อีธานรู้สึกยินดีกับการแก้แค้นขณะที่เขาเฝ้าดูอารมณ์ที่ขัดแย้งกันบนใบหน้าของมาร์ค “ถ้าคุณไม่อยากให้จดหมายฉบับนี้ตกไปถึงมือของแอเรียนก็อย่ายุ่งกับเรื่องของผม ที่ดินนั้นเป็นของผมและไม่ใช่ของใครอื่น ถ้าคุณปล่อยให้ทิฟฟานี่รู้ว่าผมทำอะไรลงไปบ้างคุณก็พนันได้เลยว่าแอเรียนจะรู้เรื่องของคุณเช่นกัน”มาร์คหลับตาลงและสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับต่อสู้กับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในอกเขา เขาจะไม่มีวันเปิดเผยความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์เครื่องบินตกนั้น เขายอมแบกรับมันไว้คนเดียวแทนที่จะเปิดโปงแม่ของเขา ท้ายที่สุดแล้วความประทับใจอย่างแรงกล้าที่มีต่อแม่ของเขาที่เป็นผู้หญิงที่มีเหตุผลและใจดียังคงอยู่ในส่วนลึกของหัวใจของเขา เขาจะไม่ยอมทำความประทับใจสุดท้ายที่เขายังมีต่อเธอแปดเปื้อน“จะเกิดอะไรขึ้นถ้านายได้ที่นั้นและทิฟฟานี่? นายจะใช้เรื่องนี้ขู่ฉันอีกนานแค่ไหน?”อีธานหัวเราะเยาะ “คุณจะเชื่อผมไหมถ้าผมจะบอกว่าเราสองก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเคียงข้างผู้หญิงที่มีค่าที่สุดสำหรับเราขณะที่เราฝังควาหลับสุดยอดของเราไว้?”ไม่มีทางที่มาร์คจะเชื่ออย่างนั้น ขณะนี้ทั้งคู่เก็บความลับสุดยอดของกันและกันไว้ แต่พวกเขาไม่ได้มีอ
มาร์คยื่นมือของเขาออกไปทางเธอพลางบอกให้เธอมาหาเขา “มานี่สิ”แอเรียนทำตามเขาอย่างเชื่อฟัง พลางรู้สึกเหมือนว่ากำแพงระหว่างพวกเขาถูกทำลายไปหมด เขาดึงเธอเข้าหาเขาและดึงเธอให้นั่งลงบนตักก่อนที่เขาจะวางคางตัวเองไว้บนไหล่ของเธอเขาสูดดมกลิ่นของเธอเพื่อให้มันไปช่วยคลายความกังวลในใจของเขา “แอริ เธอปรารถนาที่จะทิ้งฉัน ๆ ใช่ไหม?”นี้เป็นครั้งแรกที่แอเรียนได้ยินเขาเรียกเธอว่าแอริทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้เมามันทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นอย่างไงไม่รู้ ฝ่ามือของเธอเริ่มเหงื่อออกและร่างกายของเธอก็แข็งทื่อ เธอพูดอย่างติดอ่าง “ทะ-ทะ-ทำไม คุณถึงถามฉันตอนนี้? คะ-คุณทำตัวแปลก ๆ นะ!”เขาตอบด้วยการโอบกอดเธอให้แน่นขึ้นอย่างกับว่าเขากลัวว่าเธอจะวิ่งหนีเขา “ฉันอยากรู้”แอเรียนทบทวนคำถามในหัวของเธอวนไปวนมา เธออยากทิ้งเขามาตลอด ถูกไหม? อย่างไรก็ตาม ทำไมตอนนี้เธอถึงตอบคำถามนั้นไม่ได้ด้วยความยากลำบาก?เหมือนว่าเขาจะรู้สึกได้ถึงภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของแอเรียน เขาจึงไม่ยืนหยัดกับคำถามนี้และเปลี่ยนคำถามแทน “ฉันต้องทำอย่างไรเพื่อให้เธอเต็มใจอยู่กับฉัน? ฉันสงสัยมาตลอด… เราดีกันแบบคู่อื่นไม่ได้เหรอ?”คำพูดของมาร์คท
