เรื่องบังเอิญมักเกิดขึ้นได้เสมอ เพียงแต่อติกานต์ไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องบังเอิญจะมาเกิดขึ้นกับเขาบ่อยเหลือเกินในช่วงนี้ โดยเฉพาะเรื่องบังเอิญที่เกี่ยวข้องกับทิพากร
หลังจากเด็กของไดจิบอกแบบนั้น อติกานต์ก็เดินไปที่ผนังกระจกของห้องรับรอง สอดส่องสายตาลงไปที่บาร์น้ำมองหาใครสักคนที่เมาพับตามคำบอกเล่า เพียงไม่นานสายตาคมของอติกานต์ก็เห็นชายหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่งที่นั่งฟุบไปกับเคาน์เตอร์บาร์ตรงหน้าบาร์เทนเดอร์ที่กำลังเขย่าผสมเครื่องดื่มให้ลูกค้าคนอื่น ๆ
ความคุ้นตาบางอย่างทำให้ใจของอติกานต์กระตุกวูบไปชั่วครู่ ก่อนที่จะเอ่ยบอกเพื่อนสนิทว่าไม่ต้องให้คนลงไปดูให้แล้ว เพราะเขาจะเป็นคนลงไปดูชายหนุ่มคนนั้นด้วยตัวเขาเอง
“มีไฝหลังคอเหมือนกันจริงด้วยวะ แล้วนายจะเอาไงต่อ” ไดจิถามขึ้นเมื่อลงมาดูคนเมาพับกับอติกานต์
ไม่อยากจะเชื่อว่าโลกมันแคบและเล็กขนาดนี้ ไดจิอยากจะขำออกมาให้กับโชคชะตาของเพื่อนสนิท ทันทีที่อติกานต์โอบไหล่เล็กพลิกตัวคนเมาขึ้นมาจากเคาน์เตอร์ ใบหน้าที่ไดจินิยายว่าเป็นหนุ่มจืดชืดก็ปรากฏต่อหน้าสายตาของเขาทั้งสอง
หากไม่ติดที่เห็นว่าอติกานต์หน้าตึงขึ้นมาทันทีที่เห็นคู่เดตเก่า ไดจิคงปล่อยเสียงหัวเราะลั่นร้านไปแล้ว แต่จะว่าไปแล้ว ไดจิเพิ่งค้นพบเมื่อได้เห็นใบหน้าของอดีตคู่เดตของอติกานต์ชัด ๆ ในระยะใกล้อย่างนี้
หน้าตาดูดีทีเดียว
แก้มที่ขึ้นสีน้อย ๆ จากปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มไปยิ่งทำให้เขาอยากลองจับใส่หูและหางกระต่ายดูสักครั้ง คงเข้ากันน่าดู
“ดื่มไปเยอะแค่ไหน”
อติกานต์ไม่ได้ตอบคำถามของไดจิในทันที เขาประคองร่างอ่อนปวกเปียกของทิพากรไว้ในอ้อมกอดหลวม ๆ ปล่อยให้น้ำหนักอันน้อยนิดทิ้งลงที่ลำตัวของเขาก่อนที่จะหันไปถามบาร์เทนเดอร์คนที่ยืนใกล้ร่างเล็กนี้มากที่สุด
“ไม่เยอะครับคุณกานต์ แต่คืนนี้เขาดื่มตัวแรงกว่าทุกที”
ฝ่ามือใหญ่ช้อนปลายคางของคนเมาให้ใบหน้าของคนไร้สติเงยขึ้นมาให้มองเห็นได้ถนัดอีกครั้ง
ไม่อยากเชื่อว่าทิพากรจะรู้จักบาร์นี้ด้วย และมากกว่านั้นเหมือนว่าจะไม่ใช่ครั้งแรกที่มา แปลกที่เขาไม่เคยเจอทิพากรที่นี่เลยสักครั้ง
“เด็กนายนี่น่าสนใจดีนะ ไหนว่าเขาใสซื่อบริสุทธิ์ไงวะ คนดีที่ไหนจะมาเข้าบาร์ของฉัน แถมยังเมาไม่รู้เรื่องอีก” ไดจิเอ่ยหยอกเพื่อนสนิทที่หน้าตึงกว่าเดิมจนพนักงานและลูกค้ารอบข้างเริ่มหันใบหน้าหนีไปทางอื่น หลบสายตาจากรังสีดำมืดที่เริ่มแผ่ขยายออกมาทำลายบรรยากาศโดยรอบ
