‘กังสดาล’ สาวน้อยฝึกงานในบริษัทของประธานพ่อหม้ายในเครือสหพันธ์กรุ๊ป เธอรับจ้างวิวาห์ให้กับชายนิรนามผู้หนึ่งที่บังเอิญเจอกันที่สตูดิโอชุดแต่งงาน ‘วิชพันธ์’ ชายหนุ่มทายาทของประธานบริษัทในเครือสหพันธ์กรุ๊ป ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากต่างประเทศมารับช่วงธุรกิจต่อของบริษัท เขาตกลงว่าจ้างสาวน้อยนางหนึ่ง ขณะที่เธอไปเป็นเพื่อนว่าที่เจ้าสาวซึ่งเป็นญาติในสตูดิโอแห่งนั้น เขากำลังวุ่นวายใจที่พ่อของเขาบังคับให้หาเจ้าสาวแต่งงานอย่างรวดเร็ว เพราะพินัยกรรมระบุถึงกำหนดว่าทายาทจะต้องแต่งงานให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นกิจการทั้งหมดจะตกไปอยู่กับคุณอาของเขา ซึ่งคุณย่าได้ระบุเอาไว้อย่างจงใจแกล้งคุณพ่อของเขาตั้งแต่แรก กังสดาลตกลงเซ็นสัญญาแต่งงานกับชายหนุ่มเพียงแค่วันเดียว โดยสัญญามีข้อกำหนดหากหากเธอผิดสัญญาจะถูกริบเงินคืนพร้อมดอกเบี้ย แต่แล้วด้วยใจซื่อบริสุทธิ์ของหญิงสาวที่ทำหน้าที่ภรรยาในนามให้กับชายหนุ่มตลอดเวลาตามข้อตกลง ได้กลายมาเป็นความรักที่มีต่อเธออย่างไร้เงื่อนไข เขาพยายามสลัดเธอออกไปจากหัวใจของเขา แต่ทำได้ยากยิ่งทั้งที่เขามีอีกคนที่ถือว่าหมาะสมซึ่งครอบครัวกำลังจับคู่ให้ก็ตาม กังสดาลไม่เคยคิดว่าชายหนุ่มจะเข้ามาจับจองหัวใจเธอได้ เธอแค่รับจ้างเป็นเจ้าสาวให้เขาเพียงในนาม แต่หัวใจเธอกลับร่ำร้องทั้งที่อยากไปให้ไกลแสนไกล
View More‘ถ้าทำงานหนึ่งวันแล้วได้เงินมหาศาล...เอาไหม ติดต่อมาที่เบอร์ข้างล่างนี้’
หญิงสาวเปิดโน้ตใบน้อยอ่านทันทีที่กลับถึงบ้าน
--------------------------------
กังสดาลถูกญาติสาวที่กำลังจะแต่งงานเดือนหน้า ชวนออกมาเจอกันที่ห้องเสื้อซึ่งเป็นสตูดิโอชุดแต่งงานแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท
“เราเจอกันที่ตรงรถไฟฟ้าสถานีพร้อมพงษ์ดีกว่านะ จะได้เดินลงไปที่ร้านด้วยกัน เรากลัวหลงอ่ะ” กังสดาลกังวลเพราะเธอไม่ค่อยมาแถวนี้บ่อยนัก
“ได้สิ…ตามนั้นเลย เจอกันสิบโมงครึ่ง ออกจากร้านจะได้ไปหาอะไรกินที่เอ็มโพเรียม” รินญา ญาติผู้น้องชวนกังสดาลมาเป็นเพื่อนครั้งแรก เพราะเห็นว่าญาติคนนี้ไม่ค่อยออกบ้านไปไหน วันหยุดเธอได้แต่ทำกับข้าวดูแลย่าลำดวนที่บ้าน ซึ่งนางเป็นย่าของรินญาด้วย
กังสดาลหยุดมองชุดแต่งงานตรงกระจกหน้าร้านด้วยสายตาชื่นชม เธอยังยืนใจลอยนึกฝันหวานไปไกลว่า สักวันเธอจะมีโอกาสได้สวมชุดสุดสวยเช่นนี้เหมือนญาติสาวที่โชคดีบ้างไหม
“เข้ามา...ยืนมองอยู่นั่น...มาช่วยกันเลือกหน่อย” รินญามองญาติเธออย่างขำๆ
“โทษที...ชอบชุดนี้ รินลองดูสิ...” กังสดาลเอ่ยแนะนำ
“บานฟู...แบบนี้ไม่ชอบ...” ญาติสาวส่ายหน้า
