จ้าวอินหลัวสะดุ้งเฮือก แล้วพลิกตัวลุกนั่งทันทีอย่างไว ดวงตากลมโตใสแจ๋วแบบเด็กขอของกินตอนไม่มีเงิน แหงนมองเขา พร้อมยกมือขึ้นสองข้างส่ายไปมา
"ไม่ๆๆ เดี๋ยวก่อน ท่านอ๋อง...ท่านอาจจะจำผิดคนก็ได้นะ ข้าไม่ใช่จ้าวอินหลัว ข้า...ชื่อจ้าวอิ๋งอั่ว หรือไม่ก็...หลัวอินจิ๋ว หรืออะไรก็ได้ที่ไม่ใช่คนนั้น ข้าเป็นชาวบ้านบ้าเดินหลงทางมาจากหมู่บ้านข้างเขาเจ้าค่ะ ท่านอ๋อง"
นางพูดพลางชูสองนิ้วประกอบคำว่า หมู่บ้าน หลี่เจินหรงเลิกคิ้วข้างหนึ่ง ค่อยๆ ลุกขึ้นมานั่งตรง มองนางราวกับมองคนเสียสติ
"เจ้าจะกล้าแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ทั้งที่มือของเจ้าถือมีดแทงข้า"
"อ๋ออออ มีดนั่น โอ้...ข้าจำได้แล้ว" อินหลัวดีดนิ้ว แปะ แล้วทำตาโต
"...ว่าไม่ใช่ข้า" ยิ้มฟันขาวทันที
"บางทีท่านอาจฝันไปก็ได้นะ ตอนถูกแทง ท่านอาจเมามาก่อนแล้วละเมอเห็นข้าเป็นนักฆ่าหญิงก็เป็นได้"
เขากระตุกยิ้ม...แต่เป็นรอยยิ้มที่น่ากลัว
“ใครจะลืมเจ้าได้ คนที่กล้าถือมีดต่อหน้าข้าไม่เหลือใครสักคนที่มีชีวิตรอดนอกจากเจ้าคนเดียวจ้าวอินหลัว”
อินหลัวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ข้ามาผิดภพแน่นอน มันต้องไม่ใช่อย่างนี้สิ
“ท่านลองคิดดูดีๆ ก่อน ข้าตัวเล็กนิดเดียวใครจะกล้าเอามีดแทงท่าน ถึงแทงได้ข้าก็ไม่มีแรงที่จะทำให้เกิดแผลด้วยซ้ำ แค่ได้ยินว่าท่านคืออ๋องโหดข้าก็ฉี่แทบราดแล้ว “
เจินหรงดวงตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธเพราะไม่มีใครกล้าใช้คำว่าอ๋องโหดต่อหน้าเขา เจินหรงกระแทกกระบี่ไปข้างหน้า ตั้งใจให้โดนจ้าวอินหลัว ดีที่ระวังตัวอยู่ตลอดเวลาจึงหลบทัน
"เจ้าคิดว่าปากดีแล้วจะรอดหรือ"
"หากท่านโกรธ ก็แทงคืนเลยสิ...ตรงนี้เลย แทงข้าแล้วก็ช่วยพาข้าไปหาหมอด้วย"
อินหลัวเอานิ้วชี้แตะหน้าอกตัวเอง ทำหน้าลูกหมาสารภาพผิด
"แต่ข้าขอผ่อนผันไปก่อนได้ไหม เอาเป็นว่า…ไม่สิ ผ่อนก็ต้องจ่ายรายเดือน ข้าของดชำระ…"
เขาทนฟังไม่ได้แล้ว ฝ่ามือหนาเอื้อมมาจับแขนนางดึงกระชากเข้ามาหา ใบหน้าเขาโน้มลงมาชิด ดวงตาดำลึกจ้องตรงเข้าไปในดวงตาของอินหลัว เหมือนจะฟินแต่ประโยคต่อมา
"ข้าไม่จำเป็นต้องแทงเจ้าด้วยซ้ำ...เพราะเจ้า...จะต้อง เจ็บแทนข้า ทุกครั้งที่พิษในร่างข้าแผดเผา...และเจ้าจะไม่มีวันตาย จนกว่าข้าจะพอใจ"
"..."
"..."
จ้าวอินหลัวกะพริบตาปริบๆ แล้วเอียงคอเล็กน้อย พูดเสียงเบา แต่ยังมีสีหน้ากวนประสาท
"...ถ้าจะเจ็บแทนกันแบบนี้....ข้าว่าเราก็มาเป็นสามีภรรยากันเถอะ อย่างน้อยข้าจะได้รู้สึกว่าไม่ถูกเอาเปรียบเจ็บเพื่อใครไม่รู้..."
