แชร์

บทที่ 2 กำเนิดดอกโบตั๋น

ผู้เขียน: เจียหลุนซิง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-14 11:35:08

ณ เขาไท่ซวน ภายใต้เงาจันทร์ที่ส่องแสงเย็นตา ลมภูเขาพัดเอื่อยไล้ใบไม้ให้เอนไหวเป็นจังหวะเงียบสงบ

ท่ามกลางสวนดอกโบตั๋นที่ผลิบานในยามราตรี

นักพรต"อี้เซียน"

ยืนสงบนิ่งอยู่กลางสวนเบื้องหน้าดอกโบตั๋นศักดิ์สิทธิ์

ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าผ่าลงกลางดอกโบตั๋นดอกโตเป็นพิเศษ เรือนแสงสว่างจ้ากลีบดอกโบตั๋นสีเงินเรืองรองก็พลิ้วไหว สายลมพัดวนรอบดอกไม้ ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติปรากฏขึ้น ร่างของสตรีผู้หนึ่งปรากฏขึ้น

ทันใดนั้น นางปรากฏกายขึ้นด้วยใบหน้างดงาม ร่างระหง ผมยาวสลวยไหลลงอาบแผ่นหลัง ดวงตากลมดำใสดั่งดวงดาวบนฟากฟ้าในคืนมืด ผิวพรรณขาวผ่องละมุนราวหิมะ ร่างระหงดูประหนึ่งนางฟ้าจากสรวงสวรรค์

นางสวมใส่อาภรณ์สีขาวเงินอ่อน นุ่มพลิ้วไหวไปตามลม ราวกับปุยเมฆที่ล่องลอยในท้องฟ้า

"เจ้าคือ...มู่หลิน" นักพรตอี้เซียนเอ่ยขึ้น น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความเมตตา

หญิงสาวกะพริบตา มองเขาด้วยความสงสัยก่อนจะเผยรอยยิ้มสดใสออกมา

"ท่านอาจารย์? ข้า...มู่หลินหรือ?"

"ใช่แล้ว เจ้าถือกำเนิดจากโบตั๋นศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ที่ถูกลิขิตให้เกิดมา"

นักพรตเฒ่ายิ้มบาง ๆ สายตาอ่านผ่านโชคชะตาของนางได้เพียงเล็กน้อย รู้แต่ว่านางมิใช่ผู้ธรรมดา

นางถือกำเนิดมาพร้อมกับมุกพลังจันทรา เป็นพลังศักดิ์สิทธิ์ที่มีทั้งแสงและเงาในตัวเอง มันสามารถใช้ รักษา บรรเทา หรือชุบชีวิต ได้แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นพลังที่ ปีศาจและมารร้ายต้องการ เพราะหากพวกมันครอบครอง จะกลายเป็น อสูรนิรันดร์ ฆ่าไม่ตาย

“มู่หลิน ข้าให้กำไลหยกพลังจันทรานี้แก่เจ้า จงสวมมันติดตัวไว้ เพราะมันจะอำพรางพลังมุกจันทราของเจ้า ไม่ให้เป็นที่โดดเด่น หมู่มารจะได้ไม่สนใจเจ้า”

นักพรตอี้เซียนกล่าวพลางส่งกำไลหยกเนื้อดีให้ศิษย์สาว สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล

มู่หลินรับกำไลมาอย่างเคารพ ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาอาจารย์

“ขอบคุณอาจารย์เจ้าค่ะ ข้าจะใส่กำไลไว้ตลอด”

นางสวมกำไลลงบนข้อมือ ความเย็นจากหยกแผ่ซ่านไปทั่วร่าง คล้ายม่านพลังบางเบาค่อยๆ ปกคลุมตัวนางไว้ นี่คือสิ่งเดียวที่สามารถปิดซ่อนมุกพลังจันทราได้ แต่ในขณะเดียวกัน… มันก็เป็นเครื่องเตือนใจว่านางต้องระวังตัวตลอดเวลา

นักพรตอี้เซียนพยักหน้าเบาๆ พลางทอดถอนใจ “จำไว้มู่หลิน… หากวันใดกำไลนี้แตกสลาย เจ้าจะ

ไม่มีที่ให้หลบซ่อนอีกต่อไป”

