ค่าตัวสูงลิ่ว ต้องคุ้มค่า
--------------------------------
วิชพันธ์นัดกังสดาลให้มาเจอกันในร้านข้าวใกล้ตึกสำนักงานของชายหนุ่ม ที่เขาจ่ายค่าอาหารให้เธอถึงสองครั้ง
“นี่...ชาเขียวมะนาว...” เธอกำลังคิดถึงข้อความในไลน์เมื่อคืน สะดุ้งเมื่อมีแก้วพลาสติกทรงสูงยื่นตรงหน้าเธอ
“ไม่มีถุงหูหิ้ว...รึคะ”
“ถ้าไม่เอา...ครั้งนี้จะเทใส่” เธอลุกขึ้นยืนจ้องหน้าเขาอย่างฉุนๆ เธอกระโดดโหยงเมื่อเขาเอาจริง
“นี่...อะไรแกล้งกันไม่เลิก” เธอส่งเสียงดังจนเจ้าของร้านมองมาที่สองคน ขณะนี้ร้านกำลังจะปิด จึงมีแค่เขากับเธอเท่านั้น
“ไม่ได้แกล้ง แต่ทำจริงๆ” เขาคะยั้นคะยอให้หญิงสาวรับแก้วชาเขียวมะนาวจากเขา
“ไม่อยากดื่มค่ะ...” กังสดาลตอบเบาๆ
“ทำไม...อยากสวยไม่ใช่รึ” เขายังข้างๆ คูๆ แค่ชาเขียวมะนาวมันจะทำให้ดูสวยขึ้นทันตาอย่างนั้นหรือ
“ท่านรองประธานคะ ดิฉันไม่ตลกด้วย”
“นี่...ตลกแน่นอน” เขาเทน้ำชาเขียวรดหัวไหล่ของหญิงสาว เธอจ้องหน้ากลับอย่างเดือดดาลที่เขาทำเสื้อผ้าเธอเลอะเทอะ
“คุณเคยสอนว่า ควรให้เกียรติคนอื่นในที่ประชุม แล้วทำซะเอง” หญิงสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
วิชพันธ์ไม่พูดอะไรอีก เขาดึงข้อมือของหญิงสาวเดินไปที่รถของเขาที่กำลังจอดรออยู่หน้าร้าน เขาสั่งให้คนขับรถไปร้านสตูดิโอชุดแต่งงานที่เธอเคยไปวันนั้นกับรินญา
“คุณอาครับ ผมพาเธอมาลองชุด” ชายหนุ่มหันไปสั่งผู้ช่วยสาวในร้าน ให้เอาชุดที่กังสดาลเคยมองอยู่ตรงตู้โชว์วันนั้นให้เธอลองทันที
“แหม...คนนี้เอง...วันก่อนมากับอีกคน น่าจะบอก...อาจะวัดตัวไว้เลยตั้งแต่วันนั้นจะได้ไม่เสียเวลา” กังสดาลตกใจที่ได้ยินการสนทนาของทั้งคู่ เขาคงเที่ยวหาสาวแต่งงานจากร้านสตูดิโอชุดแต่งงาน
“ไม่เข้าใจจริงๆ นี่แก๊งอะไรกันคะ” เธอซัดกลับชายหนุ่ม และอยากรู้ว่ามันอะไรกัน
“กังสดาล...นี่คุณอาอุมา...ญาติคุณพ่อผมเอง” เธอยกมือไหว้สาวใหญ่เจ้าของร้าน อายุน่าจะเฉียดหกสิบ แต่เธอยังดูดีและสวยมาก
“หนู...อย่าพูดแบบนี้ เรากำลังช่วยกันอยู่” อาอุมาของชายหนุ่มมองหน้าเธออย่างขอร้อง
เธอถูกเจ้าของร้านดึงมือไปที่หลังร้านเพื่อคุยด้วย
