LOGIN
“ช่วงนี้เราไม่ค่อยเจอกันเลยนะ เรียนหนักหรือไง เผื่อเวลามาให้กันบ้างสิคะ”
“โธ่ พี่จันทร์ขา น้อยใจเมลหรือไงคะเนี่ย ช่วงนี้หนักกิจกรรมค่ะเลยไม่ค่อยว่าง แต่เมลคิดถึงพี่จันทร์ตลอดเวลาเลยนะ ฟอดด~ แฟนใครน๊า ขี้งอนจังเลย” “ไม่ต้องมาพูดดีเลยช่วงนี้เราห่างกันมากเกินไป พี่กินข้าวคนเดียวตลอดเลยนะ โทรไปก็ไม่ค่อยจะรับ แอบมีใครหรือเปล่าเนี่ย หืม?” เมลดาสะดุ้งตกใจเล็กน้อย ได้แต่ยิ้มกลบเกลื่อนและทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “พี่จันทร์แสนดีขนาดนี้ ใครจะกล้านอกใจไปยุ่งกับคนอื่นคะ” “ดีแล้วค่ะ เงินหมดหรือยัง เอาเพิ่มไหม” “ของเก่ายังใช้ไม่หมดเลยค่ะ” “ไม่เป็นไร บอกแล้วไงคะพี่เลี้ยงหนูได้ พี่โอนเพิ่มให้อีกสองหมื่นนะคะ อยากซื้ออะไรก็ไปซื้อ” “ขอบคุณค่ะพี่เจ้าจันทร์” เมลดากอดแขนแฟนสาวของเธอแน่นด้วยความรักที่อีกคนใจดีตลอดเวลา ตั้งแต่คบกันจนตอนนี้สี่ปีแล้วก็ยังเหมือนเดิมไม่เสื่อมคลาย แม้ความรักของเราจะไม่ได้ราบรื่นเหมือนคู่อื่น แต่เราสองคนก็ประคองมันมาจนถึงตอนนี้ “พี่จันทร์ เมลนวดให้นะคะ” “อ้อนเอาอะไรอีกล่ะเรา” “โธ่! พี่จันทร์อ่า แค่อยากเอาใจบ้างไม่ได้หรือไงคะ ชดเชยที่ไม่ค่อยมีเวลาว่างมาเจอกัน” “ตามใจ นวดคอและหลังให้พี่ก็พอ ปวดมากเลย” เมลดากระวีกระวาดนวดคอให้คนพี่ และก็มองคนพี่ทำงานด้วยสายตาชื่นชม จนผ่านเวลาไปสักพักใหญ่เธอก็เปลี่ยนมานวดฝ่าเท้าให้ ทำให้เห็นเอกสารที่คนพี่นำกลับมาทำที่คอนโด “เมลเข้าไปในห้องนอนหยิบเอกสารที่วางบนโต๊ะมาให้พี่หน่อย” “ได้ค่ะพี่จันทร์” เมลดาลุกเดินไปทางห้องนอนและเดินไปหยิบเอกสารที่วางไว้บนโต๊ะทำงาน ด้วยความไม่ทันระวังทำให้เอกสารด้านในตกลงมา เธอก้มลงเก็บเอกสารก่อนจะเอาเข้าไปในแฟ้มตามเดิมทำให้สะดุดตากับชื่อบริษัทและชื่อเจ้าของ สองมือของเธอพลันอ่อนแรงลงมองไปยังประตูที่มีคนพี่นั่งเคลียร์เอกสารอยู่ ‘พี่จันทร์รู้จักบริษัทนี้ได้ยังไง’ ‘ไม่ได้รู้จักกับเจ้าของบริษัทใช่ไหม ถ้ารู้จักกันจริง ๆ จะทำอย่างไรดี ถ้าพี่จันทร์รู้เรื่องนั้นต้องตายแน่เลย’ เมลดารีบเอาแฟ้มออกไปให้คนพี่และคำตอบที่เธออยากรู้มีแต่คนนอกห้องเท่านั้นที่จะให้คำตอบกับเธอได้ “มาแล้วค่ะ พอดีเมื่อกี้เมลถือไม่ดีเลยทำให้เอกสารหล่นออกมา” “ไม่เป็นไรค่ะ” พลางยื่นมือมารับเอกสารและเคลียร์งานต่อไป “พี่จันทร์คะ พี่รู้จักกับเจ้าของบริษัทนี้ด้วยหรือคะ” “อะไรนะ อ่อ! พี่ภาคินเหรอ” “ใช่ค่ะ แค่ร่วมงานกันหรือรู้จักกัน” เจ้าจันทร์จับน้ำเสียงของอีกคนได้ ถึงแม้หน้าตาจะปกติไม่มีพิรุธอะไรแต่ถ้าฟังให้ดีจะรู้ถึงอาการร้อนรน “ทำไมถึงถามแบบนั้น อย่าถามซักไซ้แบบนี้ พี่ไม่ชอบ” “เมลขอโทษค่ะพี่จันทร์ เมลแค่อยากรู้เฉย ๆ” เมลดาพยายามปรับโทนเสียงให้เป็นปกติเพื่อไม่ให้เจ้าจันทร์สงสัย “เขาเป็นเพื่อนพี่ชายพี่เอง ทำไมเหรอ? หรืออยากไปฝึกงานบริษัทนั้น ได้นะพี่ไม่ติด แต่ระวังหน่อยพี่คินเจ้าชู้มากคู่นอนเยอะอย่างกะอะไรดี มีแต่สาวคลั่งรักเต็มไปหมด” แค่คำว่าเพื่อนพี่ชายก็ทำให้คนถามหน้าซีดเผือดแล้วแถมยังสนิทกันมากขนาดนี้ด้วย ยิ่งเห็นสีหน้าพี่เจ้าจันทร์ที่ยิ้มออกมาราวกับเอ็นดูทำให้เธอมองตาค้าง “โห ขนาดนั้นเลย แล้วพี่เขาไม่คบใครจริงจังเหรอพี่จันทร์” “พี่ไม่รู้ พี่ไม่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน แต่ถ้าคบใครอันนี้คงตอบไม่ได้เพราะไม่เคยเห็นพามาเปิดตัว แต่พวกพี่ชายเล่าว่าพี่คินชอบผู้หญิงคนหนึ่งแบบปักใจเลยนะ แต่ปิดเงียบมากทุกวันนี้ยังไม่รู้เลยว่าคนนั้นเป็นใคร” “ว้า อดใส่ใจเลย” “ใส่ใจกับเสือกมันต่างกันตรงไหน?” “โธ่ พี่จันทร์อ่า” “ในบ้านพี่คินกับห้องนอนในที่ทำงาน พี่คินหวงมากเลยนะ” “ทำไมคะพี่จันทร์ หรือว่าโลกส่วนตัวสูง” “ไม่รู้สิ แต่พวกพี่ชายบอกว่ามีรูปผู้หญิงคนนั้นอยู่ในห้องพวกนั้นแหละ พี่คินไม่เคยปล่อยให้ใครเข้าไป” “แบบนี้นี่เอง” “ทำไมถึงสนใจเรื่องของพี่คินล่ะ แพ้หน้าตาคนหล่อหรือไง” “เปล่าสักหน่อย” เมลดาแสดงท่าทางกระเง้ากระงอดจนเจ้าจันทร์อดไม่ได้ที่จะบีบจมูกของแฟนสาวเบา ๆ “อย่าไปสนใจเลยไม่เกี่ยวอะไรกับเรา” “รับทราบค่ะ พี่จันทร์เดี๋ยวเมลต้องกลับแล้วนะ พอดีเมลมีธุระกับที่บ้าน พ่อพาเมลไปดูตัวอีกแล้ว ไม่ไปก็ไม่ได้แต่ไม่ต้องห่วงเมลปฎิเสธเหมือนเดิม” “อ่อ! พี่ไม่ไปส่งนะ เดี๋ยวงานไม่เสร็จ” “รับทราบค่า ตั้งใจทำงานนะ สู้ ๆ” พอเมลดาคล้อยหลังจากประตูไปได้ไม่นาน เจ้าจันทร์ก็วางมือจากกองเอกสารทันที ก่อนจะพิมพ์ข้อความลงไปหาคนคนหนึ่ง “สนุกให้เต็มที่นะเมลดา แฟนเด็กของฉันอีกไม่นานก็จะหมดเวลาสนุกแล้วสิ” เจ้าจันทร์มองรูปของแฟนสาวด้วยความสมเพชและคว่ำกรอบรูปนั้นลงด้วยความรังเกียจ หยิบสเปรย์ปรับอากาศมาฉีดรอบห้องก่อนจะสูดกลิ่นหอมของส้มเข้าปอดพลางหลับตาลงช้า ๆ ด้วยความเหนื่อยล้า แต่หางตากลับมีหยาดน้ำใสไหลออกมา ภาคินทำไมต้องอยากได้คนรักของคนอื่น จะไปเอากับใครก็เอาไปสิแต่ทำไมต้องยุ่งกับผู้หญิงของน้องสาวที่ตัวเองปากบอกรักนักหนา เมลดาทำไมเธอช่างกล้าทำร้ายหัวใจของฉัน ทั้งที่รักเธอคนเดียวมาตลอด ยอมอดทนทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อความรักของเรา ทำไมถึงไม่ยอมจับมือและผ่านมันไปด้วยกัน เหตุผลอะไรถึงได้ใจร้ายใจดำกันได้ลงคอ เจ้าจันทร์นอนน้ำตาไหลพรากอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เพราะทั้งชีวิตไม่เคยมีใครทำให้เสียใจขนาดนี้มาก่อน การตกหลุมรักใครสักคนมันง่ายมากแต่การตัดใจทำไมถึงได้ทรมานเจียนตายขนาดนี้ เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยออดอ้อน และความหลอกลวงทำให้เจ้าจันทร์ปาดน้ำตาทิ้งก่อนจะลุกกลับมานั่งทำงานเหมือนเดิมและทำเหมือนว่าเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่ออยู่กันสองคนภาคินที่มีสีหน้าเรียบนิ่งไร้ความรู้สึกก็เดินเข้ามายืนตรงหน้าของหญิงสาวที่ก้มหน้าลง เธอก้าวถอยหลังเพราะตั้งรับกับสถานการณ์ตรงหน้าไม่ทัน ร่างเล็กตัวสั่นเหมือนลูกนกที่พลัดออกจากรังชายหนุ่มใช้สองแขนคร่อมเหนือร่างเพื่อกันไม่ให้เจ้าตัวหนีไปไหน ก่อนจะโน้มหน้าลงไปกระซิบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ “เห็นพี่โง่เป็นควายขนาดนั้นเลยใช่ไหมถึงปั่นหัวกันแบบนี้ เจ้าจันทร์คนดีบอกให้พี่ชื่นใจหน่อยสิ”เจ้าจันทร์ที่รู้ว่าภาคินกำลังโกรธจึงเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมหยดน้ำตาที่ไหลไม่ขาดสาย “เจ้าขอโทษพี่คิน ฮือ..ขอโทษ แต่เจ้าไม่ผิด พี่เป็นชู้กับแฟนเจ้าจริงนี่ เจ้าเจ็บ เจ้าอยากแก้แค้นบ้างเจ้าผิดตรงไหน”ภาคินได้ฟังสิ่งที่อีกคนพูดออกมาก็โมโหจนขบฟันกรามแน่น เขาก้าวถอยหลังและเดินไปปิดประห้องน้ำก่อนจะดันร่างของหญิงสาวจนติดผนังห้องน้ำ“พะ พี่คิน” เจ้าจันทร์ดิ้นสุดแรงเกิดเพราะรู้ว่าตัวเองจะไม่รอด“เก่งมากเลยนะ เก่งเหลือเกินทำร้ายหัวใจพี่ได้ตลอดเวลา ที่ผ่านมาพี่ยังอดทนกับเธอไม่พอหรือไง จะเหยียบพี่ให้จมดินเลยใช่ไหม”“ไม่ใช่แบบนั้น เจ้าไม่ได้คิดแบบนั้น” เธอส่ายหน้าปฏ
เจ้าจันทร์ขับรถมาจอดหน้าร้านเพื่อซื้ออาหารเป็นมื้อเที่ยงให้ชายหนุ่ม เธอเลือกข้าวหน้าเป็ดและเค้กสามชิ้นเป็นของหวานและน้ำผลไม้ล้างปาก หลังจากที่ซื้อเสร็จก็ขับรถไปบริษัทของภาคินทันที สองเท้าก้าวเข้ามาบริษัทที่คุ้นเคย ทักทายพนักงานไปตลอดทางด้วยรอยยิ้มแจ่มใสก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์พออยู่ในลิฟต์รอยยิ้มหวานก็หายไปทันทีกลับถูกแทนที่ด้วยใบหน้าที่เฉยเมยและว่างเปล่า จนกระทั่งประตูลิฟต์เปิดออก เธอก็ก้าวออกไปทันทีและทักทายเลขาหน้าห้องด้วยความคุ้นเคยพร้อมของฝากเป็นเค้กหนึ่งชิ้น มือเล็กเปิดประตูเข้าไปกลับเห็นฉากที่ทั้งสองคนกำลังเกี่ยวรัดกันและรีบผละตัวออกจากกันเมื่อเห็นเธอเดินเข้ามา “ขอโทษที่ขัดจังหวะค่ะพอดีเอาข้าวเที่ยงมาให้ แต่คงไม่ต้องกินแล้วเนอะดูท่าจะอิ่มแล้ว” พูดจบก็หันหลังเดินหนีทันทีทำให้ภาคินรีบวิ่งมาคว้าข้อมือไว้“เจ้ามันไม่มีอะไรครับ เจ้ากินข้าวกับพี่ก่อนนะครับคนดี”“แต่พี่คินมีแขกนี่คะเจ้าไม่อยากรบกวน”“ไม่รบกวนเลยครับ ไม่เลย” เมลดาที่มองเห็นภาพที่ทั้งสองคนง้องอนกัน ก็รู้ทันทีว่าเจ้าจันทร์ต้องการจะทำอะไร เธอได้แต่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ภายในไม่ให้มันแส
