공유

บทที่ ๗. แม่พริกเปลี่ยนไป

last update 최신 업데이트: 2025-02-14 10:30:06

“นี่...แม่พริก...หรอกรือ?” ออกพระรามยังคงมองเธอนิ่งค้าง หญิงงามตรงหน้าเปลี่ยนไปเสียหมดทั้งรูปร่างหน้าตาแต่ก็ยังคงมีเค้าโครงหน้าเดิมของเธออยู่ พริกแกงยังคงยืนยิ้มแป้นอย่างสะใจเมื่อเห็นสีหน้าของเขา

“ก็พริกแกงนี่แหละค่ะ พริกแกงคนดีคนเดิม”

“...อ๋อ...เอ่อ...อืม...ออเจ้าเปลี่ยนไปมากเสียจน...”

“สวยล่ะสิ”

“สวย?”

“เขาเรียกอะไร งาม...งามล่ะสิ”

“ออ..อืม...ก็งามมากอยู่” พูดไปพร้อมยกยิ้มอย่างเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าการที่เธอหายหน้าไปอยู่แต่ในเรือนจะออกมาอีกทีเป็นหญิงงามจนเขาแทบจะไม่อยากวางละสายตาไปเสียอย่างนั้น

“เจเจ๊ ข้ามีเรื่องอยากจะขอร้อง”

รอยยิ้มได้หุบลงหลังจากที่ได้ยินเธอเรียกเขา หญิงงามที่เป็นคู่หมั้นคู่หมายยังคงคิดว่าเขาเป็นบันเดาะไม่ได้มองว่าเขาเป็นชายแท้นั้นทำให้เขาแทบหมดอารมณ์จะเอ่ยชม ถึงเขาชมเธอไปเธอก็ไม่ได้หวั่นไหวแต่อย่างใดและคงคิดว่าชมแบบเพื่อนสาวอย่างที่เธอเคยบอกไว้เป็นแน่ ชมแบบอิจฉาเธอคงคิดอย่างนั้น...แต่ก็จำต้องยอม

“เรื่องกระไร?”

“อยากขอไปตลาด จะไปซื้อเครื่องหอมกับสไบผืนใหม่” พริกแกงพูดขึ้นด้วยตาเป็นประกายจ้องมองเขาอย่างมีความหวัง เพราะจากที่ศึกษากับบ่าวทั้งสามมาตลอดสองเดือนนั้น

การที่เธอจะออกไปไหนมาไหนได้ต้องขอไปกับเขาไม่สามารถไปด้วยตัวเองได้เพราะเป็นแม่หญิง ถึงจะยุ่งยากเยอะแยะไปหน่อยก็เถอะ แต่เธออยากไปเลือกสีสไบใหม่อย่างที่เธอชอบ

“ค่อยคุยกันหลังกินข้าวกินน้ำให้แล้วเสร็จเสียก่อน”

“เย้!” พริกแกงกำมือชูขึ้นฟ้าอย่างดีใจ ทำเอาคนตรงหน้ามองท่าทางนั้นแล้วขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะเดินส่ายหน้าออกไปรอที่โต๊ะกลางบ้านที่ไว้สำหรับรับประทานอาหารกันพร้อมหน้า ในความคิดของเขาไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนกริยาท่าทางของเธอกลับได้เปลี่ยนไปจากตอนแรกที่เจอเลยสักนิด

“เป็นอย่างไรแม่พริก โกรธเคืองอันใดพี่เขารือออเจ้า ถึงมิออกมารับข้าวเป็นเดือน” คุณหญิงซ่อนกลิ่นที่เห็นพริกแกงเดินตามลูกชายของตนออกมาก็รีบเอ่ยถามทันทีด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเอ็นดู

“เอ่อ...ไม่ใช่อย่างนั้นเจ้าค่ะ แค่รับ...ประทานข้าวในเรือนไม่ได้โกรธคุณออกพระหรอกเจ้าค่ะ” พูดแล้วยิ้มเจื่อนก่อนจะคลานเข่าเข้าไปนั่งข้างๆคุณหญิงอย่างรู้งาน ที่จริงแล้วมันเหลือที่ว่างอยู่แค่ที่เดียวถึงได้คลานเข้าไปนั่ง