“อย่ากล่าวหาว่าเราเป็นแก๊งที่จะหลอกอะไรหนูเลย” สาวใหญ่ขอร้อง
“หนูไม่เข้าใจว่า พวกคุณกำลังทำอะไรกันอยู่” กังสดาลทำหน้าคิ้วขมวด
“คุณวิชกำลังติดกับดักของคุณย่า เขาเครียดมากจนต้องนอนโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้” อาอุมาเล่าคร่าวๆ
“หนู...เข้ามาจังหวะที่คุณพ่อเขาป่วยอีก”
“ทำไมคะ” เธอไม่เข้าใจ
“หลานชายคนนี้...ยิ่งแย่ไปใหญ่”
“หาแฟนแต่งงานสิคะ”
“ไม่ใช่อย่างนั้น เขาไม่อยากให้ใครมาอยู่ในชีวิตอย่างถาวร” คุณอาเขาจ้องตาหญิงสาว
“เขาไม่ชอบผู้หญิงหรือคะ” กังสดาลสวนทันที นึกแล้วว่าชายคนนี้มีท่าทีแปลกๆ
“ไม่ใช่อย่างที่หนูคิดหรอก”
“เอ้า...แล้วยังไงคะ”
“เป็นเจ้าสาวของเขาแล้ว หนูจะรู้เอง” อาสาวของเขาคงไม่อยากบอกความลับให้เธอรู้
กังสดาลเปลี่ยนเสื้อผ้าที่น้ำชาเขียวมะนาวหกราด อาอุมาเอาชุดของที่ร้านให้ใส่ไปทานข้าวกับชายหนุ่ม ชุดดูหรูไฮโซมาก
“ผมอยากให้คุณพ่อชื่นใจที่เจ้าสาวของผมสวยน่ะ...”
“ทำไมไม่บอก... เหมือนดูถูกกันนะคะ...” หญิงสาวค้อนใส่
“ทานข้าวเถอะ ผมเหนื่อยมากแล้วกับเรื่องนี้” เสียงของเขาดูโล่งอก
ระหว่างกินข้าว กังสดาลมองท่าทีตลกๆ ของเขา ที่เขาเอามือถือถ่ายรูปอาหารและใบหน้าของเธอที่เขาสั่งให้ทำหน้ายิ้มแย้มมีความสุข
“ขอถามนิดนึง...คุณทำแบบนี้แล้ว วันข้างหน้าพวกผู้ใหญ่จะมีความสุขรึที่เห็นเราสองคนต้องเลิกกันไป”
“ทำไม...ไม่อยากเป็นหม้ายล่ะสิ”
“แล้วคุณล่ะ อยากเป็นพ่อหม้ายเนื้อหอม สาวๆ จะได้กรี๊ด”
“น่า...อย่างน้อยคุณก็ไม่ต้องเปลืองตัว ไม่ดีหรือ” เธอสะดุ้งกับคำพูดตรงๆ แบบนี้
“คุณค่ะ...อยากให้ซัดแรงเลยไหม”
“ได้...ว่ามา” เขาจ้องตาเธออย่างไม่สะทกสะท้าน
“ท่านรองประธานหล่อเหลาขนาดนี้ ชอบผู้ชายหรือผู้หญิงคะ” เธอไม่หวั่นปะทะ
สายตาของเขา
“อย่าให้ผมตอบเลย คุณจะหวั่นไหว”
“ได้ค่ะ ...งั้นไม่ต้องเลย” เธอกลัวคำตอบอย่างที่คาดคิดไว้
“ผมจ่ายค่าตัวให้สามล้านบาท มีข้อแม้”
“ต้องดูแลคุณพ่อแทนผม”
“เหมือนคนรับใช้เลยไหม หรืออย่างอื่น” เธอถามอย่างอดสู
“คิดมากไปน่ะ ผมยังไม่ได้พูดอะไรเลย” เสียงชายหนุ่มเหมือนถอนหายใจ