สิ่งที่เป็นแรงผลักดันให้แอเรียนไม่ใช่เพราะมันเป็นทางเลือกที่ยาก แต่เพราะการเปลี่ยนแปลงมุมมองอย่างกะทันหันของมาร์คในเรื่องนี้ มันเพียงพอที่จะทำให้เธอถามตัวเองใหม่ว่าเธอได้สรุปเกินเหตุไปหรือไม่ การคืนดีกันจะเป็นไปได้ไหม? มีเหตุผลที่ดีที่จะมองอีธานในแบบอื่นหรือไม่?ท้ายที่สุดแล้ว นี่เป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างทิฟฟานี่และอีธาน ; สิ่งสุดท้ายที่แอเรียนต้องการคือการต้องทำเลาะกับมาร์คเพราะเรื่องนี้“โอเค ฉันจะไปคิดดู” เธอยอมจำนนก่อนที่จะพูดต่ออีกว่า “คุณรู้ไหม ถ้าสุดท้ายเรื่องมันจะต้องลงเอยแบบนี้ คุณก็ไม่น่าจะบอกเรื่องนี้กับฉันตั้งแต่แรก คุณจะให้ฉันทำเหมือนฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยได้อย่างไร? ปัดโถ่เอ่ย! อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มันเริ่มจะดึกแล้ว และฉันก็อยากกลับบ้าน คุณจะกลับด้วยกันไหม?”มาร์คไม่เคยเป็นคนประเภทที่จะค้างคืนที่ห้องทำงานของตนเอง และตอนนี้เธอก็ได้มาหาเขาด้วยตัวของเธอเอง มันทำให้เขาไม่มีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้นอีกต่อไป "ไปกันเถอะ."ในเวลาเดียวกันที่ห้องพยาบาล ทิฟฟานี่ เลน ที่เหนื่อยล้ากำลังทรุดตัวลงบนที่เท้าแขนหลังจากที่ยืดตัวนอนยาวบนโซฟาการทำงานในระหว่างวันตามด้วยการดูแลอีธานในตอนกลางคืนใ
ลิเลียนยื่นโฉนดให้ลูกสาวดู “นี่ สิ่งนี้ เป็นที่ดินของปู่ ตอนนี้มันมีค่ามาก และเดาสิว่าใครต้องการมัน? ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก มาร์ค เทรมอนต์ และเขาจะมาเซ็นสัญญาในวันนี้! เธอจะไม่ให้อารมณ์ดีได้อย่างไร? ขอบคุณพระเจ้าที่เราลืมที่ดินผืนนี้ ซึ่งยังคงเป็นของคุณปู่ของลูกอย่างถูกต้องตามกฎหมายและเราไม่ได้ระบุว่าเป็นทรัพย์สินของเราเมื่อเราประกาศล้มละลาย ทีนี้ แม่ขอตัวก่อนนะ - แม่มีสถานที่หลายแห่งที่จะต้องไปดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป!”ทิฟฟานี่งุนงง ชั่วขณะหนึ่งเธอไม่สามารถรวบรวมสติตนเองได้เมื่อนึกถึงมาร์คที่จ้องอยากได้ที่ดินนั้น ซึ่งแน่นอนว่า นั่นสื่อถึงคุณค่าของมันโดยอัตโนมัติ และมูลค่านั้นเป็นของครอบครัวของเธอ มันเป็นเรื่องที่ราวกับความฝันที่เป็นจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันสามารถเป็นตั๋วที่พาพวกเขาออกจากความยากจนนี้ได้!หลังจากที่ทิฟฟานี่อาบน้ำด้วยความเร่งรีบ อีธานก็โทรหาเธอเพื่อบอกว่าเขากำลังกลับบ้านจากโรงพยาบาลบทสนทนานั้นทำให้เธอไปทำงานอย่างอืดอาด เมื่อเธอไปถึงที่ทำงานพร้อมกับเหงื่อที่ไหลรินตามผิวหนังเธอก็สายไปแล้วสิบห้านาที อย่างไรก็ตาม เธอสามารถไปที่ที่นั่งของเธอได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น เธอ
