เวลาล่วงเลยจนถึงวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่า หลี่เค่อหมายใช้วันเกิดครบรอบอายุห้าสิบปีของมารดาเปิดตัวหลี่จื่อเหยา เขาจัดทำเทียบเชิญส่งไปยังตระกูลผู้ดีทั้งหลาย รวมไปถึงพ่อค้าวาณิชที่มีลูกชายถึงวัยแต่งงาน เขามั่นใจว่าน้องสาวคนงามจะเป็นที่ต้องตาต้องใจบรรดาคุณชาย เหล่านั้นอย่างแน่นอน
สำหรับตระกูลหลี่นั้นถือเป็นตระกูลที่มีคนนับหน้าถือตาพอสมควร ด้วยทำการค้าภายในเมืองหลวงมายาวนาน อีกทั้งนายท่านรุ่นก่อนก็เป็นคนกว้างขวาง และมีมิตรสหายมาก ทำให้แขกเหรื่อพากันมาร่วมอวยพรให้ฮูหยินผู้เฒ่าอย่างหนาตา ซึ่งล้วนเป็นผู้มีชื่อเสียงในแคว้นหานทั้งสิ้น
นอกจากคำอวยพร บรรดาสหายเก่าและเศรษฐีทั้งหลายต่างมอบของขวัญล้ำค่าแก่ฮูหยินผู้เฒ่าอีกด้วย หลี่เค่อตาเป็นประกายเมื่อเห็นรายการของกำนัล รู้สึกว่าคุ้มค่ายิ่งที่ลงทุนลงแรงกับวันนี้ไปมาก
อีกด้านหนึ่ง
หลี่จื่อเหยานั่งอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้ง นัยน์ตาสีน้ำตาลมองภาพหญิงสาว งดงามที่สะท้อนอยู่ในกระจกทองเหลือง ในขณะที่สาวใช้ประจำตัวกำลังเกล้าผมเป็นทรงเมฆลอยให้อย่างใส่ใจ
นิ้วยาวสวยดุจลำเทียนวาดไล้บนรูปหน้าแผ่วเบา ก่อนจะหยิบกระดาษสีแดงในกล่องเครื่องประทินโฉมขึ้นมา ริมฝีปากรูปกระจับเม้มลงบนชาดที่แต้มอยู่ทำให้ปรากฏกลีบบุปผาสีกุหลาบเย้ายวนขึ้นทันใด
เมื่อประทินโฉมเสร็จสิ้น ดรุณีวัยแรกแย้มก็กลายร่างเป็นหญิงสาวที่มีรูปโฉมงดงาม อาภรณ์สีแดงเพลิงขับเน้นให้ผิวขาวราวหิมะเด่นเป็นประกายท่ามกลางแสงจากเทียนไข
หนึ่งเดือนที่ผ่านมา หลี่เค่อยอมจ่ายไม่อั้นเพื่อจ้างแม่สื่อผู้มีชื่อเสียงของเมืองหลวงมาดูแลอบรมน้องสาว
ทันทีที่พบหน้าฟงเซียงเซียง คุณหนูหลี่ก็ตกตะลึงในความงดงามของอีกฝ่าย
เดิมทีหลี่จื่อเหยาคิดว่า คนที่เป็นแม่สื่อจะต้องเป็นหญิงมีอายุผู้มากประสบการณ์ แต่แม่สื่อฟงนั้นยังสาว ซ้ำมีรูปโฉมงดงามยั่วยวนบุรุษเป็นอย่างยิ่ง ตรงกันข้ามผู้เป็นแม่สื่อที่มองว่าต้องยกเครื่องคุณหนูสกุลหลี่ใหม่ทั้งตัว
ถึงแม้จะมีหน้าตาสะสวยเป็นทุน แต่หลี่จื่อเหยากลับไร้ซึ่งเสน่ห์และแรงดึงดูดแบบที่สตรีพึงมีอย่างสิ้นเชิง หากต้องการหาสามีที่ดีตามที่แบบฉบับที่นายท่านหลี่สั่งการไว้แล้วล่ะก็ สภาพของหญิงสาววัยสิบหกตรงหน้านาง คงหาได้เพียงพ่อค้าวาณิชระดับธรรมดามาเป็นคู่ ยากที่ คุณชายตระกูลดีที่พบเจอหญิงงามมาแล้วมากมายจะเหลียวมอง
