“คุณคะ...คุณ”
กมิตตราพยายามส่งเสียงเรียกคนเจ็บที่เริ่มหายใจรวยริน เห็นจากหน้าตาแล้วเขาไม่ใช่คนไทยอย่างแน่นอน คงจะเป็นนักท่องเที่ยว...แต่นักท่องเที่ยวที่ไหนทำไมถึงได้โดนรถบรรทุกคันนั้นตั้งใจขับชนหมายจะเอาชีวิต
“คุณลุงคะ...อดทนนิดนะคะ รถพยาบาลกำลังจะมาถึง”
เปลือกตาที่จะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ของคนบาดเจ็บพยายามมองหญิงสาวตรงหน้าให้ชัดเจน แต่มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขา ในที่สุดเปลือกตาหนาของผู้บาดเจ็บก็ปิดลงทันทีพร้อมกับลมหายใจรวยรินที่ทำให้กมิตตราต้องหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหารถพยาบาล และทันใดนั่นเองเสียงหวอของรถกู้ภัยฉุกเฉินก็ดังขึ้นมา
“คุณลุงคะ...รถพยาบาลมาแล้ว แข็งใจอีกนิดนะคะ”
มือเล็กของหญิงสาวบีบมือหนาที่เริ่มเย็นเพราะความเปียกชื้นของละอองฝน เธอพยายามส่งกำลังใจให้คนเจ็บเผื่อว่าแรงใจของเธอมันจะช่วยทำให้ชายสูงวัยคนนี้มีพลังขึ้นมาบ้าง
“เจ้านายผม...ช่วยเจ้านายผมด้วย”
กันต์พยายามเอ่ยปากขอร้องชายหนุ่มที่ช่วยเหลือเขาออกมาจากรถให้ช่วยเจ้านายของเขาซึ่งอาจจะติดอยู่ในรถหรือเปล่าเขาก็ไม่รู้...เขากับนพขับรถพาคริสออกจากท่าอากาศยานเพื่อไปยังบ้านพัก ในขณะที่ขับรถออกมาพอเห็นว่าฝนตกเขาก็กำชับนพบอกให้ขับอย่างระวัง รถบรรทุกคันนั้นไม่รู้มาจากไหน พยายามเบียดรถของเขาหมายจะให้ตกไหล่ถนน นพพยายามขับหนีให้นำหน้ารถบรรทุกคันนั้นแต่มันก็เร่งความเร็วจนชนท้ายรถของเขากระเด็นกระดอนกลิ้งอยู่บนท้องถนนอย่างที่เห็น มันไม่ใช่อุบัติอย่างแน่นอน
“โน่น...แม่หนูคนนั้นกำลังดูอยู่”
สิ้นคำพูดของชายหนุ่มผู้ใจดี เสียงหวอรถกู้ภัยก็ดังเข้ามา เสียงผู้คนดังโหวกเหวกตะโกนเรียกนั่นเรียกนี่และตอนนั้นสติสัมปชัญญะอันน้อยนิดของกันต์ก็ค่อย ๆ ดับลงเช่นเดียวกับคริสที่มีเพียงลมหายใจแผ่วเบาบ่งบอกว่าเขายังมีชีวิตอยู่เช่นเดียวกัน
เสียงตอบรับอัตโนมัติที่ดังทำให้แดนไทยถึงกับถอนหายใจออกมายาวเหยียด กันต์มัวแต่ทำอะไรอยู่ถึงได้ปิดมือถือ ขาดการติดต่อไปแบบนี้ปล่อยให้เขาต้องสะดุ้งกับสายตาเพชฌฆาตที่มองเขามาเป็นระยะ ๆ ของผู้เป็นเจ้านาย อนรรฆ เอียน แบรนดอน รองประธานกรรมการบริษัทซอฟต์แวร์ คอมพิว ดอท คอม จำกัด บริษัทนำเข้าและส่งออกซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์อันโด่งดังซึ่งมียอดขายแต่ละปีไม่ต่ำกว่าพันล้าน เจ้าของฉายานัยน์ตาพญาเหยี่ยว ยามเมื่อดวงตาคู่นี้มองไปที่ไหนหรือศัตรูคนไหน คนนั้นต้องย่อยยับในทันที อนรรฆมักให้เพื่อนชาวต่างชาติเรียกเขาว่าเอียน เพราะการออกเสียงชื่อภาษาไทยของเขานั้นมันค่อนข้างยากและเขาก็ชินกับชื่อเอียนเสียแล้ว