วันอาทิตย์ชายหนุ่มให้คนขับรถมารับกังสดาลกับคุณย่าไปเจอที่ร้านอาหารจีนแถบเดียวกับร้านสตูดิโอของอาอุมา หญิงสาวประคองย่าเดินตามคนขับรถที่นำทางไปที่ห้องวีไอพีของร้าน ชายสูงวัยอายุราวเจ็บสิบปีกำลังส่งยิ้มให้คุณย่าและหญิงสาว ส่วนชายหนุ่มลุกเดินมาช่วยประคองคุณย่า คนขับรถขยับเก้าอี้ให้ย่าหลานสองคนนั่งลง
“สน...ไปเอากระเป๋าที่วางอยู่เบาะหลังมาที” เสียงคุณพ่อของเขาสั่งคนขับรถวัยกลางคนที่ก้มหน้ารับคำ
“สวัสดีค่ะ ท่านประธาน” ย่านั่งลงก่อนแล้วกล่าวขึ้นขณะรับไหว้ชายสูงวัยที่นั่งอยู่ตรงข้าม เขาทำท่าให้หญิงสาวที่กำลังพนมมือไหว้นั่งลง
“สวัสดีค่ะ หลานชาย” ย่ามองไปที่วิชพันธ์และหันมายิ้มกับกังสดาล
“ผม ประพันธ์...จะไม่พูดอะไร...อ้อมค้อม ขอหลานสาวคุณย่าเลย” คุณพ่อกล่าวอย่างจริงจัง
“ค่ะ...หลานสาวอิฉันไม่ค่อยจะประสีประสาอะไร...เอ็นดูมันด้วยนะคะ” ย่าของกังสดาลยกผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาที่อยู่ริมขอบตา
“เธอต้องเข้ามาอยู่บ้านของเรา...คุณย่าจะขัดข้องอะไรไหม” คุณพ่อของเขาถามขึ้น
อย่างกังวล
“เอ่อ...อิฉันเลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็ก ถ้าให้กลับบ้านบ้าง อิฉันจะไม่เหงา”
“ผมจะให้ย่าย้ายมาอยู่กับเราด้วยเลย...ดีไหมครับ” ว่าที่พ่อสามีของกังสดาลยื่นข้อเสนอ
“จะรบกวนหรือเปล่าคะ...” ย่าหันไปยิ้มกับหลานสาว
“ไม่เลยครับ ผมเป็นคนเสนอคุณพ่อเอง เพราะเห็นว่าย่าจะอยู่คนเดียว” วิชพันธ์ยิ้มกริ่มกับย่าของเธอ
“ตกลงปลายเดือนนี้ ผมจะจัดงานที่บ้านผม เราจะเชิญเฉพาะญาติของพวกเราเท่านั้น ไม่ทราบคุณย่าจะว่าอะไรไหมครับ” คุณพ่อของวิชพันธ์ตัดสินใจทันที
“ทำไมเร่งรัดขนาดนั้น กังสดาลเรียนยังไม่จบเลย” ย่าทำเสียงตกใจ
“เอ่อ...คุณย่าคะ หนูยื่นผลประเมินทั้งเล่มสัปดาห์หน้าเพื่อเสนอต่อคณาจารย์ของคณะค่ะ”
“และไม่ต้องไปเรียนแล้วหรือ”
“ไม่ค่ะ สาขาวิชาเสนอเรื่องต่อคณะอนุมัติจบเลยค่ะ เพราะบริษัทประเมินให้หนูผ่านการฝึกงานแล้ว”
“โล่งอก...ย่านึกว่าเราต้องไปเรียนอีกเทอม”
“ถ้าหนูไม่ผ่าน ...นั่นล่ะค่ะ ที่ต้องเรียนอีกหนึ่งเทอม” หญิงสาวเหลือบไปเห็นชายหนุ่มที่แอบทำหน้าเหมือนมีบุญคุณที่ทำให้เธอผ่าน