ส่วนฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าลูกชายจ้างแม่สื่อดังมาดูแลบุตรสาวแล้ว จึงสั่งสอนเน้นย้ำเพียงเรื่องการดูแลบ้านเรือนในฐานะนายหญิงให้เพิ่มเติมเท่านั้น สำหรับเรื่องอื่นๆ นางยกให้ผู้เชี่ยวชาญจัดการ
ฟงเซียงเซียงค่อยๆ จับคุณหนูหลี่ลอกคราบเด็กสาวกะโปโลออกไปจนสิ้น
หลี่จื่อเหยาถูกขัดสีฉวีวรรณตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ได้เรียนรู้การดูแลร่างกายให้หอมหวนแบบผู้สูงศักดิ์ รวมไปถึงอากัปกิริยาและจริตจะก้านที่ผู้หญิงควรจะมี แม่สื่อฟงสอนนางหลายอย่างเกี่ยวกับความชอบของบุรุษ ซึ่งทำให้หญิงสาววัยสิบหกปีตกอกตกใจอยู่ไม่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็เชื่อฟังโดยดี เพราะสิ่งต่างๆ ที่แม่สื่อฟงพร่ำบอกอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้นสะท้อนอยู่ในร่างงามระหงยั่วยวนใจของผู้เป็นอาจารย์
เวลาผ่านไปสามเดือน
หลี่จื่อเหยาพบว่าตนเองนั้นกลายเป็นตุ๊กตากระเบื้องราคาแพงระยับไปเสียแล้ว นางแทบไม่เหลือเค้าของเด็กสาวคนเดิม
ฟงเซียงเซียงยิ้มจนแก้มปริเมื่อได้รับค่าจ้างมหาศาลรวมไปถึงคำชมไม่ขาดปากจากหลี่เค่อ นางจึงแนะนำให้เขาเลือกวันดีๆ ถือโอกาสเปิดตัวหลี่จื่อเหยาอย่างเป็นทางการ เพื่อให้บรรดาคุณชายที่ถึงวัยออกเรือนได้ยลโฉมคุณหนูหลี่ผู้งดงามเพรียบพร้อม
ซึ่งบรรจวบเหมาะกับอีกไม่นานจะถึงวันเกิดครบรอบห้าสิบปีของฮูหยินผู้เฒ่าพอดิบพอดี หลี่เค่อจึงถือโอกาสนี้ลงทุนจัดงานฉลองยิ่งใหญ่ให้มารดาเสียเลย
ถือว่ายิงเกาทัณฑ์ดอกเดียว ได้นกถึงสองตัว
เขาส่งเทียบเชิญงานเลี้ยงออกไปให้กลุ่มเป้าหมายโดยมิรั้งรอ
หลี่จื่อเหยาหันซ้ายขวา หมุนตัวเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยของตนเองอีกครั้ง ก่อนจะสั่งให้เสี่ยวจูไปหยิบพิณ แล้วเดินตามนางออกไปยังบริเวณจัดงานเลี้ยง
ร่างงามระหงเยื้องกรายไปตามทางเดินที่ทอดยาว ทุกย่างก้าวมั่นคง สง่างามยิ่ง
ในที่สุดคุณหนูตระกูลหลี่ก็ปรากฏสู่สายตาแขกเหรื่อ
ทุกคนต่างจับจ้องโฉมสะคราญในชุดสีแดงเพลิงไม่วางตา บรรดาคุณชายทั้งหลายที่ติดตามบิดามาด้วย ต่างตกตะลึงรูปโฉมของคุณหนูหลี่แทบทุกคน
หลี่เค่อที่คอยเฝ้าดูสถานการณ์ยิ้มกริ่ม ชื่นชมหลี่จื่อเหยาที่สามารถสะกดสายตาผู้คนได้เพียงแค่เดินผ่าน ไม่เสียแรงที่เขาทุ่มทุนอย่างมหาศาลเพื่อจ้างแม่สื่อฟง
