LOGINบรรยากาศภายในงานเลี้ยงครบรอบบริษัทเป็นไปอย่างครึกครื้น พนักงานทยอยกันเข้าร่วมไม่ขาดสาย เพราะนอกจากได้สังสรรค์แล้วยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ทำความรู้จักกับเพื่อนร่วมงานแผนกอื่น
ภายในงานยังเต็มไปด้วยของว่างนานาชนิด เครื่องดื่มเย็นฉ่ำ และซุ้มกิจกรรมต่างๆ ที่จัดไว้อย่างเป็นอันเอง แสงไฟประดับหลากสีสันกระพริบสลับไปมาอย่างมีจังหวะ ขับบรรยากาศให้คึกคักยิ่งขึ้น เสียงหัวเราะและบทสนทนาแว่วดังคลอไปทั่วบริเวณ
ท่ามกลางความสนุกสนานนั้น หญิงสาวร่างเล็กในชุดสูทรสุภาพยังคงวิ่งวุ่นอยู่แทบไม่หยุด เธอเดินถือวิทยุสื่อสารพลางเช็กคิวกิจกรรมจากโทรศัพท์ในมืออีกข้าง ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบงานราวกับกลัวว่าทุกอย่างจะหลุดออกจากแผนที่วางเอาไว้
แม้เหงื่อจะเริ่มผุดซึมตรงขมับ แต่เธอก็ยังยิ้มให้ทุกคนที่เดินเข้ามาทักทาย บางครั้งก็ต้องแวะไปช่วยดูเรื่องเวที บางครั้งก็ถูกตามไปดูป้ายที่หลุด หรืออาหารที่มาส่งล่าช้า ในขณะที่เพื่อนร่วมงานคนอื่นกำลังหัวเราะร่าอยู่ในงาน หญิงสาวกลับเป็นคนเดียวที่ไม่ได้พัก -ในฐานะแม่งาน ย่อมอยากเห็นงานออกมาราบรื่น ดังนั้นความรับผิดชอบต้องมาก่อนความสุขส่วนตัวเสมอ
ชายกลุ่มหนึ่งเดินขึ้นไปบนเวทีด้วยท่าทางสบายๆ ทว่ากลับมีกลิ่นอายน่าหลงใหลอย่างประหลาดออกมาจากพวกเขา แรงดึงดูดที่ยากจะอธิบายทำให้สายตาของผู้คนที่อยู่ใกล้กับเวทีต่างจับจ้องด้วยความสนใจ
ชายผมยาวปะบ่า รูปหน้าคมเข้ม โดยเฉพาะจมูกที่รับกับแนวกรามชัดเจน ทำให้ภาพลักษณ์ของเขาดูคล้ายคุณชายที่ปล่อยตัว มากกว่าจะเป็นผู้ชายเซอร์ๆ ทั่วไป หยิบไม้กลองขึ้นมาเคาะจังหวะเบาๆ ด้วยสีหน้าเฉยชา
และไม่ว่าใครที่กำลังฟังอยู่ต่างรู้สึกเหมือนจังหวะหัวใจโดนเคาะตามไปด้วย
เสียงเครื่องดนตรีอื่นๆ ดังตามกันมาในท่วงทำนองที่ติดหู
ไฟบนเวทีสว่างจ้า แสงสปอร์ตไลต์ส่องลงมาบนร่างสูงโปร่งราวกับจงใจ
แต่สำหรับคนที่จัดไฟเวทีจะรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ เขาแค่ยืนอยู่ตรงจุดนั้นพอดี
ใครคนนั้นถือกีตาร์ไฟฟ้า สวมเชิ้ตผ้าซาตินสีเข้ม ปลดกระดุมเผยให้เห็นกล้ามเนื้ออกบางส่วน ผ้าเนื้อลื่นแนบไปกับเรือนกายกำยำตามจังหวะการเคลื่อนไหวของนิ้วกับหัวไหล่
ยามสายลมพัดผ่าน ชายเสื้อบางเบาเผยอขึ้นเล็กน้อย เผยให้เห็นลอนกล้ามหน้าท้องแน่นตึงใต้แสงไฟ –แม้เพียงชั่ววินาทีแต่ชวนให้ใจเต้นจนยากจะละสายตา