“ออเจ้าดูแปลกเปลี่ยนไปหนา ดูมิคุ้นชินสายตาลุงเอาเสียเลย” ออกญาศรีสุริยะราชาเจ้าเรือนเอ่ยขึ้นพร้อมหันไปมองหญิงสาวร่างเล็กที่พึ่งจะนั่งลงเรียบร้อยด้วยรอยยิ้ม คำพูดของออกญาทำให้คนอื่นๆพยักหน้าเห็นด้วยและจ้องมองเธอเป็นตาเดียวไม่เว้นแม้แต่บรรดาบ่าวไพร่

“ตอนป่วยรู้สึกอึกอัดตัวน่ะเจ้าค่ะ ก็เลย...”

“คำพูดคำจาออเจ้าก็ผิดแผกไป ราวกับไม่ใช่คนบ้านเมืองเรา...ชาวละโว้เขาพูดจากันเช่นนี้รึ?” คุณหญิงซ่อนกลิ่นอดไม่ได้ที่จะแทรกถามขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเธอพูดออกมาเพราะความไม่คุ้นหู จะว่าเข้าใจมันก็เข้าใจแต่แค่คำมันแปลกไป

“แม่ซ่อนกลิ่น อาจจักเป็นเพราะพิษยาก็เป็นได้...พิษยาอาจจะไปทำลายส่วนนึกคิดจนคำพูดกลับไปกลับมาเสียหมด” ออกญาหันไปทำเสียงเข้มปรามคุณหญิงก่อนจะชี้แจงแทนพริกแกงคู่หมั้นคู่หมายของลูกชายตน

“เป็นจริงดังเจ้าคุณพ่อว่าขอรับ...ท่านหมอได้แจ้งข้าไว้ว่าพิษที่นางได้รับมันมิได้มีเพียงชนิดเดียวขอรับ” ออกพระรามกล่าว

“โธ่แม่คุณเอ๋ย...ช่างน่าเห็นใจเสียนี่กระไร” คุณหญิงซ่อนกลิ่นหันไปจับที่ไหล่ของเธอเบาๆพร้อมด้วยสีหน้าที่เอ็นดูสงสาร ทุกคนต่างโทษพิษยาปลุกกำหนัดไปเสียหมด พริกแกงเองจะพูดว่าตัวเองมาจากยุคปัจจุบันก็เห็นทีจะไม่ได้ไม่วายคงจะโดนหาว่าเป็นผีห่าซาตานที่ไหนมาเข้าสิง วุ่นวายเรียกหมอผีมาสาดข้าวสารเสกใส่แน่ๆ

“เอาล่ะ ดีแล้วที่มิเป็นกระไรมาก...มากินข้าวกินปลากันเสียก่อนเถิด”

ออกญาเจ้าเรือนพูดขึ้นพร้อมกับล้างไม้ล้างมือในถ้วยกระเบื้องข้างตัว พริกแกงเห็นจึงหันไปทำตามก่อนจะมองไปรอบๆก็เห็นพวกเขาต่างใช้มือหยิบข้าวในจานใส่ปากตามยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาของแท้

เธอแอบคิดว่าทั้งชีวิตเคยจกแต่ข้าวเหนียวส้มตำกับโทนี่เพื่อนรัก แต่นี่ต้องมาจกข้าวสวยทีละคำเล็กๆ ยิ่งเป็นผู้หญิงต้องคำเท่าหยิบมือละเมียดละไมกินอย่างเรียบร้อย ดูจากคุณหญิงซ่อนกลิ่นที่นั่งข้างๆเธอเป็นตัวอย่าง

....โห...แล้วจะอิ่มกี่โมง... คิดไปพลางมองด้วยสีหน้าเจื่อนแล้วเริ่มทำตามคุณหญิงซ่อนกลิ่นค่อยๆหยิบข้าวเข้าปากทีละคำอย่างละเมียดละไม ออกพระรามหันไปมองกิริยาท่าทางของเธอก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ จ้องมองใบหน้าสวยของเธอไปหยิบข้าวเข้าปากไปอย่างลืมตัว คนที่เห็นเหตุการณ์คงไม่พ้นคนที่นั่งตรงข้ามอยู่หัวโต๊ะอย่างออกญาผู้เป็นพ่อ

