ห้องรับรองแขกบนชั้นลอยของบาร์หรูแห่งหนึ่ง เป็นพื้นที่ซึ่งถูกสงวนไว้สำหรับแขกระดับสูงของร้านเท่านั้น ภายในถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่เพียงแค่มองก็สามารถรับรู้ได้ทันทีถึงความหรูหราของเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของต่าง ๆ ที่ใช้ตกแต่งอยู่ภายใน
บรรยากาศห้องดูสลัวไม่ชัดเจน มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟทองเหลืองทรงสูงตั้งพื้นที่มุมทั้งสองด้านหน้าห้องกับแสงสว่างจากบาร์ชั้นล่างที่ลอดผ่านผนังกระจกบานใหญ่ติดฟิล์มหนาซึ่งเป็นฟิล์มที่คนด้านนอกห้องรับรองไม่สามารถมองเข้ามาเห็นคนด้านในได้
ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยังอยู่ในชุดสูทราคาแพงตามปกติที่ผู้คนมักพบเห็นเขาได้ตามนิตยสารหรือสื่อออนไลน์เชิงธุรกิจราวกับเป็นเครื่องแบบประจำตัว มือข้างหนึ่งยกแก้วไวน์ขึ้นจิบไปอึกใหญ่ องุ่นหมักอย่างดีการันตีด้วยราคาที่สูงลิบถูกกลืนลงลำคอใหญ่อย่างรวดเร็วโดยที่คนดื่มไม่คิดจะดื่มด่ำรสชาติชั้นเลิศของมันเลยสักนิด
ดวงตาคมหลุบต่ำมองลงไปยังชั้นล่างของบาร์หรูร้านประจำที่เขามาแทบทุกอาทิตย์ อติกานต์สูดลมหายใจเข้าลึกมองตามชายหนุ่มผมสีทองสว่างโดดเด่น ชายคนนั้นมีรูปร่างเพรียวบาง ใบหน้าหวานหยด หากแต่มีความสูงเกือบ 190 เตี้ยกว่าเขาเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
ทุกการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มผมทองถูกจับจ้องจากสายตาของอติกานต์ผ่านผนังกระจกของห้องรับรองซึ่งสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ขาเพรียวภายใต้กางเกงหนังขาม้าสีดำเงาค่อย ๆ ก้าวขึ้นบันไดวนผ่านพนักงานร่างใหญ่กล้ามโตใบหน้านิ่งเฉยมาได้อย่างง่ายดายซึ่งปลายทางของบันไดจะนำคนผู้นั้นขึ้นมาสู่ชั้นลอยของร้าน
เมื่อเขาขึ้นมาถึงช่วงกลางของบันได ใบหน้าสวยก็เงยขึ้นมามองยังผนังกระจกก่อนจะยกยิ้มมุมปากทักทายราวกับรู้อยู่แล้วว่ามีคนกำลังเฝ้ามองเขาอยู่ด้านหลังกระจกฟิล์มหนานั้น
อติกานต์พ่นลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์นักกับรอยยิ้มและย่างก้าวของเจ้าของเรียวขาสวยซึ่งค่อย ๆ เหยียบลงบนขั้นบันไดที่เหลืออย่างเชื่องช้าราวกับกำลังยั่วโมโหเขาให้หมดความอดทน
ไม่นานเสียงเคาะประตูห้องรับรองก็ดังขึ้น อติกานต์ตอบอนุญาตไปเพียงสั้น ๆ โดยไม่แม้แต่จะหันไปดูผู้มาใหม่ หลังเสียงปิดประตูดังขึ้น อติกานต์ถึงได้หันความสนใจกลับมายังภายในห้องรับรองอีกครั้ง และชายหนุ่มผมสีทองสว่างก็นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาเดี่ยวเรียบร้อยแล้ว