“ข้าจะดูแลกำไลให้ดีที่สุดเจ้าค่ะอาจารย์”

มู่หลินยกมือประสานคารวะอาจารย์อย่างนอบน้อม

ตั้งแต่นั้นมา มู่หลินก็เติบโตภายใต้การดูแลของนักพรตอี้เซียน นางเรียนวิชาปราบมาร ฝึกฝนทั้งศาสตร์แห่งพลังปราณและศิลปะการต่อสู้

นางร่าเริง สดใสดุจแสงจันทร์ในคืนสงบ แม้ว่าจะมีพลังพิเศษ แต่นางกลับมิได้ถือตัว และมักช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ

วันหนึ่งนางขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพรในป่าลึก

มีหมอกขาวลอยละล่องปกคลุมมวลผืนป่านางมองเห็น เขาลูกหนึ่งสูงตระหง่านตัดกับท้องฟ้ายามพลบค่ำ

มู่หลินเดินอยู่ท่ามกลางสายลมที่อ่อนโยน นางมีอาวุธประจำตัว "ดอกโบตั๋นสะกดวิญญาณ" ไว้แนบตัว

“ป่านี้ไม่ธรรมดา ข้าได้กลิ่นความตายจากเหล่าปีศาจหมู่มาร” นางพึมพำกับตัวเอง

“ฟุบ!”

ร่างของบุรุษผู้หนึ่งตกลงมาจากหน้าผา พลังมหาศาลแผ่ออกมาจากตัวเขา แต่บาดเจ็บหนักเกินกว่าจะตั้งรับทัน เขาทรุดลงกับพื้น เลือดสีแดงฉานไหลออกจากปาก

มู่หลินเบิกตากว้าง รีบก้าวเข้าไปใกล้ด้วยความตกใจ

"ท่าน! บาดเจ็บ"

บุรุษนั้นมีดวงตาสีแดง ใบหน้าคล้ำจากการฝึกอาคม แม้จะดูภายนอกแฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ร่างกายอ่อนล้าจากบาดแผล 

อาภรณ์สีดำประดับด้วยลวดลายมังกรทองเผยให้เห็นว่าเขาหาใช่บุรุษธรรมดา

"ข้า..."

เขาขมวดคิ้ว ฝืนลืมตาขึ้นมามองนาง รู้สึกเหมือนเคยเห็นใบหน้านี้มาก่อน แม้จะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางในอดีต แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นอย่างไร้เหตุผล

มู่หลินสัมผัสถึงบางอย่าง นางรู้สึกถึงความผูกพันประหลาดในใจ นางคุกเข่าลงพลางใช้พลังเยียวยาบาดแผลเขา

"เจ้าช่วยข้าทำไม..."

เขาเอ่ยขึ้น เสียงแหบพร่า

"ข้าไม่รู้เหตุผลหรอก แต่ข้าอยากช่วยท่าน คนจะตายต่อหน้าถ้าไม่ช่วยก็ใจดำเกินไป"

นางยิ้มอ่อนโยน

"บางที...เราอาจเคยรู้จักกันมาก่อน"

บุรุษผู้นั้นจ้องนางนิ่งงัน หัวใจเต้นกระหน่ำ นั่นคือการพบกันครั้งแรกของ         "มู่หลิน" และ "ไป๋เทียนหลง"

แม้จะจำอดีตชาติไม่ได้ แต่โชคชะตาก็ขีดเส้นทางให้พวกเขากลับมาเจอกันอีกครั้ง...ระหว่างเทพแห่งจันทราและเทพแห่งสงคราม

“ขอบใจเจ้ามาก… แต่ข้าไม่อยากให้เจ้าเข้าใกล้ ข้า… ถ้าเจ้าอยู่ใกล้ข้า เจ้าจะไม่ปลอดภัย”

น้ำเสียงของไป๋เทียนหลงแหบแห้ง ฝืนพูดออกมา สายตาเศร้าหมองแฝงไปด้วยความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้

มู่หลินยืนข้างๆ เขา สายตาหวั่นไหว หัวใจเฝ้าแต่คำนึงถึงความทุกข์ทรมานที่เขากำลังเผชิญ