หลังจากที่คิดเป็นกังวลเรื่องลูกชายอยู่นานที่ไม่ยอมหมายตาหญิงใดจนอายุก็ปาเข้าไปเลขสามตอนปลายแล้ว ซึ่งถ้าเป็นตามปกติจะต้องแต่งงานตั้งแต่อายุเข้ายี่สิบปีบริบูรณ์มากกว่านั้นไม่เกินห้าปี แต่ออกพระรามกลับไม่ได้สนใจเรื่องออกเรือนเลย

ออกพระรามทุ่มเทเวลาไปกับงานและเพื่อนฝูงเสียส่วนใหญ่จนมีผลงานมากมายได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่งเป็นออกพระตั้งแต่ยังไม่ทันแก่ แต่พอมาเห็นลูกชายตัวเองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้หญิงคู่หมายที่เขาหาให้ก็อดไม่ได้ที่จะดีใจ

“ท่านออกญาเจ้าคะ คือว่า...หนู...เอ้ย ข้าอยากขอไปตลาดน่ะเจ้าค่ะ อยากไปดูผ้านุ่ง สไบห่มใหม่” พริกแกงพูดขึ้นหลังจากกินข้าวกินปลาเสร็จและมองออกพระรามว่าเมื่อไหร่จะพูดเรื่องนี้แต่เขากลับทำท่าทีเมินเฉยไม่สนใจ เธอจึงตัดสินใจพูดขึ้นมาเองเสียเลย

“ว่าอย่างใดเล่าพ่อราม” ออกญาไม่วายหันไปถามลูกชายตนอย่างยิ้มๆ ออกพระรามปรายตามองพริกแกงแล้วทำหน้านิ่งก่อนจะหันเหสายตาไปยังผู้เป็นพ่อแล้วตอบขึ้น

“ลูกมีงานขอรับเจ้าคุณพ่อ...เห็นทีวันนี้จัก...”

“ก็มีงานมันอยู่ทุกวันมิใช่รือ ถึงอย่างไรพ่อรามก็ไปย่านตลาดโรงน้ำชา พาน้องติดสอยห้อยตามไปเสียหน่อยจักเป็นไร”

“...ขอรับ”

“แวะไปกับแม่พริกจักคราวคงมิเสียเวลามากนักดอก”

“เจ้าคุณพ่อว่าเช่นนั้นลูกก็มิขัด” ออกพระรามลอบมองพริกแกงที่ตอนนี้นั่งทำตาเป็นประกายก่อนจะตอบรับอย่างเสียไม่ได้ แม้จะรู้สึกรำคาญใจที่ต้องพาเธอติดสอยห้อยตามไปด้วยเพราะเขาไม่ว่างที่จะมานั่งดูแลเธอก็ตาม

“เอาล่ะ ฝากแม่พริกด้วยหนา พ่อจักไปห้องอ่านหนังสือเสียหน่อย” ออกญาเจ้าเรือนพูดจบก็ลุกออกไปก่อนที่คุณหญิงซ่อนกลิ่นจะหันไปทางพริกแกงแล้วพยักหน้ายิ้มให้เธอก่อนจะลุกตามออกญาไป

“สมใจออเจ้าแล้วหนา” ออกพระรามพูดขึ้นด้วยใบหน้าบึ้งตึง พริกแกงจึงหันไปยกยิ้มส่งให้เขาพร้อมกับทำตาปริบๆ

“ก็เจเจ๊บอกเองว่ากินข้าวเสร็จจะพูดเรื่องนี้นี่เจ้าคะ”

 “ข้าก็จักบอกออเจ้าว่าข้ามิว่าง แต่ออเจ้าชิงเอ่ยปากขอเจ้าคุณพ่อเสียก่อน...มิได้ถามไถ่ข้าสักคำ”