ย่าได้รับเช็คที่อยู่ในซองปิดผนึกซึ่งคุณพ่อของวิชพันธ์ได้เตรียมมาให้แล้ว หญิงชรามองหน้าคุณประพันธ์อย่างไม่เข้าใจ
“ไม่ทราบว่า...คืออะไรคะ” ย่าทำหน้าสงสัย
“สินสอดครับ...” พ่อของชายหนุ่มกล่าวสั้นๆ แล้วหันไปมองหน้าลูกชาย
“ผมต้องขอโทษที่เราไม่ได้จัดงานใหญ่โต ผมต้องไปต่างประเทศทันทีเลยไม่มีเวลา
เตรียมตัวล่วงหน้า”
“ค่ะ...อิฉันไม่อยากให้เอิกเกริกหรอก ครอบครัวเราแทบไม่มีญาติเพราะพ่อของยัยเบลก็เป็นลูกคนเดียว”
“งั้นเรามาทานฉลองกันเลยนะครับ” คุณพ่อประพันธ์พยักหน้าให้กับพนักงานเสิร์ฟลำเลียงอาหารวางบนโต๊ะ
----------------
หลังจากรถของชายหนุ่มมาส่งย่าและกังสดาลที่หน้าบ้าน ชายหนุ่มลงมาคุยกับย่าจนดึก เขาคงมาประเมินใจของผู้สูงวัย
กังสดาลเดินออกมาส่งวิชพันธ์ที่รถ
“คุณทำให้คนแก่ตกใจ”
“ทำไม...ผมไปทำอะไร”
“ท่านขา...คืนนี้ย่าเปิดซอง ต้องตบ...อก”
“เอ้า...ผมไม่เข้าใจ”
“ท่านด่าฉันแรงแน่” เธอเริ่มกังวลกับคำถามที่จะตาม
“เหมือนหลานท่านขายตัว...รู้ยังคะท่านรองประธาน” เสียงเธอขื่นๆ
“แล้ว...ใครว่าไม่ใช่” เสียงเข้มของเขาทำเธอจ้องหน้าเขา
“อะไรนะ...” กังสดาลตกใจ
“ค่าตัวแพงขนาดนี้....มันต้องใช้ให้คุ้ม”
ได้ไอเดียใหม่ในธุรกิจ...เทรนที่ใกล้ตัวที่สุด-------------------------------วิชพันธ์ได้ให้สองคนย่าหลานย้ายออกจากบ้านเข้าไปอยู่คอนโดหลังจากที่กลับไปอยู่ได้แค่เพียงหนึ่งสัปดาห์ เขามีภารกิจต้องบินไปร่วมงานแต่งของเดฟกับเกศรา เป็นตัวแทนคุณพ่อควงแขนเจ้าสาวส่งตัวให้เจ้าบ่าว กังสดาลซึ่งอยู่ในช่วงพักฟื้นจากบาดแผลผ่าตัดจึงถูกห้ามไม่ให้เดินทางไปด้วย“ฝากบอกคุณพ่อนะคะ กราบขอโทษที่สร้างเรื่องร้ายๆ ให้ท่านไม่สบายใจ” เธอกราบอกวิชพันธ์แทนคุณพ่อ“ผมกลายเป็นตัวแทนไปทุกที่...” เขากอดเธอจูบที่หน้าผาก“คนดีไงคะ...”“ฝากบอกมาร์ตินไหม...” เขาจ้องตาเธอหัวเราะหึหึ“ค่ะ...ขอบคุณที่รักเบล และดีกับเบลมาตลอด” วิชพันธ์บินมาทำหน้าที่ส่งตัวเกศราในฐานะพี่ชายให้กับเจ้าบ่าวออสเตรเลียนหน้าตาหมดจดสุดหล่อ ญาติฝ่ายชายมากันครบมองมายังพี่ชายของเจ้าสาวด้วยความปลาบปลื้ม ญาติฝ่ายหญิงมีวิชพันธ์ อาอุมา และครอบครัวของคุณแม่ คือคุณยายมาเรียและน้ามาร์ติน “เดฟ...ฝากดูแลเกศให้ดีนะ” วิชพันธ์พูดขณะส่งตัวบ่าวสาวที่กำลังขึ้นรถ Rolls-Royce เป็น wedding car ติดสติกเกอร์ just married เพื่อไปฮันนีมูน“คุณพ่อจะให้เดฟกับเกศไปดูแลกิจการที่เมื