“บุรุษท่านนี้… ทำไมถึงมีกลิ่นมารแรงขนาดนี้… ร่างกายของท่านกำลังจะถูกครอบงำด้วยพลังมาร… ข้าไม่สามารถปล่อยท่านไปได้ ข้า… ข้าต้องช่วยท่าน”

มู่หลินพยายามเข้าหาเขา นางตั้งใจจะหาทางช่วยเหลือเขาให้รอดพ้นจากพลังมารนั้น แต่มือของไป๋เทียนหลงขยับอย่างรวดเร็ว เขาออกเวทมารไอสีดำลอเหนือร่างมู่หลิน ทำให้นางสลบไปโดยไม่ทันตั้งตัว

ไป๋เทียนหลงกลับมายังหุบเขาจอมมาร ก็ได้พบกับจ้าวแห่งจอมมาร

“ไป๋เทียนหลง ข้าให้เจ้าไปหาธิดามารเจ้าได้ไปหรือไม่” เสียงของจ้าวแห่งจอมมารดังขึ้น พร้อมกับความกดดัน

“ท่านพ่อข้าตั้งใจจะไปหานางแล้ว แต่ข้าไปเจอกับเหล่ามารของฮั่วเทียนหลงก่อนจึงต่อสู้กันข้าได้รับบาดเจ็บจึงกลับมาก่อนไม่ได้พบนาง”

“ฮั่วเทียนหลง นี้ช่างกล้านัก มันคงไม่พอใจที่เจ้าต้องไปพบธิดามารจริงๆ ถึงทำร้ายเจ้า เจ้าไม่เป็นไรมากก็ดีแล้ว”

“ต่อจากนี้เจ้าจงฟังคำสั่งข้า เพราะข้าจะทำให้เจ้าเป็นจอมมารอย่างสมบูรณ์ หวังว่าเจ้าคงไม่ลืมที่จะล้างแค้นคนที่ทำให้แม่ของเจ้าต้องตาย”

ไป๋เทียนหลงย้อนคิดถึงอดีตที่แสนปวดร้าว หลังจากที่ออกจากจวนไป๋เซียง… เขากลายเป็นขอทาน ไม่ได้กินข้าวน้ำ ถูกรังแกจากผู้คนมากมาย เขาทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเหน็บ

หนทางเดินที่แสนยากลำบาก ต้องนอนกลางดิน ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ต้องอาศัยนอนพักในคอกหมูคอกวัวเพราะอย่างน้อยก็มีฟางให้ไออุ่นได้ ชีวิตที่เต็มไปด้วยความรันทด และเจ็บปวดจนแทบจะหมดสิ้นกำลังใจ

แต่เขารู้ดี… ถ้าเขายังอยู่ในสภาพนี้ เขาคงไม่มีโอกาสได้แก้แค้นให้กับแม่

ย้อนไปวันที่ จ้าวแห่งจอมมารได้มองเห็นถึงความพิเศษในตัวเขา จึงยื่นมือมาชวนเขาฝึกวิชามาร เพื่อให้เขามีโอกาสแก้แค้นให้กับแม่… 

ไป๋เทียนหลงต้องใช้เวลาฝึกวิชามารเกือบสิบปี กว่าจะสามารถควบคุมพลังมารได้จนถึงขั้นนี้ เขาฆ่าคนมานับไม่ถ้วน ทั้งหมดเพื่อความแค้น และเพื่อตัวเขาที่ไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิม…

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 68 รักนิรันดร์ (จบ)

