แม้เมื่อคืนจะไม่ได้ดื่มจนเมามาก เขายังพาตัวเองกลับมาคอนโดได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งพาใครให้ช่วย แต่อย่างไรปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปก็ล้วนส่งผลบางอย่างกับร่างกายของคนที่บริโภคมันเสมอ
ในตอนนี้ทิพากรจึงต้องมาชดใช้กรรมด้วยการจ้ำอ้าวตรงไปยังบริษัทซึ่งเป็นลูกค้าที่เขาจะเข้าไปดูแลโปรเจกต์ให้ อาการมึนหัวหลังตื่นนอนเมื่อเช้าหายไปตั้งแต่เขาเห็นเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลที่หัวเตียง ซึ่งมันบ่งบอกว่าเขาตื่นสายกว่าปกติมากแล้ว
ใช้เวลาไม่นานทิพากรก็ทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ และเลือกการเดินทางในเมืองหลวงยามเช้าอันแสนวุ่นวายด้วยการขนส่งที่เร็วที่สุดเท่าที่จะหาได้...วินมอเตอร์ไซค์
“คุณทิ!”
เสียงเอ่ยทักทายจากคนในทีมเดียวกันดังขึ้นเมื่อทิพากรสาวเท้าเข้ามาถึงด้านในโถงต้อนรับของอาคารสูงซึ่งบริษัทจุดหมายปลายทางของเขาตั้งอยู่บนชั้นที่ 32
ทิพากรเอ่ยทักทายกลับไป ก่อนที่ทั้งเขาและทีมจะเดินตรงไปยังลิฟต์ เมื่อเข้ามาอยู่ภายในกล้องเหล็กสี่เหลี่ยมเสียงพูดคุยก็หยุดลง ทิพากรลอบถอนหายใจพรางจัดเสื้อคลุมให้ดูเรียบร้อย ก่อนจะถกปลายแขนเสื้อคลุมขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ
โชคดีที่ยังไม่สายมากนัก
ติ๊ง
เสียงร้องเตือนดังขึ้นในลิฟต์ ทิพากรเหลือบมองเลขแสดงชั้น หน้าจอแสดงตัวเลข 17 เพียงเสี้ยวนาทีประตูลิฟต์ก็เปิดออกเพื่อต้อนรับผู้โดยสารคนใหม่ที่จะเข้ามาร่วมยืนเบียดเสียดในกล่องเหล็กนี้
ทิพากรกำลังจะก้าวเท้าถอยหลังให้ตัวเองไปชิดกับผนังลิฟต์ด้านข้างเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้ผู้มาใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ขยับตัวแม้แต่เซนติเมตรเดียว เพราะคนที่ก้าวเข้ามายืนตรงหน้านั้นคือ...
คุณกานต์ หรือ คุณอติกานต์ พงศ์รัตนา
เจ้าของบริษัทที่เป็นลูกค้าของเขา และที่สำคัญเป็นคนที่เขาเคยปฏิเสธคำสารภาพรักออกไปทั้งที่ในเกือบทุกค่ำคืนยังคงจินตนาการถึงและครางเรียกชื่อคนคนนี้ซ้ำ ๆ อย่างหน้าไม่อาย
ในจังหวะที่สมองของทิพากรยังประมวลสถานการณ์ไม่ทันว่าต้องทำอย่างไรต่อ สายตาของเขาก็สบเข้ากับดวงตาคมเฉี่ยวของคนในความคิด คุณกานต์มองเขานิ่งอยู่อย่างนั้นไม่พูดอะไร ไม่แสดงสีหน้าอะไร นั่นยิ่งทำให้ทิพากรรู้สึกราวกับร่างกายโดนแช่แข็งทำอะไรไม่ถูกไปกันใหญ่
ความรู้สึกผิดที่ไม่มีที่มาที่ไปเกิดขึ้นมาในทันที บางทีเขาควรเอ่ยทักทายอีกฝ่ายออกไปหรือเปล่านะ ทำเหมือนว่าเรื่องราวในอดีตได้ผ่านพ้นจากใจของเขาไปแล้ว หรือว่าเขาควรปล่อยให้ความเงียบทำงานอย่างนี้ต่อไป
“สวัส...”