อติกานต์ไม่ได้ตอบโต้กลับไป เขาช้อนร่างของทิพากรขึ้นอุ้มแล้วหันหลังเดินออกไปทางประตูหน้าบาร์ แรงอารมณ์ของอติกานต์ทำให้ไดจิต้องก้าวขายาวขึ้นกว่าปกติ เพื่อที่จะเดินให้ทันเพื่อนสนิท
“ไอ้กานต์ นายจะพาเขาไปไหนวะนั่น บาร์ฉันไม่เคยมีประวัติเรื่องความปลอดภัยลูกค้านะเว้ย”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ลูกค้านายจะปลอดภัยแน่” อติกานต์เอ่ยตอบในขณะที่รถสปอร์ตคันหรูถูกนำมาจอดเทียบให้ตรงหน้าด้วยพนักงานของบาร์ที่ดูแลเรื่องยานพาหนะของลูกค้า VIP
“ไปกับมึงจะปลอดภัยยังไงวะ แล้วนี่สรุปจะพาเขาไปไหน”
ไดจิรีบถามย้ำอีกรอบเมื่ออติกานต์วางคนเมาลงที่เบาะด้านข้างคนขับคาดเข็มขัดนิรภัยให้จนเสร็จเรียบร้อย แล้วเดินอ้อมไปเปิดประตูอีกฝั่งหย่อนตัวนั่งลงหลังพวงมาลัย หากไม่ติดที่เจ้าของบาร์จับประตูฝั่งคนเมาเอาไว้ อติกานต์คงเหยียบขันเร่งออกไปแล้ว
“พิสูจน์หลักฐานไงวะ”
พูดจบคนตอบคำถามแสนสั้นกับรถสปอร์ตคันหรูก็ขับหายไปจากหน้าบาร์ของเขาแล้ว ช่างเถอะ เรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องรู้อะไรมากอยู่แล้ว อติกานต์ไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น และถ้าเกิดว่าเพื่อนเขาจะหน้ามืดตามัวขืนใจคนเมาไม่ได้สติ เขาจะอาสาเป็นฝ่ายพิทักษ์ความยุติธรรมให้กระต่ายออฟฟิศตัวน้อย ๆ เอง
นึกถึงใบหน้าตึง ๆ ของเพื่อนสนิท ไดจิก็ยกยิ้มขึ้นอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่จะฮัมเพลงเบา ๆ เดินกลับเข้าไปด้านใน
ไม่ใช่แค่อติกานต์คนเดียวนี่ ที่มีกระต่ายเนื้อนุ่มให้นอนซุกในคืนนี้
ว่ากันว่าโดยปกติแล้วคนเมามักจะตัวหนักกว่าปกติ แต่ทิพากรกลับตัวเบามากทั้งที่ความสูงต่างจากเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นซึ่งน่าจะพอ ๆ กับไดจิเพื่อนของเขา แต่เจ้านั้นกลับตัวหนักอย่างกับหมูทั้งที่ดูเพรียวบางกว่า
แต่ถึงแบบนั้นอติกานต์ก็ไม่ได้แปลกใจมากนัก ก็เพราะเนื้อตัวนุ่มนิ่มอย่างนี้ไม่ต้องถามเขาก็พอจะรู้ว่าคนที่เขากำลังอุ้มอยู่นี้คงไม่ค่อยได้ออกกำลังกายสักเท่าไหร่
อติกานต์อุ้มทิพากรมาตลอดทางโดยไม่รู้สึกหนักแต่อย่างใดตั้งแต่จอดรถ จนกระทั่งขึ้นมาถึงชั้นบนสุดของคอนโดหรูใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร เขาไม่ได้พาทิพากรกลับไปที่คอนโดของเจ้าตัวเพราะทิพากรเมาเกินกว่าจะบอกเส้นทางได้ ซึ่งต่อให้บอกได้เขาก็ไม่ใจดีขนาดนั้น