เสียงกีตาร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนโดยปลายนิ้วแกร่งที่สอดประสานกับจังหวะเพลง เขาโน้มตัวเข้าหาไมโครโฟน ริมฝีปากแนบใกล้ เปล่งเสียงร้องท่อนแรกของบทเพลงในยุคปลาย 2000s ออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำชวนให้ขนลุก
ทั้งเนื้อร้องและท่วงทำนองที่ถูกดัดแปลงมาจากเพลง ‘Viva la Vida’ ไม่เพียงแต่ไพเราะ แต่ยังเต็มไปด้วยอารมณ์และเสน่ห์ดึงดูด โดยเฉพาะลำคอที่เคลื่อนไหวขณะลากเสียงสูง แสงไฟจับต้องไปยังแนวกรามและเส้นเอ็นใต้ผิวที่ขยับตามจังหวะการร้องอย่างเย้ายวน
‘วรรณนรี’ ยืนดูแลความเรียบร้อยอยู่ที่โต๊ะเครื่องดื่มข้างเวที ถูกเสียงเพลงสะกดตั้งแต่คำแรก
หัวใจเต้นระรัวเมื่อมองไปยังร่างสูงของคนบนเวที เขาคือ - ลุคคา ผู้บริหารหนุ่มไฟแรงและยังเป็นหัวหน้าของเธออีกด้วย
วรรณนรีไม่เคยเห็นเขาในเวอร์ชั่นนี้มาก่อน ปกติเขาเป็นคนเคร่งขรึมจริงจังกับทุกเรื่องโดยเฉพาะเรื่องงาน แทบจะไม่เคยแสดงความรู้สึกผ่านสีหน้าราวกับสวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลา
ทว่าในตอนนี้ เขากำลังยืนอยู่บนเวที เสียงร้องผสานเข้ากับท่วงท่าและแววตาเย้ายวนจนไม่น่าเชื่อว่านี่คือคนเดียวกับที่มักจะเข้มงวดกับเธอทุกวัน
เขามองไปยังเพื่อนร่วมวงด้วยรอยยิ้มชวนฝัน ความเข้าขากันที่ฝึกฝนมาหลายปีสาดประกายความมั่นใจออกมา นิ้วเรียวยาวบนกีตาร์ไฟฟ้าเคลื่อนไหวรวดเร็ว เสียงร้องของลุคคาเต็มไปด้วยแรงกระตุ้นที่ยากจะอธิบาย เพื่อนร่วมงานลุกขึ้น พยุงตัวโยกตามจังหวะเพลง
วรรณนรีเผลอกลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว ลุคคาในคืนนี้ช่างส่องสว่างเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ นอกจากใบหน้าที่กินขาดแล้ว เรื่องความสามารถก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาทั้งเก่ง ฉลาด มีพรสวรรค์ทางด้านครีเอทีฟอย่างแท้จริง ส่วนเธอก็แค่พนักงานธรรมดาๆ ที่เพิ่งจะบรรจุเท่านั้น ความรู้สึกห่างชั้นภายในใจของวรรณนรียิ่งขยายใหญ่ขึ้น เขากับเธอเหมือนอยู่กันคนละโลกไม่มีผิด
แต่ว่า... มีใครบ้างที่ไม่มองดวงอาทิตย์ แม้จะรู้ว่าดีว่าหากไม่ระวังหรือเข้าใกล้มากเกินไปอาจจะโดนแผดเผาจนมอดไหม้เป็นจุณก็ตาม
วรรณนรียังคงจ้องคนบนเวทีตาไม่กะพริบ ราวกับโดนล้างสมองไปแล้วเรียบร้อย
“บอสนี่สุดยอดเนอะ”
น้ำเสียงตื่นเต้นปนชื่นชมดังขึ้นข้างๆ วรรณนรีรู้สึกตัวทันที รีบเก็บอาการแล้วชำเลืองมองคนที่จู่ๆ ก็เดินมาขนาบข้างแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง
“ไง ตกหลุมรักแล้วสิ” เธอก็คือริกะ... เพื่อนร่วมงานที่วรรณนรีนับถือ
วรรณนรียังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกมาก็ต้องเลิ่กลั่ก เพราะคำแซวไม่มีปี่มีขลุ่ยของอีกฝ่าย หรือว่าเธอจะแสดงออกชัดเจนเกินไป
“อาจารย์ล้อเล่นแล้วค่ะ”
เพราะริกะรับหน้าที่สอนงานให้ตอนที่วรรณรีเข้ามาทำงานครั้งแรก จึงเรียกเธอว่าอาจารย์เพื่อเป็นการให้เกียรติอีกฝ่าย
“ฮ่าๆ คนบางคนก็ไม่ควรตกหลุมรัก แต่ถ้าแค่แก้ขัดก็คงได้... ถ้าจะสารภาพรักก็ต้องตอนนี้แหละ”
ริกะล้อเล่นพร้อมผลักไหล่วรรณนรีเบาๆ
“อย่าเลย วันนี้คนอยากสารภาพรักเยอะเกิน”
วรรณนรีหัวเราะเบาๆ พลางส่งสายตาไปยังพวกสาวๆ ที่กำลังจ้องลุคคาบนเวทีด้วยแววตาเปล่งประกาย แต่ละคนเหมือนอยากจะเขมือบเขาเข้าไปทั้งตัวแหนะ
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ววรรณนรีไม่กล้าแย่งชิงจริงๆ
แต่กระนั้นเหมือนมีแวบหนึ่งที่คนบนเวทีมองมาทางนี้ สบตาเธอเข้าโดยบังเอิญ หัวใจวรรณนรีถึงกับเต้นกระหน่ำ ผิวแก้มร้อนผะผ่าว รู้สึกเหมือนกำลังโดนล่อลวงเข้าสู่กองไฟยังไงยังงั้น
ความคับแน่นคลายออก ด้านบนเรือนกายรู้สึกโล่งเบา อารมณ์หวิวโหวงแวบเข้ามาไม่นานก็ถูกแรงกระชากดึงความสนใจ รู้ตัวอีกที เธอก็ขึ้นมานั่งอยู่บนเอวหนาแล้ว “อื้อ~ อ๊ะ...” ฝ่ามือเล็กประกบแผ่นอกหนา เสื้อยืดแบรนด์ดังให้สัมผัสที่ไม่จริงใจนัก วรรณนรีถือวิสาสะ ดึงเสื้อเขาขึ้น ตัวลุคคาเองก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ยกแขนให้วรรณนรีถอดเสื้อสะดวกๆ ลำตัวท่อนบนเปลือยเปล่า เผยให้เห็นรอนซิกแพกตึงแน่น ร่องลึกของกล้ามเนื้อลากยาวหายลงไปใต้ขอบกางเกง วรรณนรีสายตาพร่าเบลอไปกับความสมบูรณ์แบบตรงหน้า แม้จะเห็นมานัดต่อนัดแล้วแต่ก็ไม่เคยชินสักที หัวใจหญิงสาวเต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุม ลากปลายนิ้วลงมาถึงสะดือแล้วหยุด ดวงตาเรียวกลมเหลือบมองใบหน้าหล่อเหลา ราวกับรอให้เขาตอบรับอะไรบางอย่าง “ถอดสิ” “....” แก้มเนียนเห่อร้อน ซับสีเลือดฝาด เกี่ยวขอบกางเกงวอร์มเขาลง อะไรที่ควรงอกก็งอกออกมา วรรณนรีกลืนน้ำลายเอือก มองแก่นกายที่ตั้งตรงชี้เพดาน รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ทว่าช่วงล่างของเธอก
