสมบัติของการเวลานี้ นายหญิงสามารถนำไปเก็บในพื้นที่มิติได้ แต่ซื้อของในร้านเถาเป่าไม่ได้ อยากนำออกมาตอนไหนก็แจ้งอาเป่าได้ตลอดขอรับ ส่วนสิ่งของที่นายหญิงขายให้ร้านเถาเป่าในระบบไปแล้ว จะไม่สามารถหาซื้อกลับคืนมาได้อีก]
"เข้าใจแล้ว แสดงว่าตอนนี้มีเหรียญในระบบ 6,000 เหรียญเงิน หรือ 600 เหรียญทองสินะ! แค่นี้…ก็พอจะใช้ตั้งต้นชีวิตใหม่ได้แล้ว อาเป่าพาข้ากลับ"
เมิ่งซีถอนหายใจเฮือกหนึ่ง พลางก้มมองมือตนเองเบา ๆ
เสียงจากระบบดังขึ้น
[เปิดระบบทำลายหลักฐาน ยืนยันการกลับไปยังตำแหน่งก่อนหน้า... เริ่มต้นการเคลื่อนย้าย]
ร่างของเมิ่งซีปรากฏอีกครั้งบนเตียงไม้ผุพัง ริมฝีปากซีดเซียวเม้มแน่นอย่างคิดไม่ตก มือบางกุมผ้าห่มผืนเก่าแน่น ก่อนจะหลับตาลง…เตรียมใจสำหรับวันพรุ่งนี้ที่จะเปลี่ยนชีวิต
เช้ามืดของวันใหม่มาเยือน
เมิ่งซีตื่นขึ้นมาในเรือนเล็กที่แสนคุ้นตา นางนั่งพิงเสาหลังอย่างอ่อนล้า ทั่วร่างยังระบมจากการถูกเฆี่ยนและความเหนื่อยล้าที่ฝังลึกอยู่ในเส้นเอ็น ไม่กี่ชั่วยามก่อนหน้านี้นางเพิ่งถูกใส่ร้าย ไล่ตะเพิด ถูกตัดขาดจากสกุลเหยียนผู้เคร่งในศักดิ์ศรีและหน้าตา บัดนี้นางกลับกลายเป็นเพียงหญิงสาวสกุลฉินที่ต้องระเห็จออกจากจวนสกุลเหยียน
เช้ามืดอากาศเย็นยะเยือก พัดโชยผ่านประตูไม้เก่าที่ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด อนุฉินถือห่อผ้าผืนเล็ก เดินออกมาส่งบุตรสาวถึงประตูหลังเรือน หญิงวัยกลางคนผู้มีใบหน้าอ่อนล้าและแววตาเว้าวอน กำมือแน่นราวกับกลัวจะเสียสิ่งสุดท้ายในชีวิตไป
"ลูกแม่...ดูแลตัวเองให้ดีนะลูก ถ้าเจ้าเจ็บป่วยไม่มีใครช่วย เจ้าต้อง...ต้องอดทนผ่านไปให้ได้ แม่ช่วยเจ้าสุดกำลังได้เพียงเท่านี้ โทษแม่ที่เกิดมาต่ำต้อย"
นางว่าพลางยื่นห่อผ้าเล็ก ๆ และถุงเงินที่ผูกอย่างเรียบร้อยในห่อเดียวกัน เมิ่งซีรับไว้แน่น น้ำตาคลอในดวงตา แต่ใบหน้านิ่งสงบ
"ท่านแม่...วันใดที่ท่านหมดหวังกับคนในสกุลเหยียน อย่าลืมว่าท่านยังมีลูกสาวคนนี้รออยู่ที่บ้านนะเจ้าคะ"
หยวนอี สาวใช้ข้างกายของอนุฉินกับเสี่ยวซือ รีบยกหีบเล็ก ๆ ขึ้นรถม้าหลังบ้านที่ซื้อมาเตรียมพร้อมเอาไว้ พร้อมกับจัดวางเสบียงอาหารแห้ง หม้อใบเล็ก กาน้ำร้อน ถ้วยชามอย่างเรียบร้อย ในรถม้านั้นเรียบง่ายแต่สะอาดตา เห็นถึงความตั้งใจของผู้เป็นแม่
"หยุดนะ!"