    แสงแดดอ่อนของยามเช้าส่องลอดผ่านม่านหน้าต่าง อุณหภูมิในห้องผู้ป่วยอุ่นสบาย ทว่าหัวใจของหญิงสาวกลับเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ เมื่อดวงตาคู่งามเริ่มขยับเปลือกตาขึ้นช้า ๆจางเจียว ลืมตาขึ้นอย่างเลื่อนลอยในวินาทีแรก เธอไม่รู้ว่าตัวเองฝันอยู่หรือไม่ แต่เมื่อเธอหันไปทางเตียงข้าง ๆ ...เธอเห็นเขา - กู้เหยี่ยนนอนอยู่ที่ ใบหน้าซีดจางแต่มีรอยยิ้มอ่อนโยน และที่สำคัญ... ดวงตาคู่นั้นกำลังจ้องมองเธออย่างอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งที่เขารักเธอเขายิ้ม...เธอไม่อาจกลั้นเสียงสะอื้นได้อีกต่อไป“ขอบคุณ...”เสียงของเธอสั่นเครือเมื่อพูดออกมา“ขอบคุณที่คุณยังรักษาสัญญา…”“ขอบคุณที่ไม่ทิ้งฉันกับลูกไป… กู้เหยี่ยน คนบ้า…”น้ำตาของเธอไหลลงช้า ๆ ขณะที่รอยยิ้มค้างอยู่บนใบหน้าเธอไม่สนว่าตัวเองยังเพิ่งฟื้น ไม่สนแม้ร่างกายยังอ่อนแรง เธอรีบลุกจากเตียง เดินตรงเข้าไปหาชายคนที่เธอเกือบเสียไปตลอดกาลกู้เหยี่ยนยื่นมือออกมา...และเธอก็ทิ้งตัวลงกอดเขาแน่นทั้งน้ำตา“คุณรู้ไหม... ใจฉันแทบสลายตอนรู้ว่าคุณไม่หายใจ... ฉันกลัว... กลัวจนแทบจะตายตามคุณไป…”มือของเขาลูบผมเธอเบา ๆ จ้องมองเธอไม่ละสายตา“ผมต้องพยายามกลับมาให้ได้... เพราะผมสั

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 67 ไม่ว่านานแค่ไหนฉันจะรอคุณ

    ท่ามกลางบรรยากาศฝนตกหนัก พายุคำรามราวกับฟ้ากำลังร่ำไห้ ประธานกู้ขับรถออกจากบ้านด้วยหัวใจอัดแน่นด้วยความกังวลเร่งรีบรถแน่นออกไปได้ไม่เกินสอบนาที เสียงล้อบดถนนดังกึกก้อง กระจกรถข้างหน้าพร่าเลือนด้วยม่านน้ำที่โปรยปรายลงมาไม่หยุด รถเสียหลักชนเข้ากับต้นไม้ข้างทางอย่างรุนแรง เสียงเหล็กบิดเบี้ยวดังลั่นไปทั่วบริเวณ ก่อนรถทั้งคันตีลังกาคว่ำสองตลบใครที่ผ่านไปพบเห็น ต่างพากันคิดว่าคนในรถคงไม่มีทางรอด...ในเวลาเดียวกันนั้นจางเจียว ยังนั่งรอฟังข่าวของลูกชายของ ดร.จอห์น ด้วยใจสั่นระรัว แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นฝันร้ายที่เธอไม่เคยคาดคิด“คุณนายค่ะ... ประธานกู้รถคว่ำค่ะ! ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล อาการเป็นตายเท่ากัน!”มือของจางเจียวสั่นระริก ใบหน้าเธอซีดเผือดก่อนเสียงสะอื้นแรกจะหลุดลอดริมฝีปากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่“ไม่นะ... ไม่นะ... ฮือ ฮือ ฮือ... คุณอย่าทิ้งฉันกับลูกไปนะ... ได้โปรดกลับมาหาพวกเรานะคะ... ที่รัก...”โรงพยาบาลบรรยากาศในโรงพยาบาลเงียบงันแต่เต็มไปด้วยแรงสั่นสะเทือนแห่งความวิตก ทุกคนต่างมารวมตัวกันเฝ้ารอฟังผลจากห้องฉุกเฉิน ใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความหวังผสมความสิ้นหวังจางเจียว นั่งนิ่งอยู่