“เราว่าลองใส่ดูก่อน อาจเหมาะนะ เพราะรูปร่างเธอบางมาก” กังสดาลอยากให้ญาติเธอลองดู เท่าที่มองด้วยสายตาชุดไม่ได้บานมากมาย
“งั้นได้...จะลองตัวนี้ก่อนเลย...เบลเข้ามาที่ห้องลองด้วยกันเลย”
“ออกมาดูกระจกสิ...เราว่ามันดูดีมากเลย” กังสดาลมองแล้วมันฟูย้วยตรงส่วนล่าง ไม่ใช่บานฟูอย่างที่ญาติเธอพูดกล่าวหาชุดนี้ตั้งแต่แรกอย่างไม่ใยดี ตรงท่อนบนที่รัดหน้าอกปักเลื่อมเป็นลายดอกไม้ซับในด้วยผ้าบางพลิ้ว คอเสื้อกว้างถึงไหล่ดูสวยเข้ารูปไม่เผยหน้าอก...ดูเรียบร้อย
“เฮ้ย...อยากได้แบบเปิดกระชับหน้าอก เผยแผ่นหลัง” รินญาชอบแนวเปลือยไหล่อยากโชว์ผิวขาวของเธอ
“โห...นี่มันโป๊นะ” กังสดาลส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับชุดตัวที่สองที่ญาติสาวกำลังลอง เธอช่วยวิจารณ์ให้
“เบล...ไม่ชอบอย่าว่าแรง ใจเราฝ่อนะ...รู้ด้วย” เสียงนางขุ่นนิดๆ
“สาวอย่างเธอ...เรียบร้อยเกิ้น...” ญาติเธอมองหน้าเธออย่างตลก
“คงใช่มั้ง...แต่อาจแรดก็ได้...ในวันข้างหน้าน่ะ...” กังสดาลพูดไปก็หัวเราะกับคำพูดของตัวเอง
“เออ...แบบเฉดหัวผัวออกบ้าน แล้วเอากิ๊กเข้าบ้าน รึ” รินญาพูดร้อนแรงเกินไป
“เฮ้ย...แรง...” กังสดาลมัวแต่มองญาติเธอหมุนตัวไปมา เลยก้าวเหยียบเท้าคนข้างหลัง หันไปเจอหน้าชายคนหนึ่งอยู่ในเครื่องแบบเหมือนคนขับรถโรงแรม
“ขอโทษค่ะ...เอ่อ...มองไม่เห็นจริงๆ นะคะ” กังสดาลทำหน้าเจื่อนๆ ขณะพูด
“ไม่เป็นไรครับ...ผมเดินตามหาเจ้านาย...ท่านไม่รู้อยู่ตรงไหน” ชายอายุกลางคนประมาณสี่สิบเศษพูดอย่างนอบน้อม
“เราไม่เห็นใครแถวนี้เลยนะ...” รินญาส่งเสียงตอบให้แทนเธอ
“ครับ...คงจะออกไปข้างนอกแล้วมั้ง” ชายหนุ่มเปิดประตูกระจกหน้าร้านเดิน
ออกไปทันทีที่พูดจบ
“ร้านเงียบออก...ไม่เห็นจะมีใครโผล่เข้ามา รึว่าตอนเราอยู่ข้างในห้องลองเสื้อกัน” กังสดาลเอ่ยกับญาติเธอ
“เอาตัวนี้ไหม ถ้าชอบ ถ้าเป็นเรา เอาตัวแรก...สวยหวาน” หญิงสาวยังชอบใจตัวแรกที่ญาติเธอลอง
“ไม่...เราชอบตัวนี้” รินญาทำหน้างอ
“เออ...คุณเจ้าสาว...คนสวย ทำหน้าแบบนี้จะเผลอติดหน้างอยาวไปถึงวันแต่ง” กังสดาลหัวเราะชอบใจที่แซวเธอ
“โหย...เกลียดจริงๆ คนจิกกัดเนี่ย”
กังสดาลกำลังจะเดินไปหาชุดที่แขวนอยู่ด้านในเพื่อเอาให้ญาติสาวลอง เผื่อว่าเธออาจเปลี่ยนใจ
“อยากทำงานกับผมไหม...” เสียงชายหนุ่มสูงราว 180 ซม.ผิวสองสีรูปหน้าเรียวยาวนิ่งกำลังมองมาที่กังสดาลอย่างเรียบเฉย
“คุณเป็นมิตรแท้ หรือมิตรเทียมกันคะ” กังสดาลถามออกไป
“หมายความว่าอะไร ผมไม่เข้าใจ” ชายหนุ่มทำสีหน้า...งง ขณะจ้องแววตาของหญิงสาว
“โหย...สมัยนี้ มิตร คือ มิจฉาชีพ เราเรียกกันสั้นๆ คุณไม่เข้าใจ มาจากโลกไหนกัน” เธอมองหน้าเขากลับไปแบบต่อว่า