แสงอาทิตย์วันใหม่ที่สาดส่องลงมาทำให้ภาคินต้องยกมือบังหน้า ก่อนจะลุกไปปิดผ้าม่านทำให้ห้องทึบอีกครั้งก้มลงมองดูนาฬิกาข้อมือบ่งบอกว่าตอนนี้เจ็ดโมงเช้าแล้ว เขารีบเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการตนเองและเร่งฝีเท้าไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมตัวทำอาหารเช้าให้อีกคน แต่ไม่นึกว่าจะได้เห็นน้องสาวเพื่อนที่เขาเอ็นดูอยู่ในส่วนลึกจะมาจับตะหลิวทำครัวแบบนี้ ร่างบางที่หยิบจับนู่นนี่ด้วยความคล่องแคล่วทำให้ภาคินมีความสุขที่ได้แอบมองอยู่ตรงนี้ “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่คิน” เจ้าจันทร์ที่หันมาเจอภาคินก็ทักทายด้วยรอยยิ้มสดใส “อรุณสวัสดิ์ครับเจ้า” ภาคินตอบรับรอยยิ้มของเจ้าจันทร์ด้วยคำทักทายเช่นกัน สองเท้าก้าวมาข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีตอนอยู่ตรงหน้าเจ้าจันทร์ที่ห่างกันแค่คืบ ซึ่งไม่แตกต่างจากหญิงสาวที่เฝ้ามองการกระทำของภาคินด้วยใจที่ว้าวุ่นจนแทบจะห้ามตัวเองไม่อยู่ “หิวหรือยังเอ่ย เจ้าทำอาหารแบบง่าย ๆ นะคะกินก่อนไปทำงาน ของพี่คินเป็นไส้กรอกขนมปังไข่ดาวและกาแฟสูตรเดิม ส่วนของเจ้าเป็นข้าวผัด” “ต่อไปเจ้าทำแบบที่เจ้าชอบก็ได้ พี่กินอะไรก็ได้ไม่ได้เรื่องมากเท่าไหร่”
ภาคินรีบขับรถกลับมายังคอนโดทันทีที่ได้เห็นข้อความจากน้องสาวของเพื่อนว่าจะมากินข้าวด้วย ทำให้เขายกเลิกนัดกับเด็กในสังกัด จะมีใครสำคัญไปกว่าเด็กคนนี้อีกล่ะ และเป็นคนเดียวที่เขายอมทำทุกอย่างโดยไม่มีข้อแม้ ภาคินรีบขึ้นห้องและเก็บของในห้องทันที อะไรที่ไม่เข้าที่เข้าทางก็รีบเคลียร์พื้นที่ทุกอย่างให้มันเรียบร้อย หลังจากเช็กสภาพห้องเสร็จก็รีบลงไปรอที่ลานจอดรถทันที ครั้นพอเห็นรถยนต์สีดำแค่มองก็รู้แล้วว่าเจ้าของรถเป็นใคร ทันทีที่รถจอดนิ่งเขาก็พุ่งเข้าหารถคันนั้นทันที “อุ๊ย! ตกใจหมดเลยพี่คิน ทำไมเหงื่อออกเยอะขนาดนี้ วิ่งมาใช่ไหมคะเนี่ย คิกคิก” เจ้าจันทร์ทักทายชายหนุ่มที่วิ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว อดไม่ได้ที่จะยื่นปลายนิ้วไปเช็ดเหงื่อออกให้อย่างใส่ใจ ทันทีที่ปลายนิ้วของหญิงสาวสัมผัสบริเวณหางคิ้ว ภาคินก็ตัวแข็งทื่อจนทำตัวไม่ถูก ใบหน้าขึ้นริ้วสีแดงจนลามไปถึงใบหู “หยอกพี่เล่นอีกแล้วเห็นใจคนแก่บ้างเถอะ หัวใจจะวายเอาได้นะ” “ขำขำนะคะ ซื้อกับข้าวมาหลายอย่างเลย มีขนมหวานของชอบพี่คินด้วย” “ขอบคุณครับ นึกถ