ทายาทของตระกูลที่ปกปิดนานกว่า 20 ปี ก็เผยตัวตน-------------------------------วีระพันธ์บินกลับมาเมื่อรู้ข่าวจากวิชพันธ์ ชายหนุ่มซึ่งเคยทำตัวไม่เอาไหนมาก่อนกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดการพิธีต่างๆ ในงานศพของพ่อตัวเอง อาบุษบาร้องไห้จนตาบวม ส่วนย่าศรีนวลร้องไห้คร่ำครวญสาปแช่งย่าลำดวนและกังดาล ทั้งโยนความผิดของเรื่องร้ายทั้งหมดว่าต้นเหตุมาจากย่าหลานคู่นี้ย่าลำดวนขออยู่โรงพยาบาลเฝ้ากังสดาลจนกว่าหลานสาวจะหาย ย่าไม่อาจกลับไปบ้านของวิชพันธ์ได้ และไม่อยากสู้หน้าครอบครัวของเขาให้เรื่องบานปลายใหญ่โตเข้าไปอีก“ย่าครับ...เบลออกจากโรงพยาบาล ผมขอไปอยู่บ้านย่านะครับ” เขากอดย่าแน่นเพื่อให้กำลังใจว่าเขาอยู่ข้างคนทั้งคู่“จะสะดวกคุณหรือเปล่า...” น้ำเสียงย่าลังเล“ไม่เป็นไรครับ...คุณพ่อบอกผมแล้วว่า จะส่งผู้รับเหมาให้มาตกแต่งซ่อมบ้าน ผมจะประสานเองครับ” เขายิ้มให้ย่าและลูบฝ่ามือท่าน“แล้วจะยังไงกัน ยัยเบลไม่ยอมลูกเดียว” ย่ารู้สึกกังวลกับหลานสาวหัวดื้อ“ผมเล่าเรื่องทั้งหมดแล้ว ท่านบอกว่าให้เบลกลับไปเรียนให้จบ” เขาตัดสินใจว่าหลังจากเสร็จงานศพของอาอนุพันธ์ เขาจะขอถอนตัวไม่รับตำแหน่งในธุรกิจทั้งหมดของคุณพ
ความคิดอยากหนีไปให้พ้นปัญหา แต่กลับกลายมาเจอปัญหาใหม่-------------------------------กังสดาลตัดสินใจแอบหนีวิชพันธ์ออกจากโรงแรมช่วงที่เขาบอกว่านัดไปพบกับเดฟในโรงแรมที่มาร่วมการประชุม เธอแกล้งทำเป็นคลื่นไส้เวียนหัวซึ่งเป็นอาการของคนเริ่มตั้งท้อง เขาเขียนไลน์บอกว่าอยากให้เธอพักไม่ต้องเดินทาง จะรีบกลับมาดินเนอร์ช่วงค่ำหนึ่งทุ่มครึ่งกับเดฟที่ห้องอาหารชั้นล่างของโรงแรม และให้เธอเตรียมตัวหนึ่งทุ่มตรงซึ่งเขาน่าจะกลับมาถึงพอดี หญิงสาวจัดการซื้อตั๋วบินตรงกลับมายังกรุงเทพซึ่งโชคดีได้ไฟลต์ช่วงก่อนเที่ยง เธอออกจากสนามบินสุวรรณภูมิตรงไปหาย่าที่บ้านของเขาประมาณบ่ายสองโมงเศษ ย่าออกมาดูหน้าประตูว่าใครลงจากแท็กซี่ เห็นหลานสาวกำลังมองมาอย่างแสนดีใจ เธอเดินเข้าไปกอดเอวซบหน้ากับไหล่ย่าร้องไห้เบาๆ“เฮ้ย...