“ลีลาจังวะ ให้เด็กไปตามตั้งนานแล้วยังมัวแต่เดินโปรยเสน่ห์ไปทั่วบาร์ เด็กนายคนเมื่อวานก่อนไม่เด็ดพอหรือไง ถึงต้องพยายามตกเหยื่อใหม่” อติกานต์เดินมานั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ใจกลางห้อง
ชายหนุ่มผมทองคนนี้คือเจ้าของบาร์หรูหลายแห่งในกรุงเทพ ชื่อของ ไดจิ เพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็กของอติกานต์ไม่ได้เป็นที่รู้จักกว้างขวางเท่ากับเขาก็จริง หากแต่ในวงการสีเทาและวงการรสนิยมความชอบพิเศษเกี่ยวกับเซ็กซ์ไดจิถือว่าเป็นเบอร์ต้น ๆ
“ฉันไม่ชอบความจำเจ เซ็กซ์มันจะสนุกก็ต่อเมื่อได้ลองอะไรใหม่ ๆ เท่านั้นแหละ ความจริงนายไม่น่าถามฉันนะกานต์ นายก็รู้ถึงความสนุกนั้นดีนี่” ไดจิเอนหลังลงทิ้งน้ำหนักกับพนักโซฟาพลางจิบไวน์ด้วยท่าทีสบายใจ ไม่สนว่าอติกานต์เพื่อนสนิทของตนจะมองด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ขนาดไหน
“พูดมาก” อติกานต์เอ่ยเสียงนิ่ง
“หึ โทษที ฉันก็ลืมไปว่านายเลิกเล่นสนุกแล้วหลังจากไปตกหลุมรักหนุ่มเนิร์ดที่เป็นมนุษย์ออฟฟิศก่อนจะถูกหักศรรักดังเป๊าะ แล้วกลับมานั่งชักว่าวคนเดียวเหงา ๆ กับดาวโอนลีแฟนที่ชาติกว่าถึงจะมาอัปรูปสักที”
“ไดจิ ถ้านายยังพูดมากอยู่อีก ฉันจะสั่งทุบบาร์นายให้เกลี้ยง”
ไดจิรู้ดีว่าคนอย่างอติกานต์ไม่เคยเอ่ยคำขู่เพียงลมปากให้เปลืองน้ำลาย เพื่อนสนิทเขาคนนี้สามารถทำแบบนั้นได้จริง ๆ หากเจ้าตัวต้องการ แต่ไดจิก็สนิทมากพอจะรู้ว่าคำขู่เรื่องทุบบาร์ของเขานั้นเป็นเพียงคำเอ่ยปรามให้เขาหยุดพูดจายั่วโมโหอีกฝ่ายเท่านั้นจึงไม่รู้สึกว่าตัวเองต้องหวั่นกลัวอะไรในคำพูดของเพื่อนคนนี้
“ดุจัง อะไรทำให้คุณอติกานต์ผู้ยิ่งใหญ่อารมณ์เสียได้ขนาดนี้เนี่ย แหม...เดาไม่ถูกเลย”
คำพูดที่ฟังดูเหมือนยอมจบสงครามกวนประสาทของไดจิไม่ได้ทำให้อติกานต์รู้สึกเย็นลงเลยแม้แต่น้อย เพราะคนพูดยังคงลอยหน้าลอยตาแถมมองเขาด้วยสายตารู้ทันราวกับอ่านความคิดเขาได้ทั้งหมด
นี่คือข้อเสียของการมีเพื่อนที่รู้สันดานกันมาเกือบ 30 ปี
ยังไม่ทันได้จัดการนิสัยติดเล่นของเพื่อนสนิทอีกครั้ง เสียงเคาะประตูห้องรับรองก็ดังขึ้น ชายหนุ่มหัวทองเอ่ยอนุญาตโดยไม่หันมาถามลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของห้องรับรองในค่ำคืนนี้อย่างอติกานต์เลยสักนิด
เด็กหนุ่มหน้าอ่อนที่อติกานต์คาดเดาเอาเองในใจว่าคงยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เป็นแน่เดินตรงเข้ามากลางห้อง พนักงานหนุ่มของบาร์ซึ่งเป็นคนเดินมาส่งแขกคนใหม่โค้งหนึ่งทีก่อนที่จะหายไปจากสายตาของคนภายในห้องรับรองพร้อมบานประตูที่ปิดลง
