ห้องรับรองแขกบนชั้นลอยของบาร์หรูแห่งหนึ่ง เป็นพื้นที่ซึ่งถูกสงวนไว้สำหรับแขกระดับสูงของร้านเท่านั้น ภายในถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่เพียงแค่มองก็สามารถรับรู้ได้ทันทีถึงความหรูหราของเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของต่าง ๆ ที่ใช้ตกแต่งอยู่ภายใน
บรรยากาศห้องดูสลัวไม่ชัดเจน มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟทองเหลืองทรงสูงตั้งพื้นที่มุมทั้งสองด้านหน้าห้องกับแสงสว่างจากบาร์ชั้นล่างที่ลอดผ่านผนังกระจกบานใหญ่ติดฟิล์มหนาซึ่งเป็นฟิล์มที่คนด้านนอกห้องรับรองไม่สามารถมองเข้ามาเห็นคนด้านในได้
ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยังอยู่ในชุดสูทราคาแพงตามปกติที่ผู้คนมักพบเห็นเขาได้ตามนิตยสารหรือสื่อออนไลน์เชิงธุรกิจราวกับเป็นเครื่องแบบประจำตัว มือข้างหนึ่งยกแก้วไวน์ขึ้นจิบไปอึกใหญ่ องุ่นหมักอย่างดีการันตีด้วยราคาที่สูงลิบถูกกลืนลงลำคอใหญ่อย่างรวดเร็วโดยที่คนดื่มไม่คิดจะดื่มด่ำรสชาติชั้นเลิศของมันเลยสักนิด
ดวงตาคมหลุบต่ำมองลงไปยังชั้นล่างของบาร์หรูร้านประจำที่เขามาแทบทุกอาทิตย์ อติกานต์สูดลมหายใจเข้าลึกมองตามชายหนุ่มผมสีทองสว่างโดดเด่น ชายคนนั้นมีรูปร่างเพรียวบาง ใบหน้าหวานหยด หากแต่มีความสูงเกือบ 190 เตี้ยกว่าเขาเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
ทุกการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มผมทองถูกจับจ้องจากสายตาของอติกานต์ผ่านผนังกระจกของห้องรับรองซึ่งสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน ขาเพรียวภายใต้กางเกงหนังขาม้าสีดำเงาค่อย ๆ ก้าวขึ้นบันไดวนผ่านพนักงานร่างใหญ่กล้ามโตใบหน้านิ่งเฉยมาได้อย่างง่ายดายซึ่งปลายทางของบันไดจะนำคนผู้นั้นขึ้นมาสู่ชั้นลอยของร้าน
เมื่อเขาขึ้นมาถึงช่วงกลางของบันได ใบหน้าสวยก็เงยขึ้นมามองยังผนังกระจกก่อนจะยกยิ้มมุมปากทักทายราวกับรู้อยู่แล้วว่ามีคนกำลังเฝ้ามองเขาอยู่ด้านหลังกระจกฟิล์มหนานั้น
อติกานต์พ่นลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์นักกับรอยยิ้มและย่างก้าวของเจ้าของเรียวขาสวยซึ่งค่อย ๆ เหยียบลงบนขั้นบันไดที่เหลืออย่างเชื่องช้าราวกับกำลังยั่วโมโหเขาให้หมดความอดทน
ไม่นานเสียงเคาะประตูห้องรับรองก็ดังขึ้น อติกานต์ตอบอนุญาตไปเพียงสั้น ๆ โดยไม่แม้แต่จะหันไปดูผู้มาใหม่ หลังเสียงปิดประตูดังขึ้น อติกานต์ถึงได้หันความสนใจกลับมายังภายในห้องรับรองอีกครั้ง และชายหนุ่มผมสีทองสว่างก็นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาเดี่ยวเรียบร้อยแล้ว
