สีหน้าของแอเรียนแข็งกระด้าง เธอยกมือขึ้นและตบหน้าวิกกี้อย่างแรง การอบรมเลี้ยงดูของแอเรียนขัดขวางไม่ให้เธอพูดจาหยาบคาย ดังนั้นการตบครั้งนี้จึงเป็นการแสดงออกของอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของเธอ "ไปซะ"วิกกี้กัดฟันแต่กลัวเกินกว่าที่จะทำอะไรแอเรียน ดังนั้นเธอจึงจากไปด้วยความโกรธแอเรียนได้ใช้กำลังมากในการตบนั้นเพราะเธอโกรธจัดจริง ๆ จนมือของเธอยังคงเจ็บและชาอยู่เมื่อเธอกลับเข้าไปในวอร์ด มาร์คดึงเธอออกมาข้าง ๆ “เดี๋ยวพวกเราดูแลเอริกต่อเอง เธอควรกลับบ้านได้แล้ว สมอร์จะทนได้ไม่นานนักถ้าเธอหายไปนะ”แอเรียนที่เห็นว่าทิฟฟานี่เหนื่อยแค่ไหนจึงได้ลากเธอกลับไปด้วย “ไปกันเถอะ กลับบ้านกับฉันดีกว่า เราจะกลับมาที่นี่หลังจากที่เราตื่นแล้ว ฉันต้องกลับบ้านไปดูลูกก่อน”ทิฟฟานี่รู้ว่าแจ็คสันและมาร์คคงจะไม่ไปไหนและจะยังมีคนคอยดูแลเอริกอยู่ เธอจึงไม่ได้พูดอะไรและเพียงสั่งอาหารให้พวกเขาก่อนที่จะกลับไปที่คฤหาสนเทรมอนต์กับแอเรียนวันนั้นเป็นวันที่สดใสและมีแดดจ้าเมื่อพวกเธอออกจากโรงพยาบาล และเมื่อพวกเธอตื่นจากการงีบหลับ พระอาทิตย์ก็ยังคงสว่างอยู่บนท้องฟ้า วันนี้รู้สึกจะเป็นวันที่ยาวนานกว่าปกติ แต่พวกเขาก็ยังหวังว่ามันจะ
ความรู้สึกของธัญญ่าที่มีต่อเอริกไม่สามารถอธิบายได้ ตอนแรกเธอคิดว่ามันคือความรัก ต่อมา เธอก็ตระหนักว่ามันแตกต่างออกไปจากสิ่งที่เธอรู้สึกต่อแจ็คสันโดยสิ้นเชิง ตอนนี้เธอเชื่อว่าเอริกคงเหมือนพี่ชายสำหรับเธอ เหมือนคนในครอบครัว ตอนนั้นเธอต้องการที่จะอยู่ที่โรงพยาบาล แต่เธอกลัวว่าเธอจะต้องเจอแอเรียนและคนอื่น ๆ เธอยังคงรู้สึกผิดมากกับสิ่งที่เธอทำไปขณะที่เธอเริ่มกระสับกระส่าย เธอก็ได้ยินเสียงกุญแจหมุนที่ลูกบิดประตู มีเพียงเจตต์เท่านั้นที่มีกุญแจของห้องเธอเจตต์ได้บอกว่าเขาต้องเดินทางไปที่เซาธ์ พาร์กกับอเลฮานโดรและว่าเขาอาจจะต้องอยู่ที่นั่นประมาณหนึ่งสัปดาห์ เธอจึงประหลาดใจที่เขากลับมาเร็วขนาดนี้ เธอลุกขึ้น "กินข้าวหรือยังคะ?" เธอถาม “ฉัน… ฉันไม่รู้ว่าคุณจะกลับมาเร็วขนาดนี้ ฉันเลยไม่ทันได้มีเวลาทำอาหาร”“ไม่ต้องห่วงฉัน” เจตต์ตอบเรียบ ๆ “เธอจะออกไปข้างนอกเหรอ?”ตอนนั้นเองที่ธัญญ่ารู้สึกตัวว่าเธอกำลังถือโทรศัพท์และกุญแจอยู่ราวกับว่าเธอพร้อมที่จะออกไปข้างนอก เธอชะงักและตัดสินใจที่จะซื่อสัตย์ “ฉันกำลังจะไปที่โรงพยาบาล เอริกกำลังรักษาตัวอยู่ที่นั่น ฉันพบเขาหมดสติอยู่บนพื้นหลังจากที่ไอเป็นเลื
