 LOGIN
LOGINฉันกระโดดถีบกลางหลังเขาเต็ม ๆ โดยลืมตัวไปเลยว่าตอนนี้มีเพื่อนเขาอยู่ ทุกคนต่างพากันมองมาทางฉันกับไอ้บ้านี่แล้วก็มีคนหนึ่งหัวเราะขึ้นมา
“ ฮ่า ๆ โอ้ยขำว่ะไอ้ห่า มึงดูดิไอ้ดีไวน์”
คนที่หน้าตาออกแนวญี่ปุ่น ๆ พูดขึ้น คนนี้ดูหน้าตาน่ารักมากกรี๊ด ๆ ส่วนคนที่ชื่อดีไวน์นี่ก็อย่างกับมาเฟียเลยงะ แม้หน้าตาจะออกหวาน ๆ แบบเกาหลีแต่รังสีที่แผ่ออกมากลับทำให้เขาดูน่ากลัวพอ ๆ กับพี่อาชาเลย
“ขำเหี้ยไรของมึงวะ ไอ้เทนชิ!”
เขาลุกขึ้นก่อนจะตะโกนด่าคนที่ขำ อ๋อชื่อเทนชินี่เอง
“ส่วนมึงกล้ามากนะที่ถีบกู!”
เขาพูดด้วยความโมโหก่อนจะเดินมาทางฉัน ใครมันจะไปยืนรอให้เขาจับได้วะ ฉันรีบเดินไปแอบหลังพี่นาทันที ฮิฮิ
“ไม่ต้องไปหลบหลังยัยชีเลย!”
“ใจเย็น ๆ นะเคียร์”
พี่นาน่ารักสุดดด
“ปัญญาอ่อน ใกล้เวลาประชุมแล้ว”
เป็นเสียงพี่ดีไวน์ที่เดินมาถึงตอนไหนก็ไม่รู้พูดขึ้น ส่วนอีตาบ้านั่นก็ทำหน้าประมาณว่าฝากไว้ก่อนเถอะ หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสี่คนก็ไปที่ห้องคล้าย ๆ กับห้องทำงานใหญ่ ๆ คงจะคุยงานกันละมั้ง
เหลือแค่ฉันกับพี่นาสองคนที่นั่งอยู่ในห้องรับรอง จากนั้นเราสองคนก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย...
เวลา 21.30 น.
หลังจากพวกเขาคุยกันเสร็จ แต่ละคนก็ต่างกำลังพากันกลับแต่คนที่ชื่อเทนชิไม่วายหันมายกนิ้วโป้ง ฉันทำหน้างงใส่ เขาก็บอกว่าฉันทำเยี่ยมมากที่ถีบเพื่อนเขาเมื่อตอนเย็น
ถามจริงนี่เพื่อนกันจริงปะเนี่ย ส่วนอีตาบ้านั่นเห็นท่าทางของเพื่อนตัวเองก็เข้าไปตบหัวใหญ่ ทำตัวอย่างกับเด็ก ๆ
ที่จริงฉันจะกลับตั้งแต่ตอนเย็นละ แต่ชายชุดดำบอกว่ากลับไม่ได้ คุณเคียร์อะไรนั่นสั่งห้ามไม่ให้ฉันกลับ เหอะ!!! ซวยซ้ำซวยซ้อนเลยต้องมากลับกับเขาเนี่ย
“นี่นายฉันง่วงนอนละนะ จะพาไปไหนอีก พรุ่งนี้ฉันมีงานมีการต้องทำนะ!”
ดูเขาสิจะพาฉันไปไหนต่อไม่รู้ ฉันอยากกลับบ้านไปนอนแล้ว เป็นห่วงแม่ด้วยต้องอยู่คนเดียว ถึงที่พักจะปลอดภัยมากก็เถอะ
“ต่อไปนี้มึงไม่ต้องทำงานแล้ว”
เขาพูดออกมาด้วยหน้าตาเฉย ๆ แต่เดี๋ยวนะ
“ไหนนายบอกจะไม่ไล่ฉันออกไง!”
ซวยแล้ว T^T
“ใครบอกว่ากูไล่มึงออก อย่าติ๊งต๊อง”
“เอ้า! ก็เห็นบอกว่าฉันไม่ต้องทำงาน”
อะไรของเขาวะ
“กูหมายถึงไม่ต้องไปทำแล้วหน้าที่ยาม มึงต้องมาเป็นเลขากู!”