ดังนั้น เพนต์เฮาส์ส่วนตัวของเขาจึงเป็นจุดหมายปลายของการเดินทางนี้ตั้งแต่แรก อติกานต์วางทิพากรลงบนเตียงนุ่มขนาดคิงไซซ์ในห้องนอนห้องหนึ่ง ซึ่งในไม่กี่นาทีข้างหน้า ห้องนอนนี้จะกลายเป็นห้องสอบสวนและห้องพิสูจน์หลักฐาน
ภายในเพนต์เฮาส์ถูกตกแต่งตามความต้องการและความชอบส่วนตัวของอติกานต์ผู้เป็นเจ้าของ ซึ่งโทนสีมีเพียงสีดำ เทา ขาว และตัดด้วยสีทองในบางส่วน แม้จะดูหรูหราแต่ก็แฝงไปด้วยความดิบเถื่อนที่ผสมอยู่ด้วย สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนในห้องนี้คงเป็นเตียงที่ทิพากรนอนอยู่ มุมทั้งสี่ด้านมีเสาเหล็กเชื่อมเป็นโครงขึ้นไปด้านบน ซึ่งหากสังเกตดี ๆ คานเหล็กที่เชื่อมเสาทั้งสี่จะมีห่วงที่ดูเหมือนจะถูกสั่งทำขึ้นมาพิเศษสำหรับแขวนบางอย่างได้เชื่อมติดไว้ด้วย
หลังจากถูกวางลงบนเตียงไม่นานทิพากรก็เริ่มขยับตัวเล็กน้อย ร่างเล็กถูไถใบหน้าไปมากับผ้าห่มแพรซึ่งคลุมอยู่บนผ้านวมนุ่มอีกที เรียวปากเล็กคลี่ยิ้มบางออกมาทั้งที่ดวงตายังหลับใหล
ดูท่าทางแล้วทิพากรจะชอบสัมผัสของเนื้อผ้าลื่น ๆ มากทีเดียว
อติกานต์ยืนมองลูกแมวน้อยอยู่ข้างเตียงครู่ใหญ่ ก่อนที่จะถอดสูทของตัวเองออก พับทบครึ่งหนึ่งแล้วพาดไว้กับเก้าอี้คริสตัลสีดำใสที่ริมห้อง มือล้วงลงไปหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงกดหน้าจออยู่สักพักก็เดินมาหย่อนตัวลงบนเตียงข้างร่างเล็กที่เริ่มครางเสียงแผ่วกับผืนผ้า
‘ซันคิดมานานแล้วว่าอยากลองลงคลิปดูสักครั้ง เลยรวบรวมความกล้าสุ่มชวนเมมเบอร์ที่สนใจไปคนหนึ่ง โชคดีที่เขาเองก็อยากช่วยซันในครั้งแรกนี้เช่นกัน ยังไงซันฝากทุกคนรอติดตามซันด้วยนะครับ ซันจะทำให้เต็มที่แม้จะตื่นเต้นมากก็ตาม’
นั่นคือข้อความล่าสุดที่ your sun เจ้าของแอ็กเคานต์โอนลีแฟนต้องสงสัยลงไว้ หากคิดเชื่อมโยงเล่น ๆ ดู มันก็อาจเป็นเรื่องบังเอิญอีกเรื่องที่คนอย่างทิพากรจะเข้าไปเมาพับที่บาร์แบบนั้น
เป็นไปได้ไหมว่า ทิพากร ก็นัดใครสักคนมาเจอเช่นเดียวกับ your sun
อติกานต์ไม่ชอบเรื่องบังเอิญ เขาไม่ชอบอะไรที่เหนือการควบคุม เพราะเป็นนักลงทุนและนักธุรกิจ เรื่องบังเอิญในความคิดเขาจึงไม่มีอยู่จริง ทุกเรื่องล้วนสามารถคาดการณ์หรือดูแนวโน้มจากข้อมูลต่าง ๆ ในมือได้ เว้นแต่ว่าคุณจะดูความเป็นไปได้เหล่านั้นไม่ละเอียดพอ
“อือ...”