วงแขนเล็กเรียวโอบรอบลำคอแกร่ง ซุกกายเข้าหาไออุ่นจากร่างหนา จิตใจล่องลอยไปกับรสจูบที่เต็มไปด้วยแรงอารมณ์ กลิ่นอายเร่าร้อนปะทุท่วม บนเตียงราวกับมีไฟลุกโชน เหงื่อเม็ดเล็กผุดซึมเบาบาง ยังไม่ทันเข้าด้ายเข้าเข็ม วรรณนรีก็ร้อนไปทั้งตัว หว่างขาอุ่นชื้นตอบสนองความต้องการที่ถูกปลุกเร้า เสียงครางสั่นสะท้านดังคลอเป็นระยะ แรงบีบไล้จากฝ่ามือหนาลากผ่านแขนลงข้างลำตัว บีบคลึงเนินสะโพกด้านข้าง เจตนาชัดเจน “อือ~” ดวงหน้าหวานผละหน้าออก อ้าปากเอาลมหายใจเข้าเต็มปอด หน้าอกกระเพื่อมสูง หน้าท้องยุบต่ำเมื่อระบายลมหายใจออก เป็นภาพที่ชวนให้คนมองเห็นแล้วรู้สึกคลั่งไคล้ ยากที่จะไม่สัมผัส เสื้อผ้าบนตัวถูกปลดเปลื้องไปทีละชิ้น ลุคคาค่อยๆ ใช้ปลายลิ้นสำรวจร่างกายวรรณนรีแบบไม่รีบร้อน เริ่มจากทรวงอก ลงมาถึงหน้าท้องแบนราบ ริมฝีปากร้อนผ่าวกดลงหนักๆ บนเนินสามเหลี่ยม ร่างบางสะดุ้งเฮือก เรียวขาอ้าออก มือขยุ้มผ้าปูที่นอนอย่างกลั้นเสียว “ยะอย่าค่ะ อะอ๊า...” เธอห้ามเพราะไม่ได้ทำความสะอาด
“เก็บไว้ใช้” เขาไม่รอให้เธอรับเอง แต่เลือกวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง ถือว่าได้ให้แล้ว ส่วนเธอจะจัดการยังไงก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว วรรณนรีสะกดข่มความโกรธเคืองเอาไว้ มองลุคคาที่ตอนนี้ใส่ชุดลำลองเสื้อยืดคอกลมสีเทาธรรมดากับกางเกงวอร์มขายาวสีดำ กลิ่นหอมสะอาด ท่าทางสบายใจดี ในอกก็ระคายเคืองขึ้นมาแปลกๆ “ถ้าไม่มีอะไร คุณกลับไปเถอะ ฉันอยากอยู่คนเดียว” “วรรณนรี แยกแยะหน่อย” “ฉันไม่ใช่คนเก่งแบบคุณที่แยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานได้ชัดเจน ให้เวลาฉันหน่อย” “ประชดให้ได้อะไร” “ใครประชด” “หรือไม่ใช่” “....” เธอสูดหายใจลึก นัยน์ตาร้อนผ่าว มองความมั่นหน้าของลุคคาแล้วก็รู้สึกเหมือนอกจะแตก ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องมายืนบีบคั้นเธอแบบนี้ “อืม คุณจะคิดยังไงก็ได้ ตอนนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี คุณกลับไปก่อน ไว้ค่อย... อ๊ะ” เธอโดนเขาฉุดแขน ดึงเข้าไปสวมกอดโดยไม่ตั้งใจ พลั่ก... แผ่นหลังวรรณนรีกระแทกกับแผงอกแกร่ง ความรู้สึกอุ่นวาบแผดซ่านไปทั้งตัว แต่ก็แค่ชั่ววู
วรรณนรีออกจากห้องประชุมคนสุดท้าย เดินเหมือนคนไร้วิญญาณ รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดอยู่ที่ห้อง HR หรือ ‘ฝ่ายบุคคล’ แจ้งเรื่องกับ HR เสร็จ ก็เดินเหม่อกลับมาที่แผนกของตัวเอง สายตาของเพื่อนร่วมทีมมองมาที่เธอ ต่างก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจากการสอบถามจากมารุตก่อนหน้านี้ “วรรณนรี” ริกะเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นมาปลอบ เดินมาประคองวรรณนรีไปนั่งที่โต๊ะ “ขอโทษนะ ฉันเป็นหัวหน้าแท้ๆ แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย” “อาจารย์ไม่ต้องขอโทษหรอกคะ ไม่ใช่ความผิดของคุณเลย” “มีอะไรให้ช่วยก็บอกได้เลยนะ” จิราพรที่นั่งข้างๆ เอ่ยขึ้นด้วยความจริงใจ “ขอบคุณค่ะ” วรรณนรีฝืนยิ้มอย่างคนเข้มแข็งให้ทั้งคู่ ก่อนจะเหลือบมองเพื่อนอีกสองคนที่นั่งฝั่งตรงข้าม มารุตกับญาดา... สองคนนี้ไม่พูดอะไรสักคำ ข้างในใจเธอเดือดปุดๆ อยากลุกขึ้นจิกหัวมารุตกระแทกกับโต๊ะแรงๆ แล้วตะโกนถามว่า ‘โยนขี้ให้คนอื่น ไม่อายบ้างเลยหรือไง’ แต่นั่นแหละ เธอได้แค่คิด แต่คงทำจริงๆ ไม่ได้ เว้นแต่อยากเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ วรรณนรียังไม่ปีกกล้าขาแข็งขนาดนั้น
บรรยากาศในกองถ่ายระอุไม่แพ้แดดข้างนอก เสียงลูกค้ากับทีมงานโต้เถียงกันจนหาข้อยุติไม่ได้ สุดท้ายหวยก็มาออกที่ AE เจ้าของโปรเจกต์ที่ลูกค้าเลือก วรรณนรีและมารุตถูกเรียกตัวด่วนในบ่ายวันเดียวกัน ผู้เกี่ยวข้องทุกคน หัวหน้าทีมครีเอทีฟ ฝ่ายโปรดักชั่นผู้ช่วยผู้กำกับ ฝั่งของลูกค้าเองก็มา...และคนสำคัญที่เดิมทีมีธุระข้างนอก แต่เพราะปัญหาที่เคลียร์กันไม่จบนี้ ทำให้เขาต้องกลับมาแก้ไข คนที่ว่านี้ก็คือลุคคา“ตุ๊กผิดเองค่ะที่ไม่ได้ตรวจสอบบรีฟก่อนยื่น” หัวหน้าทีมครีเอทีฟของโปรเจกต์นี้ออกตัวก่อนหลังจากถกเถียงกันมาสักพักใหญ่ลูกค้าหัวเสียที่บรีฟสลับ โปรดักชั่นก็หงุดหงิดที่ต้องหยุดถ่ายทำกลางคันวรรณนรีเหลือบมองคนพูด ช่างแกล้งแสดงได้เนียนจริงๆ นึกถึงท่าทีหยิ่งยโสที่หน้าลิฟต์ตอนนั้น ก็รู้แล้วว่าคุณตุ๊กตาคนนี้ไม่ถูกชะตาเธอ“แล้วตกลงจะยังไง สรุป!?” ทรงกิตต์ไม่สนว่าใครผิดใครถูก แค่อยากได้คำตอบ จะถ่ายงานต่อหรือไม่ถ่าย หน้าที่โปรดักชั่นมีแค่นี้จริงๆ การที่ต้องมาเสียเวลาเพราะความสับเพร่าของแผนกอื่นทำเขาโมโหจนควันออกหู“ฉันยังยืนกรานว่าชอบงานของคุณวรรณนรี และฉั
ลุคคา : คืนนี้น่าจะดึก ไม่ต้องรอ ข้อความเด้งขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์ที่วางหงายอยู่ข้างมือบนโต๊ะทำงาน วรรณนรีกำลังขีดเขียนเนื้องานคร่าวๆของสินค้าตัวใหม่บนสมุดโน้ต เหลือบเห็นแวบๆ ก็ลากนิ้วปัดแบบขี้เกียจ ยิ่งพอเห็นว่าเขาส่งอะไรมา ก็ยิ่งเบื่อเซ็งไปอีก เธอย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านกับลุคคาได้ประมาณอาทิตย์หนึ่งแล้ว แน่นอนว่าหลายๆ อย่างยังไม่เข้าที่เข้าทาง แต่ก็ค่อยๆ ปรับตัวกันไป ยอมรับว่าเธอตื่นเต้นและทำตัวไม่ถูกกับการย้ายมาอาศัยกับเขาในฐานะ