ขณะที่เมิ่งซีกำลังก้าวไปยังรถม้า เสียงฝีเท้าหลายคู่ก็ดังขึ้นไม่ห่างนัก เสียงก้าวกระแทกพื้นหินกรวดดังกังวานก่อนที่ประตูเรือนจะถูกผลักเปิดออกจนสุด ฮูหยินผู้เคร่งขรึมเดินนำมาพร้อมกับเหยียนซูหนิง เหยียนหมิงเจี๋ย และเหยียนอวี่หนาน สายตาทุกคู่เต็มไปด้วยการสบประมาท
"นี่เจ้าคิดจะพาลูกออกไปจากจวนโดยไม่บอกกล่าว หรือว่าเจ้ากับลูกสาวคิดจะขโมยของในจวนแล้วหนีไปกันแน่ อนุฉิน!"
ฮูหยินตวาดเสียงเข้ม แววตาดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่ปกปิด อนุฉินแม้จะหวาดหวั่นแต่ก็ยังยืดอกตอบกลับเสียงนิ่งตอนที่คุณหนูใหญ่วางแผนทำร้ายลูกสาวของนาง นางไม่อาจยื่นมือเข้าไปถึงในวังได้ แต่ครั้งนี้นางต้องปกป้องลูกสาวให้ได้ อย่างน้อยก็ต้องยืนหยัดจนกว่าเมิ่งซีจะออกไปพ้นจากจวนนี้
"เสบียง เงินทอง รถม้า ทุกอย่างล้วนมาจากสินเดิมของข้า มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับของในจวนเลยสักนิด หากไม่เชื่อ ท่านก็ให้คนไปตรวจเถิดเจ้าค่ะฮูหยิน!"
ใต้เท้าเหยียนเดินตามออกมาพร้อมหน้าตาบึ้งตึง ครั้นได้ยินดังนั้นก็ไม่รอช้า ออกคำสั่งพ่อบ้านทันที
"ไปตรวจของในรถม้าให้ละเอียด หากมีของในจวนแม้แต่ชิ้นเดียว พวกเจ้าจะไม่ได้ออกไปโดยง่าย!"
คนงานและพ่อบ้านรีบขึ้นไปตรวจค้นอย่างถี่ถ้วน ไม่นานนักก็กลับมารายงาน
"เรียนใต้เท้า...ของทุกชิ้นล้วนเป็นของใหม่ ไม่มีตราประทับหรือสัญลักษณ์ของจวนเลยขอรับ"
เหยียนซูหนิงยังไม่วางใจ เดินไปตรวจด้วยตนเอง ครั้นพบว่าเป็นจริงดังคำนั้น ก็ค่อยยอมถอยกลับมา แต่แววตาไม่ยอมหยุดความชิงชัง
เมิ่งซีปรายตามองเหยียนหรูอิ๋ง ซึ่งยืนตัวลีบอยู่หลังคนรับใช้ ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
"ข้าถูกกำจัดออกจากบ้านนี้เพราะแผนชั่วของเหยียนซูหนิงแล้ว ต่อไปนี้...พี่หญิงรองได้โปรดระวังตัว ต่อไปคงเป็นท่านที่จะถูกเล่นงาน"
สีหน้าของเหยียนซูหนิงเปลี่ยนทันทีเป็นโกรธเกรี้ยว แต่ก็ยังแสร้งว่าใจเย็น ตีหน้าเศร้าเดินไปกอดแขนบิดา
"ท่านพ่อเจ้าขา ดูคนเนรคุณผู้นั้นสิเจ้าคะ ยังกล่าววาจาให้คนในบ้านแตกร้าวอีก คนเช่นนี้ช่างใจคดยิ่งนัก"
ใต้เท้าเหยียนได้ยินแบบนั้นก็ตวาดลั่นสุดเสียง
"เจ้าอย่ามาพูดจาไร้สาระ! คิดจะยุแยงให้คนในบ้านแตกคอกันรึอย่างนั้นรึ! ช่างใจคดยิ่งนัก!"