เสียงครางแผ่วดังขึ้นอีกครั้ง ดวงตาคมปรายตามองคนที่ยังหลงใหลกับเนื้อผ้าเย็นลื่นก่อนที่จะโยนโทรศัพท์มือถือในมือไปอีกฝั่งของเตียงไม่สนใจว่ามันจะอยู่ตรงไหน หรือจะร่วงตกพื้นจนเสียหายหรือไม่
จากนั้นร่างสูงใหญ่ก็ขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนตัวของทิพากร น้ำหนักที่กดลงมาทำให้ทิพากรพยายามลืมตาขึ้นมามอง แต่อาจจะเพราะแสงไฟที่เพดานหรืออาจจะเป็นความมึนเมาที่ยังไม่สร่างทำให้มองเห็นภาพใบหน้าของคนด้านบนไม่ชัดเจนนัก
นิ้วหัวแม่มือเย็นเฉียบข้างหนึ่งกดบี้ลงบนริมฝีปากอุ่นนุ่มไปมาก่อนที่จะส่งนิ้วชี้และนิ้วกลางเข้าไปสำรวจเล่นในโพรงปากชื้นแฉะ ไล่ปลายนิ้วไปตามไรฟันทั้งบนล่าง ทิพากรส่งเสียงต่อต้านอยู่เพียงไม่นาน ก็ทำตามคำสั่งของเขาอย่างว่าง่ายจนอติกานต์ยกยิ้มอย่างพอใจ
“ดูดแรง ๆ”
ริมฝีปากเล็กห่อรอบนิ้วยาวของอติกานต์เอาไว้ จากนั้นจึงเริ่มดูดเม้มอย่างเอร็ดอร่อยจนเกิดเสียงดังที่ฟังแล้วชวนให้จินตนาการไปไกล อติกานต์วนนิ้วเล่นหยอกเย้ากับลิ้นน้อย ๆ จนพอใจถึงถอนนิ้วออก
“อ๊ะ”
เสียงร้องตกใจจากคนที่สติยังกลับมาไม่ครบดังขึ้นเมื่ออยู่ ๆ คนด้านบนก็จับเขาพลิกนอนคว่ำ ความอุ่นและน้ำหนักที่กดแนบลงมาทำให้ทิพากรรับรู้ว่าคนแปลกหน้าทาบทับตัวตามลงมาด้วย
ฝ่ามือร้อนของคนคนนั้นสอดเข้ามาข้างใต้สัมผัสหน้าอกของเขาผ่านเสื้อเชิ้ต ยังไม่ทันได้ดื่มด่ำกับความรู้สึก ฝ่ามือนั้นก็กระชากเสื้อเชิ้ตของเขาออก เสียงเนื้อผ้าที่ดังเมื่อสักครู่ทำให้ทิพากรรู้ได้ทันทีเลยว่าเสื้อเขาคงขาดแล้วแน่ ๆ
“ผู้ต้องสงสัยต้องพิสูจน์ตัวตนและความบริสุทธิ์”
เสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างใบหู
ทิพากรไม่เข้าใจความหมายนั้น แต่เขาก็ไม่คิดจะประมวลหาคำตอบหรือความหมาย เพราะรู้ตัวเองดีว่าในตอนนี้ไม่อยู่ในสถานะที่จะขัดขืนอะไรได้
อีกอย่างน้ำเสียงคุ้นหูที่พูดกับเขาอยู่ตอนนี้มันทำให้ความอยากรู้อยากลองของเขากำลังถูกกระตุ้น แม้ว่าความจริงแล้วใจเขากำลังเต้นแรงเพราะความกังวลในความสัมพันธ์แบบวันไนต์สแตนด์ [1] ครั้งแรก แต่ร่างกายกลับทำตรงกันข้ามกับความคิด บางทีอาจจะเป็นความดำมืดในใจเขาก็ได้ที่สั่งร่างกายให้เคลื่อนไหวไปตามคำสั่งของคนที่กำลังค่อย ๆ ลูบไล้สัมผัสไปตามแผ่นหลังเปลือยเปล่า ก่อนที่จะเลื่อนลงต่ำรั้งเอาขอบกางเกงของเขาไว้ในมือ จากนั้นความเย็นของอากาศภายในห้องก็ค่อย ๆ เข้ามาจู่โจมช่วงล่างที่กางเกงถูกดึงหายไปไหนสักที่แล้วเรียบร้อย
“หึ ใส่สายรัดกับถุงน่องใหม่มาพร้อมเชียวนะ คงเตรียมตัวสำหรับนัดเจอคนแปลกหน้ามาอย่างดีเลยใช่ไหมครับ”
“???”
