รักจำลอง หากวันหนึ่งเป็นจริงขึ้นมา ใครที่เสียใจ...ถ้าไม่ใช่คนสองคน
--------------------------------
ข้อความในไลน์ระหว่างกังสดาลและหมอดูโหงวเฮ้ง
“คุณลุงคะ หนูไม่มีวันเดือนปีเกิดที่แท้จริงค่ะ” หญิงสาวไม่อยากเปิดเผยเรื่องพวกนี้
“ครับ...พอรู้ว่าเกิดวันไหนบ้างไหม เช่น จันทร์ อังคาร...ประมาณนี้”
“วันเสาร์ค่ะ...”
“คุณผู้ชายให้ผมหาคนเกิดวันเสาร์อยู่พอดี”
“ทำไมคะ...”
“เพราะวันเสาร์จะเหมาะกับคนเกิดวันพุธกลางคืน”
“คุณสองคนน่าจะเป็นคู่ที่เหมาะสมกัน แต่...”
“มีแต่ด้วยหรือคะ...!!!”
“คนวันพุธกลางคืน เป็นคนซับซ้อน รักแรงหลงแรง ชอบความเสี่ยง ประเมินอะไรมักไม่พลาด ส่วนคุณเชื่อมั่นสูง หนักแน่น คบใครต้องพิสูจน์ใจก่อน” หญิงสาวไม่ค่อยเชื่อหมอดูเลย เธอมั่นใจตนเองสูงมาตั้งแต่เด็กๆ ด้วยขาดพ่อแม่เป็นทุนเดิม มีแต่ย่าที่เป็นเสาหลักเดียวในครอบครัว
กังสดาลมองย่าที่ห้องรับแขกระหว่างนางรอเธอเพื่อพยุงไปที่โต๊ะกินข้าวตรงอีกมุมของห้อง วันนี้เธอทำซุปเต้าหู้ ทอดปลาสลิดและผัดสายบัวที่ย่าชอบ หญิงสาวลองถามหยั่งใจย่าดู
“ย่าคะ...ถ้าหนูแต่งงานหลังริน...จะเป็นอะไรไหม”
“หน้าอย่างแก หาผู้ชายให้มันได้ก่อนเถอะ”
“ทำไมล่ะคะ...”
“ฉันไม่เห็นแกมีใคร...ขึ้นคานล่ะไม่ว่า”
“เอ้า...ดูถูกหนูขนาดนั้น!!!”
“เบล ย่าเห็นแกมาแต่หัวกำปั้น...ทำไมจะไม่รู้ว่าแกเป็นคนยังไง”
“หน้ามั่น...หัวสูงขนาดนี้ ฉันไม่เห็นผู้ชายหน้าไหนมันจะคบแก” ย่าแซะแรงเลย
“ค่ะ...แต่ถ้ามีคนมาเสนอล่ะ ย่าจะรับไหม”
“ทำไม...จะให้ปฏิเสธรึไง...”
“ฉันจะแถม...โน่นกะละมังให้อีกใบ” ย่าชี้ไปที่กะละมังล้างผักใบใหญ่ในครัว
“เอ้า...เอาไปทำไมคะ...ย่า!!!” หญิงสาวตกใจ
“ไปคลุมหัว...เผื่อแกเลิกไสหัวเขาออกไปนะสิ...”