“ไม่รู้แหละเจ้าค่ะ รับปากแล้วก็ต้องทำ” พูดไปพลางทำหน้ามุ่ยอย่างเอาแต่ใจ ออกพระรามทอดถอนหายใจส่ายหน้าก่อนจะลุกขึ้นยืนเตรียมจะหันหลังกลับเรือนแต่ก็หยุดชะงักเท้าที่ก้าวไว้

“อีกสิบบาทข้าจักออกเรือ ออเจ้ารีบไปเกียมตัวเสีย” พูดทิ้งท้ายแค่นั้นก็เดินจากไปปล่อยให้เธอนั่งทำหน้างงกับคำพูดของเขาที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปทางบ่าวทั้งสามที่นั่งคอยท่าเธออยู่และไม่ทันได้เอ่ยถาม เหมือนว่าพวกบ่าวจะรู้ว่าเธอต้องการอะไรจึงชิงพูดขึ้นมาก่อน

“สิบบาทคือหนึ่งชั่วยามเจ้าค่ะ” สาลี่เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มแป้นเล้น

“งั้นรีบสิ เดี๋ยวไม่ทันเร็วๆ” พริกแกงพูดแล้วรีบลุกขึ้นวิ่งเข้าเรือนของตัวเองไปเพื่อเตรียมตัว อย่างน้อยวันนี้เธอต้องได้เครื่องสำอางเครื่องหอม ผ้าสไบลายใหม่สีใหม่มาให้ได้ต่อให้เขาติดงานเธอก็ไม่สน เพราะเธอไม่ได้จะให้เขามานั่งเฝ้าเสียหน่อย เธอไปเดินดูเองได้อยู่หรอกพริกแกงคิดว่าที่เขาไปโรงน้ำชาน่าจะเพราะนัดแฟนหนุ่มของเขาไว้แน่ๆ ถึงได้มีท่าทางที่ไม่อยากจะพาเธอไปด้วย

พริกแกงมานั่งรอผู้ที่จะพาเธอไปตลาดก่อนเวลาสิบห้านาที ด้วยความที่ติดนิสัยจากการทำงานในยุคปัจจุบันที่เธอต้องมาก่อนเวลาเสมอ แต่ไม่นานก็เห็นออกพระรามเดินออกมาพร้อมกับบ่าวคนสนิท พริกแกงเห็นจึงรีบเดินไปหาเขาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ออกพระรามหยุดฝีเท้าเหล่มองหญิงสาวตัวเล็กก่อนจะเอ่ยขึ้น

“ข้าจักพาเจ้าไปตลาดบ้านวัดพร้าวก่อน ที่นั่นมีแป้งหอมน้ำมันหอม ก่อนจักพาเข้าตลาดบ้านจีน”

“ไปตลาดบ้านจีนเลยไม่ได้เหรอคะ? ที่นั่นขายของจีนแน่ๆ เครื่องแต่งหน้าสีสวยๆน่าจะมีนะเจ้าคะ”

“ออเจ้าพูดอย่างกับว่ารู้เส้นทางดี”

“ก็...ยังไงเจเจ๊ก็เข้าไปโรงทำชาตรงท้ายตลาดอยู่ดีไม่ใช่เหรอคะ?” ที่เธอตอบได้แบบนี้เพราะในสมองจดจำได้ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่เรื่องเดียวคือโรงน้ำชาในตลาดจีนที่ท้ายตลาดจะมีโรงชำเราในหนังสือประวัติศาสตร์ ถึงจะจำได้ลางๆไม่ใช่ทั้งหมดก็ตาม เพราะในสมัยที่เรียนนั้นเธอกับเพื่อนก็ค่อนข้างก๋ากั่นแซวเรื่องโรงโสเภณีในสมัยโบราณ

“มันมิใช่ที่ที่แม่หญิงอย่างออเจ้าควรย่างกลายเข้าไปดอกหนา”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ข้าไม่ถือ”

“ออเจ้านี่ช่างเป็นคนที่พูดมิรู้ความเสียจริง”

“อ้าว แล้วจะให้ทำ...”