เมื่อทุกอย่างเป็นไปดังที่คาดการณ์เอาไว้ หลังจากนี้ก็เหลือก็เพียงเผยความประสงค์เป็นนัยๆ เวลาที่สนทนากับเหล่าเศรษฐีว่า เขากำลังคิดเรื่องหมั้นหมายให้น้องสาว แต่ยังไม่พบคนที่เหมาะสม เท่านี้ก็เป็นอันเรียบร้อย
รอยยิ้มยินดีประดับอยู่บนใบหน้าหลี่เค่อตลอดเวลา เพราะดูจากสายตาราวหมาป่าหิวของคุณชายทั้งหลาย เขาก็มั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าหลังจากจบงาน ในวันนี้ คงมีแม่สื่อเข้าออกบ้านตระกูลหลี่เป็นว่าเล่น
คนหนึ่งกำลังสมใจ แต่อีกคนกำลังกระอักกระอ่วน
ไม่ว่าหลี่จื่อเหยาจะขยับทำอะไรก็เป็นที่จับจ้องของบรรดาหมาป่าหิวโซไปเสียทุกสิ่ง
พอมากเข้า นางก็เริ่มรู้สึกเกร็ง
ถึงแม้จะร่ำเรียนกิริยามารยาทใหม่ทั้งหมดแล้ว แต่ถ้าหากเพียงหายใจก็มีชายแปลกหน้าส่งสายตาปรารถนามาให้ นางก็แทบจะทำอันใดไม่ถูกเช่นกัน
‘เห็นทีข้าต้องหลบออกไปสูดอากาศเสียหน่อย แล้วค่อยกลับมานั่งปั้นหน้า ให้พวกเขาชื่นชมต่อ’
คิดได้ดังนั้น หลี่จื่อเหยาจึงหันไปสั่งให้เสี่ยวจูยืนรอนางอยู่ตรงนี้ก่อน หากใกล้เวลาการแสดงเริ่มค่อยไปตามตนที่สวนทางด้านหลัง
เมื่อสั่งความกับสาวใช้คนสนิทเป็นที่เรียบร้อย นางก็ลุกขึ้นแล้วเดินนวยนาดจากไป บรรดาคุณชายทั้งหลายต่างทอดสายตาตามร่างอรชรไปจนลับตา
เพียงออกห่างจากงานเลี้ยงมาได้ หลี่จื่อเหยาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ความรู้สึกเหมือนอึดอัดประหนึ่งขาดอากาศหายใจเมื่อครู่จางหายไปแล้ว
นางสาวเท้าเดินต่อไป แล้วหยุดยืนที่ริมสระภายในสวน ภาพดวงจันทร์สุกใสสะท้อนอยู่บนพื้นผิวอันราบเรียบให้ความรู้สึกสงบยิ่งนัก
ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้น หลี่จื่อเหยาพยายามไม่คิดมากเกี่ยวกับความประสงค์ของพี่ชายและมารดา หากพวกเขาต้องการให้นางแต่งออกไปกับผู้ใด นางก็จะไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย
ทว่าในห้วงคำนึงกลับไม่สามารถสลัดภาพดวงตาสีดำดุจน้ำหมึกของชายแปลกหน้าที่ช่วยชีวิตนางไว้ได้เลย
ข้าคือมู่หรงซือเฉิง บิดาข้าคือมู่หรงอี้หวาย คหบดีใหญ่และวาณิชหลวงอันดับหนึ่งของแคว้นหาน มารดาข้าเป็นกุลสตรีที่ดีพร้อมนามหลี่จื่อเหยา ผู้คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าข้านั้นคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด มีบุญวาสนาที่จะได้เสพสุขจากทรัพย์สินมหาศาล ที่ใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมดของตระกูลมู่หรงข้าช่างโชคดีเหลือเกินความจริงข้ามีพี่สาวผู้หนึ่ง