ฮะ!! สมองกลับหรือไงวะ
“ไปเป็นเลขาเนี่ยนะ! บ้าไปแล้ว ฉันไม่ได้เรียนจบมาด้านนั่นนะ แล้วฉันก็จบแค่ ม.3เอง อย่ามาพูดตลก ๆ”
“แล้วไงกูไม่แคร์ กูบอกให้ทำมึงต้องทำอย่ามาขัด!”
เผด็จการที่สุด! ฉันไม่ยอมหรอกเป็นเลขาก็ต้องอยู่กับอีตาบ้านี่ทุกที่ พอดีได้เป็นโรคประสาทแน่ ๆ
“ไม่ ยังไงฉันก็ไม่ทำ แล้วอย่าคิดมาบังคับฉัน!”
“ดูมึงไม่เป็นห่วงแม่มึงเลยนะ”
“เกี่ยวอะไรกับแม่ฉัน! อย่ามายุ่งกับแม่ฉันนะ!”
มันจะมากไปละนะ
“ก็ถ้าไม่อยากให้แม่มึงเดือดร้อนก็อย่าขัดคำสั่งกู!”
เขาหันมาขู่ด้วยหน้าตารำคาญ ดูจากหน้าแล้วเขาทำจริงแน่ แล้วไหนจะอิทธิพลความรวยนั่นอีก มันทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว
“เลว!”
“รู้ตัวดีไม่ต้องชม^^ อ่อแล้วถ้าทำร้ายร่างกายกูอีกละก็ อย่าหาว่าไม่เตือน!”
เขาคงเห็นมั้งว่าฉันกำลังจะยกมือขึ้นไปตบเขาสักดอกสองดอก แต่ฉันก็ต้องชะงักมือค้างไว้บนอากาศเพราะคำพูดเขาจากนั้นฉันก็รีบลดมือลงทันที เกลียดที่สุด! -*-
สถานที่ ร้านอาหารหรู ( เคียร์ )
นี่เขาคงยังไม่เข็ดสินะถึงได้กล้าพาฉันมากินข้าวอีก เดี๋ยวแม่จะจัดให้ชุดใหญ่กว่าเดิมอีก หึหึ
แต่แล้วความคิดก็ต้องดับสิ้นเมื่อเขาพูดขู่ขึ้นมา
“อย่าแม้แต่จะคิด! ถ้ามึงทำตัวอุบาทว์แบบนั้นอีกกูไม่รับประกันนะว่าแม่มึงจะเป็นไงต่อไป”
“ไอ้สารเลว! เลิกเอาแม่ฉันมาอ้างสักที!”
“จำไว้ คนแบบกูทำได้มากกว่าขู่มึงอีก!”
พูดจบเขาก็เดินเข้าไปในร้านพร้อมกับลากฉันติดมือไปด้วย ไอ้คนทุเรศ! หน้าตัวเมียที่สุด!

“อ๊ะ อ๊า จะ..จุกไป ๆ” เธอใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้กอดคอเขาไว้มากุมท้องตัวเองที่จุกจากการกระแทกลึกของเขา “ยืนแป๊บ” เคียร์เอ่ยบอกหญิงสาวที่ทำหน้างงก่อนจะวางเธอลงในท่ายืน เขาจับเธอหันหลังดันเธอให้ติดกับกระจกหน้าต่าง เขาดึงก้นเธอเข้ามาแนบชินก่อนจะสอดใส่เจ้ามังกรเปียกชุ่มเข้าจากทางด้านหลัง “อ๊า อื้ออออ ไม่..เอาท่านี้สิ อื้อออ” หญิงสาวร้องออกมาเมื่อท่านี้มันทำให้แก่นกายใหญ่ของเขาเข้ามาได้ลึกกว่าเดิมอีก ไหนจะหน้าอกหน้าใจของเธอที่กำลังเบียดเสียดรูดขึ้นลงกับกระจกที่แนบชิดอยู่ สร้างความเสียวราคะทุกโซนประสาทจริง ๆ “ตอดขนาดนี้จะแตกแล้วเหรอหืมม ซี้ดด” เมื่อรับรู้ถึงการตอดถี่ของหญิงสาวว่าใกล้จะแตะขอบสวรรค์แล้วเขาก็เร่งเครื่องติดจรวดทันที กระแทกเข้าออกไม่ยั้ง “อ๊ามะไหวว/อื้อออซี้ดด” เสียงครางกระเส่าดังขึ้นประสานกันเมื่อทั้งคู่แตะที่จุดสุดยอดในที่สุด ชายหนุ่มกระแทกสองสามทีรีดน้ำรักเข้าไปในตัวของหญิงสาวจนหมดก่อนจะชักออกมา ส่งผลให้หญิงสาวที่มีขาอ่อนจากความเสียวในตอนแรกนั่งพับ