เด็กหนุ่มผิวน้ำผึ้งเนียนสวยค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมซีทรูที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าข้างใต้นั้นร่างเล็กสวมเพียงชุดบอดีสูทสีดำเว้าสูงจนแทบไม่ได้ปกปิดอะไร
“มานั่งตรงนี้สิกระต่ายน้อยของฉัน”
ไดจิตบฝ่ามือลงบนหน้าขาของตนเองสองสามที แขนยาวอ้ารับร่างเพรียวไปโอบไว้เมื่อก้นงอนซึ่งมีบัตปลั๊กหางกระต่ายสีขาวเสียบไว้ที่ช่องทางด้านหลังหย่อนลงบนตักเจ้าของบาร์อย่างว่าง่าย
“ไอ้จิ มึงจะเรียกเด็กมาทำไมวะ กูก็บอกมึงแล้วว่าวันนี้มีเรื่องจะคุยด้วย” อติกานต์วางแก้วไวน์ในมือลงบนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาไม่เบานัก ดวงตาคมจ้องมองไปที่เพื่อนสนิทอย่างต้องการคำตอบ
“พูดได้น่า กระต่ายตัวนี้กูฝึกจนเชื่องแล้ว ไม่ใช่เด็กที่กูเกี่ยวมานอนเล่นแก้เบื่อสักหน่อย นี่สัตว์เลี้ยงประจำเตียงกูเลยนะโว้ย”
เมื่อเห็นว่าอติกานต์เริ่มขึ้นกูมึง ไดจิจึงรีบอธิบายถึงที่มาที่ไปของกระต่ายน้อยเอวหวานที่นั่งบดหางกลม ๆ กับตักเขาไม่ยอมหยุด จนไดจิต้องตักเตือนไม่ให้สัตว์เลี้ยงของตนทำตัวซุกซนในยามที่เจ้านายกำลังพูดคุยกัน
ฝ่ามือเรียวยาวขาวสวยของไดจิสะบัดลงที่หน่อสืบพันธุ์ของเจ้ากระต่ายไม่แรงมากนัก แต่ก็ทำให้เด็กซนหลุดครางออกมาก่อนจะยอมหยุดสะโพกแล้วทิ้งน้ำหนักเอนตัวอิงแอบไปกับบ่าของเจ้าของ ทำตัวเหลวราวกับกระดูกสันหลังได้ถูกเลาะออกไปหมดแล้ว
“อยากมากก็ไปเอากันให้จบ ๆ ไว้คุยกันวันหลัง”
“เดี๋ยว ๆ มึงใจเย็นสิวะไอ้กานต์ นี่มึงหัวเสียเรื่องอะไรเนี่ย กูไม่ได้ติดสัดขนาดที่ต้องผสมพันธุ์ทุกครั้งที่มีอีกฝ่ายให้คร่อมทับนะโว้ย ไหน...อะไรกวนใจเพื่อนกูขนาดนี้ พูดมา”
ไดจิรีบเอ่ยรั้งเมื่ออติกานต์ทำท่าจะลุกออกไปจริง ๆ
“คนนี้ไว้ใจได้ มึงพูดมาเถอะ เออ ๆ กูให้เด็กมันออกไปก่อนก็ได้วะ มึงพอใจหรือยัง” ไดจิแตะที่เอวของกระต่ายน้อยบนตัก ยังไม่ทันที่สัตว์เลี้ยงแสนเชื่องจะลุกขึ้นลูกค้า VIP เจ้าของห้องรับรองในค่ำคืนนี้ก็เอ่ยท้วงขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่ต้องหรอก...นายจำเรื่องเด็กคนนั้นที่ฉันชอบได้ใช่ไหม”
“หนุ่มออฟฟิศ?”
“อือ ก็มีคนเดียวนั่นแหละที่ทำให้ชีวิตฉันเซไปได้ขนาดนั้น”
อติกานต์ยังจำความรู้สึกในวันนั้นได้เป็นอย่างดี ในวันที่ทุกอย่างระหว่างเขาและทิพากรไปได้ด้วยดี ตลอดช่วงเวลาที่เขาทั้งคู่ได้ลองศึกษากันดูมันไม่มีสัญญาณอะไรบอกเลยว่ามันจะจบไม่สวย จนกระทั่งวันที่เขาคิดว่าเขาพร้อมและมั่นใจว่าจะได้รับคำตอบรับรักกลับมาอย่างแน่นอน คำสารภาพรักของเขากับถูกปฏิเสธด้วยคำพูดเพียงสั้น ๆ เพียงประโยคเดียวแล้วทิพากรก็เดินหายไปจากชีวิตเขาตั้งแต่เย็นวันนั้น
‘ผมรับความรู้สึกของคุณกานต์ไม่ได้หรอกครับ คุณกานต์ดีเกินกว่าจะมาคบกับคนแบบผม’
ดีเกินไป!