“ลีลาจังวะ ให้เด็กไปตามตั้งนานแล้วยังมัวแต่เดินโปรยเสน่ห์ไปทั่วบาร์ เด็กนายคนเมื่อวานก่อนไม่เด็ดพอหรือไง ถึงต้องพยายามตกเหยื่อใหม่” อติกานต์เดินมานั่งลงที่โซฟาตัวใหญ่ใจกลางห้อง
ชายหนุ่มผมทองคนนี้คือเจ้าของบาร์หรูหลายแห่งในกรุงเทพ ชื่อของ ไดจิ เพื่อนสนิทตั้งแต่วัยเด็กของอติกานต์ไม่ได้เป็นที่รู้จักกว้างขวางเท่ากับเขาก็จริง หากแต่ในวงการสีเทาและวงการรสนิยมความชอบพิเศษเกี่ยวกับเซ็กซ์ไดจิถือว่าเป็นเบอร์ต้น ๆ
“ฉันไม่ชอบความจำเจ เซ็กซ์มันจะสนุกก็ต่อเมื่อได้ลองอะไรใหม่ ๆ เท่านั้นแหละ ความจริงนายไม่น่าถามฉันนะกานต์ นายก็รู้ถึงความสนุกนั้นดีนี่” ไดจิเอนหลังลงทิ้งน้ำหนักกับพนักโซฟาพลางจิบไวน์ด้วยท่าทีสบายใจ ไม่สนว่าอติกานต์เพื่อนสนิทของตนจะมองด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ขนาดไหน
“พูดมาก” อติกานต์เอ่ยเสียงนิ่ง
“หึ โทษที ฉันก็ลืมไปว่านายเลิกเล่นสนุกแล้วหลังจากไปตกหลุมรักหนุ่มเนิร์ดที่เป็นมนุษย์ออฟฟิศก่อนจะถูกหักศรรักดังเป๊าะ แล้วกลับมานั่งชักว่าวคนเดียวเหงา ๆ กับดาวโอนลีแฟนที่ชาติกว่าถึงจะมาอัปรูปสักที”
“ไดจิ ถ้านายยังพูดมากอยู่อีก ฉันจะสั่งทุบบาร์นายให้เกลี้ยง”
ไดจิรู้ดีว่าคนอย่างอติกานต์ไม่เคยเอ่ยคำขู่เพียงลมปากให้เปลืองน้ำลาย เพื่อนสนิทเขาคนนี้สามารถทำแบบนั้นได้จริง ๆ หากเจ้าตัวต้องการ แต่ไดจิก็สนิทมากพอจะรู้ว่าคำขู่เรื่องทุบบาร์ของเขานั้นเป็นเพียงคำเอ่ยปรามให้เขาหยุดพูดจายั่วโมโหอีกฝ่ายเท่านั้นจึงไม่รู้สึกว่าตัวเองต้องหวั่นกลัวอะไรในคำพูดของเพื่อนคนนี้
“ดุจัง อะไรทำให้คุณอติกานต์ผู้ยิ่งใหญ่อารมณ์เสียได้ขนาดนี้เนี่ย แหม...เดาไม่ถูกเลย”
คำพูดที่ฟังดูเหมือนยอมจบสงครามกวนประสาทของไดจิไม่ได้ทำให้อติกานต์รู้สึกเย็นลงเลยแม้แต่น้อย เพราะคนพูดยังคงลอยหน้าลอยตาแถมมองเขาด้วยสายตารู้ทันราวกับอ่านความคิดเขาได้ทั้งหมด
นี่คือข้อเสียของการมีเพื่อนที่รู้สันดานกันมาเกือบ 30 ปี
ยังไม่ทันได้จัดการนิสัยติดเล่นของเพื่อนสนิทอีกครั้ง เสียงเคาะประตูห้องรับรองก็ดังขึ้น ชายหนุ่มหัวทองเอ่ยอนุญาตโดยไม่หันมาถามลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของห้องรับรองในค่ำคืนนี้อย่างอติกานต์เลยสักนิด
เด็กหนุ่มหน้าอ่อนที่อติกานต์คาดเดาเอาเองในใจว่าคงยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เป็นแน่เดินตรงเข้ามากลางห้อง พนักงานหนุ่มของบาร์ซึ่งเป็นคนเดินมาส่งแขกคนใหม่โค้งหนึ่งทีก่อนที่จะหายไปจากสายตาของคนภายในห้องรับรองพร้อมบานประตูที่ปิดลง