“ฉันด้วย...คลุมหัวอายคนแถวนี้...ไปอยู่กับใครแป๊บเดียว...กลับรังเดิม!!!” ย่าหัวเราะหึหึ คงจะขมขื่นกับหลานคนนี้ในอนาคตกาล
บ่ายวันรุ่งขึ้นกังสดาลได้ยินเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น เบอร์ขึ้นโชว์แต่ไม่มีชื่อที่บันทึกไว้
“สวัสดีคะ...คุณกังสดาลใช่ไหมคะ รอสักครู่” เสียงปลายสายเหมือนแก๊งคอลเซ็นเตอร์
“จะหลอกอะไรอีกล่ะ...!!!” หญิงสาวชิงพูดขึ้นไม่ทันฟังเสียงปลายทาง
“ผมจะให้ผ่าน หรือ ให้ F ดีนี่...” เสียงชายหนุ่มคนเมื่อวานดังขึ้น
“ขอประทานโทษค่ะ...” เสียงหญิงสาวอ่อนลงสำนึกผิด
“พรุ่งนี้มาที่ทำงานบ่ายสองโมง มานำเสนอใหม่” เสียงห้วนของเขาตอบกลับมาแล้ววางหูทันที ยังไม่ทันที่เธอจะรับคำ
หลังจากมื้อค่ำกังสดาลบอกย่าว่า จะรีบขึ้นไปเตรียมตัววันพรุ่งนี้ เธอต้องทำให้ย่าดีใจให้ได้ เธอใช้เวลาเตรียมข้อมูลเพื่อนำเสนอใหม่เกือบถึงเที่ยงคืน เพราะแน่ใจว่าต้องเจอดีกับนายคนนั้นอีกอย่างแน่นอน ไม่รู้จะงัดทีเด็ดอะไรมาค่อนแคะเธออีก
หญิงสาวเดินทางไปถึงตึกสำนักงานช่วงเที่ยง เธอไปแวะทานข้าวร้านเดิมซึ่งวันก่อนลืมจ่ายค่าอาหาร
“เอ้า...ชาเขียวมะนาว” เสียงเขาคนเดิมมามุกนี้อีกแล้ว แต่นาทีนี้ช่างแตกต่างจากคนที่ใส่แว่นตากรอบดำคนนั้น เขาเป็นคนซับซ้อนอย่างที่ลุงหมอดูทำนาย
“ค่า...รับไว้ดีไหมนี่...นายแว่นกรอบดำ” เธอตอบกวนๆ กลับไป
“ทักผิดคนล่ะ” เสียงนี้ทำหญิงสาวลุกยืนเงยหน้ามองกลับไป เขาสูงถึง 180 ซม. ทำให้เธอจำเป็นต้องยืนขึ้นจะได้เห็นหน้าชัดๆ
“เออ...ใช่ผิดคนจริงๆ” เธอเกือบตามมุกของเขาไม่ทัน เขาไม่สวมแว่นตา สีหน้าแววตาล้อเล่นกะล่อนเหมือนพวกต้มตุ๋น
“ถามอย่างหนึ่งนะ...ก่อนเข้าออฟฟิศ มีกี่บุคลิกกันแน่...ตามไม่ทันนะคะท่าน” เธอถามตรงๆ และจ้องตา แววตาของเขาดูพิลึกมาก
“เอาไหม หรือโยนทิ้งก็ได้นะ” เขายังยื่นส่งแก้วพลาสติกชาเขียวให้เธอ
“ค่ะ...” หญิงสาวรับมาและนั่งลง เขาลากเก้าอี้ออกมาหย่อนตัวนั่งลงข้างเธอ
“วันก่อนผมจ่ายค่าข้าวให้แล้ว วันนี้ผมเลี้ยงเอง เผื่อคุณไม่ผ่าน จะได้...” เขาหยุดคำพูดทันที
“ยังไง...จะไม่ผ่านอีกเหรอ” หญิงสาวใจสั่น เธอคงจะโดนแกล้งต่ออีก นึกแล้วโมโห เธอลุกยืนเดินออกจากร้านทันที อารมณ์อยากคุยด้วยไม่มีอีกต่อไป
“อย่าลืมแต่งหน้าให้สวยล่ะ...” เขาพูดไล่หลังหัวเราะหึ...หึ
กังสดาลกลับไปออฟฟิศเจอคุณบิวพี่เลี้ยง เธอสั่งให้หญิงสาวไปห้องน้ำแต่งหน้าให้
มีสีสันและปรับอารมณ์อย่าให้ตื่นเต้นเกินไปและแล้วเธอก็โดนจนได้ในช่วงตอบข้อซักถามของการนำเสนอ
“หากมีข้อเสนอแนะ คุณมีวิธีการปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้าง” เสียงนายแว่นกรอบดำถามแทงใจดำอีกแล้ว กังสดาลตอบแบบมั่นใจอย่างเป็นข้อๆ ทั้งหมด 5 วิธี และวิธีการสุดท้าย