“น้องทิ ผมข้างหลังเด้งเยอะเลย มา เดี๋ยวพี่จัดทรงให้ ออกไปแบบนี้เดี๋ยวลูกค้าตกใจแย่”
ทิพากรปิดคำทักทายเบา ๆ ของตนไว้เพียงเท่านั้น เมื่อพี่คนหนึ่งในทีมหันมาพูดกับเขาเรื่องทรงผมลูกเป็ดซึ่งคงเกิดจากการนั่งวินมอเตอร์ไซค์สายด่วนเมื่อเช้านี้ เขาเอ่ยขอบคุณและพยักหน้าเพียงเล็กน้อย ทิพากรขยับตัวให้รุ่นพี่สาวจัดแต่งทรงผมเขาให้เรียบร้อยได้ถนัดขึ้น ในขณะที่หันไปมองคนที่ยังเอ่ยทักทายไม่จบอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้เป็นจุดสนใจจากดวงตาคมอีกแล้ว
ใบหน้าหล่อเหลาหันมองตรงไปยังหน้าลิฟต์ จากตำแหน่งที่ยืนและความต่างของส่วนสูง ทิพากรเห็นเพียงเสี้ยวหน้าด้านข้างของอติกานต์เท่านั้น แม้เพียงแค่เสี้ยวหน้าด้านข้างชายคนนี้ก็ยังจัดว่าเป็นลูกรักพระเจ้าได้อย่างสมบูรณ์แบบ สันกรามคมชัดกับจมูกโด่งโดดเด่นยิ่งทำให้คนตรงหน้าน่ามองยิ่งขึ้นไปอีก
ทิพากรเผลอมองสำรวจอีกฝ่ายอย่างหลงใหลและนึกชื่นชมในใจจนเมื่อประตูลิฟต์เปิดรับผู้โดยสารอีกครั้งตำแหน่งการยืนในลิฟต์จึงไม่สะดวกต่อการลอบมองอีกต่อไป ในตอนนี้คุณกานต์ถอยหลังจนมาหยุดยืนข้างตัวเขา ทิพากรใจเต้นแรงอีกครั้งเมื่อหลังมือของร่างใหญ่เฉียดสัมผัสกับหลังมือของตน
ความอุ่นจากผิวเนื้อของอติกานต์ล่อลวงจิตใจของทิพากรให้เผลอขยับนิ้วชี้ไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยยาวอย่างลืมตัว เป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น ก่อนที่ทิพากรจะถูกปลุกจากภวังค์ด้วยเสียงกระแอมไปแผ่วเบาของเจ้าของนิ้วก้อยนั้น
อติกานต์ปรายตามองคนตัวเล็กกว่า ก่อนจะขยับมือขึ้นไปกอดอกเอาไว้แล้วเบี่ยงไหล่หันมาหาคนตัวเล็กกว่า จนเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงยืนมองเขานิ่งด้วยสีหน้าตกใจทั้งดวงตายังไหวสั่นคล้ายกับเจ้าตัวกำลังจะร้องไห้ อติกานต์จึงพยักพเยิดหน้าให้คนตัวเล็กกว่าหันไปมองยังประตูหน้าลิฟต์ ทิพากรจึงได้เร่งรีบฝีเท้าเดินออกไป
ชั้น 32
ตลอดครึ่งเช้าทิพากรและทีมประชุมเกี่ยวกับรายละเอียดของโปรเจกต์ที่จะต้องเข้ามาดูแลซึ่งมีทีมงานของบริษัทคุณกานต์เป็นคนมาชี้แจงให้ทีมของทิพากรฟัง เมื่อทุกอย่างถูกอธิบายและซักถามกันจนจบข้อสงสัย รุ่นพี่สาวในทีมเขาจึงเอ่ยถามถึงการเซ็นสัญญาขึ้นมา
“ขอโทษนะคะ ไม่ทราบว่าคุณอติกานต์จะสะดวกเข้ามาเซ็นสัญญาเมื่อไหร่เหรอคะ” หญิงสาวถามขึ้น เพราะในตอนแรกที่ได้รับการแจ้งให้เข้ามารับฟังรายละเอียดของเนื้องาน ทางนี้บอกว่าจะมีการเซ็นสัญญาการดูแลโปรเจกต์เลย รวมถึงสัญญาในการรักษาความลับที่ทางทีมของทิพากรต้องเซ็นด้วยเช่นกัน
แต่เมื่อมาถึงกลับไม่พบแม้แต่เงาของประธานบริษัทที่มีรายชื่ออยู่ในการประชุมและเป็นเจ้าของลายเซ็นสำคัญในการประชุมวันนี้
“วันนี้คุณกานต์ติดธุระด่วนค่ะ คุณกานต์เพิ่งโทรมาแจ้งก่อนเราเริ่มประชุมไม่ถึงห้านาที คุณกานต์ฝากขอโทษทุกคนด้วยค่ะที่เข้ามาร่วมประชุมไม่ได้ แต่แจ้งไว้ว่าถ้าทางทีมเรากับทีมคุณไม่ติดขัดในข้อไหนหรือส่วนไหนของงานก็สามารถฝากเอกสารไว้ได้เลยค่ะ คุณกานต์จะเข้ามาเซ็นให้ภายหลัง แล้วจะรีบส่งเอกสารกลับไปให้ทันทีที่เสร็จค่ะ”
รุ่นพี่สาวของทิพากรยิ้มรับ คนในห้องประชุมไม่มีใครติดใจอะไร อันที่จริงมันเป็นเรื่องปกติที่คนตำแหน่งสำคัญในบริษัทเกือบทุกบริษัทมักจะงานรัดตัวจนต้องเลือกสักอย่างที่สำคัญกว่า เพียงแต่ว่า...