คำพูดของทิฟฟานี่ก้องอยู่ในหัวของธัญญ่า เอริกกำลังจะตาย...เธอจ้องไปที่ผนังสีขาวนอกโรงพยาบาล เธอไม่ได้ต้องการที่จะออกมาแบบนี้ แต่เธอไม่สามารถหาเหตุผลที่จะกลับเข้าไปข้างในได้ ท่ามกลางความลังเลของเธอ เธอก็สังเกตเห็น BYD สีดำข้างถนน กระจกของรถถูกเลื่อนลงและเผยให้เห็นเจตต์ที่สวมแว่นตาและพยักหน้ามาทางเธอเธอมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครที่รู้จักเธออยู่ใกล้ ๆ แล้วจึงขึ้นรถ "คุณมาทำอะไรที่นี่?"เจตต์สตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ "ฉันกังวลไง ฉันต้องกลับไปหาอเลฮานโดรแต่ฉันจะไปส่งเธอที่บ้านก่อน”ธัญญ่ากัดริมฝีปากของเธอแล้วพูดว่า “ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้เข้าไปในวอร์ดเลยเพราะฉันเจอกับทิฟฟานี่ก่อน ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น”เจตต์ไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแต่โยนถุงพลาสติกจากโรงพยาบาลมาให้เธอ ในนั้นมีขวดยาเล็ก ๆ อยู่สองขวด เธอหยิบขวดเหล่านั้นออกมาแล้วพบว่ามันคือวิตามินบี 9 “นี่… ให้ฉันเหรอ?”เจตต์พยักหน้า เขาไม่ได้พูดอะไรที่อบอุ่น แต่มันก็ยังทำให้ธัญญ่ารู้สึกซึ้งใจได้อยู่ดี ความสัมพันธ์ของพวกเขาในฐานะสามีและภรรยานั้นปลอม แต่ทารกในครรภ์ของเธอนั้นเป็นเรื่องจริง เห็นได้ชัดว่า
ชีวิตก็ตลกแบบนั้นแหละ คุณจะหวังแล้วหวังอีกให้สิ่งใดเกิดขึ้น แต่มันก็จะไม่เกิดขึ้นเลย จากนั้นเมื่อคุณไม่ได้คาดหวังมันแล้ว มันก็จะเกิดขึ้นเองดั่งอุบัติเหตุแจ็คสันที่สังเกตเห็นทิฟฟานี่จ้องเขาจึงหันหน้ามาด้านข้างเพื่อมองเธอ “มองผมทำไม? มีอะไรติดอยู่บนหน้าผมเหรอ?”ทิฟฟานี่รีบหันหน้าหนีทันที “เปล่า ฉันดูทิวทัศน์ต่างหาก อย่าไร้สาระเลย”แจ็คสันไม่มีอารมณ์ที่จะล้อเล่นกับเธอ เขาเพียงแต่ส่งเธอลงที่ชั้นล่างของคอนโดเธอ "ถึงแล้ว"เธอเปิดประตูแล้วลงจากรถก่อนที่จะหยุดอย่างกะทันหัน “ถ้าฉันบอกคุณว่าฉันเป็นคนที่ท้องและไม่ใช่ธัญญ่า คุณจะรับผิดชอบไหม?”แจ็คสันจ้องเธอราวกับว่าเขาคิดไม่ออกแล้วพูดว่า “ถ้าคุณท้องได้จริง ๆ ผมก็อยากจะเห็นคุณท้องนะ แม้แต่ไก่ก็ยังสามารถวางไข่ได้แล้วหลังจากที่ดูแลมันมานานขนาดนั้น”มุมปากของทิฟฟานี่กระตุก “ฉัน… ไม่น่าเสียใจเวลาถามคุณเลย ก็ได้ ก็ได้ กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ ขับรถดี ๆ ล่ะ”เธอยิ้มเมื่อมองดูรถของเขาหายไปสุดสายตา จากนั้นเธอก็เดินเตร่เข้าไปในคอนโดของเธออย่างมีความสุข ชีวิตช่างเหมือนกับส่วนสนุก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงลิเลียนเห็นเธอฮัมเพลงเมื่อเธอเข้าไ