เด็กหนุ่มผิวน้ำผึ้งเนียนสวยค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมซีทรูที่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าข้างใต้นั้นร่างเล็กสวมเพียงชุดบอดีสูทสีดำเว้าสูงจนแทบไม่ได้ปกปิดอะไร
“มานั่งตรงนี้สิกระต่ายน้อยของฉัน”
ไดจิตบฝ่ามือลงบนหน้าขาของตนเองสองสามที แขนยาวอ้ารับร่างเพรียวไปโอบไว้เมื่อก้นงอนซึ่งมีบัตปลั๊กหางกระต่ายสีขาวเสียบไว้ที่ช่องทางด้านหลังหย่อนลงบนตักเจ้าของบาร์อย่างว่าง่าย
“ไอ้จิ มึงจะเรียกเด็กมาทำไมวะ กูก็บอกมึงแล้วว่าวันนี้มีเรื่องจะคุยด้วย” อติกานต์วางแก้วไวน์ในมือลงบนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาไม่เบานัก ดวงตาคมจ้องมองไปที่เพื่อนสนิทอย่างต้องการคำตอบ
“พูดได้น่า กระต่ายตัวนี้กูฝึกจนเชื่องแล้ว ไม่ใช่เด็กที่กูเกี่ยวมานอนเล่นแก้เบื่อสักหน่อย นี่สัตว์เลี้ยงประจำเตียงกูเลยนะโว้ย”
เมื่อเห็นว่าอติกานต์เริ่มขึ้นกูมึง ไดจิจึงรีบอธิบายถึงที่มาที่ไปของกระต่ายน้อยเอวหวานที่นั่งบดหางกลม ๆ กับตักเขาไม่ยอมหยุด จนไดจิต้องตักเตือนไม่ให้สัตว์เลี้ยงของตนทำตัวซุกซนในยามที่เจ้านายกำลังพูดคุยกัน
ฝ่ามือเรียวยาวขาวสวยของไดจิสะบัดลงที่หน่อสืบพันธุ์ของเจ้ากระต่ายไม่แรงมากนัก แต่ก็ทำให้เด็กซนหลุดครางออกมาก่อนจะยอมหยุดสะโพกแล้วทิ้งน้ำหนักเอนตัวอิงแอบไปกับบ่าของเจ้าของ ทำตัวเหลวราวกับกระดูกสันหลังได้ถูกเลาะออกไปหมดแล้ว
“อยากมากก็ไปเอากันให้จบ ๆ ไว้คุยกันวันหลัง”
“เดี๋ยว ๆ มึงใจเย็นสิวะไอ้กานต์ นี่มึงหัวเสียเรื่องอะไรเนี่ย กูไม่ได้ติดสัดขนาดที่ต้องผสมพันธุ์ทุกครั้งที่มีอีกฝ่ายให้คร่อมทับนะโว้ย ไหน...อะไรกวนใจเพื่อนกูขนาดนี้ พูดมา”
ไดจิรีบเอ่ยรั้งเมื่ออติกานต์ทำท่าจะลุกออกไปจริง ๆ
“คนนี้ไว้ใจได้ มึงพูดมาเถอะ เออ ๆ กูให้เด็กมันออกไปก่อนก็ได้วะ มึงพอใจหรือยัง” ไดจิแตะที่เอวของกระต่ายน้อยบนตัก ยังไม่ทันที่สัตว์เลี้ยงแสนเชื่องจะลุกขึ้นลูกค้า VIP เจ้าของห้องรับรองในค่ำคืนนี้ก็เอ่ยท้วงขึ้นมาเสียก่อน
“ไม่ต้องหรอก...นายจำเรื่องเด็กคนนั้นที่ฉันชอบได้ใช่ไหม”
“หนุ่มออฟฟิศ?”
“อือ ก็มีคนเดียวนั่นแหละที่ทำให้ชีวิตฉันเซไปได้ขนาดนั้น”
อติกานต์ยังจำความรู้สึกในวันนั้นได้เป็นอย่างดี ในวันที่ทุกอย่างระหว่างเขาและทิพากรไปได้ด้วยดี ตลอดช่วงเวลาที่เขาทั้งคู่ได้ลองศึกษากันดูมันไม่มีสัญญาณอะไรบอกเลยว่ามันจะจบไม่สวย จนกระทั่งวันที่เขาคิดว่าเขาพร้อมและมั่นใจว่าจะได้รับคำตอบรับรักกลับมาอย่างแน่นอน คำสารภาพรักของเขากับถูกปฏิเสธด้วยคำพูดเพียงสั้น ๆ เพียงประโยคเดียวแล้วทิพากรก็เดินหายไปจากชีวิตเขาตั้งแต่เย็นวันนั้น
‘ผมรับความรู้สึกของคุณกานต์ไม่ได้หรอกครับ คุณกานต์ดีเกินกว่าจะมาคบกับคนแบบผม’
ดีเกินไป!