“มีอะไร...ติดต่อกันต์ไม่ได้หรือยังไง”
แดนไทยชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งหน้าเครียดหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ภายในห้องทำงานของคฤหาสน์แบรนดอน
“แดนนี่ก็พยายามแล้วนี่ฮะ สงสัยกันต์แบตหมดมั้ง”
แดนไทยบอดี้การ์ดมือหนึ่งของอนรรฆจีบปากจีบคอจนคนเป็นเจ้านายรู้สึกหมั่นไส้ ตอนแรกเขาเคยสบประมาทแดนไทยมาแล้ว คิดว่านิสัยกระตุ้งกระติ้งประดุจหญิงของผู้ชายคนนี้คงไม่สามารถปกป้องหรือทำงานกับเขาได้เป็นแน่ แต่แดนไทยก็พิสูจน์ฝีมือให้เขาเห็นเต็มสองตา ที่สำคัญมีคนพยายามซื้อตัวแดนไทยให้เป็นพวกด้วยวงเงินมิใช่น้อยแต่แดนไทยก็ยังยืนยันจะอยู่รับใช้เขานั่นเอง แดนไทยถึงได้สามารถซื้อใจของเขาได้ ถึงแม้บางครั้งจะรู้สึกรำคาญกิริยากระตุ้งกระติ้งของบอดี้การ์ดหัวใจสาวคนนี้ก็เถอะ ส่วนกันต์ก็บอดี้การ์ดอีกคนหนึ่งของเขาซึ่งตอนนี้เขาส่งไปช่วยดูแลบิดาที่เมืองไทยเพราะบิดากับมารดาอยากกลับไปพักผ่อนที่เชียงใหม่
“แล้วอีกอย่าง...แดนนี่บอกกี่ครั้งแล้วฮะ...ว่าอย่าเรียกแดนเฉย ๆ ฟังแล้วมันปวดใจ”
กิริยาค้อนน้อย ๆ ของบอดี้การ์ดมือขวายิ่งทำให้อนรรฆเกิดอาการอยากถีบคนที่ยืนลอยหน้าลอยตาตรงหน้าให้พ้นลูกตาเสียจริง ร่างสูงเกือบหนึ่งร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรของอนรรฆเดินเข้ามาใกล้ลูกน้องคนสำคัญทันที ในขณะที่คนเป็นลูกน้อยถึงกับถอยหลังหนีไปสองสามก้าว ไม่ค่อยไว้ใจกับท่าทีของผู้เป็นเจ้านาย รู้ดีทีเดียวว่าถ้าหากเขาออกอาการสาวมากเกินไปคนเป็นเจ้านายมักจะทนไม่ไหว ไม่เตะก็ถีบให้เขาร้องโอดโอยทุกครั้ง
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยไอ้แดน”
แดนไทยกระทืบเท้านิด ๆ ไม่พอใจที่อนรรฆเรียกชื่อเดิมของเขา
“รีบติดต่อกันต์ให้ได้ อ้อ...ช่วยโทร. บอกเคธี่ด้วยว่าฉันไม่ว่าง ขอยกเลิกนัด”