ตอนพิเศษ ๓ NC+++สถานที่ ประเทศ USAตอนเช้า... ชายหนุ่มหญิงสาวคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งแต่งงานกันไปได้ไม่นานก้าวขาลงจากเครื่องบินส่วนตัวเพียงสองคน วันนี้เธอและเขามาฮันนีมูนกันนั่นเอง โดยได้คุณแม่ของเธอและคุณแม่ของเคียร์ที่กำลังเห่อน้อง กำไล รับไปดูแล จนทำให้เธอกับเขาได้มีโอกาสเที่ยวกันสองคน “อยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหม?” มือใหญ่วางทาบลงบนหัวคนตัวเล็กที่กำลังยืนชั่งใจคิดว่าจะเที่ยวที่ไหนดี เนื่องจากก่อนมาพวกเขาไม่ได้ทำการวางแพลนใด ๆ เลย “อืม...อยากไปดูที่เขาแปะมือกับดาราอะ แบบมีการประทับมือดาราดัง ๆ ลงแผ่นไรสักอย่างอะ” เคียร์พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ภรรยาตัวเองพูด ก่อนจะยกมือถือโทรหาคนขับรถของประเทศนี้ เพียงไม่นานรถหรูก็เคลื่อนเข้ามาจอดตรงหน้า พร้อมกับมีพนักงานลงมาเปิดประตูต้อนรับแขกคนพิเศษ พวกเขาคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ สร้อยเองก็ทำหน้าไม่ค่อยจะเข้าใจมากเท่าไหร่ “รู้งี้ตั้งใจเรียนภาษาดีกว่า” ภรรยาตัวแสบนั่งบ่นให้เขาฟัง ส่วนเขาได้แต่นั่งยิ้มกับความน่าเอ็นดูของเธอ “อยากเรียนไหมล่ะ”
ตอนพิเศษ ๒ ใช้เวลาพักฟื้นตัวหลังคลอดได้ไม่นานก็ถึงเวลาเตรียมการจัดงานแต่งงานที่เคยสัญญาไว้แล้ว “ฝากเจ้าตัวเล็กด้วยนะคะแม่ สร้อยจะรีบกลับมาค่ะ” เสียงหญิงสาวเอ่ยบอกคนเป็นแม่ คุณยายของเจ้าตัวเล็กในอ้อมกอด เธอจะต้องออกไปลองชุดและซื้อของต่าง ๆ เพื่อจัดเตรียมงานแต่งที่กำลังใกล้จะถึงกับว่าที่สามีของเธอ “ไปเถอะลูก เจ้าตัวเล็กนี่แม่จะดูแลเอง เนอะหลานยาย” หญิงสาวมีอายุหันไปหยอกล้อเล่นกับหลานตัวน้อยอย่างเอ็นดูหลายชั่วโมงผ่านไป... ใช้เวลาหลายชั่วโมงเลยทีเดียวกว่าจะเตรียมของจนเสร็จ นอกนั้นก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของออร์แกไนเซอร์ เนื่องจากว่าที่สามีของเธอได้จ้างวานมาเอง “เหนื่อยไหมวันนี้” เคียร์เอ่ยถามเจ้าตัวแสบของเขา พลางวางมือหนาไว้บนหัวของว่าที่ภรรยาสาวไปด้วย “นิดหน่อย บอกแล้วไม่ต้องจัดก็ได้” เธอเพียงมุ่ยหน้าเล็กน้อย สร้างรอยยิ้มเอ็นดูให้กับคนตรงหน้าได้มากทีเดียว “ได้ไง คนดังอย่างกูแต่งงานทั้งทีเลยนะ” ชายหนุ่มพูดออกมาได้ไม่อายปาก หญิงสาวได้แต่ส่ายหัวไปมาแท
ตอนพิเศษ ๑8 เดือนผ่านไป...เวลา 04.35 น. ภายในห้องกว้างมีเพียงสองร่างชายหญิงกำลังนอนหลับใหล ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศกำลังทำงานส่งผลให้ทั้งคู่หลับอย่างสบาย เพียงแค่ไม่กี่วินาทีต่อมาจากความเงียบสงบแปรเปลี่ยนเป็น.... “อะ โอ้ยยยย” หญิงสาวท้องโตสะดุ้งตื่นพร้อมกับส่งเสียงถึงความเจ็บปวดที่ได้รับ เสียงที่เธอร้องออกมาดังจนปลุกให้ชายร่างกำยำมีลายสักที่คอสะดุ้งตื่น “สร้อยเป็นอะไร!” เขาถามเธอออกไปด้วยความตระหนกตกใจ เมื่อเห็นหญิงสาวลุกขึ้นมานั่งกุมท้องใหญ่ “ละ..