ภาคินกำลังอ่านรายงานที่เลขาสรุปมาให้ก็ขมวดคิ้วไม่หยุด ได้แต่ทนอ่านรายงานต่อไป สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าไม่สามารถร่วมงานกับบริษัทที่ทำงานห่วยแตกแบบนี้ได้เลย “ยกเลิกซะ และจ่ายค่าเสียเวลาไป” “รับทราบค่ะ บอสคะทางคุณแม่ของคุณเมลดาเชิญบอสไปทานข้าวที่บ้านค่ะ” “ไม่ไป วุ่นวายซะจริง” “เดี๋ยวดิฉันจะรีบจัดการให้เลยค่ะ บอสหายห่วงได้เลยค่ะ” ภาคินที่ตรวจเอกสารเสร็จก็ส่งให้เลขาทันที จนเลขาเดินออกจากห้องไป เขาก็เคาะนิ้วกับโต๊ะเป็นจังหวะอย่างคนใช้ความคิด “ล้ำเส้นซะจริง คิดว่าลูกสาวเป็นคู่นอนฉันและจะทำอะไรตามอำเภอใจได้หรือไง น่าเบื่อ” ครืดดด ครืดดด ภาคินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและก็จ้องมองข้อความนั้น นานเท่าไหร่แล้วนะที่ไม่ได้คุยกัน เจ้าจันทร์ : มาหาเจ้าหน่อย เจ้าไม่สบาย เจ้าไม่สบาย เจ้านี่นะป่วย?! ภาคินมองไปด้านหลังก็เห็นหยาดฝนโปรยปราย เขาหยิบกุญแจรถและพุ่งตัวออกไปทันที ชายหนุ่มขับรถแวะตลาดใกล้คอนโดของเจ้าจันทร์ นานมากแล้วที่ไม่ได้ทำอะไรแบบนี้ เขาเดินสำรวจของที่จะซื้อและไม่ลืมของหวานที่คนป่วยชอบรวมทั้งยากับแผ่นแปะลดไข้ ก่อนจะติดผลไม้กลับไปด้วย ไม่กี่อึดใจรถก็เข้ามาจอดใต้คอนโด สองเท้ารี
เมลดาหลังจากที่ออกมาจากคอนโดของเจ้าจันทร์ก็ขับรถมุ่งหน้าไปยังบริษัทของภาคิน เธอเดินเข้าไปด้านในและกดลิฟต์ไปยังชั้นที่สามสิบห้า ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกก็เข้าไปหาประธานหนุ่มทันทีไม่จำเป็นต้องให้เลขารายงาน “วันนี้มาเร็วจังนะ คิดถึงหรือไง” ชายหนุ่มพูดจบพลางตบขาให้มานั่ง หญิงสาวเดินมานั่งบนตักอย่างว่าง่าย สองมือของชายหนุ่มบีบไปที่ต้นขาและลูบมันไปมาพร้อมกับสายตาที่บ่งบอกความต้องการ “คิดถึงไงคะเลยรีบมาหา พี่ภาคินไม่ดีใจหรือคะเนี่ย” “ดีใจสิ แค่เธอมาหาก็ดีใจแล้ว อยากกินอะไรหรือเปล่าสั่งได้เลย” “ยังไม่หิวเลยค่ะ อยากกินพี่ภาคินแทนจะได้ไหม” สายตาหวานเชื่อมออดอ้อนภาคินและซบหน้าไปบนอกแกร่ง “หึ! แล้วรออะไรอยู่ล่ะ พี่พร้อมตลอดเวลา” ทันทีที่ได้รับอนุญาตก็ไถตัวลงไปนั่งข้างล่างตรงกลางหว่างขาทันที สองมือเอื้อมไปปลดเข็มขัดและรูดซิปลงพลางควักท่อนเนื้อสีชมพูอ่อนที่ตอนนี้กำลังจะตื่นขึ้นมา “มองแบบนี้ระวังขาจะหุบไม่ได้นะคะคนดี” ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อแกมอารมณ์ดี ที่ได้แกล้งจนทำให้เด็กสาวคนนี้อ่อนระทวยกับคำหวานของเขา “ปากหวานจังเลยนะคะพี่ภาคิน แต่ทำตรงนี้จะดีหรือคะ เข้าไปทำในห้องนอนไ