เขายังจ้องนางอยู่
"...ไม่ขำเหรอ นี่ข้าทุ่มสุดตัวแล้วนะ...โอเค...ท่านไม่ตลก แต่ข้ากลัวตาย ท่านอ๋อง ปล่อยข้าเถอะ ข้าแค่...หลงมา"
"ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก แต่เจ้ากลืนมันไปแล้ว นั่นคือ ยาปราณคู่ ครึ่งหนึ่งของความเจ็บปวดในร่างข้า... ตอนนี้แบ่งไปอยู่ในตัวเจ้าเรียบร้อย"
จ้าวอินหลัวนิ่งงัน สมองเธอไม่อาจประมวลผลทันทีได้ในวินาทีนั้น ความร้อนวาบบางอย่างแล่นผ่านกลางอก คล้ายเส้นลมปราณสั่นสะเทือน
"จะบ้าหรอ เจ้า... ทำไมไม่ถามข้าก่อน แล้วถ้า... ข้าตายล่ะ"
หลี่เจินหรงยิ้มเยาะอีกครั้ง ดวงตาของเขาเปล่งแสงเย็นเฉียบราวเหล็กกล้าชโลมเลือด
"เพราะเจ้าจะไม่มีวันตาย เจ้าจะมีชีวิตอยู่ต่อให้ต้องอยู่ในความเจ็บปวดก็ตามที"
"ว่า... ว่าไงนะ มะ...ไม่เอาาาา"อินหลัวร้องลั่น หน้าเปลี่ยนสี
"ไม่เอา ข้าไม่เซ็นสัญญาแบบนี้นะ ข้าไม่อยากตายเจ็บๆ แบบนอนดิ้นเป็นปลาทอด ข้าขอคืนยา"
จ้าวอินหลัวเอามือล้วงคออ้วก
"แค่กๆ อ่อก เอากลับออกมา ยานั่น ออกมาเดี๋ยวนี้นะเจ้าขมปี๋"
อินหลัวงอแงยิ่งกว่าเด็กโดนขโมยขนม ขณะที่เอานิ้วจิ้มลึกเข้าไปในคอเพื่อล้วงคอให้อาเจียนอออกมา แต่ไม่ทันไร…มือหนาแข็งของหลี่เจินหรงตะปบข้อมือนางไว้อย่างรวดเร็ว
"อย่าคิดโง่ๆ" เสียงของเขาเยือกเย็นเหมือนลมเหนือที่พัดผ่าน
"ยาเม็ดนั้น...ต่อให้เจ้าล้วงจนถึงไส้ ก็ไม่มีวันได้คืนมา"
ดวงตาคมกริบของเขากดมองต่ำอย่างน่ากลัว แต่อินหลัวกลับตาแดงอย่างเอาเรื่อง
"แล้วใครใช้ให้ท่านกรอกข้าเล่า ข้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายาอะไร ข้าอาจแพ้ยาได้นะเฮ้ย ข้ายังไม่เคยแม้แต่กินยาบำรุงเลือดเลยนะ ท่านอ๋อง เพราะข้าไม่มีเงิน ท่านรู้ไหมข้าจะไม่ยอมโดนหลอกใช้แบบเจ็บฟรีๆ ตายฟรีๆ” นางชี้หน้าเขา
หลี่เจินหรงโน้มตัวลง จ้องตานางในระยะหายใจรดหน้า
"ข้าบอกแล้ว เจ้าจะไม่ตาย...เว้นแต่ข้าจะตาย"
"เอ๊า งั้นก็ตายพร้อมกันเลยไหม จะได้จบๆ ฮ่าๆๆ ..." นางหัวเราะฝืดๆ แต่หยดเหงื่อเม็ดโตเริ่มไหลลงขมับ
"เจ้าบ้าแล้ว…ข้าไม่ตลก" เจินหรงกระซิบ
เจินหรงปล่อยข้อมือนางช้าๆ ดวงตาเย็นชาไร้แววปรานีเสียงของเขานั้นเย็นเฉียบ
"และเจ้าก็ไม่มีสิทธิ์เลือก เจ้าต้องชดใช้...ในสิ่งที่เจ้าก่อไว้กับข้า"
จ้าวอินหลัวยังคงหอบหายใจ พยายามยันตัวลุกขึ้น แต่หลี่เจินหรงกลับเดินเข้าใกล้ พร้อมกับจ้องราวกับจะแผดเผาด้วยแววตา
"ชดใช้... กับความเจ็บปวดที่ข้าต้องแบกอยู่ทุกลมหายใจ"
จ้าวอินหลัวขมวดคิ้วแน่น
"เจ้าพูดเรื่องอะไรของเจ้า ข้าแค่แทงเจ้า เจ้าจะเอาข้ามารับพิษแทนได้ไง นี่มันไม่…"
"อย่าบอกว่าเจ้าจำไม่ได้"
หลี่เจินหรงก้มลงจนใบหน้าเขาอยู่ระดับเดียวกับอินหลัว สายตาคมเหมือนใบมีดกรีดลึกลงในวิญญาณ