“คุณถูกจับแล้วครับ คุณพระอาทิตย์”
“!!!”
^ความสัมพันธ์ทางเพศที่คงอยู่เพียงคืนเดียว ไม่มีการผูกมัด
“อ้า ขา ออก”เสียงเอ่ยสั่งดังขึ้นอีกครั้งเมื่อทิพากรยังไม่ยอมขยับขาทั้งสองข้างออกจากกัน แต่เดิมแล้วอติกานต์ไม่ใช่คนอ่อนโยนนัก แต่ไม่ใช่ว่าเขาอ่อนโยนไม่เป็น หากแต่เขายังไม่อยากหยิบเอาความอ่อนโยนนั้นมาใช้กับคนเดิมเป็นครั้งที่สอง หลังจากมันถูกปัดตกไปอย่างง่ายดายเสียงเข้มที่เอ่ยสั่งเมื่อสักครู่ก็เพียงพอแล้วที่ทิพากรจะละทิ้งความอายของตัวเองเพื่อทำตามคำบอก ยังไม่ทันได้ขยับขาทิพากรก็ต้องสะดุ้งตกใจอีกครั้ง เมื่อฝ่ามือใหญ่สอดเข้ามาระหว่างหัวเข่าทั้งสองข้างเพราะตกใจจึงเผลอขัดขืนตามสัญชาตญาณ อีกฝ่ายไม่ได้ทำรุนแรงกับเขาเพียงแค่ไล้ฝ่ามือไปตามช่องว่างระหว่างหัวเข่า นิ้วหัวแม่มือกดน้ำหนักลูบวนที่ขอบระบายของปลายถุงน่องซึ่งอยู่เหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อย ๆ เลื่อนฝ่ามือขึ้นสูงไปที่หว่างขาของคนใต้ร่างอย่างเชื่องช้าและใจเย็นเปี๊ยะสายรัดยางยืดแต่งลายลูกไม้สีขาวเข้ากับลายของถุงน่องถูกนิ้วยาวของชายแปลกหน้าเกี่ยวขึ้นสูง ก่อนที่จะปล่อยสายรัดนั้นดีดลงที่ผิวเนื้ออ่อนที่ต้นขาของทิพากรมันไม่ได้ทำให้เจ็บปวดเลยสักนิด ตรงกันข้าม
ไฝหลังต้นคอไฝใต้สะบักขวาและ...ปานเล็ก ๆ ที่ข้างสะโพกซ้ายอติกานต์ไล่ตรวจข้อสงสัยทีละข้อ เขาไม่ต้องหยิบรูปของ your sun มาดูเพื่อความแน่ใจ เพราะเขาจำรายละเอียดของคนในรูปนั้นได้ทั้งหมด และทุกข้อก็ปรากฏเป็นหลักฐานบนผิวขาวเนียนมัดตัวผู้ต้องสงสัยอย่าง ทิพากร จนไม่อาจหาทางใดมาโต้แย้งกับเขาได้อีกความจริงอติกานต์มั่นใจตั้งแต่เห็นไฝที่ใต้สะบักขวาแล้ว แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะขยันสร้างเรื่องประหลาดใจให้เขาด้วยการสวมถุงน่องสีขาวสะอาดประดับลวดลายลูกไม้ ซึ่งเข้าเซตกับสายรัดต้นขาสีเดียวกันไว้ภายใต้กางเกงสแล็กสีเข้มทรงกระบอกที่แสนธรรมดาติดจะเชยไปเสียหน่อยด้วยซ้ำหึ…เด็กน้องซ่อนรูปอติกานต์หัวเราะในลำคอ อย่างน้อยก็นับเป็นเรื่องดีที่ความจืดชืดของทิพากรปกปิดความเย้ายวนจากสายตาคนทั่วไป เพราะนั่นเท่ากับว่า...เขาตาถึงมากทีเดียว“ใคร?”ทิพากรพยายามรวบรวมสติที่เหลือเพียงน้อยนิดควานหาช่องเสียงของตัวเองจนเจอแล้วเอ่ยถามออกมา“แล้วคุณนัดใครไว้ล่ะ” ประโยคคำถามถูกถามกลับมาแทนคำตอบ&l