ทิพากรรู้ดีแก่ใจว่าคุณอติกานต์ หรือ คุณกานต์ ที่ถูกเอ่ยถึงนั้นเพิ่งจะยืนอยู่ข้างเขาในลิฟต์ตัวเดียวกันเมื่อเช้า ทั้งยังเดินตามหลังทีมเขาออกมาก่อนจะเลี้ยวไปยังห้องกระจกที่ติดฟิล์มฝ้าซึ่งอยู่ถัดห้องประชุมนี้ไปไม่ไกล
คนที่รู้จักหน้าตาของเจ้าของชื่อเป็นอย่างดีอย่างทิพากรจึงเป็นคนเดียวในทีมที่รู้ว่าคำเอ่ยอ้างเหล่านั้นล้วนแต่เป็นคำโกหกทั้งเพ
แล้วทำไมเขาถึงต้องมารู้สึกน้อยใจกับข้ออ้างของคนที่เขาปฏิเสธไปเองด้วย
ไร้สาระชะมัดไอ้ทิ
ลายเซ็นของทิพากรและคนในทีมค่อย ๆ ถูกบรรจงเซ็นลงในสัญญารักษาความลับของโปรเจกต์บริษัทคุณกานต์ เช่นเดียวกับสัญญาของบริษัทเขาก็ถูกเลื่อนไปไว้ตรงหน้าหัวหน้าทีมของอีกฝ่าย เพื่อฝากไว้ให้ประธานบริษัทเซ็นในภายหลัง
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วก็ถึงเวลาที่ทิพากรต้องกลับไปยังออฟฟิศของตัวเองก่อนที่จะกลับมาที่บริษัทนี้ใหม่ในอาทิตย์หน้าเพื่อเริ่มงานที่ตกลงกันไว้
คนในทีมของทิพากรกำลังพูดคุยเกี่ยวกับมื้อกลางวันก่อนกลับไปยังออฟฟิศว่าจะแวะกินที่ร้านไหนดีระหว่างที่พวกเขายืนรอลิฟต์ตัวเดียวกับที่พาพวกเขาขึ้นมาส่งยังชั้น 32 นี้
เงาสูงของบางคนเดินเฉียดผ่านหลังทิพากรไปในตอนที่ประตูลิฟต์เปิดออก ขาเรียวก้าวเข้าไปยืนในลิฟต์ตามสัญชาตญาณ ก่อนจะหันตัวกลับมายืนตรงมองออกไปยังด้านนอกของกล่องเหล็กเคลื่อนที่
ชายร่างสูงในชุดสูทภูมิฐานสีกรมท่า กำลังเดินไปยังประตูห้องประชุมที่เขาและทีมเพิ่งก้าวออกมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อน ในตอนที่ฝ่ามือใหญ่จับที่บานประตู ใบหน้าหล่อเหลาก็หันมามองยังลิฟต์ซึ่งประตูกำลังค่อย ๆ ปิดลง
สบสายตากลมโตของคนด้านในเพียงชั่วเสี้ยวนาที แล้วบานประตูห้องประชุมก็ถูกเปิดออก เช่นเดียวกับลิฟต์ตัวนั้นที่กำลังเคลื่อนตัวลงไปยังชั้นล่างของอาคารสูง
การเผชิญหน้าคนที่ยังคงติดอยู่ในความคิดมาตลอดหลายเดือนอย่างคุณกานต์อีกครั้งทำให้ความรู้สึกโหยหาก่อตัวขึ้นมาในจิตใจของทิพากรอย่างห้ามไม่อยู่ ทั้งที่โดนเมินอย่างชัดเจน แต่ความคิดที่อยากเข้าไปร้องขอโอกาสครั้งที่สองกลับกู่ร้องดังขึ้นมาภายในใจ
อยากลงไปนั่งแทบพื้นกอดเกี่ยวลำขาแกร่งนั้นไว้แล้วขอให้ลงโทษเขาสักทีที่ปฏิเสธคำรักแสนอบอุ่นนั่นไปพร้อมกลิ่นอายกาแฟในร้านคาเฟ่