เป็นครั้งแรกเลยที่เขาโดนปฏิเสธ แถมยังโดนปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าดีเกินไปอีกต่างหาก
ในวันนั้น หากสามารถทำได้อติกานต์อยากจะรั้งทิพากรเอาไว้แล้วสาธยายความชั่วร้ายของตัวเองให้ฟัง เขาจะบอกทิพากรว่ามือคู่นี้เขาฟาดก้นนุ่มจนขึ้นสีแดงช้ำมาไม่รู้เท่าไหร่ เข็มขัดหนังเงาวับของเขาก็ใช้รัดมือรัดเท้ามาไม่รู้ตั้งกี่คู่
คนที่ทิพากรบอกว่าดีเกินไปอย่างเขาแท้จริงแล้วต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อควบคุมความต้องการและความชอบส่วนตัวยามเมื่อได้ลงสนามบนเตียงใหญ่ เพียงเพื่ออยากเป็นคนปกติธรรมดาคนหนึ่งแล้วเริ่มความสัมพันธ์ที่แสนธรรมดากับคนที่ตัวเองตกหลุมรักสักครั้ง
ใครจะไปคิดว่าการที่เขาพยายามปรับเปลี่ยนความชอบ มาดูแลและตั้งใจรักคนคนหนึ่งจะกลายเป็นคนดีเกินไปจนถูกปฏิเสธ ถ้าหากเขาบอกตัวตนที่ซ่อนไว้กับทิพากร จะเลวหรือน่ากลัวเพียงพอที่ทิพากรจะตอบรับรักเขาไหม
หรือ...จะเลวเกินไปอีก
“แล้วมันยังไง เขากลับมาขอโอกาสนายอีกหรือไง” ไดจิเอ่ยถาม
“ไม่หรอก เขากลับมาอยู่ในสายตาฉันอีกครั้งก็เท่านั้น”
“มาอ่อยนายอีกรอบชัวร์ ไม่แปลกหรอกถ้าเกิดจะนึกเสียดายนายทีหลัง คุณอติกานต์เพื่อนผมไม่ใช่คนที่จะมีโอกาสเอื้อมถึงได้ง่าย ๆ นี่” ไดจิเอ่ยพลางคลอเคลียปลายจมูกโด่งไปกับลำคอสีน้ำผึ้ง
“ทิไม่ใช่คนอย่างนั้นหรอก อีกอย่าง...ฉันเป็นคนลากเขากลับมาอยู่ในสายตาเอง”
“ว้าว...รักจริง หรือแค่ยังไม่ได้ฟันครับเนี่ย”
อติกานต์ส่งสายตาดุไปยังเพื่อนสนิท จนไดจิต้องยกมือทำท่ายอมแพ้
“ปัญหาคือ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่เกิดสงสัยขึ้นมา เกี่ยวกับเขาและเจ้าของแอ็กเคานต์โอนลีแฟนคนนั้น” ไดจิเลิกคิ้วขึ้นสูงหลังจากได้ยินเรื่องน่าสนใจ
“อย่าบอกนะว่าเกิดสับสนขึ้นมาระหว่างหนุ่มน้อยเจ้าของหลุมรัก กับหนุ่มเจ้าของเรียวขาขาวที่ช่วยรีดน้ำให้นายทุกคืน”
“ไม่ใช่โว้ย ฉันคิดว่าเขากับเจ้าของแอ็กเคานต์อาจจะเป็นคนเดียวกันต่างหาก”
ไดจิยืดตัวขึ้นนั่งหลังตรง กระต่ายน้อยบนตักก็ขยับตัวลงมานั่งที่พื้นแทนอย่างรู้งาน
“ไอ้กานต์ ฉันว่านายหมกมุ่นเรื่องหนุ่มน้อยนั่นมากไปแล้ววะ ฉันจำได้ว่าฉันเคยเห็นเขาครั้งสองครั้ง จืดเกินกว่าจะเป็นเจ้าของแอ็กเคานต์นั้นนะ”
“ฉันไม่ได้คิดขึ้นมาลอย ๆ นายดูนี่”