”แมรี่ หนูจะไปที่ทำงานนะ” แอเรียนกล่าวก่อนจะออกไป ถ้าเธออยู่ต่อไปเธอจะต้องเป้นบ้าแน่ ๆ เมื่อแมรี่ได้ยินว่าแอเรียนจะไปที่ทำงาน เธอเข้าใจว่าแอเรียนจะไปที่บริษัทของเอริก “ร้อนขนาดนี้แต่สิ่งเดียวที่เธอนึกถึงก็คือการไปหารายได้อย่างนั้นเหรอ? นายท่านขี้เหนียวกับเธอเหรอ? ไม่มีทาง!”แอเรียนพูดอย่างช่วยไม่ได้ “หนูจะไปหา มาร์ค เทรมอนต์ นายท่านของคุณไง! ไม่ใช่ไปทำงาน อีกอย่าง หนูคิดว่าหนูคงไม่กลับไปทำงานที่บริษัทของเอริกแล้ว” เธอคิดที่จะทำอย่างอื่น เธอรู้สึกเบื่อหลังจากทำงานในอุตสาหกรรมการออกแบบมานานเมื่อได้ยินดังนั้นในที่สุดแมรี่ก็ยอมจำนน “เอาสิ ให้เฮนรี่ไปส่งสิ อากาศร้อนมาก”…เฮนรี่ไปส่งแอเรียนที่ตึก เทรมอนต์ ทาวเวอร์ และแอเรียนก็ขึ้นไปถึงที่ชั้น 46 อย่างปลอดภัย เอลลี่รู้ว่าแอเรียนไม่ชอบทำตามกฏของมาร์คในการเปลี่ยนใส่รองเท้าแตะเธอจึงไม่ได้เสนอมันให้กับแอเรียนและเพียงทักทายเธอว่า “นายหญิง”แอเรียนพยักหน้าตอบรับและเปิดประตูหลังจากที่เคาะมัน ทันทีที่เธอรู้สึกได้ถึงความเย็นของเครื่องปรับอากาศ เธอก็เดือดปุด ๆ ด้วยความสุข “ไม่ต้องสนใจฉันนะ ฉันมาที่นี่เพื่อตากแอร์”มาร์คหยิบรีโมตแอร์มาเพื่อเพิ
“ผมไม่ได้คาดว่าคุณจะมีประสิทธิภาพขนาดนี้ นี่คือสิ่งที่ดีที่สุด ผมจะขอทิฟฟานี่แต่งงานโดยเร็วที่สุด”มาร์คไม่สนใจเลยว่าอีธานจะแต่งงานหรือไม่ “ลงนามในข้อตกลงการโอนเดี๋ยวนี้ ฉันไม่มีเวลาสำหรับการเม้าท์มอย”อีธานเซ็นชื่อลงบนเอกสารอย่างสบาย ๆ และเงยหน้าขึ้นมองขณะที่เขาถามว่า “ถ้าผมแต่งงาน ในฐานะพี่ชายของผม คุณจะไปใช่ไหม?”“อย่าล้ำเส้น!” มาร์คจ้องหน้าเขาด้วยสายตาพิฆาตอย่างไม่ละสายตาอีธานยักไหล่ขณะที่เขายิ้มอย่างมีความหมาย “เหรอ? ผมขอให้คุณให้ผมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ ครอบครัวเทรมอนต์ แต่เนื่องจากคุณไม่เต็มใจ ผมก็ไม่ต้องการบังคับคุณเช่นกัน ผมสามารถมีทุกอย่างได้โดยทำด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามมันจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ ต่อผมหากผมประกาศว่าผมเป็น เทรมอนต์เช่นกัน อันที่จริงผมจะได้เปรียบด้วยซ้ำ คุณจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม? ท้ายที่สุดคุณได้บอก แอเรียนทุกอย่างที่ผมทำไปแล้ว คุณจะอธิบายตัวเองอย่างไรและสถานการณ์มันจะลำบากสำหรับคุณอย่างไรก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผม คุณต้องทำตัวเหมือนเรามีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและยอมรับผมเป็นน้องชายของคุณ”มาร์คเริ่มตระหนัก อีธานไม่เพียงต้องการประกาศตัวตนของเขาเท่านั้น แต่เขาต้อ