"มีดสั้นเล่มนั้น... ที่เจ้าใช้แทงข้าในวันนั้นค่ำคืนนั้น มันอาบพิษ”
"ชอบยั่วยวนบุรุษเช่นนี้สินะ ไม่แปลกใจเลยเจ้าจึงทำให้มีคนหลงใหลเจ้ามากมาย กี่คนกันนะ ทั้งอ๋องเหล่ย ทั้งท่านหมอ หรือว่าจะรวมคนสนิทของบิดาเจ้าก็คือเสียนหยางคนนั้นด้วยหรือแต่ละคนท่าทางองอาจหล่อเหลา เอหรือจะรวมเจ้าเสี่ยวหม่าไว้ด้วยหรือเปล่า ออกรับแทนเจ้าตลอดเวลา"ฟาดงวงฟาดงาคำพูดของหลี่เจินหรงกระแทกเข้าไปในใจของอินหลัว ไม่รู้ว่ามันเป็นการพูดด้วยความโกรธเกลียด หรือความหึงหวงที่ซ่อนอยู่ในตัวเขาอินหลัวกดความเจ็บปวดในใจเอาไว้ลึกๆ ก่อนจะตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา "ท่านอ๋องคิดจะพูดถึงใครก็พูดเถอะ ข้าทำอะไรท่านไม่ได้ ข้าแค่... เป็นคนที่ไม่มีค่าเท่านั้นเอง ในสายตาท่านจะทำอะไรก็ผิดไม่ทำก็ผิดอยู่แล้ว"หลี่เจินหรงจ้องมองอินหลัวอยู่ในท่าทางนิ่งๆ ตลอดเวลา ความรู้สึกที่เขามีกับเธอนั้นดูเหมือนจะเป็นการผสมผสานระหว่างความโกรธและไอ้ความรุ้สึกอีกอย่างที่มันนถาโถมนี่คือความรู้สึกใดกันแน่"...ปราณเราเชื่อมกันสินะตอนนี้ข้ารู้สึกแปลกๆ หรือว่าเป็นเจ้าที่รู้สึกแบบนั้นแล้วส่งต่อมาถึงข้า ชิ…ช่างเถอะข้าหาสนใจไม่ เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงต้องมาคอยสนใจเจ้าแบบนี้"หลี่เจินหรงพึมพำเบาๆ ความรู้สึกของทั้งสองคนยิ่
กระโจมที่พักในขบวนเดินทางเงียบสงัด อากาศยามเช้าเย็นสบาย ลมอ่อนๆ พัดผ่านรอบๆ ขบวนที่พัก เสียงใบไม้ไหวเป็นระยะๆ ขณะที่ท่านหมอไป๋อี้เซิงเดินเข้ามาในกระโจมที่พักของอินหลัว ใบหน้าของเขาแสดงความห่วงใยเมื่อเห็นอินหลัวนอนอยู่บนแท่นนอน“เจ้า...ดูดีขึ้นมากทีเดียว” ท่านหมอพูดอย่างพอใจ พร้อมยิ้มเล็กน้อย “ท่านอ๋องให้เวลาสามวันเจ้าใช้ไม่คุ้มเลยนี่ขาดอีกตั้งวันหนึ่งเลยทีเดียว”อินหลัวขยับตัวเล็กน้อย ขยี้ตาแล้วยิ้มบางๆ ให้ท่านหมอ ก่อนที่จะบอกออกมาอย่างขำขัน “อย่างนั้นข้านอนต่อเถอะรอให้ครบสามวันฮ่าาาา” แล้วทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งเหมือนจะหลับไปท่านหมอยิ้มขำเอ็นดูท่าทางของอินหลัว แต่ไม่ยอมให้นอนต่อ “ลุกขึ้นมานั่งเสียบ้าง นอนแบบนี้ ท่านอ๋องมาเห็น ข้าจะโมโหได้เขาอากจะเดินทางต่อแล้ว” ไป๋อี้เซิงพูดออกไปอย่างยิ้มๆ พร้อมพยายามยกตัวอินหลัวให้ลุกขึ้น แต่อินหลัวก็แกล้งทำท่าเหมือนจะลุกไม่ขึ้น“โอ๊ยๆๆ ...ข้าไม่ไหวแล้วข้าไม่มีแรงจะลุกขึ้นเลย” อินหลัวบ่นออกมาเสียงแผ่ว ราวกับยังอ่อนแอจากอาการป่วยเมื่อก่อนหน้านี้ท่านหมอที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบยื่นมือไปดึงตัวอินหลัวขึ้น “โอ๊ะ” ทำให้เขาพลาดไปล้มตัวลงบนร่างเล็กของอินหลัว