เป็นครั้งแรกเลยที่เขาโดนปฏิเสธ แถมยังโดนปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าดีเกินไปอีกต่างหาก
ในวันนั้น หากสามารถทำได้อติกานต์อยากจะรั้งทิพากรเอาไว้แล้วสาธยายความชั่วร้ายของตัวเองให้ฟัง เขาจะบอกทิพากรว่ามือคู่นี้เขาฟาดก้นนุ่มจนขึ้นสีแดงช้ำมาไม่รู้เท่าไหร่ เข็มขัดหนังเงาวับของเขาก็ใช้รัดมือรัดเท้ามาไม่รู้ตั้งกี่คู่
คนที่ทิพากรบอกว่าดีเกินไปอย่างเขาแท้จริงแล้วต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อควบคุมความต้องการและความชอบส่วนตัวยามเมื่อได้ลงสนามบนเตียงใหญ่ เพียงเพื่ออยากเป็นคนปกติธรรมดาคนหนึ่งแล้วเริ่มความสัมพันธ์ที่แสนธรรมดากับคนที่ตัวเองตกหลุมรักสักครั้ง
ใครจะไปคิดว่าการที่เขาพยายามปรับเปลี่ยนความชอบ มาดูแลและตั้งใจรักคนคนหนึ่งจะกลายเป็นคนดีเกินไปจนถูกปฏิเสธ ถ้าหากเขาบอกตัวตนที่ซ่อนไว้กับทิพากร จะเลวหรือน่ากลัวเพียงพอที่ทิพากรจะตอบรับรักเขาไหม
หรือ...จะเลวเกินไปอีก
“แล้วมันยังไง เขากลับมาขอโอกาสนายอีกหรือไง” ไดจิเอ่ยถาม
“ไม่หรอก เขากลับมาอยู่ในสายตาฉันอีกครั้งก็เท่านั้น”
“มาอ่อยนายอีกรอบชัวร์ ไม่แปลกหรอกถ้าเกิดจะนึกเสียดายนายทีหลัง คุณอติกานต์เพื่อนผมไม่ใช่คนที่จะมีโอกาสเอื้อมถึงได้ง่าย ๆ นี่” ไดจิเอ่ยพลางคลอเคลียปลายจมูกโด่งไปกับลำคอสีน้ำผึ้ง
“ทิไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอก อีกอย่าง...ฉันเป็นคนลากเขากลับมาอยู่ในสายตาเอง”
“ว้าว...รักจริง หรือแค่ยังไม่ได้ฟันครับเนี่ย”
อติกานต์ส่งสายตาดุไปยังเพื่อนสนิท จนไดจิต้องยกมือทำท่ายอมแพ้
“ปัญหาคือ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่เกิดสงสัยขึ้นมา เกี่ยวกับเขาและเจ้าของแอ็กเคานต์โอนลีแฟนคนนั้น” ไดจิเลิกคิ้วขึ้นสูงหลังจากได้ยินเรื่องน่าสนใจ
“อย่าบอกนะว่าเกิดสับสนขึ้นมาระหว่างหนุ่มน้อยเจ้าของหลุมรัก กับหนุ่มเจ้าของเรียวขาขาวที่ช่วยรีดน้ำให้นายทุกคืน”
“ไม่ใช่โว้ย ฉันคิดว่าเขากับเจ้าของแอ็กเคานต์อาจจะเป็นคนเดียวกันต่างหาก”
ไดจิยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรง กระต่ายน้อยบนตักก็ขยับตัวลงมานั่งที่พื้นแทนอย่างรู้งาน
“ไอ้กานต์ ฉันว่านายหมกมุ่นเรื่องหนุ่มน้อยนั่นมากไปแล้ววะ ฉันจำได้ว่าฉันเคยเห็นเขาครั้งสองครั้ง จืดเกินกว่าจะเป็นเจ้าของแอ็กเคานต์นั้นนะ”
“ฉันไม่ได้คิดขึ้นมาลอย ๆ นายดูนี่”
อติกานต์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าซ่อนด้านในเสื้อสูท นิ้วเรียวยาวกดหน้าจออยู่สองสามครั้งก่อนที่จะวางลงบนโต๊ะเตี้ยแล้วเลื่อนโทรศัพท์ไปทางเพื่อนสนิท
ไดจิหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นขึ้นมาดู สิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคือภาพชายหนุ่มกึ่งเปลือยสวมเพียงชุดนอนสตรีเนื้อผ้าซาตินบางเบานั่งแบะขาอยู่บนฟูกนุ่มหันหลังโชว์ส่วนโค้งสวยให้คนเห็นใจเต้นแรง
“แล้ว?” ไดจิยังไม่ค่อยเข้าใจนัก