“ข้าบอกว่ามิควรก็คือมิควร หาใช่เรื่องที่ออเจ้าดื้อดึงมิฟังได้” ออกพระรามพูดพร้อมกับชักสีหน้าอย่างเข้มขรึม พยายามบอกห้ามหญิงสาวตรงหน้าที่คิดจะย่างกลายเข้าไปในโรงชำเราอย่างรู้ทัน พริกแกงได้แต่มองหน้าคนตัวสูงแล้วทำสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่นักแต่ก็ไม่ได้โต้เถียงต่อแต่อย่างใด เพราะเกรงว่ามันจะเป็นเรื่องยืดยาวจนเธอไม่ได้ออกไปนอกเรือนกันเสียพอดี

“เข้าใจแล้วค่ะ” ตอบรับไปด้วยสีหน้าเสียดายไม่น้อย แต่...คนอย่างพริกแกงน่ะหรือจะยอมแพ้ ได้เกิดมาชาตินี้ขอเห็นอาบอบนวดสมัยอยุธยาให้เป็นบุญตาสักครั้งนั่นคือสิ่งที่พริกแกงคิด

“หากเข้าใจแล้ว ก็รีบไปกันเถิด..จักมิต้องเสียฤกษ์การงานที่ต้องทำ” พูดแล้วก็เดินนำหญิงสาวไปยังเรือที่บ่าวได้จัดเตรียมไว้ พร้อมกับพาตัวเองลงไปนั่งบนเรือเบือนหน้าหนีไปทางอื่นไม่สนใจไยดีเลยว่าเธอจะลงเรืออย่างไร

“เจเจ๊ ช่วยหน่อยไม่ได้เหรอ?”

“...อ้ายทอง ช่วยแม่หญิงลงเรือที” ออกพระรามพูดพร้อมเบือนหน้าไปทางอื่นไม่ยอมหันกลับไปมอง ซ้ำยังสั่งให้ลูกน้องของตนช่วยเธออีกต่างหาก

“ฮะ? ได้เหรอ?...” พริกแกงเอ่ยขึ้นอย่างนึกสงสัย

“ออกพระว่าอย่างไรนะขอรับ...มันจัก..เอ่อ...”

“กูสั่งให้ทำก็ทำสิวะ”

“ขอรับ...”

แม้จะพยายามถามย้ำในคำสั่งของผู้เป็นนายแต่ออกพระรามก็ยังคงยืนยันคำสั่งเดิม ถึงเขาจะรู้ว่าการสั่งบ่าวที่เป็นผู้ชายให้ทำแบบนั้นไม่ถูกต้อง แต่เขาก็ยังไม่อยากที่จะแตะเนื้อต้องตัวเธอมากไปกว่านี้ด้วยเหตุผลบางอย่าง

พริกแกงกลับคิดว่าเขาคงชังหญิงเลยไม่อยากที่จะแตะต้องตัวคงจะกลัวชายหนุ่มคนอื่นๆเข้าใจเขาผิดคิดว่าเปลี่ยนใจมาชอบผู้หญิง และพริกแกงยังแอบคิดว่าออกพระรามอาจจะมีกิ๊กเป็นบ่าวคนสนิทก็ได้ ถึงได้พยายามทำตัวแบบนี้กับเธอเพื่อที่จะให้อ้ายทองไม่เข้าใจผิด

“ข้ารู้หรอกนะว่าคุณออกพระกลัวพี่ทองเข้าใจผิด ใช่มะ?”

“พี่หรือ? อ้ายทองได้ยินมันคงจักยิ้มหน้าบาน”

พริกแกงเอี้ยวตัวเข้าไปใกล้ออกพระรามพร้อมกับทำทีท่ากระซิบกระซาบคนตรงหน้า แต่มีหรือที่คนอื่นจะไม่ได้ยินเพราะเรือมันเล็กแค่นี้ ขนาดอ้ายทองเองที่ได้ยินอย่างนั้นยังทำหน้างงเลยเสียด้วยซ้ำ ออกพระรามทำได้แค่ขมวดคิ้วจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คิดว่าความคิดของตนนั้นถูกต้อง เพราะเขาไม่ได้ตอบโต้อะไรกับเธอต่อเพียงแค่หันหน้าไปมองทางอื่นก็เท่านั้น