เมื่อมองดูเด็ก ๆ ที่ร่าเริงและพูดพล่อย แอเรียนไม่สามารถไม่หัวเราะได้ “ฉันไม่ได้คาดคิดว่าคุณจะเป็นที่นิยมในหมู่เด็ก ๆ ฉันคิดว่าพวกเขากลัวคุณ”วันนี้มาร์คไม่ได้ใส่สูท เขาแต่งกายอย่างเข้าชุดด้วยชุดกีฬาแขนสั้นสีขาวและแว่นกันแดดสีม่วงอ่อน เมื่อเทียบกับความเฉียบคมในชุดสูทและรองเท้าหนังของเขา ตอนนี้เขาดูอ่อนโยนและสบาย ๆ มากขึ้น เขาก้มลงอุ้มเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อายุประมาณสี่ขวบและขอให้ไบรอันดึงสิ่งที่อยู่ในกระโปรงหลังรถออกมาราวกับรู้ว่าอะไรอยู่ท้ายรถ เสียงเชียร์ของเด็ก ๆ ก็ดังขึ้น "คุณเทรมอนต์ คุณเอาหนังสือและของเล่นมาให้เราอีกแล้วเหรอ?! และขนมอร่อย! เราหวังว่าคุณจะมาทุกวัน คุณผู้หญิงบอกว่าคุณมาครั้งสุดท้ายไม่ถึงเดือนดังนั้นคุณจะไม่มาเร็ว ๆ นี้ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณอยู่ที่นี่!”แอเรียนรู้สึกประหลาดใจ เธอไม่คาดคิดว่ามาร์คจะไปเยี่ยมบ้านเด็กกำพร้าบ่อย ๆ ดูเหมือนว่าการบริจาคและความมีน้ำใจของเขาไม่ได้มีไว้เพื่อการแสดงเท่านั้น เขาฝึกฝนสิ่งที่เขาเทศนาจริง ๆ“ไอ้หนู หนูหนักขึ้นนะเนี่ย ลุงไม่สามารถอุ้มหนูได้อีกต่อไป ไปเล่นสนุกและรับของว่างไป” มาร์คร้องเสียงหลงขณะที่เขาวางเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้
เด็กน้อยร้องไห้ขึ้นมาทันที หรือเพราะว่าอาจจะตกใจที่ถูกมาร์คหยิกเบา ๆ แอเรียนอุ้มเด็กไว้ในอ้อมแขนด้วยสัญญาณ “โอ๋ เงียบนะลูกรัก ลูกของใครกันนะเก่งที่สุด…”เด็กน้อยหยุดร้องไห้ทันที แต่ยังคงมีสีหน้าที่เศร้าหมองอยู่บนใบหน้า ดวงตาของเขาแดงก่ำมาร์กระซิบถามข้างหูแอเรียนเบา ๆ ว่า “ทำไมเราถึงไม่รับเด็กมาเลี้ยงล่ะ?”แอเรียนชำเลืองมองเขา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดถึงเรื่องนี้ เธอแกล้งทําเป็นไม่ได้ยินเขา “ขอแค่ดูแลนางฟ้าตัวน้อย ๆ เหล่านี้เป็นอย่างดีก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องขอบคุณหรอกค่ะ”หลังจากใช้เวลาช่วงเช้าในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้ามาเป็นเวลานาน แอเรียนและมาร์คปฏิเสธคำเชิญร่วมทานอาหารกลางวันกับผู้อำนวยการอย่างสุภาพระหว่างทางที่พวกเขากลับไปยังคฤหาสน์ เทรมอนต์ แอเรียนกําลังคิดถึงความรู้สึกของทารกเพศชายที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอ เด็กคนนั้นดูอ่อนโยนและน่ารัก จนหัวใจของเธอเหมือนกําลังจะละลายมาร์คดูเหมือนจะรับรู้เรื่องที่เธอคิด เขาถามขึ้นมาว่า "เธอแน่ใจนะว่าไม่อยากจะรับเด็กมาเลี้ยง?" ฉันเห็นว่าเธอไม่ค่อยยอมปล่อยเด็กคนนี้เลย"แอเรียนมองออกไปนอกรถอย่างดื้อรั้น "ฉันไม่ได้... ไม่อยากมีบุตรบุญธรรม ฉันยัง