เรื่องบังเอิญมักเกิดขึ้นได้เสมอ เพียงแต่อติกานต์ไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องบังเอิญจะมาเกิดขึ้นกับเขาบ่อยเหลือเกินในช่วงนี้ โดยเฉพาะเรื่องบังเอิญที่เกี่ยวข้องกับทิพากรหลังจากเด็กของไดจิบอกแบบนั้น อติกานต์ก็เดินไปที่ผนังกระจกของห้องรับรอง สอดส่องสายตาลงไปที่บาร์น้ำมองหาใครสักคนที่เมาพับตามคำบอกเล่า เพียงไม่นานสายตาคมของอติกานต์ก็เห็นชายหนุ่มร่างเล็กคนหนึ่งที่นั่งฟุบไปกับเคาน์เตอร์บาร์ตรงหน้าบาร์เทนเดอร์ที่กำลังเขย่าผสมเครื่องดื่มให้ลูกค้าคนอื่น ๆความคุ้นตาบางอย่างทำให้ใจของอติกานต์กระตุกวูบไปชั่วครู่ ก่อนที่จะเอ่ยบอกเพื่อนสนิทว่าไม่ต้องให้คนลงไปดูให้แล้ว เพราะเขาจะเป็นคนลงไปดูชายหนุ่มคนนั้นด้วยตัวเขาเอง“มีไฝหลังคอเหมือนกันจริงด้วยวะ แล้วนายจะเอาไงต่อ” ไดจิถามขึ้นเมื่อลงมาดูคนเมาพับกับอติกานต์ไม่อยากจะเชื่อว่าโลกมันแคบและเล็กขนาดนี้ ไดจิอยากจะขำออกมาให้กับโชคชะตาของเพื่อนสนิท ทันทีที่อติกานต์โอบไหล่เล็กพลิกตัวคนเมาขึ้นมาจากเคาน์เตอร์ ใบหน้าที่ไดจินิยายว่าเป็นหนุ่มจืดชืดก็ปรากฏต่อหน้าสายตาของเขาทั้งสองหากไม่ติดที่เห็นว่าอติกานต
ห้องรับรองแขกบนชั้นลอยของบาร์หรูแห่งหนึ่ง เป็นพื้นที่ซึ่งถูกสงวนไว้สำหรับแขกระดับสูงของร้านเท่านั้น ภายในถูกตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่เพียงแค่มองก็สามารถรับรู้ได้ทันทีถึงความหรูหราของเฟอร์นิเจอร์และสิ่งของต่าง ๆ ที่ใช้ตกแต่งอยู่ภายในบรรยากาศห้องดูสลัวไม่ชัดเจน มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟทองเหลืองทรงสูงตั้งพื้นที่มุมทั้งสองด้านหน้าห้องกับแสงสว่างจากบาร์ชั้นล่างที่ลอดผ่านผนังกระจกบานใหญ่ติดฟิล์มหนาซึ่งเป็นฟิล์มที่คนด้านนอกห้องรับรองไม่สามารถมองเข้ามาเห็นคนด้านในได้ชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งยังอยู่ในชุดสูทราคาแพงตามปกติที่ผู้คนมักพบเห็นเขาได้ตามนิตยสารหรือสื่อออนไลน์เชิงธุรกิจราวกับเป็นเครื่องแบบประจำตัว มือข้างหนึ่งยกแก้วไวน์ขึ้นจิบไปอึกใหญ่ องุ่นหมักอย่างดีการันตีด้วยราคาที่สูงลิบถูกกลืนลงลำคอใหญ่อย่างรวดเร็วโดยที่คนดื่มไม่คิดจะดื่มด่ำรสชาติชั้นเลิศของมันเลยสักนิดดวงตาคมหลุบต่ำมองลงไปยังชั้นล่างของบาร์หรูร้านประจำที่เขามาแทบทุกอาทิตย์ อติกานต์สูดลมหายใจเข้าลึกมองตามชายหนุ่มผมสีทองสว่างโดดเด่น ชายคนนั้นมีรูปร่างเพรียวบาง ใบหน้าหวานหยด หากแต่มีความสูงเกือบ 190 เตี้ยกว่าเขา