“โอเค...ผมคงไม่ใช่ทั้งมิจฉาชีพแท้และเทียม อย่างที่กล่าวหา” ชายหนุ่มพูดว่ากลับนิ่มๆ
“ผมมีข้อเสนอให้เล็กๆ น้อยๆ ...” ชายหนุ่มยังจ้องหน้ากังสดาลอยู่ เพื่อรอคำตอบ
“ขอคิดดูก่อนนะ...ไม่รู้คุณเป็นใคร...จ้างไปทำอะไรยังไม่รู้เลย” เธอตอบเขาเบาๆ เก็บกระดาษที่เขาพับยื่นส่งมาให้ลงในกระเป๋าถือทันที
กังสดาลขอตัวเดินเลี่ยงออกมาโดยไม่ได้พูดอะไรอีก รู้สึกใจคอไม่ดีคิดว่าคนเราทุกวันนี้มีอะไรแปลกประหลาด บนโลกเราใบนี้ช่างอยู่ยากขึ้นทุกวัน
“ริน...เอาชุดนี้ลองดูอีกชุดนะ...เราเริ่มหิวข้าวแล้ว” กังสดาลเลือกชุดสีนวลซึ่งน่าจะเหมาะกว่าชุดขาวล้วน
“เข้ามาช่วยหน่อย...” รินญาตะโกนออกมา เธอจึงผลักประตูเข้าไป
“ถอดยากนะตัวนี้ มันเกาะอก เราว่าเอาตัวนี้เถอะ ถ้าชอบแนวอยากโชว์ผิว ตัวนี้เป็นสายเดี่ยวลูกไม้...หวานและใส่ง่ายด้วย” กังสดาลเชียร์ชุดหลังนี้อย่างจริงจัง
พอนางเดินออกมาดูกระจก ผู้ช่วยในร้านออกปากชมทันทีว่าตัวนี้ดูดีที่สุด เหมาะกับรูปร่างและหน้าตาหวานสดใสของรินญา
“โอเค...เอาตัวนี้นะ...ช่วยตัดใหม่ให้เข้ารูป เสร็จเมื่อไหร่โทรมาที่เบอร์นี้นะคะ จะมาลองอีกครั้ง” รินญาส่งนามบัตรของเธอให้ผู้ช่วยสาวรุ่น เจ้าของร้านเดินยิ้มลงมาจากข้างบนตรงมาทักทายสองคนทันที
“ชุดนี้แพงมาก ตัดแนวแบรนด์ดังเลยนะคะ” สาวใหญ่ส่งยิ้มให้สองสาวอย่างยินดี
“เหมาะกับรูปร่างมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะ...”
รินญาหันไปชมกังสดาลที่ช่วยเลือกให้ถูกใจ
“ต้องชมสายตาของนาง...เยี่ยมสุดๆ”
กังสดาลมองอย่างโล่งอก ท้องเธอส่งเสียงร้องดังมาก ตอนเช้ารีบทำข้าวต้มใส่ฟักทองให้ย่า กลัวจะออกบ้านไม่ทัน ตอนนี้ข้าวต้มมันย่อยหดหายไปหมดแล้ว
“ไปหาอะไรกินเถอะ หิวจนตาลายแล้ว...” เธอกระซิบบอกญาติสาว
------------------
ทั้งสองรีบเดินขึ้นสะพานลอยของรถไฟฟ้ามาฝั่งตรงข้ามเพื่อเข้าห้าง รินญาตั้งใจอยากเลี้ยงอาหารจีน วันนี้เธออยากกินติ่มซำ
“เราเลี้ยงเอง...เธอเลือกชุดแต่งงานถูกใจเรามาก”
“เออ...ยังไงเอาเถอะ หิวจนอยากกินทุกอย่างล่ะ” กังสดาลรีบตามญาติเธอขึ้นไปชั้นสาม เป็นอาหารจีนสไตล์กวางตุ้ง ดีที่วันนี้กลางสัปดาห์คนไม่แน่น
หญิงสาวเดินตามรินญาเข้าไปและเอากระเป๋าวางที่โต๊ะ แล้วเธอบอกญาติสาวว่าจะไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างที่หาห้องน้ำที่อยู่ด้านนอกของร้าน เธอเห็นทางเข้าพอดีเป็นซอกเดินเข้าไปด้านใน..เธอมองตามทางขณะใกล้ถึงมีชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำชาย เธอหยุดกึกเงยหน้ามองเขาซึ่งชายคนนี้เกือบปะทะกับเธอพอดี
“มาทำอะไรตรงแถวนี้...” ชายหนุ่มทักเธอ