ลูก จะคลอด! โอ๊ยยยยยเจ็บบบ” หญิงสาวท้องโตพูดออกมาด้วยความเจ็บปวด เตียงที่เคยแห้งกลับกลายเป็นเปียกโชก บ่งบอกได้ดีว่าเด็กน้อยในท้องพร้อมที่จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว “เวรเอ๊ย! อดทนก่อนกูจะรีบพามึงไปโรงพยาบาล” ชายร่างกำยำรีบจัดการเสื้อผ้าบนตัวก่อนจะวิ่งอ้อมมาหาหญิงสาวด้วยความรีบร้อน “หนักฉิบหายเลยโว๊ยยยยย” ปากหนาบ่นอุบอิบ หญิงสาวไม่มีเวลามาสนใจเนื่องจากต้องทนกับอาการเจ็บปวดที่ได้รับ ฝ่ายชายรีบอุ้มหญิงสาววิ่งไปที่รถ
“ไหวไหมนั่น” ฉันทำท่าทางจะลุกเดินไปหา แต่เขาห้ามไว้ซะก่อน “อย่าแกล้งพ่อเขาหนักสิลูก” ฉันนอนลูบท้องเปล่งเสียงเบาบอกลูกของตัวเอง ส่วนเขาก็เดินขึ้นมานอนข้าง ๆ “ดีแล้วที่กูแพ้แทนมึง เพราะถ้ามึงแพ้เองกูคงไม่มีกะจิตกะใจทำงานแน่” แหนะ ยังจะมาปากหวานอีก “พูดถูกใจตลอดด” ฉันแอบแซวเขาพร้อมกับเอื้อมมือขึ้นไปหยิกแก้มทั้งสองไปมา “กูพูดตามความรู้สึก” เขาเอื้อมมือมากุมมือฉันที่กำลังหยิกเขา แล้วหอมมือฉันอย่างแผ่วเบา “รู้ไหมว่ารักมาก?” “อือรู้ ฉันก็รักพี่มากเหมือนกัน” “แล้วรู้ไหมว่ากู หวง ห่วง มึงมาก?” “รู้สิ สร้อยก็ หวง ห่วง พี่เหมือนกันนะ” “งั้นก็รู้ไว้ซะ ว่ามึงคือผู้หญิงของกูคนเดียวและเป็นแม่ของลูกกูด้วย” “>////พี่ก็เหมือนกันเป็นพ่อของลูกสร้อย” ความร้อนรุ่มแทรกผ่านเข้ามาที่ใบหน้าของฉัน เครื่องปรับอาการที่ว่าเย็นมากแล้วยังต้องยอมแพ้กลับความร้อนที่เผาผลาญอยู่บนหน้าของฉัน เขานี่มันพูดได้ไม่อายเลยจริง
บทที่ 31 END “ทำงี้กะจะให้กูหลงจนโงหัวไม่ขึ้นเลยเหรอวะ” บ้าที่สุดดด ชอบพูดคำน่าอายอยู่นั่น “รีบไปได้แล้ว >///” ฉันออกแรงผลักไล่ให้เขาขยับตัวออก แล้วไล่ดุนหลังเขาจนไปถึงหน้าห้อง “เดี๋ยวรีบกลับนะ จุ๊บ” ว่าจับเขาก็จุ๊บลงบนปากของฉันอีกครั้ง แล้วหมุนตัวเดินออกไป กว่าจะได้ออกไปทำงานฉันก็เปลืองตัวไปกับเขามากโขแล้ว หุหุหัวค่ำ...Rrrr Rrr เสียงริงโทนดังขึ้นเรียกความสนใจให้ฉันละสายตาออกจากทีวี พลางก้มลงไปมองสายที่โทรเข้ามา ฉันยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าปลายสายเป็นใครโทรเข้ามา “จะกลับแล้วเหรอ” ฉันกดรับก่อนจะเอ่ยถามคนปลายสาย “อืม ใกล้ถึงแล้ว” เขาตอบเสียงเรียบ “ใกล้ถึงแล้วจะโทรมาให้เปลืองเงินทำไมเล่า” “คิดถึง เพิ่งมีเวลาจับมือถือเอง” เสียงออดอ้อนของปลายสายสร้างความรู้สึกดีให้ฉันไม่น้อย “คิดถึงเหมือนกัน วางสายก่อนขับรถอยู่อันตราย” “ครับ” เขาตอบรับด้วยคำสุภาพทำเอาฉันรู้สึกกระดากหูที่ได้ยิน ไม่