อติกานต์หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าซ่อนด้านในเสื้อสูท นิ้วเรียวยาวกดหน้าจออยู่สองสามครั้งก่อนที่จะวางลงบนโต๊ะเตี้ยแล้วเลื่อนโทรศัพท์ไปทางเพื่อนสนิท
ไดจิหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องนั้นขึ้นมาดู สิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอคือภาพชายหนุ่มกึ่งเปลือยสวมเพียงชุดนอนสตรีเนื้อผ้าซาตินบางเบานั่งแบะขาอยู่บนฟูกนุ่มหันหลังโชว์ส่วนโค้งสวยให้คนเห็นใจเต้นแรง
“แล้ว?” ไดจิยังไม่ค่อยเข้าใจนัก
“เห็นไฝที่ต้นคอด้านหลังนั่นไหม” ไดจิก้มลงไปพิจารณาภาพบนหน้าจออีกครั้ง และเขาก็เห็นไฝเม็ดหนึ่งที่เด่นอยู่บนหลังคอขาว แม้จะไม่ใหญ่มากนักแต่ก็เห็นได้ชัดเจนเมื่อมันอยู่บนผิวขาวละเอียดของคนในรูป
“แล้วยังไงวะ”
“รูปนี้เพิ่งลงเมื่อวานก่อน ซึ่งไฝตรงนั้นเขาก็มีเหมือนกัน ทิน่ะ มีตรงตำแหน่งเดียวกันเป๊ะ แถมวันก่อนฉันเจอเขาที่ร้านประจำฉันด้วย ถึงเขาจะบอกว่าเดินหลงไปในซอยก็เถอะ แต่มันไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอวะที่ถุงน่องของคนในรูปจะเป็นคอลเลกชันล่าสุดของร้านนั้นที่เพิ่งวางขายวันที่ฉันเจอเขาพอดี” อติกานต์อธิบายข้อสงสัยและความเชื่อมโยงที่บังเอิญเกินไปซึ่งทำให้เขาเอาแต่คิดเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว
“ร้านนั้นดังจะตายในกลุ่มคนที่มีความชอบแบบเรา แล้วไอ้ไฝที่หลังคอ มันก็เป็นไปได้ที่อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”
“มันบังเอิญเกินไปไหมล่ะ”
“งั้นก็ต้องพิสูจน์หาความจริงแล้วล่ะ ดูจากรูปแล้วก็ยังมีตำหนิอีกหลายอย่างที่สามารถเป็นข้อพิสูจน์ได้ เพียงแต่ว่า...” ไดจิมองเพื่อนสนิท
“แต่ว่าอะไร...”
“นายคงต้องจับน้องทิอะไรของนายแก้ผ้าน่ะสิ ไม่ก็ตามล่าคนในรูปให้เจอ”
“...”
“ก็ถ้าตำหนิตรงกันหมด ก็คือคนเดียวกันจริงไหมล่ะ”
“ให้ตายเถอะ!” อติกานต์ถอนหายใจแรงก่อนจะเอนหลังพิงไปกับพนักโซฟา
“ไม่เอาน่า เรื่องจับคนแก้ผ้าไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนายสักหน่อย” ไดจิขยายรูปบนหน้าจอดูอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ากระต่ายน้อยของตนก็สนใจเหมือนกันจึงเอียงหน้าจอให้ดูดับความอยากรู้อยากเห็น
“ฉันว่าตามหาคนในรูปคงง่ายกว่า ไม่รู้สิ ฉันอาจจะต้องเริ่มจาก...หาคนที่มีไฝที่หลังคอล่ะมั้ง” อติกานต์เอ่ยน้ำเสียงอ่อนลง ในหัวคิดไปถึงการจ้างนักสืบสักสองสามคนไปเรียบร้อยแล้ว จนกระทั่ง...