이 책을 계속 무료로 읽어보세요.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๕. จุดจบ

    พริกแกงเริ่มเล่าที่มาของเธอว่าเธอนั้นมาจากอนาคตอีกสี่ร้อยปีข้างหน้า เพื่อมาแก้ไขไม่ให้ตัวเองอายุสั้นและการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนั้นมันเป็นเรื่องที่ต้องเป็นไปฝืนไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลต่ออนาคต ทุกคนนั่งฟังอย่างตั้งใจด้วยสีหน้าเหลือเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อ เนื่องจากเธอไม่เหมือนคนอื่นๆ หลายอย่างจากที่ผ่านมา“ต่อไปกาลข้างหน้า จักมีผู้เก่งกาจกอบกู้เมืองสยามแล้วไปตั้งเมืองหลวงที่อื่นรือ?” พริกแกงพยักหน้าให้กับคำถามของจหมื่นพันแสง“นานรือไม่ กว่าจักกอบกู้เมืองได้?” พระยารามเอ่ยขึ้นด้วยความอยากรู้“เจ็ด...” พริกแกงนำหน้าครุ่นคิด“เจ็ดปีเทียวรือ” ทุกคนพูดขึ้นพร้อมกัน พริกแกงส่ายหน้าไปมาก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อนึกขึ้นได้ จากที่เธอเคยอ่านมา“เจ็ดเดือนเจ้าค่ะ”“เก่งประมาณนั้นเทียวรือ”“เก่งมากเลยล่ะเจ้าค่ะ...ไม่อย่างนั้นไทยก็คงไม่เป็นไทจนชั่วลูกชั่วหลาน” เมื่อได้ฟังอย่างนั้นทุกคนก็ยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ ความรักชาติบ้านเมืองของชาวกรุงเก่านั้นเข้มขลังจนเธอรู้สึกขนลุกอีกครั้ง

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๔. ปมที่ต้องแก้ไข

    “แม่พริก...เป็นกระไรไปรือ? ตั้งแต่พี่กลับมาออเจ้าก็มิร่าเริงเลยหนา” พระยารามเอ่ยถามพริกแกงหลังจากที่เขาเปลี่ยนผลัดผ้าเรียบร้อย เพราะเธอไม่เข้าไปใกล้เขาเลยตอนแต่งชุดนักรบ พริกแกงหันมองหน้าเขาด้วยใบหน้าที่ดูหวาดกลัว“คุณพี่...จำที่เคยสัญญากับข้าได้ไหมเจ้าคะ?” พริกแกงเอ่ยถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล พระยารามยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู“พี่จำได้แม่น...พี่มิได้มีเมียเล็กเมียน้อยดอกหนา ไปถึงสุโขทัยมิได้เข้าหอชำเรา มิได้แตะเนื้อต้องตัวหญิงใด”“ไม่ใช่เรื่องนั้นเจ้าค่ะ”“ออ...มิว่าจะเกิดกระไรขึ้น...” เขาเงียบไปครู่หนึ่งหลุบสายตามองพริกแกงที่รอฟังอย่างคาดหวัง พระยารามจึงดึงเธอเข้ามากอดปลอบโยนเธอแล้วเอ่ยขึ้น“พี่ก็จักมิมีวันฟันคอออเจ้าผู้ที่เป็นเมียพี่” เขาพูดขึ้น ตอนนี้เขารับรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงนิ่งอึ้งค้างท่าทางเหมือนกลัวขนาดนั้นเมื่อตอนเห็นเขากลับมาพร้อมเครื่องราชย์เหล่านั้น“แล้วทำไมถึงเอาของพวกนั้นมาไว้ที่เรือนตัวเองล่ะเจ้าคะ? ไม่ใช่ว่าต้อง