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ความคิดของทิพากรตีกันในหัว อยากย้อนเวลาขอเรียกกลับคำสารภาพรักนั้นมาครอบครอง แต่ก็จะถูกเอ่ยแย้งจากความคิดด้วยอดีตที่ผ่านมาของตัวเขาเองเสมอ
ใครจะรับได้เรื่องความชอบแสนประหลาดของตัวเขา
เวลาของครึ่งวันที่เหลือหลังกลับจากบริษัทคุณกานต์ดูจะเดินช้ากว่าตอนเช้าอยู่มาก กว่าที่เข็มนาฬิกาจะชี้บอกเวลาเลิกงานทิพากรก็แทบหมดแรงไปกับการเตรียมการที่จะต้องย้ายไปทำงานที่บริษัทลูกค้าตั้งแต่อาทิตย์หน้าเป็นต้นไป จนกว่าโปรเจกต์ที่ดูแลจะเสร็จเรียบร้อยตามที่ในสัญญาระบุ
เมื่อเป็นอิสระจากการสวมบทพนักงานออฟฟิศ ทิพากรก็พาตัวเองมายังซอยหนึ่งใกล้กับที่พักซึ่งเป็นสถานที่ประจำหากเขาเกิดความต้องการบางอย่างขึ้นมา ขาเรียวก้าวตรงไปยังร้านซึ่งประดับด้วยไฟสีม่วงและชมพูดูฉูดฉาดแต่กลับตั้งอยู่เกือบท้ายซอยซึ่งไม่ค่อยมีคนเดินไปถึงเท่าไหร่นัก
ตอนนี้เริ่มเข้าช่วงหน้าหนาวแล้วท้องฟ้าจึงมืดเร็วกว่าปกติ นั่นทำให้ทิพากรไม่เสียเวลาขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่คอนโดเหมือนทุกทีก่อนจะแวะมาร้านนี้ เขาอยากรีบซื้อของที่ต้องการให้เสร็จ เพื่อจะเอาเวลาที่เหลือไปใช้กับตัวเองในค่ำคืนนี้
ทิพากรหยุดยืนมองตู้โชว์สินค้าหน้าร้านซึ่งถูกจัดจนแน่นด้วยของชิ้นเล็กชิ้นน้อย ของในตู้โชว์จะเปลี่ยนไปทุกรอบที่ทิพากรแวะมา เขาไม่แน่ใจนักว่ามันถูกจัดใหม่ในทุกกี่วันเพราะถึงจะเรียกว่าร้านประจำ แต่เขาก็ไม่ได้มาบ่อยขนาดที่จะรู้รายละเอียด
เขารู้เพียงแต่ว่าของในตู้โชว์หน้าร้านมักจะเป็นของเข้าใหม่ ซึ่งรวมถึงถุงน่องลูกไม้สีดำประดับหมุดเหล็กแหลมที่สายรัดหนังช่วงต้นขาที่วางโชว์เด่นอยู่กลางตู้นั้นด้วย
ดวงตากลมจ้องมองรายละเอียดของสินค้าอยู่หน้าตู้โชว์ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ความเครียดและเรื่องมากมายในหัววันนี้ของเขาต้องการการถูกระบายออกไป และอาจจะเพราะเป็นวันที่ได้เจอหน้าคุณกานต์อีกครั้ง ภาพอีกฝ่ายที่เคยอยู่เพียงจินตนาการของเขาในยามค่ำคืนจึงชัดขึ้น ทิพากรใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างให้ตัวเองในการซื้อของเล่นชิ้นใหม่ไปใช้บรรเทาความเครียด
คืนนี้...เขาต้องได้สวมถุงน่องคู่นี้
เมื่อตัดสินใจได้แล้วทิพากรจึงละความสนใจออกจากตู้โชว์เพื่อจะก้าวไปยังประตูเข้าร้าน เพียงแต่ว่า...