เมิ่งซีสบตาบิดาตรง ๆ อย่างไม่เกรงกลัว แววตาคู่นั้นเยือกเย็นและซ่อนรอยแค้นเอาไว้ เธอบอกกับเจ้าของร่างนี้ในใจ
สิบปีค่อยแก้แค้นก็ยังไม่สาย เหยียนเมิ่งซีเจ้าอย่าได้ห่วง ข้าจะไม่ปล่อยให้คนพวกนี้ได้ตายดีแน่นอน...
"ท่านเป็นคนฉลาด เป็นไปไม่ได้หรอกที่ท่านจะไม่รู้ว่าเรื่องครั้งนี้เกิดขึ้นได้ยังไง เพียงแค่ท่านไม่พูดความจริงเพราะไม่ยอมเสียหมากในมือ ท่านมันก็แค่พวกเห็นผลประโยชน์เป็นใหญ่ มีลูกหลานไว้เป็นเครื่องขยายอำนาจทางการเมืองเท่านั้น ถูกต้องหรือไม่ใต้เท้าเหยียน?"
คำพูดนั้นกระแทกใจชายชราอย่างจัง ใบหน้าของใต้เท้าเหยียนแดงเถือก โกรธจนมือสั่น ต้องให้คนช่วยประคองกลับเข้าจวน
อนุฉินรีบจูงมือลูกสาวพาไปขึ้นรถม้า มืออีกข้างยื่นถุงเงินเล็ก ๆ แผนที่และจดหมายมอบให้เสี่ยวซือ
"เสี่ยวซือ ดูแลคุณหนูให้ดี มีเรื่องใดให้ส่งข่าวมา"
รถม้าเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ออกจากจวนสกุลเหยียน ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังตลาด เมิ่งซีให้เสี่ยวซือแวะหน้าร้านเสื้อผ้า ไปซื้อชุดบุรุษมาสำรองเอาไว้หลายชุด พร้อมกับซาลาเปาและแป้งทอดไส้เนื้ออีกหลายชิ้นหน่อย
ขณะนั้น เมิ่งซีก็ลูบหน้าอกเบา ๆ แล้วเอ่ยกับระบบในใจ
"อาเป่าตื่นรึยัง ข้าอยากได้ยาเม็ดฟื้นฟูร่างกาย"
เสียงในใจดังขึ้นทันที
"ยาฟื้นฟูร่างกายขั้นต้น 1 เม็ด ใช้ 10 เหรียญทองแดง...ยืนยันหรือไม่?"
"ยืนยัน"
[ขณะนี้เหรียญในระบบของนายท่านเหลือ 599 เหรียญทอง 9 เหรียญเงิน 990 เหรียญทองแดง ]
ทันใดนั้นเม็ดยาสีอำพันปรากฏในมือ นางกลืนลงไปทันทีพร้อมกับยกน้ำในกระบอกขึ้นมาดื่ม ความเย็นซึมผ่านหลอดอาหาร ร่างกายรู้สึกเบาสบายขึ้นทันตา แต่ก็ยังไม่หายเป็นปลิดทิ้งเสียทีเดียว เพียงแค่ไม่ทรมานเหมือนเดิมก็เท่านั้น
ไม่นานเสี่ยวซือก็กลับมาพร้อมเสื้อผ้า ซาลาเปาไส้เนื้อและแป้งทอดมาใส่ห่ออย่างดี รถม้าจึงเคลื่อนตัวออกจากเมืองหลวง ตรงสู่เส้นทางใหม่ทิศตะวันออก