เคธี่ก็คือหนึ่งในบรรดาสาว ๆ ที่คอยแวะเวียนมาให้แดนไทยปวดหัวเพราะต้องคอยสับหลีกสับหลอกยิ่งกว่านักฟุตบอล ไล่พวกคุณเธอทั้งหลายไม่ให้แวะเวียนเกาะแกะเจ้านายของเขา สายตาของแดนไทยจับจ้องใบหน้าคมเข้มของอนรรฆอย่างชื่นชม ถ้าไม่ติดว่าเป็นเจ้านายนะ แม่จะขายขนมจีบดูสักตั้ง ผู้ชายอะไรดูดีไปเสียทุกอย่าง รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ หุ่นก็สมาร์ทน่ากิน กล้ามเป็นมัด ผมสีน้ำตาลเข้ม นัยน์ตาสีน้ำเงินเกือบดำกลับยิ่งทำให้ใบหน้าของอนรรฆดูมีเสน่ห์ขึ้นอีกเท่าตัว จมูกก็โด่งเป็นสันสวยงามไม่ใช่โด่งแบบฝรั่งทั่ว ๆ ไป คงเพราะได้เลือดไทยผสมลงไปด้วย ริมฝีปากนั่นอีก...อ๊าย...แค่คิดก็น้ำลายไหล
ทันทีที่เท้าเหยียบแผ่นดินของเมืองเชียงใหม่ในประเทศไทย อนรรฆ เอียน แบรนดอน ก็รีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลอย่างเร่งรีบ สีหน้าของชายหนุ่มเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก ตลอดการเดินทางอนรรฆไม่เอ่ยอะไรออกมาทั้งสิ้นจนแดนไทยไม่กล้าที่จะชวนคุย อนรรฆหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมากดหามารดาของตัวเองทันที“แม่ครับ...ตอนนี้พ่อเป็นยังไงบ้างครับ”ทันทีที่ได้ยินน้ำเสียงของคนเป็นลูก คุณอรรดาถึงกับน้ำตาคลอหน่วยตาทั้งสอง เมื่อคิดว่าเธอไม่ต้องอยู่ตามลำพังอีกแล้ว“ปลอดภัยแล้วลูก...กันต์ก็ปลอดภัยแล้ว เอียนอยู่ไหนแล้วลูก”น้ำเสียงสั่นสะท้านน้อย ๆ ของมารดาทำให้คนเป็นลูกกัดสันกรามตัวเองแน่น ถ้าหายตัวได้เขาก็อยากหายตัวไปหามารดาตอนนี้เลย เพราะคิดว่ามารดาคงตกใจน่าดูที่ต้องเผชิญเหตุการณ์นี้เพียงลำพัง“ใกล้ถึงโรงพยาบาลแล้วครับ...เดี๋ยวเจอกันนะครับแม่”อนรรฆกดตัดสายมารดาและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นจนแดนไทยเดินจนเกือบจะวิ่งอยู่แล้ว แต่บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวก็ไม่ได้บ่นเพราะเป็นห่วงผู้เป็นเจ้านายและเพื่อนรักอย่างกันต์ด้วยเช่นเดียวกัน“คุณคริสเป็นยังไงบ้างครับบอส”แดนไทยเก็บความอยากรู้เอาไว้ไม่ไหวจึงถามออกไปด้วยความเป็นห่วงคนทั้งสอ
“ญาติของคนเจ็บหรือเปล่าครับ...ตอนนี้คนเจ็บปลอดภัยแล้วนะครับ”ทั้งกมิตตรากับคุณอรรดายิ้มออกมาอย่างยินดี ดวงตาของคุณอรรดาชื้นไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความปีติ มือของนางจับกอบกุมจับมือบางของกมิตตราแน่น“เห็นไหมคะ...แก้มบอกแล้วว่าคุณลุงต้องปลอดภัย คุณหมอกำลังย้ายคุณลุงไปห้องพักฟื้น เราไปรอที่ห้องกันก่อนดีกว่าไหมคะ...คุณป้าจะได้พักด้วย”คุณอรรดามองหน้ากมิตตราด้วยแววตาขอบคุณก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ ทั้งสองประคองกันไปยังห้องพักในขณะที่คนไข้ยังมาไม่ถึง กมิตตราประคองร่างของคุณอรรดาลงนั่ง เพียงครู่ร่างของคนป่วยก็ถูกบุรุษพยาบาลเข็นเข้ามาก่อนที่ทุกอย่างจะชุลมุนเล็กน้อย ในที่สุดร่างของคุณคริสก็นอนบนเตียงคนป่วยรอบศีรษะถูกพันด้วยผ้าพันแผล สายน้ำเกลือระโยงระยางยิ่งทำให้คู่ชีวิตอย่างคุณอรรดาสงสารผู้เป็นสามีจับใจกมิตตรามองภาพคุณอรรดาจับมือหนาของสามีไว้แน่นยิ่งสะท้อนในหัวใจ ถ้าเธอมีพ่อกับแม่อยู่กันพร้อมหน้าแบบนี้ก็คงอบอุ่น ดวงตากลมโตของหญิงสาวร้อนผ่าวขึ้นมาเมื่อคิดถึงเรื่องรันทดของตัวเองถึงแม้เธอจะพยายามบอกตัวเองว่าเธอมีความสุขที่มีคุณแม่อธิการทั้งสองดูแล และมีคุณพ่ออาเธอร์ที่เปรียบเสมือนบิดาของเธอเลี้ยงดู แต่ส่ว
“บอสฮะ...แดนนี่สับขาหลอกบรรดาสาว ๆ ของบอสจนเก่งกว่านักฟุตบอลแล้วนะ แดนนี่มาเป็นบอดี้การ์ดนะฮะ...ไม่ใช่นักสับรางรถไฟ”แดนไทยจีบปากจีบคอพูดกับคนเป็นเจ้านายพร้อมกับค้อนให้อีกฝ่ายเล็กน้อย ยามพูดถึงบรรดานังชะนีสองขาของอนรรฆ บอดี้การ์ดหนุ่มหัวใจสาวเห็นสายตาคมเข้มของผู้เป็นเจ้านายมองเขาเขม็ง ร่างสูงของแดนไทยถึงกับถอยหลังไปอีกเล็กน้อยเพื่อให้พ้นระยะปลายเท้า ถ้าหากผู้เป็นเจ้านายจะเหวี่ยงมาที่เขา แต่อนรรฆก็ยังไม่ได้ทำอะไรเพราะโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของเขาดังขึ้นเสียก่อนซึ่งโทรศัพท์เครื่องนี้มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เบอร์ ส่วนมากก็เป็นคนในครอบครัวและเพื่อนสนิทจริง ๆ ของเขาเท่านั้น รอยยิ้มของอนรรฆแย้มออกมาทันทีเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทร. เข้ามา“ว่าไงครับแม่”เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มดังออกมาจนคนที่ยืนฟังอีกคนถึงกับยิ้มออกมาด้วยเช่นเดียวกัน ไม่ต้องเดาแดนไทยก็รู้ว่าน้ำเสียงแบบนี้อนรรฆพูดกับใครเพราะมีอยู่คนเดียวที่ทำให้อนรรฆเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังนั่นก็คืออรรดา มารดาของเขานั่นเอง“เอียน...เกิดเรื่องใหญ่แล้วลูก...พ่อ...พ่อ...”น้ำเสียงสะอื้นไห้ของมารดาทำให้อนรรฆหุบยิ้มทันที ใบหน้าอ่อนโยนเมื่อส