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 66 ไม่คาดคิด

    หลังจบทริปบริษัท บรรดาพนักงานต่างเดินทางกลับด้วยรถบัส ขณะที่ประธานกู้และประธานสื่อต่างให้คนขับรถส่วนตัวมารับกลับอย่างเงียบๆกู้เหยี่ยนเลือกพาจางเจียว ไปพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศริมทะเล ซึ่งถูกโอบล้อมด้วยสวนดอกกุหลาบสีขาวที่เบ่งบานงดงามทั่วบริเวณทันทีที่จางเจียวก้าวลงจากรถหรู สายตาเธอก็ทอดมองไปทั่วสวนอย่างประทับใจ“ที่นี่สวยมากเลยค่ะ...”เสียงเธอเบาแต่นุ่มนวลเขายิ้มบาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น“ผมสั่งให้เขาจัดสวนนี้ตั้งแต่เดือนที่แล้ว...ผมทำเพื่อคุณนะ”เธอหันกลับมามองเขาด้วยแววตาอ่อนโยน“ขอบคุณที่ใส่ใจฉันนะคะ...มันสวยจริงๆ”“ผมยินดีทำทุกอย่างเพื่อคุณ เดือนหน้าเราก็จะแต่งงานกันแล้ว...ผมเฝ้ารอวันนั้นทุกลมหายใจเลย”“แต่ถ้าเราแต่งเร็ว คุณอาจไม่มีอิสระอีกนะ...”เธอพูดด้วยความลังเล“ผมไม่ต้องการอิสระอะไรทั้งนั้น ขอแค่มีคุณอยู่ข้างๆ แค่นั้นก็พอแล้ว”เธอยิ้มละมุน หัวใจพลันอ่อนลงกับคำพูดอ่อนโยนนั้น“ปากหวานจริงนะคะ...”“เข้าบ้านกันเถอะครับ” เขาเอ่ยพลางยื่นมือให้จางเจียวส่งยิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น ก่อนจะก้าวเดิน แต่ยังไม่ทันถึงขั้นบันได เธอกลับเซไปเหมือนจะวูบกู้เหยี่ยนเห็นท่าไม่ดี รีบเข้าประคองแล

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 65 ของขวัญจากอดีต

    เพื่อเป็นการตอบแทนความเหน็ดเหนื่อยของพนักงานที่ทำผลงานยอดเยี่ยมตลอดไตรมาส บริษัทกู้กรุ๊ปจึงจัดทริป “สานสัมพันธ์” ที่รีสอร์ตริมทะเล 3 วัน 2 คืน โดยมีพนักงานจากทุกแผนกเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียงและสิ่งที่สร้างความตื่นเต้นมากที่สุดคือ…ประธานใหญ่ กู้เหยี่ยน ตอบตกลงเข้าร่วมงานด้วยตัวเอง!พร้อมกับพา จางเจียว เลขาสาวคนสนิท ที่ตอนนี้ทุกคนก็รู้ว่าไม่ใช่แค่เลขา แต่เป็นว่าที่คุณนายกู้นอกจากนี้ยังมีแขกรับเชิญพิเศษจากบริษัทพันธมิตร ประธานสือและแฟนสาว หลินหลินที่เพิ่งเปิดตัวกันหมาด ๆ ก็ขอตามมาร่วมแจมด้วยเช่นกันเช้าวันเดินทาง รถบัสสองคันจอดรออยู่หน้าตึกสำนักงานใหญ่ พนักงานต่างถ่ายรูป เช็กอิน และโพสต์ภาพกันอย่างคึกคักประธานกู้เดินลงจากรถหรู พร้อมลากกระเป๋าเดินทางตรงมายังรถบัสในชุดลำลองสีขาวสะอาดตา แตกต่างจากภาพลักษณ์ประธานเย็นชาที่เห็นในห้องประชุมโดยสิ้นเชิงข้างกายคือจางเจียว ในเดรสยาวสีขาว สายเดี่ยวมัดโบว์ เผยให้เห็นความสดใสน่ารักอย่างล้นเหลือ“ทุกคนพร้อมรึยังครับ?”เขาถามพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นเสียงเฮดังลั่นทันที พร้อมเสียงแซวเบา ๆ“พร้อมตั้งแต่รู้ว่าประธานจะไปแล้วค่า~”ไม่นาน รถยนต์หรูอีกคันก็จอด

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 64 ใครคิดถึงผม (NC20++)