นางมีชื่อว่ามู่หรงรั่วเยียน ผู้คนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าต่อไปนางจะต้องเติบโตเป็นสตรีที่งดงามปานเทพธิดาแน่นอน ก็ใช่ล่ะสิ นางถอดแบบบิดาผู้มีรูปโฉมล้ำเลิศมาทุกสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่นิสัยใจคอเวลาอยู่ต่อหน้าผู้คน พี่สาวของข้ามักสวมหน้ากากคุณหนูในห้องหอทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเอ่ยวาจา หรือเยื้องกรายไปที่ใด ทุกคนล้วนยกยิ้มพลางพยักหน้าหงึก ๆ คิดว่านางช่างดีแสนดี แต่ผู้ใดจะรู้เล่าว่าภายใต้หน้ากากเทพธิดา มีแม่หมาป่าตัวน้อย ๆ ที่พร้อมจะขย้ำคอทุกคนซ่อนอยู่นางร้ายไม่ต่างจากท่านพ่อเลยสักนิด! ข้าจำได้ว่าครั้งหนึ่ง ท่านพ่อเปรยกับท่านแม่ว่าไม่ต้องการบุตรเขยที่ร่ำรวยและเก่งเกินไป ยิ่งเป็นพวกเศรษฐีใหม่ หรือขุนนางซื่อสัตย์สุจริต แต่เบื้องหลังไม่ได้มีอำนาจมากนักก็พอ เพื่อที่แต
ตั้งแต่ศิษย์พี่หญิงจากไป ข้าไม่เคยเฉียดกลายเข้าไปใกล้บ้านตระกูลหลี่อีกเลย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาข้าทำเพียงอ่านรายงานความเคลื่อนไหวภายในบ้านตระกูลหลี่ จากคนที่ข้าส่งเข้าไปแทรกซึมเท่านั้นคนของข้าผู้นั้นทำหน้าที่แม่นม นางดูแลหลี่หลางได้อย่างดี อีกทั้งยังเพิ่มรายงานเล็ก ๆ น้อยเกี่ยวกับคนที่อยู่รอบตัวของเขามาด้วย จากรายงานเหล่านั้น ข้ามักจะได้รับรู้เรื่องของหลี่จื่อเหยาเสมอ ๆ แม้ตอนที่หลี่หลางเกิดคุณหนูหลี่จะยังอายุน้อยก็ตาม แต่นางกลับดูแลจัดการเรื่องทุกอย่างของเด็กชายประหนึ่งมารดาเลยทีเดียวอาจเป็นเพราะหลี่จื่อเหยาเป็นผู้ที่ใกล้ชิดหลี่หลางที่สุด ทำให้ชื่อของนางผ่านสายตาข้าบ่อยครั้ง พอรู้ตัวอีกที เรื่องของคุณหนูผู้นี้ก็กลายเป็นส่วนที่ข้าชอบอ่านในรายงานไปเสียแล้ว “คุณหนูหลี่ปักเสื้อให้คุณชายน้อย” “คุณชายน้อยชอบกินอาหารฝีมือคุณหนูหลี่” “คุณหนูหลี่ดีดพิณได้ไพเราะ” “คุณหนูหลี่ชอบดอกบัวที่สุด” “ตอนนี้คุณหนูหลี่เข้าวัยปักปิ่นแล้ว นางงดงามดั่งดอกสาลี่สีขาวบริสุทธิ์” ข้ารู้จักนิสัยใจคอของนางผ่านทางรายงานที่ถูกส่งมา จนรู้สึกว่าหากได้เห็นหน้าคาดตาสักครั้งก็คงดี ทว่าความคิดนี้มีอันต้องตกไป เพราะข้าไม