“งั้นก็เริ่มหาได้เลยคืนนี้นี่ครับ ก่อนขึ้นมาหาคุณไดจิผมเห็นคนหนึ่งเมาพับอยู่หน้าบาร์น้ำข้างล่าง มีไฝตำแหน่งเดียวกันกับคนในรูปเลยครับ”
ภายในเพนต์เฮาส์สุดหรูชั้นบนสุดของตึกสูงระฟ้า บรรยากาศเงียบสงัดเมื่อแม่บ้านเก่าแก่ถูกขอให้ลงไปที่ชั้นล่างก่อนถึงเวลาพัก ชายหนุ่มผิวขาวก้าวเท้าเปลือยเปล่าลงมานั่งคุกเข่ารอเจ้าของบ้านอยู่ที่หน้าลิฟต์ทิพากรสวมชุดนอนสายเดี่ยวสั้นสีขาวสะอาด เช่นเดียวกับถุงน่องตาข่ายที่สวมขึ้นมาถึงต้นขา ชั้นในเล็กจิ๋วเนื้อบางทำหน้าที่โอบอุ้มส่วนอ่อนไหวเอาไว้ราวกับขนนกบนรังที่รายล้อมไข่ใบเล็กของแม่นกอย่างนุ่มนวลมือเรียวสวยสวมถุงมือโปร่งสีขาวแต่งระบายลูกไม้และโบเล็ก ๆ น่าทะนุถนอม ที่คอยังใส่ปลอกคอกระดิ่งเสียงใส รอคอยให้เจ้านายกลับมาใส่สายจูง ได้จิมอบชุดนี้ให้เขาในตอนที่ขับรถมาส่งเขาที่นี่ ก่อนที่จะขับจากไป ทิพากรก้มมองของอีกสองอย่างที่มาพร้อมกับชุดซึ่งเขายังไม่ได้สวมใส่ให้ครบบัตต์ปลั๊กหางกลมขนฟูนิ่มสีขาว เหมือนของบันนี่เพื่อนที่ชวนเขาไปงานปาร์ตี้ไม่ผิดเพี้ยน มันมาคู่กับคาดผมหูกระต่ายเข้าคู่กัน ทิพากรเขินตัวเองเล็กน้อยเมื่อต้องสวมคาดผมหูกระต่ายนี้ไว้บนหัว มือเล็กจับปลายหางนุ่มฟูอ้อมไปจ่อไว้ที่ช่องทางด้านหลัง ก่อนที่เขาจะเดินมานั่งรอที่ตรงนี้เขาได้ทำความสะอาดและหล่อลื่นช่อ
ทิพากรลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ไม่พบใครอยู่ในห้องแล้ว บนโซฟาตัวยาวหน้าห้องมีเสื้อผ้าชุดใหม่พับวางเอาไว้ให้ เขาลุกขึ้นเดินไปหยิบมาเปลี่ยน ไซซ์พอดีจนน่าเหลือเชื่อ ดวงตากลมมองสำรวจไปรอบห้อง ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับอติกานต์เมื่อคืนก็พานให้ใจสั่นไหว ไม่รู้ทำไมความสัมพันธ์เขาถึงเดินมาถึงจุดนี้ได้ขณะที่กำลังจะหันหลังเดินออกไปจากห้องนี้ สายตาก็เหลือบไปเห็นซองกระดาษสีแดงที่ข้างหมอน เขาจำได้ว่าอติกานต์เป็นคนวางซองนี้เอาไว้ก่อนที่จะเดินจากเขาไป ทิพากรหยิบมันขึ้นมาดู ทำใจอยู่สักพักจึงเปิดซองดึงการ์ดขึ้นมาอ่านสายตาไล่ไปตามตัวอักษรทีละบรรทัด แล้วความจริงก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้น ใจของคนอ่านเต้นแรงเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เขาฟูมฟายไปเป็นอาทิตย์ ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เขาปรุงแต่งขึ้นมาเอง ตัดสินอีกฝ่ายโดยที่ไม่ซักถามความสงสัย“คุณทิ ตื่นแล้วเหรอ” เสียงเรียกจากด้านหลังเรียกให้ทิพากรหันไปดูชายหนุ่มร่างสูงเพรียวที่เขาเคยเห็นก่อนจะหลับไปปรากฏขึ้นที่ประตูหน้าห้อง ทิพากรเคยเห็นเขาคนนี้มาก่อนหน้านี้แล้วกับอติกานต์ที่ร้านประจำของเขาเมื่อนานมาแล้ว แต่ไม่ร