“ต้องพิสูจน์ให้แน่ใจก่อนที่จะนำไปปรับปรุงค่ะ”
“ขอวิธีการด้วยครับ”
“จำลองวิธีการ เพื่อพิสูจน์ก่อนนำไปใช้ปรับปรุงค่ะ” หญิงสาวตอบไปโดยไม่คิดว่าเขาจะเห็นด้วย
“เอาล่ะ...ผมสรุปการประเมินทั้งหมด...ให้คุณผ่านการฝึกงานที่บริษัท” เขาตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำ กังสดาลปลื้มใจจนน้ำตาซึม
“สี่โมงครึ่ง ไปพบผมที่ห้องทำงาน” เขาสั่งเธอห้วนๆ ขณะกำลังจะเดินออกห้องประชุมไป
ได้เวลานัดหมายกังสดาลกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นผู้บริหาร และเดินเข้าไปหยุดอยู่หน้าประตูห้องรองประธานฝ่ายบริหาร
“เชิญ...คุณกังสดาล” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นขณะเปิดประตูออกมา เจอสาวน้อยฝึกงานเข้าพอดี สายตาเธอกับเขาประสานกัน เธอบอกได้เลยว่า แววตาของเขามีแผนอะไรลึกลับซ่อนอยู่ในนั้น เขาไม่รีรอเปิดการสนทนาเมื่อหญิงสาวนั่งลงตรงโซฟาที่ถัดจากโต๊ะทำงานของเขา
“เย็นนี้ผมจะขอตามไปบ้านคุณ”
“ฮะ...อะไรนะ...ไปทำไม” กังสดาลขมวดคิ้วสงสัย
“ไปเจอครอบครัวคุณ” สีหน้าของเขาเคร่งขรึมผิดกับตอนเที่ยง
“เพื่ออะไรไม่ทราบค่ะ”
“เอ้า...เราจะแต่งงานกันไม่ใช่รึ” เขาพูดเหมือนตกใจ
“ท่านคะ...ฟังก่อนนะ เรายังไม่เคยรู้จักกันเลย จะเป็นไปได้หรือ”
“ผมจะทำให้เป็นไปได้”
“ลุงหมอดู...บอกคุณแล้วสินะ” ชายหนุ่มวกกลับเข้าเรื่องความเชื่อ
“เรื่องวันเกิดอะไรนั่น...จริงๆ แล้ว ดิฉันโกหก” หญิงสาวตอบบ่ายเบี่ยง
“พอดีมันเข้าล็อก ผมยินดีให้มันเป็นแบบนั้นซะด้วยสิ” ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจทันที เธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนลึกลับอย่างที่ลุงหมอดูบอกไว้ที่ไลน์
“ไม่เคยเจอใครตลกหน้างานได้เหมือนท่านเลยนะคะ” หญิงสาวพูดเสียดสี
“ใช่ผมเคยเล่นตลกมาก่อน...คุณเป็นหนึ่งในคณะตลกจำไว้” เสียงของเขาดูจริงจัง
“เอ่อ...อ่ะ...ที่บ้านมีคุณย่าคนเดียว ท่านไม่เคยรู้ว่าหลานคนนี้มีแฟนมาก่อน จะทำยังไงดีล่ะ” หญิงสาวเอ่ยเหมือนปรึกษา
“จะยากอะไร...ก็จำลองวิธีการอย่างที่คุณตอบผมไง” ชายหนุ่มทำเสียงล้อเลียน ตอนนี้เขาดูหลุดโลก หมดมาดผู้บริหารอย่างสิ้นเชิง
หญิงสาวเดินออกมากดลิฟท์ลงไปรอที่ลอบบี้ของตัวตึก ความคิดลอยวกวนไปมาว่าจะพูดยังไงให้ดูเนียนแบบย่าคงเชื่อบ้าง
“ไป...รถมาจอดที่หน้าตึกแล้ว” ชายหนุ่มเดินตรงมาที่หญิงสาวนั่งอยู่
“ค่ะ...” กังสดาลใจลอยระหว่างเดินตามเขาไปที่รถ เธอเดินสะดุดเกือบล้มตรงหน้าตึก ชายหนุ่มเข้ามาจับข้อมือไว้ทัน
“ซุ่มซ่าม...จะพาผมล้มไปด้วย” เขายังดูตลกสำหรับหญิงสาว
“คุณ บอกทางให้คนขับรถด้วย”