แอริสโตเติลจ้องไปทางเอริกขณะที่เขาดูดนิ้วและน้ำลายไหล ใบหน้าเล็ก ๆ ของเขาเป็นภาพของความไร้เดียงสาและบริษุทธิ์โดยไม่ได้รับผลกระทบจากบรรยากาศที่หม่นหมอนจากความเจ็บป่วยในวอร์ดโดยสิ้นเชิงเอริกยิ้มให้แอริสโตเติล “น่ารักจังเลย… น่าเสียดายที่ผมจะไม่มีวันมีลูก และผมจะไม่มีวันได้เห็นเขาเติบโตด้วย”แอเรียนสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่เธอรู้สึกว่าดวงตาของเธอเริ่มก่อน้ำตา “อย่าพูดแบบนั้น ถ้าเกิดว่าปาฏิหาริย์มีจริงล่ะ? คุณดูปกติสำหรับฉันนะ คุณจะต้องหายดี คุณต้องมองโลกในแง่ดีเข้าไว้ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น”เอริกถอดหน้ากากออกซิเจนออกและหยุดชั่วคราว “ผมดูเหมือนคนที่มองโลกในแง่ร้ายงั้นเหรอ? พวกคุณทุกคนเศร้ากว่าผมอีก ซึ่งไม่จำเป็นเลยจริง ๆ ผมคิดว่าผมดีขึ้นแล้วแหละ การสวมสิ่งนี้ทำให้การหายใจรู้สึกแปลก ๆ ผมจะไม่ตายตอนนี้หรอก แล้วทำไมผมยังต้องใส่มันไว้ด้วยล่ะ?”มาร์คบังคับใส่หน้ากากออกซิเจนกลับคืนให้เขา "นายบ้าไปแล้วเหรอ? ถ้าหมอบอกให้นายใส่นายก็ต้องใส่ จะถอดทำไมล่?”เอริกกลอกตาใส่มาร์คอย่างช่วยไม่ได้ “ก็ได้ ฉันจะใส่ไว้ โอเคไหม? ฉันคิดว่าฉันน่าจะออกจากโรงพยาบาลได้ในวันมะรืนนี้ แผลของฉันไม่ได้เจ็บมากแล้ว ฉั
แอเรียนมองทิฟฟานี่ด้วยสีหน้าแปลก ๆ “โอเค นี่เธอกำลังพูดถึงอะไรเนี่ยทิฟฟ์? เมื่อคืนเธอนอนไม่พอจนตอนนี้เริ่มหลอนแล้วเหรอ?”ทิฟฟานี่กลอกตาไปมา “ฉันพูดจริงนะที่รัก! ถ้าเรานับวันดี ๆ แล้วฉันท้องก่อนธัญญ่าอีก! ฮา! โอเค โอเค คือ เมื่อวานฉันแบบ เฮ้ ประจำเดือนฉันยังไม่มาเลยนี่หว่า ฉันก็เลยไปตรวจร่างกายและ แจ็คพอต! แจ็คพอตจริง ๆ ! บ้าเอ๊ย ฉันขอพรอ้อนวอนทุกวันเพื่อที่จะได้ท้องสักที แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และตอนนี้ หลังจากที่แจ็คสันและฉันเลิกกันแล้ว ฉันกลับท้องซะอย่างนั้น… แบบว่า ฉันควรจะตกใจดีใจหรือว่าฉันควรจะช็อกดี?”แอเรียนเงียบไป “คือ เราเพิ่งจะรู้เรื่องที่เอริกป่วย แต่เธอกำลังแจ้งข่าวดีที่ดีที่สุดให้ฉันรู้อย่างใจจดใจจ่อ มันทำให้ฉันสับสน ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะรู้สึกเศร้าหรือมีความสุขดี… แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อล่ะ? กลับไปคบกับแจ็คสันเหรอ? เขายังไม่รู้เรื่องนี้ถูกไหม?”ทิฟฟานี่เองก็ไม่รู้แผนต่อไปของเธอเช่นกัน “ฉัน… ก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี คือ ฉันน่าจะคุยเรื่องนี้กับเขาหลังจากที่เขารู้สึกดีขึ้นจากเรื่องของเอริกก่อน แล้วฉันจะคอยดูอีกว่าเขารู้สึกอย่างไรเกี่ยวกับมัน ไม่ว่าจะยังไง ตอ