    “ไหนใครบ่นคิดถึงผม?”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านหลัง ทำเอาหลินหลินสะดุ้งเธอหันขวับไปตามเสียง ก่อนจะพบกับร่างสูงของ ประธานสือ ยืนไขว้ขาพิงกรอบประตู ใบหน้าเรียบเฉยภายใต้กรอบแว่นไร้ขอบที่มองมาไม่วางตาสูทสีดำหรู เสื้อเชิ้ตปลดกระดุมบนเพียงเม็ดเดียว เผยช่วงอกแน่นล่ำพอให้ใจเต้น เส้นผมเซตอย่างลวก ๆ แต่กลับดูดี“ประธานสือ! คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่!”เธอรีบวางแก้วกาแฟ ตาโตด้วยความตกใจ เขิน และ...หงุดหงิดเขาเดินเข้ามาใกล้ หยุดตรงหน้าเธอโดยไม่ตอบคำถาม ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ“เปิดดูแชทหลายรอบแล้วใช่ไหม? ผมเห็นตั้งแต่คุณถอนหายใจรอบแรก”“คุณ...แอบดูฉันเหรอ?!”“ก็คุณชอบทำตัวให้น่าจับตามอง”หลินหลินอ้าปาก แต่พูดไม่ออก ความเขินตีขึ้นหน้าแดงจัด ขณะมือหนาลูบศีรษะเธอเบา ๆ“ก็คุณไม่โทร ไม่ตอบแชท ฉันก็นึกว่าคุณไม่สนใจ...”“แบตหมดตอนประชุมครับ”เขาตอบ พร้อมยื่นมือถือให้ดูเธอชะงักไปชั่วครู่... แต่ก็ไม่ยอมให้เขาชนะง่าย ๆ“ก็ได้ งั้นฉันไม่โกรธก็ได้”เขายิ้มมุมปากบาง ๆ ก่อนโน้มตัวกระซิบข้างหู“ต่อให้คุณโกรธ ผมก็ตามง้ออยู่ดี”น้ำเสียงของเขานุ่มลึก แฝงแรงปรารถนาบางอย่างก่อนกระซิบข้าง ๆ ใบหูของเธอ“คืนนี้...ไปกินข้าวที

  • เงารักแห่งจันทรา: สักวันข้าจะกลับมารักท่าน   บทที่ 63 ประธานคลั่งรัก

    บริษัทตระกูลกู้ภายในห้องทำงานใหญ่ชั้นบนสุดของอาคารจางเจียวนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ พลางไล่ดูเอกสารอย่างตั้งใจ แสงแดดยามสายลอดผ่านม่านโปร่งบางสร้างบรรยากาศสงบแต่ไม่เงียบเหงาเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบา ๆก๊อก... ก๊อก..“ขออนุญาตค่ะคุณจาง ประธานกู้สั่งให้เอานี่มาให้ค่ะ”เลขาซูเดินเข้ามาพร้อมถาดขนม ในถาดมีเค้กช็อกโกแลตเนื้อเนียนนุ่มกับชาผลไม้กลิ่นหอมสดชื่นเมนูโปรดของจางเจียวทั้งคู่ เธอวางถาดลงตรงหน้าจางเจียวอย่างสุภาพ“ขอบคุณมากนะคะ เลขาซู”“ยินดีค่ะ ตั้งแต่คุณจางเข้ามาทำงานที่นี่…ประธานของเราก็อารมณ์ดีขึ้นมากเลยค่ะ ไม่เย็นชาเหมือนเมื่อก่อนเลย”เลขาซูพูดยิ้ม ๆ แต่ยังไม่ทันจะพูดต่อ เสียงประตูเปิดออกเบา ๆ“แน่นอนอยู่แล้วครับเลขาซู...”เสียงทุ้มอบอุ่นของกู้เหยี่ยนดังขึ้นข้างหลัง“…ก็ผมได้อยู่ใกล้ว่าที่ภรรยา จะไม่ให้มีความสุขได้ยังไงล่ะ”“อุ๊ย! ท่านประธาน...”เลขาซูยกมือปิดปาก ยิ้มเขินแต่ไม่ลืมโค้งให้เบา ๆ ก่อนจะถอยออกจากห้องอย่างรู้จังหวะ“เลขาซู เดี๋ยวผมขอพักสักครู่ห้ามมีใครรบกวนผมนะครับ”“รับทราบค่ะท่านประธาน”จางเจียวยิ้มเขิน แก้มแดงระเรื่อเมื่อได้ยินคำพูดนั้นต่อหน้าคนอื่น เธอแสร้งก้มหน้

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status