“ขอนั่งหน้านะคะ” หญิงสาวเดินเลี่ยงไปเปิดประตูข้างคนขับรถ
“ตามใจ...จะเป็นแบบนี้ถึงวันเป็นเจ้าสาว...รึเปล่า” ชายหนุ่มทำเสียงเคืองๆ
รถมาจอดหน้าบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ หลังหนึ่งแถวชานเมืองแถบปทุมธานี หญิงสาวเปิดประตูรั้วเหล็กให้ชายหนุ่ม เธอเปิดประตูบ้านที่งับไว้ มองเข้าไปเห็นย่ากำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่ห้องรับแขก นางมองตรงมาที่หลานสาวและชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างจับจ้อง
“นั่นพาใครมาด้วยล่ะ” ย่าส่งเสียงต้อนรับ
“สวัสดีครับ...ผม วิชพันธ์ ...เพื่อนของกังสดาล” ชายหนุ่มแนะนำตนเอง ทำหญิงสาวใจชื้นทันที
“ค่ะ...ที่หนูพูดถึงเมื่อคืน” เธอเล่นละครตามเลย
ชายหนุ่มยกมือไหว้ย่าของเธอ แล้วโอบเอวหญิงสาวเดินเข้าไปหาผู้สูงวัยที่กำลังส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม
“มา...มานั่งข้างย่า ถามอะไรหน่อย รู้จักหลานฉันตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เคยมาให้เห็นหน้าเลย”
“ผมเรียนอยู่เมืองนอกครับ”
“เอ้า...เหรอ รู้จักกันยังไง”
“เรารู้จักผ่านเพื่อนรุ่นพี่ผมเอง เขาแนะนำให้คุยกัน”
“ไม่เคยเจอตัวจริงๆ กันเลยรึ”
“ครับ...ผมเพิ่งกลับมา เลยนัดเจอกัน แต่เราคุยกันมาปีกว่าแล้ว” ชายหนุ่มเล่นละครตีบทแตก จนหญิงสาวร้องในใจ ยกให้เป็นพระเอกเลยงานนี้
“จะแต่งกันเลยรึ รอยัยเบลเรียนให้จบก่อนดีกว่าไหม เห็นว่าไม่ผ่านวิชาสุดท้ายอะไรนี่ล่ะ”
“กำลังจะบอกย่าอยู่ว่า... วันนี้หนูผ่านแล้วค่ะ” เธอเข้าไปกอดย่าน้ำตาซึมขอบตา
“ดีใจด้วย...หลานเก่งมาก” ย่าชมเธอต่อหน้าชายหนุ่ม
“ผมจะเชิญคุณย่าไปพบคุณพ่อผมวันอาทิตย์นี้” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นเรียบๆ
“เอ้า...ตัดสินใจดีแล้วหรือ” ผู้สูงวัยที่ผ่านโลกมานานขนาดนี้มองชายหนุ่มด้วยสายตากึ่งไม่เชื่อใจ
“ครับ...” เสียงตอบอย่างจริงจังของเขา แล้วย่าหันไปมองหน้าหลานสาว
“เบล...แกแน่ใจแล้วรึ” ย่าจ้องแววตาของหลานสาวแบบไม่เข้าใจ
“ค่ะ...” กังสดาลทำตัวงอและไม่ยอมสบตาย่า
“เราพาย่าออกไปกินข้าวข้างนอกกันดีกว่านะ” เขาเสนอตัว
ย่านั่งรถออกไปไม่พูดอะไรเลย มีแต่เขาคนเดียวที่ซักถามครอบครัวของหญิงสาว คงมาเก็บข้อมูลไว้สำหรับวันอาทิตย์นี้
ระหว่างกินข้าวกัน เขาขอนั่งข้างๆ และเอามือถือแสกนไลน์ของหญิงสาว เพราะต้องการคุยกับเธอหลังจากนี้ ก่อนที่เขาจะพาทั้งสองคนไปพบคุณพ่อบ่ายวันอาทิตย์
กลางดึกเขาส่งข้อความมาที่ไลน์ของกังสดาล
“ผมอยากให้คุณ...มาทานข้าวกับผมทุกเย็นก่อนที่จะมาเจอกับคุณพ่อผม”
“ทำไม...แค่นี้ยังไม่เนียนพอรึไง”
“ผมอยากเอารูปเราส่งให้คุณพ่อดู...”