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๓. สุขสมอารมณ์หมาย

    อดทนมาหลายวัน แอบเมียงมองว่าที่ภริยาของตนเตรียมตัวเป็นแม่บ้านแม่เรือนอย่างห่วงๆ แต่กลับทำให้เขาประหลาดใจไม่น้อยเมื่อเธอกลับเป็นแม่บ้านแม่เรือนกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก ก่อนจะถึงวันแต่งงานเขาก็ได้ทำตามที่ใจของพริกแกงที่ได้ตั้งใจไว้เรื่องรับบ่าวเมื่อเข้าวังไปรับงานราชก็ทูลขอขุนหลวงเรื่องบ่าวของออกหลวงมโนสรที่ถูกชำเราให้ละเว้นโทษ และรับมาเลี้ยงดูเป็นบ่าวในเรือนของตน ขุนหลวงเห็นว่าออกพระรามมีผลงานดีงามและใกล้จะแต่งงานจึงได้ยอมยกบ่าวของออกหลวงให้ตามที่ทูลขอ อ้ายผาและพวกพ้องจึงเข้ามาทำงานในเรือนของออกพระรามและรับใช้อย่างซื่อสัตย์วันแต่งงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี แม้พริกแกงจะทำตัวแก่นแก้วเต้นกลางงานแต่ก็พาคนอื่นๆ สนุกสนานไปด้วย เมื่อแต่งงานแล้วออกพระรามและพริกแกงก็ต้องหาที่ปลูกเรือนแยก ในบริเวณที่ดินใกล้เรือนพ่อแม่ของออกพระรามนั่นแหละ ไม่ได้ไกลกันนัก..ส่วนเรื่องของแม่เดือนแรมเห็นทีจะยอมพ่ายแพ้ไปเสียแล้ว เนื่องจากจหมื่นพันแสงนั้นเคยขัดห้ามอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะฟ้องพ่อกับแม่ก็เลยทำให้แม่เดือนแรมยอมรามือไปเสีย ทุกอย่างคลี่คลายราบรื่น..แต่เพื่อนพ้องของออกพระรามคิดเห็นว่าออก

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๒. เชยชมบุปผางาม

    “ทะ...ทำไมต้องเขินด้วยเล่า...อย่างนี้คนอื่นก็เขินด้วยน่ะสิ” พริกแกงพูดแก้เขิน เมื่อเห็นเขาเขินเธอก็เขินตามไปด้วย ออกพระรามกระแอมเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นเสียงเบา“พี่มิเคย...เอ่ยคำนี้กับผู้ใด” พูดไปพลางเบือนหน้าหนี พริกแกงเองก็เบือนหน้ากลับมานั่งมองนิ้วตัวเองเล่นอย่างทำตัวไม่ถูก...ตอนได้กันครั้งแรกยังไม่เห็นเขินอะไรขนาดนี้เลยด้วยซ้ำไม่ทันได้เขินนานนักก็รู้สึกถึงมือหนาที่เลื่อนลูบปลายเส้นผมของเธอเบาๆ พริกแกงหันไปมองหน้าคนที่เปลี่ยนอารมณ์ไวเหมือนกิ้งก่า คิดจะหันไปจิกกัดเขาแต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อเห็นใบหน้าของเขาที่กำลังยิ้มบางๆ พร้อมกับก้มลงดอมดมปลายเส้นผมของเธอที่เขาจับอยู่ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาเสียอย่างนั้นท่าทางนั่งชันเข่าขึ้นข้างหนึ่งมีแขนแกร่งพาดเข่าที่ชันขึ้น มืออีกข้างจับเล่นเส้นผมของเธอดอมดมมันด้วยใบหน้าที่ดูพึงพอใจนั้น ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาดูมีเสน่ห์จนเธอละสายตาไม่ได้ ท่อนบนเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าโสร่งมัดพันรอบเอวยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์..รับกับใบหน้าหล่อคมหวานของเขาพอดิบพอดี เผลอจ้องจนเจ้าของร่างรู้ตัว“จดจ้องเรือนกายพี่เช่นนี้