แม้เมื่อคืนจะไม่ได้ดื่มจนเมามาก เขายังพาตัวเองกลับมาคอนโดได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งพาใครให้ช่วย แต่อย่างไรปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปก็ล้วนส่งผลบางอย่างกับร่างกายของคนที่บริโภคมันเสมอในตอนนี้ทิพากรจึงต้องมาชดใช้กรรมด้วยการจ้ำอ้าวตรงไปยังบริษัทซึ่งเป็นลูกค้าที่เขาจะเข้าไปดูแลโปรเจกต์ให้ อาการมึนหัวหลังตื่นนอนเมื่อเช้าหายไปตั้งแต่เขาเห็นเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาดิจิตอลที่หัวเตียง ซึ่งมันบ่งบอกว่าเขาตื่นสายกว่าปกติมากแล้วใช้เวลาไม่นานทิพากรก็ทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ และเลือกการเดินทางในเมืองหลวงยามเช้าอันแสนวุ่นวายด้วยการขนส่งที่เร็วที่สุดเท่าที่จะหาได้...วินมอเตอร์ไซค์“คุณทิ!”เสียงเอ่ยทักทายจากคนในทีมเดียวกันดังขึ้นเมื่อทิพากรสาวเท้าเข้ามาถึงด้านในโถงต้อนรับของอาคารสูงซึ่งบริษัทจุดหมายปลายทางของเขาตั้งอยู่บนชั้นที่ 32ทิพากรเอ่ยทักทายกลับไป ก่อนที่ทั้งเขาและทีมจะเดินตรงไปยังลิฟต์ เมื่อเข้ามาอยู่ภายในกล้องเหล็กสี่เหลี่ยมเสียงพูดคุยก็หยุดลง ทิพากรลอบถอนหายใจพรางจัดเสื้อคลุมให้ดูเรียบร้อย ก่อนจะถกปลายแขนเสื้อคลุมขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ
กริ๊งเสียงปากขวดไวน์แดงกระทบกับขอบแก้วไวน์สีใส นักดื่มหน้าอ่อนเทน้ำสีสวยเติมลงแก้วตัวเองเป็นรอบที่สาม แก้มขาวนวลขึ้นสีระเรื่อตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไป จนชายหนุ่มอีกคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามต้องยื่นมือมาจับขวดไวน์เอาไว้เพื่อยั้งแรงกระทบป้องกันความเสียหายต่อแก้วไวน์ใบบางที่เพื่อนสนิทของเขาอาจทำให้มันแตกเสียก่อนที่จะคุยธุระกันรู้เรื่อง“พอไหมไอ้ทิ เดี๋ยวก็เมาหรอก ฉันไม่ใจดีอุ้มไปส่งคอนโดนนะโว้ย”“ยังไม่เมา นี่เพิ่งแก้วที่สามเอง” ทิพากร หรือ ทิ เอ่ยตอบเพื่อนสนิทอย่างเล้ง ซึ่งเขาเป็นคนโทรนัดให้ออกมาดื่มเป็นเพื่อนในค่ำคืนนี้“ไม่เมาก็เทเบา ๆ อุตส่าห์มาบาร์หรูขนาดนี้ดันไม่ให้เขาบริการ อยากจะเทเองซะอย่างนั้น อย่าทำแตกเชียว ถ้านายทำแตกคราวหน้าฉันไม่มาด้วยแล้ว”“รู้แล้วน่า ไม่ทำให้นายขายหน้าหรอก อีกอย่างพรุ่งนี้ฉันเองก็มีงานที่ต้องทำเหมือนกัน ไม่ปล่อยให้ตัวเองเมาหรอก แค่อยากดื่มแก้เซ็งเฉย ๆ” พูดจบทิพากรก็ยกแก้วไวน์ขึ้นมาจิบไปหนึ่งอึก เล้งเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเทไวน์ราคากลาง ๆ ของร้านใส่แก้วตัวเองเช่นกัน“แล้วมีเรื่องเซ็งอะไรถึงได้อยากดื่