ร่างสูงเพรียวยืนพิงหลังกับผนังหน้าประตูห้องรับรองของลูกค้า VIP ข้างกายมีเด็กหนุ่มผิวสีแทนสวมเพียงกางเกงชั้นในหนังสีน้ำตาลนั่งหมอบอยู่แทบเท้า ที่คอมีปลอกคอหนังสีเดียวกับชั้นในสวมใส่อยู่ซึ่งมันถูกโซ่สีเงินวาวคล้องเอาไว้ โดยที่ปลายของมันอยู่ในมือของคนที่ยืนมองบานประตูด้วยใบหน้าเคร่งเครียดสุนัขหนุ่มคลอเคลียใบหน้ากับหน้าแข้งเรียวภายใต้กางเกงเนื้อผ้านิ่มราคาแพงของเจ้าของบาร์แห่งนี้อย่างเอาใจ เมื่อได้ยินเสียงเจ้านายถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง เกือบครึ่งชั่วโมงแล้วที่เจ้านายของเขายืนมองบานประตูฟังเสียงร้องครวญครางที่เขาเองก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่า คนด้านในกำลังสุขสมหรือเจ็บปวดไดจิยืนกอดอกครุ่นคิดว่าจะเอาอย่างไรดีกับดวงใจของเพื่อนสนิทที่เจ้าตัวละทิ้งไว้ในห้องรับรองภายในบาร์ตนเอง ก้มมองดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ นานแล้วที่อติกานต์เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงประโยคสั้น ๆ กับเขาแค่ว่า…“ฝากดูแลทิด้วย เขาอยากได้อะไรก็หาให้ด้วย ค่าใช้จ่ายมาคิดที่กู”ไดจิคลายมือออกลดมือลงไปลูบหัวสุนัขตัวโปรด จากนั้นจึงกระตุกโซ่จูงหนึ่งครั้งก่อนจะก้าวขาเดินไปยังบานประตู
ภาพเบื้องหน้าของผู้ต้องหาคือฉากเซ็กซ์อันเร่าร้อนของกระต่ายน้อยกับเหยี่ยวหนุ่ม ซึ่งกำลังใช้เข็มขัดฟาดลงที่ก้นงอนงามหลายต่อหลายทีอยู่ที่กลางเวทียกสูง ช่างดูสวยงามและกระตุ้นอารมณ์ของผู้คนภายในงานเป็นอย่างยิ่งหากทิพากรได้เป็นผู้ชมอยู่ในปาร์ตี้ข้างล่าง เขาก็คงอยู่ในอารมณ์ไม่ต่างจากผู้คนมากมายที่รายล้อมเวทีกลมนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตอนนี้เขาไม่ต่างอะไรจากนักโทษที่กำลังจะถูกตัดสินเสียงโซ่ดังทุกครั้งที่ร่างกายเขาไหวสะท้านกับแส้หนังที่อติกานต์ฟาดลงมาทั่วทั้งตัว มันไม่ได้เจ็บมาก แต่เมื่อโดนฟาดซ้ำที่เดิมอยู่บ่อยครั้งก็ทิ้งความแสบร้อนและรอยแดงที่ผิวได้เช่นกัน น้ำลายสายเล็กไหลย้อยออกมาจากช่องว่างระหว่างลูกบอลที่ปิดปากเขาไว้ หยดลงที่พื้นพรมสีแดงเบอร์กันดีนุ่มเท้าจนขึ้นเป็นวงสีเข้มทุกครั้งที่เส้นหนังฟาดลงมาที่ผิวเนื้อ มันทั้งสร้างความเจ็บปวดและกระตุ้นความต้องการบางอย่างให้ก่อเกิด ทั้งที่ไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลยสักนิด แต่ร่างกายของทิพากรกลับตอบสนองตรงกันข้ามความเจ็บที่เกิดขึ้นที่ผิวเนื้อจึงย้ายเข้ามาเกาะกุมที่หัวใจดวงเล็กของเขาแทน แล้วปล่อยให้อวัยวะ