ในความเงียบของกระโจม เสียงลมหายใจของผู้คนที่หลับไปแล้วรวมถึงเสียงลมหายใจเบาๆ ของอินหลัวที่เผลอหลับอยู่ในอ้อมแขนของหลี่เจินหรงทำให้บรรยากาศรอบตัวชวนให้รู้สึกเงียบสงบ ท่ามกลางแสงจางๆ ที่ส่องผ่านจากโคมไฟที่ยังติดอยู่บนเพดาน กระโจมเล็กๆ ดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความเงียบสงบหลี่เจินหรงนั่งอยู่ข้างแท่นนอนของอินหลัว ร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดของเขายังคงหลับสนิท ท่าทางของหลี่เจินหรงนั้นเต็มไปด้วยความวิตกกังวล สายตาของเขาจับจ้องไปที่ใบหน้าของอินหลัวที่นอนหลับนิ่งอย่างอ่อนโยน มือของเขาพาดอยู่บนตัวจ้าวอินหลัวอย่างเบามือ ทั้งยังคงโอบกอดร่างบางนั้นให้แนบชิดกับตัวเขาท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบและความวิตกกังวล ทุกอย่างเหมือนจะหมุนวนไปช้าๆเสี่ยวหม่าที่เดินเข้ามาในกระโจม เห็นภาพตรงหน้าและหยุดยืนอยู่ที่ประตู กระทั่งยิ้มบางๆ ด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถบอกออกมาเป็นคำพูดได้ เขาไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ยิ้มให้กับภาพนั้นอย่างรู้ดี“หาตั้งนานท่านอ๋องมาอยู่นี่เองสินะ”ในใจของเสี่ยวหม่าเต็มไปด้วยความเข้าใจ “ท่านอ๋องในที่สุดก็รู้ใจตัวเองสินะ...” เขาพึมพำเบาๆ ยิ้มน้อยๆภายใต้รอยยิ้มนั้นเสี่ยวหม่ารู้สึกเป็
หลี่เจินหรงมองไปที่อินหลัวที่หลับอยู่บนแท่นนอน“ข้าให้เวลาแค่สามวัน ถ้าอาการไม่ดีขึ้นภายในเวลานั้น ข้าจะไม่รออีกต่อไปต่อให้ต้องหามนางก็ต้องเดินทาง” เขาหันไปมองไป๋อี้เซิงไป๋อี้เซิงพยักหน้าด้วยท่าทีสงบแต่ก็มีความกังวลในแววตา "ท่านอ๋อง ท่านไม่ต้องกังวล ข้าน้อยเองก็คิดว่าไม่น่าเกินสองหรือสามวันต่อไปนี้จะจัดยาบำรุงร่างกายเพิ่มให้ด้วย”“จะทำอะไรก็รีบทำ ข้าเบื่อและรำคาญเกินทนแล้ว เดี๋ยวก็พิษกำเริบเดี๋ยวก็ป่วยไข้เมื่อไหร่จะถึงวังหลวง”หลี่เจินหรงพูดด้วยน้ำเสียงที่ยากจะเข้าใจ “ยิ่งพักนานในป่านี้ยิ่งไม่สามารถควบคุมอันตรายจากการมาถึงของผู้ที่หวังร้ายได้ ถ้ามีคนมาชิงตัวอินหลัวไปอีกยิ่งจะทำให้เสียเวลา แค่สามวันไม่เกินนั้น”เสี่ยวหม่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ฟังแล้วอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างล้อเล่น แต่ก็แฝงด้วยความหมาย“ตั้งสามวันเชียวหรือ ดีจัง ปกติถ้าเป็นเสี่ยวหม่าป่วยวันเดียวท่านอ๋องก็ไล่ให้ลุกแล้ว ข้าจะไปไหนก็ไปกันเร็วๆ ถ้าป่วยนานเกินไป ข้าก็จะโดนดุแล้ว” เสี่ยวหม่าพูดพร้อมกับยิ้มแห้งๆหลี่เจินหรงหันมามองเสี่ยวหม่าด้วยท่าทีหงุดหงิด แล้วถอนหายใจออกมาเสียงดังจนเสี่ยวหม่าถึงกับยิ้มแห้งอีกครั้ง“อยากจะไปเ