“เห็นไฝที่ต้นคอด้านหลังนั่นไหม” ไดจิก้มลงไปพิจารณาภาพบนหน้าจออีกครั้ง และเขาก็เห็นไฝเม็ดหนึ่งที่เด่นอยู่บนหลังคอขาว แม้จะไม่ใหญ่มากนักแต่ก็เห็นได้ชัดเจนเมื่อมันอยู่บนผิวขาวละเอียดของคนในรูป
“แล้วยังไงวะ”
“รูปนี้เพิ่งลงเมื่อวานก่อน ซึ่งไฝตรงนั้นเขาก็มีเหมือนกัน ทิน่ะ มีตรงตำแหน่งเดียวกันเป๊ะ แถมวันก่อนฉันเจอเขาที่ร้านประจำฉันด้วย ถึงเขาจะบอกว่าเดินหลงไปในซอยก็เถอะ แต่มันไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอวะที่ถุงน่องของคนในรูปจะเป็นคอลเลกชันล่าสุดของร้านนั้นที่เพิ่งวางขายวันที่ฉันเจอเขาพอดี” อติกานต์อธิบายข้อสงสัยและความเชื่อมโยงที่บังเอิญเกินไปซึ่งทำให้เขาเอาแต่คิดเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว
“ร้านนั้นดังจะตายในกลุ่มคนที่มีความชอบแบบเรา แล้วไอ้ไฝที่หลังคอ มันก็เป็นไปได้ที่อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”
“มันบังเอิญเกินไปไหมล่ะ”
“งั้นก็ต้องพิสูจน์หาความจริงแล้วล่ะ ดูจากรูปแล้วก็ยังมีตำหนิอีกหลายอย่างที่สามารถเป็นข้อพิสูจน์ได้ เพียงแต่ว่า...” ไดจิมองเพื่อนสนิท
“แต่ว่าอะไร...”
“นายคงต้องจับน้องทิอะไรของนายแก้ผ้าน่ะสิ ไม่ก็ตามล่าคนในรูปให้เจอ”
“...”
“ก็ถ้าตำหนิตรงกันหมด ก็คือคนเดียวกันจริงไหมล่ะ”
“ให้ตายเถอะ!” อติกานต์ถอนหายใจแรงก่อนจะเอนหลังพิงไปกับพนักโซฟา
“ไม่เอาน่า เรื่องจับคนแก้ผ้าไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนายสักหน่อย” ไดจิขยายรูปบนหน้าจอดูอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ากระต่ายน้อยของตนก็สนใจเหมือนกันจึงเอียงหน้าจอให้ดูดับความอยากรู้อยากเห็น
“ฉันว่าตามหาคนในรูปคงง่ายกว่า ไม่รู้สิ ฉันอาจจะต้องเริ่มจาก...หาคนที่มีไฝที่หลังคอล่ะมั้ง” อติกานต์เอ่ยน้ำเสียงอ่อนลง ในหัวคิดไปถึงการจ้างนักสืบสักสองสามคนไปเรียบร้อยแล้ว จนกระทั่ง...
“งั้นก็เริ่มหาได้เลยคืนนี้นี่ครับ ก่อนขึ้นมาหาคุณไดจิผมเห็นคนหนึ่งเมาพับอยู่หน้าบาร์น้ำข้างล่าง มีไฝตำแหน่งเดียวกันกับคนในรูปเลยครับ”
ห้องรับรองแขกบนชั้นลอยของบาร์หรูแห่งหนึ่ง เป็นพื้นที่ซึ่งถูกสงวนไว้สำหรับแขกระดับสูงของร้านเท่านั้น ภายในถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่เพียงแค่มองก็สามารถรับรู้ได้ทันทีถึงความหรูหราของเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของต่าง ๆ ที่ใช้ตกแต่งอยู่ภายในบรรยากาศห้องดูสลัวไม่ชัดเจน มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟทองเหลืองทรงสูงตั้งพื้นที่มุมทั้งสองด้านหน้าห้องกับแสงสว่างจากบาร์ชั้นล่างที่ลอดผ่านผนังกระจกบานใหญ่ติดฟิล์มหนาซึ่งเป็นฟิล์มที่คนด้านนอกห้องรับรองไม่สามารถมองเข้ามาเห็นคนด้านในได้ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยังอยู่ในชุดสูทราคาแพงตามปกติที่ผู้คนมักพบเห็นเขาได้ตามนิตยสารหรือสื่อออนไลน์เชิงธุรกิจราวกับเป็นเครื่องแบบประจำตัว มือข้างหนึ่งยกแก้วไวน์ขึ้นจิบไปอึกใหญ่ องุ่นหมักอย่างดีการันตีด้วยราคาที่สูงลิบถูกกลืนลงลำคอใหญ่อย่างรวดเร็วโดยที่คนดื่มไม่คิดจะดื่มด่ำรสชาติชั้นเลิศของมันเลยสักนิดดวงตาคมหลุบต่ำมองลงไปยังชั้นล่างของบาร์หรูร้านประจำที่เขามาแทบทุกอาทิตย์ อติกานต์สูดลมหายใจเข้าลึกมองตามชายหนุ่มผมสีทองสว่างโดดเด่น ชายคนนั้นมีรูปร่างเพรียวบาง ใบหน้าหวานหยด หากแต่มีความสูงเกือบ 190 เตี้ยกว่าเขา