“คุณทิ”
“คุณกานต์!”
สามวันทีเดียวที่หัวหน้าแผนกไอทีไม่ได้มาทำงาน ด้วยเหตุผลว่าลาป่วย นั่นไม่ได้สร้างความแปลกใจอะไรกับพนักงานในบริษัทคนอื่น ๆ ถ้าหากว่าคนที่มาแจ้งลาให้ทิพากรไม่ใช่เจ้าของบริษัทอย่างอติกานต์ ทั้งยังเอ่ยปากกำชับกับฝ่ายบุคคลว่าไม่ต้องทวงใบรับรองแพทย์กับเจ้าตัว ทั้งที่ตามระเบียบแล้วหากพนักงานลาป่วยเกิน 1 วันจะต้องส่งใบรับรองแพทย์ตามมาให้ฝ่ายบุคคลนอกจากความสงสัยเรื่องที่ผู้บริหารหนุ่มหล่อไปสนิทสนมกับหัวหน้าแผนกไอทีขนาดที่เดินมาลางานให้อีกฝ่ายด้วยตัวเองแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกหัวข้อหนึ่งที่พนักงานในบริษัทเริ่มตั้งวงซุบซิบกันคือ...อติกานต์ ผู้บริหารหนุ่ม เจ้าระเบียบและน่าเกรงขามคนนี้ อาจจะกำลังออกเดตกับใครสักคนอยู่หลายวันมานี้พนักงานหลายคนต่างได้รับรอยยิ้มบางทรงเสน่ห์จากผู้บริหารซึ่งปกติไม่ค่อยได้เห็นอติกานต์ยิ้มนัก แม้ในวันที่ไม่มีเรื่องยุ่งยากใจให้จัดการ หรือแม้แต่วันที่คู่ค้าเซ็นสัญญาร่วมโครงการสำเร็จ อติกานต์ก็มีเพียงใบหน้านิ่งเท่านั้น เรื่องนี้ทำเอาพนักงานบางคนถึงขั้นวิตกกังวลจนพานคิดมากว่าตัวเองกำลังจะถูกไล่ออกแต่ทว่าต้องยอมรับว่าอติกานต์ที่ดูอารมณ์ดีและเ
อติกานต์ตวัดเสื้อสูทของตนคุมร่างอ่อนปวกเปียกของหัวหน้าแผนกไอทีไว้จนมิดชิด เมื่อหันไปมองที่ผนังกระจกด้านที่สามารถมองออกไปเห็นวิวอาคารบ้านเรือนในเมืองหลวงจากมุมสูงได้ อติกานต์ก็พบว่าในตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว ลำแสงสีส้มแผ่บนท้องฟ้าแคบคงเรื่อย ๆ เมื่อพระอาทิตย์กำลังโคจรไปอีกด้านหนึ่งของโลกก่อนหน้านี้เขาสอนงานหัวหน้าแผนกไอทีอยู่นาน ทบทวนบททดสอบอยู่หลายครั้งจนนักเรียนคนเก่งเหนื่อยล้าเขาจึงพาไปนอนที่โซฟารับรองแขกภายในห้องแน่นอนว่าถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้ามาในห้องทำงานของผู้บริหาร หลังจากเลขาสาวโทรเข้ามาที่โต๊ะทำงานด้วยความห่วงใยว่าถึงเวลาเลิกงานแล้ว จะให้เธอเรียกคนขับรถ หรือไปซื้อยาแก้ปวดลดไข้มาให้หรือไม่อติกานต์ปฏิเสธความหวังดีนั้นไปอย่างไม่ต้องคิด นั่นเพราะเขาไม่ได้ป่วยจริง ที่เลขาของเขาเข้าใจไปแบบนั้นก็คงไม่พ้นเป็นฝีมือของเพื่อนสนิทตัวดีอย่างไดจิแต่เขาก็ต้องขอบคุณ ที่เรื่องโกหกของเพื่อนเขาส่งผลให้เลขาหน้าห้องของเขาเลื่อนตารางนัด ดักแฟ้มเอกสารและพนักงานฝ่ายต่าง ๆ ที่ต้องการเข้าพบออกไปก่อนทิพากรยังคงหลับสนิทจากความอ่อนเพลียร่างเปลือยเปล่าสวม