แม่คนเก่ง นี่ทำไมไม่บอกย่าเลย หนีมาล่ะสิ” ย่ามองจ้องหน้าเธออ่านสถานการณ์ออกทันที“ค่ะ...” เสียงของกังสดาลสะอื้นยกใหญ่“มา...เข้ามา นี่ไม่มีกระเป๋าอะไรเลยรึ” ย่ามองหากระเป๋าเดินทาง “หนู...ถูกเขาบังคับให้บินไปสิงคโปร์ เสื้อผ้าเขาคงไปหาซื้ออยู่ หนูได้โอกาสเลยบินหนีมา” เธอยังสะอื้นตอบย่า“ไม่เป็นไร...ดีแล
โชคชะตามักเล่นตลก แม้จะท้าทายยังไงก็ตาม -------------------------------การต่อรองของเธอดูไร้เหตุผลในสายตากร้าวดุดันของเขา สีหน้าท่าทางเหมือนเสือบาดเจ็บพร้อมจะกัดสู้ได้ทุกเมื่อ เธอสงสารเขาจับใจ แต่ด้วยความดีงามของเขามีอยู่มากพอให้เธอรู้สึกยอมรับแต่ยังมีข้อแม้“หากต้องหนีกันไปอย่างนี้ เราอยู่สู้ไม่ดีกว่าหรือคะ” “ไม่ได้!!...ต้องให้ท่านรู้ว่าผมไม่ยอม จะตัดผมทิ้งจากครอบครัวเลยก็ได้ ผมจะพาคุณไปเริ่มต้น ดีกว่าฟังคำสั่งตามใจท่านตลอดไป ชีวิตเป็นของผม...เบล” เขาส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “เราอยู่สู้ด้วยกันได้นี่คะ...คุณพ่อท่านไม่ได้ใจร้ายหรอก” เธอยังเถียง “เราต้องการเวลาคลายเครียด ถ้าต้องสู้หน้าท่าน face to face จะไม่ดี...เบล จะไม่ดีต่อสุขภาพของท่านด้วย เชื่อผม!!!” “คลายปมใช่ไหม เบลเข้าใจค่ะ” “แล้วเราจะไปเจอใครที่สิงคโปร์คะ” เธอจ้องตาเขาอย่างสงสัย “ไปถึงแล้วจะรู้...ไม่ต้องถาม เขารอเราอยู่” “ไปเถอะ จะไม่ทันเที่ยวบินบ่ายนี้” เขาเร่งเธอคุณบุญส่งรีบขับรถพาทั้งคู่มาที่สนามบิน วิชพันธ์จองเที่ยวบินให้เธอตั้งแต่เมื่อคืน เขาแอบถ่ายรูปพาสปอร์ตของเธอเก็บไว้ในมือถือของเขา “โห...แอบลักข้อมู
หากไม่ต่อรองกับโชคชะตา ก็จะถูกลิขิตอย่างไม่เป็นธรรม-------------------------------วิชพันธ์ขอร้องให้กังสดาลอยู่ที่โรงแรมกับเขา เธอเกรงว่าคุณพ่อสามีเกิดรู้ขึ้นมา ทั้งเธอและวิชพันธ์คงไม่รอดพ้นบาปที่ทำให้ท่านลำบากใจ คำสัญญาที่รับปากกับท่านไปแล้วถือว่าไร้ความหมาย