“พรุ่งนี้ผมจะไปรับที่บ้าน”
“อย่าเลย...ไปเจอที่ร้านก็ได้ค่ะ ย่าจะจับโป๊ะได้”
“หมายความว่ายังไง ...”
“เกิดเผลอ เรื่องจะแตกนะสิคะ ท่านรองประธาน”
วิชพันธ์เลยได้ทราบประวัติครอบครัวสาวน้อยฝึกงานคนนี้พอคร่าวๆ เพื่อจะได้ไปปูทางให้พ่อของเขารับรู้บ้าง
ก่อนถึงวันอาทิตย์ที่นัดหมายผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไว้ บังเอิญเขาถูกพ่อถามขึ้น
“สาวคนนี้ แกแน่ใจรึ...” ประพันธ์มองหน้าลูกชายคนเดียว เขาไม่ค่อยแน่ใจ
“ครับ...”
“เห็นแกพาไปหาหมอดูมาหลายคนแล้ว”
“ผมทำตามพ่อแนะนำทุกอย่าง...”
“เอ้า...มาโทษพ่ออีก”
“คนจะคู่กัน...มันมีเหตุให้ต้องมาเจอ ไม่ใช่ รักจำลอง อย่างที่แกพยายามสร้างขึ้น”
“ผมจะไม่ให้มันเป็นจริง!!!”
“เกิดมันเป็นจริงขึ้นมา ใครที่เสียใจ...ถ้าไม่ใช่คนสองคน... พ่ออยากเตือนนะ” ประพันธ์ไม่เห็นด้วยแต่ยอมตามใจลูกชาย
ได้ไอเดียใหม่ในธุรกิจ...เทรนที่ใกล้ตัวที่สุด-------------------------------วิชพันธ์ได้ให้สองคนย่าหลานย้ายออกจากบ้านเข้าไปอยู่คอนโดหลังจากที่กลับไปอยู่ได้แค่เพียงหนึ่งสัปดาห์ เขามีภารกิจต้องบินไปร่วมงานแต่งของเดฟกับเกศรา เป็นตัวแทนคุณพ่อควงแขนเจ้าสาวส่งตัวให้เจ้าบ่าว กังสดาลซึ่งอยู่ในช่วงพักฟื้นจากบาดแผลผ่าตัดจึงถูกห้ามไม่ให้เดินทางไปด้วย“ฝากบอกคุณพ่อนะคะ กราบขอโทษที่สร้างเรื่องร้ายๆ ให้ท่านไม่สบายใจ” เธอกราบอกวิชพันธ์แทนคุณพ่อ“ผมกลายเป็นตัวแทนไปทุกที่...” เขากอดเธอจูบที่หน้าผาก“คนดีไงคะ...”“ฝากบอกมาร์ตินไหม...” เขาจ้องตาเธอหัวเราะหึหึ“ค่ะ...ขอบคุณที่รักเบล และดีกับเบลมาตลอด” วิชพันธ์บินมาทำหน้าที่ส่งตัวเกศราในฐานะพี่ชายให้กับเจ้าบ่าวออสเตรเลียนหน้าตาหมดจดสุดหล่อ ญาติฝ่ายชายมากันครบมองมายังพี่ชายของเจ้าสาวด้วยความปลาบปลื้ม ญาติฝ่ายหญิงมีวิชพันธ์ อาอุมา และครอบครัวของคุณแม่ คือคุณยายมาเรียและน้ามาร์ติน “เดฟ...ฝากดูแลเกศให้ดีนะ” วิชพันธ์พูดขณะส่งตัวบ่าวสาวที่กำลังขึ้นรถ Rolls-Royce เป็น wedding car ติดสติกเกอร์ just married เพื่อไปฮันนีมูน“คุณพ่อจะให้เดฟกับเกศไปดูแลกิจการที่เมื