แม้เมื่อคืนจะไม่ได้ดื่มจนเมามาก เขายังพาตัวเองกลับมาคอนโดได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งพาใครให้ช่วย แต่อย่างไรปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปก็ล้วนส่งผลบางอย่างกับร่างกายของคนที่บริโภคมันเสมอในตอนนี้ทิพากรจึงต้องมาชดใช้กรรมด้วยการจ้ำอ้าวตรงไปยังบริษัทซึ่งเป็นลูกค้าที่เขาจะเข้าไปดูแลโปรเจกต์ให้ อาการมึนหัวหลังตื่นนอนเมื่อเช้าหายไปตั้งแต่เขาเห็นเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลที่หัวเตียง ซึ่งมันบ่งบอกว่าเขาตื่นสายกว่าปกติมากแล้วใช้เวลาไม่นานทิพากรก็ทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ และเลือกการเดินทางในเมืองหลวงยามเช้าอันแสนวุ่นวายด้วยการขนส่งที่เร็วที่สุดเท่าที่จะหาได้...วินมอเตอร์ไซค์“คุณทิ!”เสียงเอ่ยทักทายจากคนในทีมเดียวกันดังขึ้นเมื่อทิพากรสาวเท้าเข้ามาถึงด้านในโถงต้อนรับของอาคารสูงซึ่งบริษัทจุดหมายปลายทางของเขาตั้งอยู่บนชั้นที่ 32ทิพากรเอ่ยทักทายกลับไป ก่อนที่ทั้งเขาและทีมจะเดินตรงไปยังลิฟต์ เมื่อเข้ามาอยู่ภายในกล้องเหล็กสี่เหลี่ยมเสียงพูดคุยก็หยุดลง ทิพากรลอบถอนหายใจพรางจัดเสื้อคลุมให้ดูเรียบร้อย ก่อนจะถกปลายแขนเสื้อคลุมขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ
กริ๊งเสียงปากขวดไวน์แดงกระทบกับขอบแก้วไวน์สีใส นักดื่มหน้าอ่อนเทน้ำสีสวยเติมลงแก้วตัวเองเป็นรอบที่สาม แก้มขาวนวลขึ้นสีระเรื่อตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป จนชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามต้องยื่นมือมาจับขวดไวน์เอาไว้เพื่อยั้งแรงกระทบป้องกันความเสียหายต่อแก้วไวน์ใบบางที่เพื่อนสนิทของเขาอาจทำให้มันแตกเสียก่อนที่จะคุยธุระกันรู้เรื่อง“พอไหมไอ้ทิ เดี๋ยวก็เมาหรอก ฉันไม่ใจดีอุ้มไปส่งคอนโดนนะโว้ย”“ยังไม่เมา นี่เพิ่งแก้วที่สามเอง” ทิพากร หรือ ทิ เอ่ยตอบเพื่อนสนิทอย่างเล้ง ซึ่งเขาเป็นคนโทรนัดให้ออกมาดื่มเป็นเพื่อนในค่ำคืนนี้“ไม่เมาก็เทเบา ๆ อุตส่าห์มาบาร์หรูขนาดนี้ดันไม่ให้เขาบริการ อยากจะเทเองซะอย่างนั้น อย่าทำแตกเชียว ถ้านายทำแตกคราวหน้าฉันไม่มาด้วยแล้ว”“รู้แล้วน่า ไม่ทำให้นายขายหน้าหรอก อีกอย่างพรุ่งนี้ฉันเองก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกัน ไม่ปล่อยให้ตัวเองเมาหรอก แค่อยากดื่มแก้เซ็งเฉย ๆ” พูดจบทิพากรก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบไปหนึ่งอึก เล้งเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเทไวน์ราคากลาง ๆ ของร้านใส่แก้วตัวเองเช่นกัน“แล้วมีเรื่องเซ็งอะไรถึงได้อยากดื่