เจตต์จับพวงมาลัยแน่นโดยไม่รู้ตัว “คุณมีแผนจะทำอะไรครับ?”สายตาของอเลฮานโดรเยือกเย็นดั่งพายุหิมะที่หนาวเหน็บจนถึงกระดูก “ฉันจะไม่ยอมให้เด็กคนนั้นลืมตามองโลกนี้เด็ดขาด ถ้าเธอเสียมันไป เธอก็จะสูญเสียเหตุผลเดียวที่เธอจะต้องกลับไปหาแจ็คสัน… ใช่ ฉันไม่มีวันยอมให้เธอถูกพรากไปจากผมอีก!”เจตต์ถึงกับอึ้ง เป้าหมายของแผนของอเลฮานโดรไม่ใช่เพื่อให้ทิฟฟานี่มาอยู่ในอ้อมแขนของเขาหรอกเหรอ? เจ้านายของเขาไม่เคยรักทิฟฟานี่อย่างแท้จริงและทำทุกอย่างเพียงเพื่อครอบครองเธอเหมือนสิ่งของอย่างนั้นเหรอ? ท้ายที่สุดแล้วคนที่รักใครสักคนอย่างแท้จริงจะสามารถวางแผนให้เธอคนนั้นแท้งอย่างไร้ความปราณีได้อย่างไร?เมื่อพบว่ามันน่าหนักใจมาก เจตต์จึงพูดขึ้นว่า “คุณสมิธครับ ผมเชื่อจริง ๆ ว่านี่เป็นความคิดที่แย่มาก จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเธอรู้ว่าคุณเป็นคนทำให้เธอแท้ง? หลังจากนั้นเธอจะอยากใช้ชีวิตที่เหลือของเธอกับคุณไหม? การทำสิ่งนี้คือการวางระเบิดที่วันหนึ่งจะต้องระเบิดนะครับ”เห็นได้ชัดว่าอเลฮานโดรสูญเสียความมีเหตุผลของเขาไปมาก “งั้นจะให้ฉันทำบ้าอะไรล่ะ หืม?!” เขาตะคอก “ฉันควรจะดูเธอให้กำเนิดสิ่งนั้นและกลับเข้าไปในอ้อมแขนของแจ็ค
นักบัญชีโอบแขนรอบขาแจ็คสันขณะที่เขากำลังจะเดินไปที่ประตูและร้องไห้ “ไม่ ไม่ คุณเวสต์ ได้โปรด! ผมขอร้อง! พ่อแม่ผม… พวกเขาป่วย คุณเวสต์! แม่ต้องพึ่งยาเพื่อความอยู่รอด! ถ้าพวกเขารู้เรื่องนี้ พวกเขารับไม่ได้แน่! ได้โปรดนะครับ… ผมสามารถหาเงินนั้นมาคืนให้ได้ ผมสาบาน”นักบัญชีร้องไห้ แต่ไม่มีน้ำตาจำนวนไหนที่จะทำให้แจ็คสันใจอ่อนได้ ทุกคนต่างมีเส้นบาง ๆ ในใจที่เมื่อมีคนข้ามมันไปจะบังคับให้คน ๆ นั้นต้องปฏิเสธความเมตตาต่อผู้อื่น และสำหรับแจ็คสันนั้นมันสอดคล้องกับกฎหมายเขายักไหล่ให้กับนักบัญชีก่อนที่จะกลับไปที่ห้องทำงานตัวเองโดยที่ไม่แม้แต่จะเหลียวมองนักบัญชีที่หลั่งน้ำตาแม้แต่น้อยทิฟฟานี่และเอมี่ที่เงี้ยหูฟังทุกสิ่ง รีบนั่งตัวตรงและเคร่งขรึมทันทีที่เขาเดินเข้ามาดูเหมือนว่าอารมณ์ของแจ็คสันจะไม่ได้ถูกระบายออกมาจนหมด ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากที่เขาพลิกเอกสารบนโต๊ะอย่างโมโหราวกับว่าเขาไม่สามารถหาสิ่งที่ตัวเองต้องการเจอ ทิฟฟานี่จึงถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ว่า “คุณกำลังหาอะไรอยู่เหรอ? ให้ฉันช่วยไหม?”เขาเอนหลังพิงเก้าอี้เล็กน้อยแล้วนวดหน้าผาก "ไม่เป็นไร คุณกลับไปทำงานต่อเถอะ”เอมี่ส่งสัญญาณให้ทิฟฟานี่