ทายาทของตระกูลที่ปกปิดนานกว่า 20 ปี ก็เผยตัวตน-------------------------------วีระพันธ์บินกลับมาเมื่อรู้ข่าวจากวิชพันธ์ ชายหนุ่มซึ่งเคยทำตัวไม่เอาไหนมาก่อนกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดการพิธีต่างๆ ในงานศพของพ่อตัวเอง อาบุษบาร้องไห้จนตาบวม ส่วนย่าศรีนวลร้องไห้คร่ำครวญสาปแช่งย่าลำดวนและกังดาล ทั้งโยนความผิดของเรื่องร้ายทั้งหมดว่าต้นเหตุมาจากย่าหลานคู่นี้ย่าลำดวนขออยู่โรงพยาบาลเฝ้ากังสดาลจนกว่าหลานสาวจะหาย ย่าไม่อาจกลับไปบ้านของวิชพันธ์ได้ และไม่อยากสู้หน้าครอบครัวของเขาให้เรื่องบานปลายใหญ่โตเข้าไปอีก“ย่าครับ...เบลออกจากโรงพยาบาล ผมขอไปอยู่บ้านย่านะครับ” เขากอดย่าแน่นเพื่อให้กำลังใจว่าเขาอยู่ข้างคนทั้งคู่“จะสะดวกคุณหรือเปล่า...” น้ำเสียงย่าลังเล“ไม่เป็นไรครับ...คุณพ่อบอกผมแล้วว่า จะส่งผู้รับเหมาให้มาตกแต่งซ่อมบ้าน ผมจะประสานเองครับ” เขายิ้มให้ย่าและลูบฝ่ามือท่าน“แล้วจะยังไงกัน ยัยเบลไม่ยอมลูกเดียว” ย่ารู้สึกกังวลกับหลานสาวหัวดื้อ“ผมเล่าเรื่องทั้งหมดแล้ว ท่านบอกว่าให้เบลกลับไปเรียนให้จบ” เขาตัดสินใจว่าหลังจากเสร็จงานศพของอาอนุพันธ์ เขาจะขอถอนตัวไม่รับตำแหน่งในธุรกิจทั้งหมดของคุณพ
ความคิดอยากหนีไปให้พ้นปัญหา แต่กลับกลายมาเจอปัญหาใหม่-------------------------------กังสดาลตัดสินใจแอบหนีวิชพันธ์ออกจากโรงแรมช่วงที่เขาบอกว่านัดไปพบกับเดฟในโรงแรมที่มาร่วมการประชุม เธอแกล้งทำเป็นคลื่นไส้เวียนหัวซึ่งเป็นอาการของคนเริ่มตั้งท้อง เขาเขียนไลน์บอกว่าอยากให้เธอพักไม่ต้องเดินทาง จะรีบกลับมาดินเนอร์ช่วงค่ำหนึ่งทุ่มครึ่งกับเดฟที่ห้องอาหารชั้นล่างของโรงแรม และให้เธอเตรียมตัวหนึ่งทุ่มตรงซึ่งเขาน่าจะกลับมาถึงพอดี หญิงสาวจัดการซื้อตั๋วบินตรงกลับมายังกรุงเทพซึ่งโชคดีได้ไฟลต์ช่วงก่อนเที่ยง เธอออกจากสนามบินสุวรรณภูมิตรงไปหาย่าที่บ้านของเขาประมาณบ่ายสองโมงเศษ ย่าออกมาดูหน้าประตูว่าใครลงจากแท็กซี่ เห็นหลานสาวกำลังมองมาอย่างแสนดีใจ เธอเดินเข้าไปกอดเอวซบหน้ากับไหล่ย่าร้องไห้เบาๆ“เฮ้ย...