ท่ามกลางเสียงวุ่นวายของพนักงานออฟฟิศที่กลับมาขับเคลื่อนบริษัทของนักธุรกิจดาวรุ่งอีกครั้งซึ่งดังแว่วเข้ามาภายในห้องให้ได้ยินเป็นระยะ ๆ เงาร่างเลือนรางของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาอยู่นอกผนังกระจกฝ้าของห้องทำงานผู้บริหาร ยังไม่รวมประตูที่เจ้าของห้องไม่คิดจะล็อก แสงไฟภายในห้องที่สว่างเพียงพอตามมาตรฐานความสว่างในที่ทำงานทุกองค์ประกอบส่งผลให้หัวใจของทิพากรเต้นระรัว กลัวว่าจะถูกจับได้หากมีใครสักคนเข้ามาเห็นเข้า แต่เขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าในความกลัวนั้นมีความตื่นเต้นแทรกอยู่มากพอสมควรเมื่อทิพากรอ้าปากรับความแข็งขืนของอติกานต์เข้าไปในโพรงปาก อีกฝ่ายก็หลับตาลงข่มอารมณ์จากสัมผัสอุ่นชื้น เสียงคำรามทุ้มต่ำในลำคอดังลอดออกมาเบา ๆ อติกานต์ยื่นมือไปวางไว้บนกลุ่มผมนุ่มขยุ้มมันเบา ๆ อย่างหาที่ระบายไม่ได้มีเพียงหัวหน้าแผนกไอทีคนเดียวที่ต้องข่มกลั้นเสียงแห่งราคะริมฝีปากเล็กยังคงทำหน้าที่ได้ดี ลิ้นนุ่มแลบเลียไปทั่วตัวตนของเขาราวกับเด็กน้อยได้ชิมไอศกรีมรสโปรด“อือ คุณทำได้ดีนี่” อติกานต์ตบแก้มตอบจากการดูดดุนตัวตนของเขาอย่างตั้งอกตั้งใจแรง ๆ ไปสองสามทีจนม
ความเงียบปกคลุมห้องทำงานส่วนตัวของผู้บริหารซึ่งล้อมด้วยผนังกระจกติดฟิล์มฝ้าถึงสามด้าน ไฟทุกดวงในห้องปิดลงแล้วหลังจากเจ้าของห้องออกไปทำธุระข้างนอกบริษัทตามที่ได้บอกเอาไว้เมื่ออติกานต์ก้าวเท้าออกจากประตู ทิพากรก็ก้าวตามออกมาด้วยเช่นกัน หากแต่จุดหมายเขาคือโต๊ะทำงานของตัวเอง อีกไม่กี่นาทีจะถึงเวลาพักเที่ยง ทิพากรจึงมีเวลาไม่มากสำหรับการคิดหาหนทางเข้าไปนั่งหมอบที่ใต้โต๊ะทำงานตัวใหญ่ตามที่อีกฝ่ายบอกไว้โดยที่ไม่ให้พนักงานคนอื่น ๆ สงสัยปากกาเจลสีน้ำเงินถูกหยิบขึ้นมาเขียนโน้ตแปะไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ว่าเจ้าของตำแหน่งหัวหน้าแผนกไอทีต้องออกไปทำธุระข้างนอกให้คุณกานต์ในช่วงบ่าย หลังจากที่เขาเอ่ยปฏิเสธคำชวนของสองสาวที่ชักชวนไปกินมื้อเที่ยงที่ร้านชาบูเปิดใหม่ถัดไปไม่ไกลจากตึกสำนักงานเมื่อพนักงานเบาบางลง ทิพากรคว้ากระเป๋าเอกสารแล้วเดินออกไปจากโต๊ะ เพื่อแสดงละครให้แนบเนียนว่าหัวหน้าแผนกไอทีผู้นี้ออกไปจากออฟฟิศแล้วจริง ๆ แต่ก่อนที่จะถึงหน้าลิฟต์ ทิพากรหันหลังไปมองพนักงานที่ยังเหลืออยู่ในออฟฟิศ ทุกคนง่วนอยู่กับเวลาพักกลางวันของตัวเอง บางกินข้าวกล่องที่ห่อมาบ้างก็หลับตางีบหลับ