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๑. ขัดคำสั่ง

    พอถึงช่วงเย็นก็ไปกินข้าวพร้อมหน้าเหมือนเช่นทุกวัน เพียงแต่วันนี้บรรยากาศมันจะเงียบเหงาไปเสียหน่อย ไม่กล้ามีใครเอ่ยพูดอะไรขึ้นต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากินอาหารตรงหน้าจนแล้วเสร็จ ก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่าเข้าหอนอนของตัวเองพริกแกงนั่งหวีสางผมเผ้าอยู่หน้ากระจก จ้องมองในกระจกนั้นอย่างเหม่อลอยเพราะในหัวคาวมคิดรู้สึกผิดที่ไม่ได้บอกผุ้อาวุโสทั้งสองว่าที่จริงแล้วเธอไม่ได้อยากล้มเลิกงานแต่ง สีหน้าของทั้งสองท่านเมื่อตอนเย็นบนโต๊ะกินข้าวนั้นทำให้เธอนั่งถอนหายใจอยู่พักใหญ่ สาลี่และจันมองหน้ากันไปมาก่อนหันไปมองแม่หญิงของตนอย่างนึกห่วง“มีเรื่องกระไรมิสบายใจรือเจ้าคะแม่หญิง” สาลี่เอ่ยถาม“ข้าว่าคุณลุงคุณป้าเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว ดูสีหน้าท่านเมื่อตอนเย็นสิพี่” พูดแล้วก็หันไปทำหน้างอแงใส่บ่าวทั้งสองคน สาลี่และจันเอื้อมมือไปจับกุมมือเล็กของผู้เป็นเจ้านายอย่างเอ็นดู“โธ่...แม่หญิงของบ่าว มิต้องคิดมากไปดอกเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวเรื่องมันก็ซา” จันเอ่ยปลอบ“นั่นสิเจ้าคะ...ต่อให้แม่หญิงมิพูด แต่พอถึงวันงานมันก็จักดีขึ้นเจ้าค่ะ” สา

  • เจเจ๊ออกพระผู้นี้คือว่าที่สามีฉัน   บทที่ ๔๐. มิได้เป็นเช่นนั้น

    ออกพระรามเห็นอย่างนั้นก็อดยิ้มกริ่มออกมาไม่ได้ เดินตามแม่หญิงขึ้นโบสถ์ไป ทั้งสองต่างนั่งแอบลอบมองกันไปมาอย่างยิ้มๆ พริกแกงเองก็พยายามหลบเลี่ยงสายตาของเขาอยู่เนืองๆ การกระทำของชายหญิงทั้งคู่ประจักษ์แก่สายตาของคุณหญิงซ่อนกลิ่นผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่เบื้องหน้าลูกชาย หันไปเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงไปกับกิริยาท่าทางของลูกชายและพริกแกงเมื่องานเสร็จสรรพเรียบร้อยดี เหล่าขุนนางและคนอื่นๆ ก็ต่างพากันร่ำลากลับเรือนไปเสีย มาตั้งแต่เช้าจะกลับก็บ่ายแล้ว เรือขุนนางหลายลำแล่นแยกย้ายกันออกไป ออกญาผู้เป็นพ่อและคุณหญิงซ่อนกลิ่น รวมถึงพริกแกง ออกพระรามและบ่าวไพร่คนสนิทนั่งเรือลำเดียวกันเป็นเรือใหญ่ ส่วนบ่าวไพร่คนอื่นๆ ก็นั่งลำอื่นพายตามกันมาติดๆ คุณหญิงมองลูกชายตนที่นั่งแนบชิดติดกายแม่หญิงคู่หมั้นจ้องมองเธอไม่วางตาก็อดกระแอมขึ้นขัดไม่ได้“อะแฮ่ม...พ่อราม ใกล้จักถึงวันงานแต่งของลูกแล้วหนา”“ขอรับเจ้าคุณแม่” พูดตอบรับผู้เป็นแม่พลางจ้องมองหญิงสาวข้างกายด้วยรอยยิ้ม พริกแกงก็หลบเลี่ยงสายตามองไปทางอื่นไม่ให้ตัวเองเขินไปมากกว่านี้“แม่ใคร่ให้ลูก...อดใจห่างม

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status