แม่คนเก่ง นี่ทำไมไม่บอกย่าเลย หนีมาล่ะสิ” ย่ามองจ้องหน้าเธออ่านสถานการณ์ออกทันที“ค่ะ...” เสียงของกังสดาลสะอื้นยกใหญ่“มา...เข้ามา นี่ไม่มีกระเป๋าอะไรเลยรึ” ย่ามองหากระเป๋าเดินทาง “หนู...ถูกเขาบังคับให้บินไปสิงคโปร์ เสื้อผ้าเขาคงไปหาซื้ออยู่ หนูได้โอกาสเลยบินหนีมา” เธอยังสะอื้นตอบย่า“ไม่เป็นไร...ดีแล
โชคชะตามักเล่นตลก แม้จะท้าทายยังไงก็ตาม -------------------------------การต่อรองของเธอดูไร้เหตุผลในสายตากร้าวดุดันของเขา สีหน้าท่าทางเหมือนเสือบาดเจ็บพร้อมจะกัดสู้ได้ทุกเมื่อ เธอสงสารเขาจับใจ แต่ด้วยความดีงามของเขามีอยู่มากพอให้เธอรู้สึกยอมรับแต่ยังมีข้อแม้“หากต้องหนีกันไปอย่างนี้ เราอยู่สู้ไม่ดีกว่าหรือคะ” “ไม่ได้!!...ต้องให้ท่านรู้ว่าผมไม่ยอม จะตัดผมทิ้งจากครอบครัวเลยก็ได้ ผมจะพาคุณไปเริ่มต้น ดีกว่าฟังคำสั่งตามใจท่านตลอดไป ชีวิตเป็นของผม...เบล” เขาส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “เราอยู่สู้ด้วยกันได้นี่คะ...คุณพ่อท่านไม่ได้ใจร้ายหรอก” เธอยังเถียง “เราต้องการเวลาคลายเครียด ถ้าต้องสู้หน้าท่าน face to face จะไม่ดี...เบล จะไม่ดีต่อสุขภาพของท่านด้วย เชื่อผม!!!” “คลายปมใช่ไหม เบลเข้าใจค่ะ” “แล้วเราจะไปเจอใครที่สิงคโปร์คะ” เธอจ้องตาเขาอย่างสงสัย “ไปถึงแล้วจะรู้...ไม่ต้องถาม เขารอเราอยู่” “ไปเถอะ จะไม่ทันเที่ยวบินบ่ายนี้” เขาเร่งเธอคุณบุญส่งรีบขับรถพาทั้งคู่มาที่สนามบิน วิชพันธ์จองเที่ยวบินให้เธอตั้งแต่เมื่อคืน เขาแอบถ่ายรูปพาสปอร์ตของเธอเก็บไว้ในมือถือของเขา “โห...แอบลักข้อมู
หากไม่ต่อรองกับโชคชะตา ก็จะถูกลิขิตอย่างไม่เป็นธรรม-------------------------------วิชพันธ์ขอร้องให้กังสดาลอยู่ที่โรงแรมกับเขา เธอเกรงว่าคุณพ่อสามีเกิดรู้ขึ้นมา ทั้งเธอและวิชพันธ์คงไม่รอดพ้นบาปที่ทำให้ท่านลำบากใจ คำสัญญาที่รับปากกับท่านไปแล้วถือว่าไร้ความหมาย ท่านจะไม่มีทางไว้ใจพวกเขาอีกต่อไป“คุณย่าบอกว่าท่านจะจัดการทางนั้นให้เรา ท่านไม่ได้บอกรายละเอียด