“วันจันทร์หลังผมประชุมบอร์ดตอนเก้าโมงเสร็จ คุณเข้ามาพบผมที่ห้องทำงานด้วย เราจะมาตกลงรายละเอียดเรื่องของเรากัน”นั่นคือประโยคที่อติกานต์ทิ้งไว้หลังจากที่อีกฝ่ายขับรถมาส่งเขาถึงคอนโด การที่อติกานต์สามารถขับรถตรงมาที่คอนโดเขาได้โดยไม่เอ่ยถามทางสักคำทำให้ทิพากรตกใจอยู่พอสมควร แต่เมื่อพยายามคิดหาเหตุผล เขาก็ได้ข้อสรุปด้วยตัวเองว่า อติกานต์อาจจะเห็นที่อยู่ของเขาจากประวัติพนักงานก็ได้ตลอดวันหยุดทิพากรไม่ได้ออกไปไหน เขาใช้เวลาทั้งวันในการหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่สตูดิโอ แม้จะไม่ชัดเจนนัก แต่เขาจำได้ทุกอย่าง ความดิบเถื่อนของอติกานต์ที่แสดงออกมาไม่ทำให้เขาหวาดกลัวเลยสักนิด กลับกันมันยิ่งทำให้เขารู้สึกใจเต้นระรัวทุกครั้งที่นึกถึงเหตุการณ์ที่สตูดิโอความรู้สึกถึงส่วนแข็งขึงที่ชนผนังคอหอยของเขาจนสำลักน้ำหูน้ำตาไหลยิ่งกระตุ้นความสุขของเขามากกว่าการสวมใส่ถุงน่องยามช่วยตัวเองเสียอีก เขาไม่คิดว่าเส้นแบ่งระหว่างพนักงานและเจ้านาย รวมถึงภาพชายหนุ่มธรรมดาสองคนที่เคยเดตกันด้วยความอ่อนโยนอบอุ่นในอดีตจะถูกทำลายลงเร็วขนาดนี้แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ยังรู้สึกตื่นเต้นกับวันจ
ทิพากรนั่งนิ่งมองดูอติกานต์ที่ค่อย ๆ ปลดเข็มขัดออก การขยับเคลื่อนไหวของมือใหญ่ตรงหน้าดูจะเชื่องช้าเหลือเกินในใจของคนที่ได้แต่นั่งดู ทั้งที่ดื่มไวน์แดงรสเลิศไปแล้วหลายอึก ทว่าทิพากรกลับรู้สึกคอแห้งจนต้องกลืนก้อนน้ำลายลงไปคอเพื่อดับความกระหายเมื่อซิปกางเกงถูกปลดลง ความปรารถนาในใจที่ถูกทำลายความยับยั้งลงไปด้วยแอลกอฮอล์จึงทำให้ทิพากรไม่สามารถอดใจตนเองได้ คนอยู่ต่ำกว่าจึงยื่นใบหน้าไปใกล้จนปลายจมูกชิดชั้นในสีดำสนิทของอติกานต์ ทิพากรส่งเสียงครางหวานออกมาเบา ๆ เมื่ออติกานต์เองก็ขยับเท้าเข้ามา ยิ่งทำให้ใบหน้าแนบชิดกับส่วนที่แข็งขึงภายในเนื้อผ้ายืดหยุ่นศีรษะของทิพากรถูกลูบเบา ๆ จากฝ่ามือร้อน กดน้ำหนักเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้าของนายแบบมือสมัครเล่นบดเบียดกับอวัยวะส่วนล่าง อีกฝ่ายถูไถใบหน้าไปมาอย่างหลงใหล การกระทำนั้นเรียกเสียงหัวเราะในลำคออย่างพอใจจากอติกานต์ ประทับใจจนต้องยกกล้องขึ้นมาบันทึกภาพความน่ารักเก็บเอาไว้“รู้จักอ้อนเป็นแมวแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”อติกานต์รู้สึกแบบนั้นจริง ๆ ในมุมนี้ทิพากรไม่ต่างอะไรกับแมวช่างอ้อนที่ชอบถูไถตัวกับแข่งขาเจ้าของ เ