หลี่จื่อเหยายิ้มถึงดวงตา ในขณะที่เอ่ยล้อเลียนเขาด้วยประโยคที่ตนเองได้ยินบ่อยครั้งที่สุด ก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนซอกคอของเขา โดยไม่รู้ว่าเท่านี้ก็เพียงพอให้บุรุษผู้เร่าร้อนทรมานมากมายมู่หรงอี้หวายหวานล้ำไปทั้งใจ อีกทั้งยังรู้สึกวูบวาบไปทั้งกาย แต่ก็อดกลั้นความปรารถนาอันไม่สิ้นสุดที่ตนเองมีต่อนางเอาไว้ในห้องกว้างขวางมีเพียงเงาร่างของสองสามีภรรยาโอบกอดกันอยู่เนิ่นนาน กลิ่นอายแห่งความรัก และความเข้าอกเข้าใจแผ่ซ่านไปถ้วนทั่วทุกอณูคฤหาสน์ตระกูลมู่หรง หลายเดือนต่อมาหลังจากมีข่าวดีว่าฮูหยินน้อยของคุณชายตั้งครรภ์แล้ว เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาฮ่องเต้ทรงประกาศแต่งตั้งวาณิชหลวงของราชสำนักคนใหม่ ซึ่งมู่หรงอี้หวายได้รับสืบทอดตำแหน่งจากบิดา ด้วยการสนับสนุนของฉินอ๋องและขุนนางที่เห็นว่าเขามีความสามารถมู่หรงเหออารมณ์ดี จึงจัดงานเลี้ยงฉลองอย่างยิ่งใหญ่ และประกาศมอบหมายกิจการทั้งหมดให้บุตรชายที่ยามนี้พร้อมรับผิดชอบทุกสิ่งที่ตระกูลสร้างเอาไว้แล้วส่วนตนเองก็ตั้งใจจะออกท่องเที่ยว ใช้ชีวิตยามเกษียณเพื่อไปในที่ที่ภรรยาผู้ล่วงลับเคยเอ่ยว่าต้องการไปสักครั้ง แต่ไม่มีโอกาสเพราะยามนั้นเขาต้องรับผิดชอบทุกอย่างจ
เมื่อความสงบกลับมา มู่หรงอี้หวายจึงเล่าเรื่องวุ่นวายต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้บิดาฟังอย่างรวบรัด พยายามตัดจุดที่อาจจะสร้างความแค้นเคืองให้คหบดีใหญ่ออกไป เหลือเพียงส่วนเสี้ยวสำคัญๆ เท่านั้น แล้วไปเน้นย้ำความต้องการของญาติผู้น้องที่หมายจะทำการยกเลิกการหมั้นหมายกับเย่เทียนหลางเสียมากกว่า มู่หรงเหอได้ฟังก็ทอดถอนหายใจ แต่ก็รับปากจะทำตามคำขอของซูเพ่ยอิงพอพูดคุยกันเสร็จสรรพ มู่หรงเหอก็เข้าไปเยี่ยมหลี่จื่อเหยาที่ยังนอนหมดสติอยู่ พอเห็นสภาพของลูกสะใภ้คนโปรด เขาก็เอ่ยปากว่าจะถมสระบัวทิ้ง เพราะเข้าใจว่านางเป็นลมตกน้ำไปเอง จึงเกรงว่าจะเป็นอันตรายอีก แต่มู่หรงอี้หวายห้ามเอาไว้ เพราะหลี่จื่อเหยาชอบดอกบัวมากที่สุด คหบดีใหญ่จึงตำหนิลูกชายว่าไม่รู้จักดูแลภรรยาให้ดี ก่อนจะกลับออกไป ก็ยังคาดโทษเอาไว้อีกด้วยมู่หรงอี้หวายมองส่งบิดาจนลับตา จากนั้นจึงกลับเข้ามาชำระร่างกายตนเอง แล้วไปนั่งเฝ้าหลี่จื่อเหยาที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่ห่างไปไหน ทั้งยื่นมือไปจับหน้าผากเพื่อตรวจไข้ ไหนจะคอยเช็ดเหงื่อที่ผุดพราย จนกระทั่งไม่รู้สึกความร้อนบนใบหน้าของนางแล้วจึงคลายใจ แล้วม่อยหลับไปในที่สุดแสงแรกแห่งรุ่งอรุณส่องกระทบใบหน้างาม