ร่างของอินหลัวในอ้อมแขนของเขายังคงมีแต่ความอ่อนแอ บนใบหน้าของหลี่เจินหรงมีเพียงความเย็นชา บางครั้งเขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเล่นเกมกับความรู้สึกในใจ ที่จริงเขารู้ดีว่าเขาควรจะให้ความสนใจกับการป่วยของอินหลัวมากขึ้น แต่เพราะความเคยชินที่ต้องปกป้องตัวเอง เขาจึงพยายามจะหลบหลีกมันไปไม่นานนัก ไป๋อี้เซิงก็เดินเข้ามา พร้อมกับเสี่ยวหม่าเยว่หรงและอวิ๋นเอ่อร์ เขาหยุดลงตรงหน้า “ข้าจะตรวจดูอาการของนางเสียก่อนจึงจะบอกได้ว่าเป็นอย่างไร” หลี่เจินหรงพยักหน้าเยว่หรงกับอวิ๋นเอ่อร์ช่วยกันจัดท่านอนและอวิ๋นเอ่อร์ที่นำผ้าชุบน้ำมาเช้ดใบหน้าซีดเซียวของอินหลัว"ท่านอ๋อง... นางมีอาการไข้สูงมาก เป็นพิษจากภายนอกที่ยังคงคั่งค้างในร่างกาย อาการกำเริบเพราะความเครียดและการเดินทางที่ยาวนาน และความที่เมื่อยล้าในการเดินทาง" ไป๋อี้เซิงรายงานอย่างเป็นทางการหลี่เจินหรงพยักหน้า "ทำทุกอย่างที่สามารถทำได้ เพื่อบรรเทาอาการ""ขอรับท่านอ๋อง" ไป๋อี้เซิงตอบรับแล้วเข้าไปดูแลอินหลัวหลี่เจินหรงขยับไปที่ข้างๆ ไม่นานก็เห็นไป๋อี้เซิงเริ่มจัดการกับยาที่เขานำมาด้วยสายตาที่มุ่งมั่น หลี่เจินหรงยังคงยืนอยู่ข้างๆ ในท่าทางที่ดูเหมือนจะไม่ส
ในห้องหรูของต้าหวางจ้าวจินเทา เสียงลมหายใจที่หนักหน่วงดังก้องในห้อง จ้าวจินเทานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่อาจกลั้นได้ ข้อมือที่กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนเหมือนจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อเสียนหยางที่บาดเจ็บสาหัสและกลับมาหลังจากทำงานพลาด รีบรุดเข้ามาในห้องด้วยท่าทางเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขาฝืนยิ้ม พยายามไม่ให้ตัวเองเกิดอาการ แต่สายตาของจ้าวจินเทาที่จับจ้องมา จนไม่อาจซ่อนเร้น"เสี่ยวหยางรู้ไหมว่าควรทำอย่างไร ข้าบอกแล้วหากไม่สำเร็จไม่ต้องกลับมา" เสียงของจ้าวจินเทาดังขึ้นจากคออย่างเกรี้ยวกราด เสียนหยางยืนอยู่ตรงประตู มองเจ้านายตัวเองด้วยความหวาดกลัวในดวงตา"ขออภัยขอรับต้าหวางข้ายินดีให้ลงทัณฑ์...ข้าทำพลาด...ข้า..."จ้าวจินเทากระชากร่างของเสี่ยวหยางเข้าไปใกล้ ราวกับจะบดขยี้เขาด้วยสายตา จ้าวจินเทาตะคอกเสียงดังสนั่น"ควรทำเช่นไร เจ้าบอกข้ามาว่าเจ้าทำงานพลาด ข้าสั่งให้เจ้าพาจ้าวอินหลัวกลับมา และเจ้ากลับได้รับบาดเจ็บแทน หลี่เจินหรงผู้นั้นเจ้าไม่อาจต่อกรด้วยเชียวหรือ”เสียนหยางก้มหน้าหลบสายตาจ้าวจินเทา รู้ตัวดีว่าเขาผิด "เสียนหยางผิดไปแล้ว เสียนหยางกำลังจะได้ตัวคุณ