แค่บอกให้เบลอย่าคิดมาก” เขากอดเธอขณะพูดถึงย่า“ท่านบอกให้ผมรีบมีลูก จะได้เป็นข้อต่อรองกับคุณพ่อ” “เบล ขอถามนะคะ” เธอผลักอกสามีออก ขณะถามเขาอย่างจริงจัง“ผมตอบได้เท่าที่รู้”“ทำไมคุณพ่อไม่ค้านแต่แรก ตอนคุณพาย่าและเบลมาพบท่าน” “เวลาในพินัยกรรมระบุให้ผมต้องแต่งงานภายในปีนี้ หากเลยกำหนดนี้ไปแล้วท่านจะต้องสละทุกตำแหน่งให้คุณอา”“เบลยังไม่ get อยู่ดีค่ะ” “แค่เรื่องแต่งงานทำไมต้องซีเรียสขนาดนั้น” เธอส่ายหน้า“ผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณพ่อ ดังนั้นพินัยกรรมถูกระบุโดยคุณย่าก่อนคุณปู่เสีย ให้ผมถือหุ้นได้แค่ 25 เปอร์เซ็นต์ คุณพ่อถือหุ้นกับคุณอาคนละ 25 เปอร์เซ็นต์ ท่านจึงพยายามหาทางให้ผมแต่งงานเพื่อจะได้ take ส่วนนี้ขึ้นมาอีก 25 เปอร์เซ็นต์ แล้วทุ
ความลับนั้น...เป็นเรื่องลึกลับดำมืด ที่ไม่มีใครอยากขุดคุ้ย แต่เมื่อถึงเวลาเหมาะสม มันจะเปิดเผยออกมาจนได้-------------------------------สัปดาห์ต่อมากังสดาลได้เช่าเรือปิกนิกของโจเซฟเพื่อนสนิทของวิชพันธ์ เพื่อพารินญาไปเลี้ยงข้าวเที่ยงและท่องเที่ยวไปรอบอ่าวให้จิตใจสบายยิ่งขึ้น “เฮ้ย...เบล คุณวิชบอกเราว่า จะบินมาเร็วๆ นี้ แต่ไม่ได้บอกว่าวันไหน”“เหรอ...มาทำไม” เธอทำหน้าสงสัย“คงอยากมาพบเธอมั้ง” “ฮะ!!!...คงไม่ได้ล่ะ คุณพ่อห้ามพบเรา” เธอร้องเสียงหลง“เขาบอกว่า คุณพ่อจะไปเมลเบิร์น เขาเลยคงอยากมาเจอเธอน่ะ” “เฮ้อออ!!!...” หญิงสาวรู้สึกหนักใจมาก เธอไม่อยากทำให้คุณพ่อสามีโกรธ เพราะท่านเมตตาเธอมากมายจนไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไร“อย่าหาว่าเราเสือกเลย...ทำไมคุณพ่อเพิ่งจะมาให้แยกกัน ไม่เข้าใจจริงๆ” รินญาจ้องตาเธอเพื่อจับพิรุธ“ริน...เราไม่รู้อะไรเลย คุณวิชน่าจะรู้เรื่องทั้งหมดดี แต่ไม่เล่าให้เราฟัง” เธอจ้องตาของญาติสาวกลับไป“ถ้าอย่างนั้น...เธอต้องเจอเขาล่ะ” “ไม่ได้...คุณพ่อห้ามเราด้วย ท่านรู้เข้าเกิดโกรธและไล่เราออกจากคอนโด จะทำยังไง” เธอทำหน้าเศร้าจนรินญาต้องขยับเข้ามากอดตัวเธอไว้แน่น“เออน่า.