“คุณคะ...คุณ”กมิตตราพยายามส่งเสียงเรียกคนเจ็บที่เริ่มหายใจรวยริน เห็นจากหน้าตาแล้วเขาไม่ใช่คนไทยอย่างแน่นอน คงจะเป็นนักท่องเที่ยว...แต่นักท่องเที่ยวที่ไหนทำไมถึงได้โดนรถบรรทุกคันนั้นตั้งใจขับชนหมายจะเอาชีวิต“คุณลุงคะ...อดทนนิดนะคะ รถพยาบาลกำลังจะมาถึง”เปลือกตาที่จะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่ของคนบาดเจ็บพยายามมองหญิงสาวตรงหน้าให้ชัดเจน แต่มันก็เป็นเรื่องยากสำหรับเขา ในที่สุดเปลือกตาหนาของผู้บาดเจ็บก็ปิดลงทันทีพร้อมกับลมหายใจรวยรินที่ทำให้กมิตตราต้องหันซ้ายหันขวาเพื่อมองหารถพยาบาล และทันใดนั่นเองเสียงหวอของรถกู้ภัยฉุกเฉินก็ดังขึ้นมา“คุณลุงคะ...รถพยาบาลมาแล้ว แข็งใจอีกนิดนะคะ”มือเล็กของหญิงสาวบีบมือหนาที่เริ่มเย็นเพราะความเปียกชื้นของละอองฝน เธอพยายามส่งกำลังใจให้คนเจ็บเผื่อว่าแรงใจของเธอมันจะช่วยทำให้ชายสูงวัยคนนี้มีพลังขึ้นมาบ้าง“เจ้านายผม...ช่วยเจ้านายผมด้วย”กันต์พยายามเอ่ยปากขอร้องชายหนุ่มที่ช่วยเหลือเขาออกมาจากรถให้ช่วยเจ้านายของเขาซึ่งอาจจะติดอยู่ในรถหรือเปล่าเขาก็ไม่รู้...เขากับนพขับรถพาคริสออกจากท่าอากาศยานเพื่อไปยังบ้านพัก ในขณะที่ขับรถออกมาพอเห็นว่าฝนตกเขาก็กำชับนพบอกให้ขับอย่างระ
บทที่ 1 เริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดคิ้วเรียวราวกับปีกนกของสาวน้อยคนหนึ่งขมวดเข้าหากัน เมื่อท้องฟ้าที่เคยสวยงามเมื่อสักครู่แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นมืดครึ้ม สายลมที่พัดโชยเอื่อยเปลี่ยนเป็นแรงจนโบกสะบัดเส้นผมยาวสลวยจรดกลางแผ่นหลังบอบบางปลิวสยายจนเจ้าตัวต้องใช้โบว์มัดผมที่ใส่ข้อมือเอาไว้ออกมารัด ไม่ให้สายลมตีผมเธอจนยุ่ง ดวงตากลมโตประดุจกวางป่าล้อมกรอบด้วยแพขนตาสีดำสนิทเหมือนเส้นผมหรี่ลงเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองปลิดปลิวเข้าดวงตาทั้งสองข้างของเธอ กมิตตราเร่งฝีเท้าของตัวเองให้เร็วขึ้นเพราะถ้าขืนช้าไปกว่านี้เธอคงหนีไม่ทันฝน“โอ๊ย...พี่ฝนขา อย่าเพิ่งตกลงมานะคะ ขอให้แก้มกลับถึงบ้านก่อน”แต่ดูเหมือนพี่ฝนของกมิตตราจะไม่ให้ความร่วมมือ เพราะตอนนี้พี่ฝนเริ่มตกมาเป็นละอองฝอย ๆ เสียแล้ว เมื่อไม่กี่นาทีก่อนตอนที่เธอกำลังปั่นจักรยานไปยังตลาดนัดเล็ก ๆ ข้างหมู่บ้านซึ่งตลาดแห่งนี้จะมีทุกวันพุธ มีทั้งอาหารคาวหวานจากแม่ค้าที่อาศัยอยู่ละแวกนี้ ตอนนั้นอากาศยังดีอยู่เลย ท้องฟ้าแจ่มใสจนไม่ส่อแววว่าจะมีฝนตกด้วย ดวงตากลมโตมองข้าวของหน้าตะกร้าจักรยานด้วยสีหน้าที่ร้อนรน เธอต้องรีบนำผักสดพวกนี้ไปให้คุณแม่อธ