ตระกูลมู่หรงมั่งคั่งเฟื่องฟูมาทุกยุคสมัย พวกเขาไม่เคยขาดเงินทอง ทว่าทายาทสืบสกุลกลับมีน้อยยิ่งกว่าน้อย แม้ในอดีตเหล่าผู้นำตระกูลพยายามแต่งอนุภรรยาเข้าตระกูลมากมาย แต่อย่างไรก็ไม่เคยมีทายาทเกินหนึ่งคน ประหนึ่งถูกคำสาปอย่างไรอย่างนั้น จนกระทั่งเซียนท่านหนึ่งมาแถลงไขในโลกนี้ไม่มีผู้ได้จะได้ทุกอย่างสมปรารถนา ต้นตระกูลได้บวงสรวงต่อฟ้าขอความรุ่งโรจน์ทุกชั่วอายุคน ดังนั้นฟ้าดินจึงให้พรข้อนี้แลกกับการมั่งมีบุตรหลาน ทำให้คนรุ่นต่อมามีความสุขกับเงินทอง แต่ต้องกลุ้มใจกับเรื่องผู้สืบทอดตลอดไป ก่อนจากท่านเซียนได้แนะนำวิธีแก้เคล็ดไว้ให้ คือห้ามชายตระกูลมู่หรงมักมากมีหลายภรรยา หากเลือกที่จะรวบรวมพลังหยางไว้ที่สตรีเพียงผู้เดียว พวกเขาก็จะมีโอกาสมีทายาทมากกว่าหนึ่งคนหลังจากนั้นผู้นำตระกูลมู่หรงที่เชื่อคำแนะนำต่างก็แต่งภรรยาเอกเพียงคนเดียวมาโดยตลอด จนกระทั่งสวรรค์เห็นใจ จึงบันดาลให้บางรุ่นที่สามารถทำตามท่านเซียนชี้แนะ ได้ทายาทชายหญิงอย่างละคนแต่ผู้นำบางรุ่นก็มิได้เคร่งครัด เช่นเดียวกับบิดาของเขา ที่หลังจากได้ทายาทสืบสกุลแล้วก็ใช่ชีวิตเยี่ยงชายสามัญ เพียงแต่ไม่ได้รับอนุภรรยาเป็นเรื่องเป็นราวเท่านั้นเ
“เทียนหลาง เรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้ไม่ได้มีใครบังคับให้เจ้ากระทำ ทุกอย่างล้วนเกิดจากการไตร่ตรองของเจ้าทั้งสิ้น ข้าเข้าใจว่าเจ้าคับแค้น แต่ข้าเองก็สิ้นใจด้วยน้ำมือของเจ้าไปแล้วที่คูเมือง อีกทั้งยังถูกโจรกระจอกที่เจ้าจ้างวารเหล่านั้นรุมทำร้ายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ในขณะที่เจ้าสวมบทเป็นยอดบุรุษช่วยหญิงงาม เพียงสองเรื่องนี้ข้าก็สามารถส่งเจ้าไปนอนเล่นในคุกของท่านเจ้าเมืองได้แล้ว แต่เป็นเพราะข้าเห็นแก่ท่านลุง จึงทำเป็นนิ่งเฉยตลอดมา”“ที่แท้เจ้าก็ไม่ได้ความจำเสื่อม” เย่เทียนหลางพูดเสียงเบามู่หรงอี้หวายหยักยกมุมปากขึ้นเป็นรอยยิ้ม แต่มิได้กระทำเพื่อเย้ยหยันคู่สนทนา หากแต่เพื่อความใจอ่อนของตนเองที่มีแต่สหายมากกว่า“เชื่อเถิดเทียนหลาง ข้าอยากป่วยจนจำอะไรไม่ได้จริงๆ ไปเสียเลยมากกว่า”“แล้วเจ้าจะเอาอย่างไร” เย่เทียนหลางหน้าซีดเผือด แต่ยังคงรักษาอาการเอาไว้“ตอนแรกข้าก็คิดจะจัดการเจ้าขั้นเด็ดขาด ตัดความสัมพันธ์ของตระกูล แล้วส่งเจ้าไปคุกให้รู้แล้วรู้รอด แต่เมื่อครู่เจ้าบอกว่าทุกอย่างเป็นข้าที่บีบคั้นเจ้าจนเหลืออด เช่นนั้นข้าจะให้โอกาสพวกเราทั้งสองอีกหน ต่อไปนี้ ข้า...มู่หรงอี้หวายจะไม่ยุ่งวุ่นวายกับก