ท่านจะไม่มีทางไว้ใจพวกเขาอีกต่อไป“คุณย่าบอกว่าท่านจะจัดการทางนั้นให้เรา ท่านไม่ได้บอกรายละเอียด แค่บอกให้เบลอย่าคิดมาก” เขากอดเธอขณะพูดถึงย่า“ท่านบอกให้ผมรีบมีลูก จะได้เป็นข้อต่อรองกับคุณพ่อ” “เบล ขอถามนะคะ” เธอผลักอกสามีออก ขณะถามเขาอย่างจริงจัง“ผมตอบได้เท่าที่รู้”“ทำไมคุณพ่อไม่ค้านแต่แรก ตอนคุณพาย่าและเบลมาพบท่าน” “เวลาในพินัยกรรมระบุให้ผมต้องแต่งงานภายในปีนี้ หากเลยกำหนดนี้ไปแล้วท่านจะต้องสละทุกตำแหน่งให้คุณอา”“เบลยังไม่ get อยู่ดีค่ะ” “แค่เรื่องแต่งงานทำไมต้องซีเรียสขนาดนั้น” เธอส่ายหน้า“ผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณพ่อ ดังนั้นพินัยกรรมถูกระบุโดยคุณย่าก่อนคุณปู่เสีย ให้ผมถือหุ้นได้แค่ 25 เปอร์เซ็นต์ คุณพ่อถือหุ้นกับคุณอาคนละ 25 เปอร์เซ็นต์ ท่านจึงพยายามหาทางให้ผมแต่งงานเพื่อจะได้ take ส่วนนี้ขึ้นมาอีก 25 เปอร์เซ็นต์ แล้วทุ
ความลับนั้น...เป็นเรื่องลึกลับดำมืด ที่ไม่มีใครอยากขุดคุ้ย แต่เมื่อถึงเวลาเหมาะสม มันจะเปิดเผยออกมาจนได้-------------------------------สัปดาห์ต่อมากังสดาลได้เช่าเรือปิกนิกของโจเซฟเพื่อนสนิทของวิชพันธ์ เพื่อพารินญาไปเลี้ยงข้าวเที่ยงและท่องเที่ยวไปรอบอ่าวให้จิตใจสบายยิ่งขึ้น “เฮ้ย...เบล คุณวิชบอกเราว่า จะบินมาเร็วๆ นี้ แต่ไม่ได้บอกว่าวันไหน”“เหรอ...มาทำไม” เธอทำหน้าสงสัย“คงอยากมาพบเธอมั้ง” “ฮะ!!!...คงไม่ได้ล่ะ คุณพ่อห้ามพบเรา” เธอร้องเสียงหลง“เขาบอกว่า คุณพ่อจะไปเมลเบิร์น เขาเลยคงอยากมาเจอเธอน่ะ” “เฮ้อออ!!!...” หญิงสาวรู้สึกหนักใจมาก เธอไม่อยากทำให้คุณพ่อสามีโกรธ เพราะท่านเมตตาเธอมากมายจนไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไร“อย่าหาว่าเราเสือกเลย...ทำไมคุณพ่อเพิ่งจะมาให้แยกกัน ไม่เข้าใจจริงๆ” รินญาจ้องตาเธอเพื่อจับพิรุธ“ริน...เราไม่รู้อะไรเลย คุณวิชน่าจะรู้เรื่องทั้งหมดดี แต่ไม่เล่าให้เราฟัง” เธอจ้องตาของญาติสาวกลับไป“ถ้าอย่างนั้น...เธอต้องเจอเขาล่ะ” “ไม่ได้...คุณพ่อห้ามเราด้วย ท่านรู้เข้าเกิดโกรธและไล่เราออกจากคอนโด จะทำยังไง” เธอทำหน้าเศร้าจนรินญาต้องขยับเข้ามากอดตัวเธอไว้แน่น“เออน่า.