ไวน์ ค็อกเทล วิสกี้ และเครื่องดื่มอีกมากมายมีสำหรับบริการให้ผู้ร่วมงานซึ่งซื้อบัตรเข้างานมาในราคาแพงอย่างไม่อั้น จะสั่งกี่อย่างหรือกี่แก้วก็ได้ ทุกอย่างถูกบริการเพื่อเสริมสร้างความมอมเมาเท่าที่แขกผู้มีเกียรติต้องการปกติทิพากรไม่ค่อยได้ดื่มเครื่องดื่มพวกนี้บ่อยนัก จึงไม่ค่อยรู้ว่าเครื่องดื่มแบบไหนเป็นอย่างไรบ้าง เขาเลือกหยิบจากบริกรมาหนึ่งแก้วที่มองดูแล้วสีถูกใจเขาที่สุด หลังจากจิบไปเพียงอึกแรก ตั้งแต่ลำคอลงไปถึงท้องเขาก็ร้อนวูบวาบ ทิพากรวางแก้วทรงแปดเหลี่ยมนั้นลงไม่ได้กินต่ออีก มันคงแรงไปสำหรับเขา แต่หากคิดอีกแง่ ก็ดีเหมือนกัน เพราะอย่างน้อยความร้อนของมันก็คลายความหนาวจากการสวมใส่เสื้อผ้าเพียงน้อยชิ้นได้ใต้แสงไฟสะท้อนจากลูกบอลดิสโก้ขนาดใหญ่เหนือฟลอร์เต้นรำ กระต่ายขาว นายพรานหนุ่ม และเหยี่ยวดำหลายคนกำลังกอดรัดกันนัวเนียอยู่บนนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศ ความตื่นเต้น หรือเพราะเครื่องดื่มที่เพิ่งดื่มไปที่ทำให้ทิพากรรู้สึกร้อนผะผ่าวขึ้นมาจึงถึงกกหูเขาเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาดื่ม เมื่อวางมันลงบนโต๊ะ ขนนกสีเทาปนน้ำตาลอันหนึ่งก็ถูกยื่นมาตรง
Bunny Night Partyค่ำคืนของกระต่ายป่า นั่นเป็นชื่อปาร์ตี้ของคนที่มีรสนิยมคล้ายกันจะมารวมตัว ค่ำคืนที่เหล่าผู้กระหายอยากสัมผัสและอยากถูกสัมผัสได้มาพบปะกันอย่างอิสระ ปาร์ตี้ที่นาน ๆ ทีจะจัดขึ้นสักครั้ง และทิพากรเคยใฝ่ฝันว่าจะได้มาร่วมงานนี้สักหน เพียงแต่เขาไม่เคยกล้าพอ จนกระทั่งงานนี้หายเงียบไปในวงการ BDSM ต่างรู้กันดีว่าบาร์ของคุณไดจิเป็นอันดับหนึ่งสำหรับคนในวงการเสมอ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าบาร์นี้จะจัดกิจกรรมด้านนั้นอย่างเป็นปกติและเปิดเผย ค่ำคืนแห่งกระต่ายป่าจึงเป็นกิจกรรมที่ทุกคนที่มีความชอบแบบเดียวกันต่างรอคอยโดยปกติแล้วจะจัดเดือนละหนึ่งครั้ง แต่ไม่รู้ทำไมตั้งแต่กลางปีก่อนกิจกรรมนี้ก็ถูกยกเลิกไป การกลับมาจัดใหม่ในรอบเกือบปีจึงเป็นที่พูดถึงกันมาก ทิพากรเคยคิดว่าหากได้เข้าร่วมงานนี้พร้อมกับคนรักก็คงจะดี ไม่คิดว่าพอถึงเวลาได้มาจริง ๆ เขาจะไม่มีใครคนนั้นยืนข้างกาย“คุณซันใช่ไหมครับ”เสียงเรียกจากทางด้านหลังเรียกให้ทิพากรหันไปมอง เขายืนอยู่ที่ข้างบาร์หรูสาขาใหญ่สุด ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางแหล่งท่องเที่ยวยามราตรีของเมืองหลวง สวมเสื้อ