“ตรงนี้มันเป็นห้องน้ำสาธารณะ...ไม่เห็นหรือว่ามีห้องน้ำหญิงด้วย” กังสดาลตอบแบบหัวเราะเบาๆ
“โอเค...ขอโทษ... นึกว่าคุณตัดสินใจแล้วตามผมมา” เขาพูดแก้เขินที่ไม่ได้สังเกตอะไร
“เหรอคะ... บังเอิญมาเจอคนที่คิดแบบนี้…แย่จัง!!!” กังสดาลไม่เบาจริงๆ อยากเสียมารยาท...ด่าออกไปตรงๆ
“แย่นะ...แต่อย่าทิ้งโน้ตใบนั้นล่ะกัน...มีค่ามาก” ชายหนุ่มพูดจบเดินจากไปทันที
กังสดาลเดินกลับมาที่ร้านและนั่งกินอาหารอย่างใจลอย กินอะไรไม่ลงไปเลยกับคำพูดของชายหนุ่ม นึกแล้วยังโมโหไม่หาย
ครั้นกลับมาถึงบ้านเธอเปิดอ่านโน้ตใบนั้นทันที หญิงสาวถึงกับอุทานออกมา
“มันอะไรกันนี่...บ้าไปรึเปล่า”
ได้ไอเดียใหม่ในธุรกิจ...เทรนที่ใกล้ตัวที่สุด-------------------------------วิชพันธ์ได้ให้สองคนย่าหลานย้ายออกจากบ้านเข้าไปอยู่คอนโดหลังจากที่กลับไปอยู่ได้แค่เพียงหนึ่งสัปดาห์ เขามีภารกิจต้องบินไปร่วมงานแต่งของเดฟกับเกศรา เป็นตัวแทนคุณพ่อควงแขนเจ้าสาวส่งตัวให้เจ้าบ่าว กังสดาลซึ่งอยู่ในช่วงพักฟื้นจากบาดแผลผ่าตัดจึงถูกห้ามไม่ให้เดินทางไปด้วย“ฝากบอกคุณพ่อนะคะ กราบขอโทษที่สร้างเรื่องร้ายๆ ให้ท่านไม่สบายใจ” เธอกราบอกวิชพันธ์แทนคุณพ่อ“ผมกลายเป็นตัวแทนไปทุกที่...” เขากอดเธอจูบที่หน้าผาก“คนดีไงคะ...”“ฝากบอกมาร์ตินไหม...” เขาจ้องตาเธอหัวเราะหึหึ“ค่ะ...ขอบคุณที่รักเบล และดีกับเบลมาตลอด” วิชพันธ์บินมาทำหน้าที่ส่งตัวเกศราในฐานะพี่ชายให้กับเจ้าบ่าวออสเตรเลียนหน้าตาหมดจดสุดหล่อ ญาติฝ่ายชายมากันครบมองมายังพี่ชายของเจ้าสาวด้วยความปลาบปลื้ม ญาติฝ่ายหญิงมีวิชพันธ์ อาอุมา และครอบครัวของคุณแม่ คือคุณยายมาเรียและน้ามาร์ติน “เดฟ...ฝากดูแลเกศให้ดีนะ” วิชพันธ์พูดขณะส่งตัวบ่าวสาวที่กำลังขึ้นรถ Rolls-Royce เป็น wedding car ติดสติกเกอร์ just married เพื่อไปฮันนีมูน“คุณพ่อจะให้เดฟกับเกศไปดูแลกิจการที่เมื
ทายาทของตระกูลที่ปกปิดนานกว่า 20 ปี ก็เผยตัวตน-------------------------------วีระพันธ์บินกลับมาเมื่อรู้ข่าวจากวิชพันธ์ ชายหนุ่มซึ่งเคยทำตัวไม่เอาไหนมาก่อนกลายเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดการพิธีต่างๆ ในงานศพของพ่อตัวเอง อาบุษบาร้องไห้จนตาบวม ส่วนย่าศรีนวลร้องไห้คร่ำครวญสาปแช่งย่าลำดวนและกังดาล ทั้งโยนความผิดของเรื่องร้ายทั้งหมดว่าต้นเหตุมาจากย่าหลานคู่นี้ย่าลำดวนขออยู่โรงพยาบาลเฝ้ากังสดาลจนกว่าหลานสาวจะหาย ย่าไม่อาจกลับไปบ้านของวิชพันธ์ได้ และไม่อยากสู้หน้าครอบครัวของเขาให้เรื่องบานปลายใหญ่โตเข้าไปอีก“ย่าครับ...เบลออกจากโรงพยาบาล ผมขอไปอยู่บ้านย่านะครับ” เขากอดย่าแน่นเพื่อให้กำลังใจว่าเขาอยู่ข้างคนทั้งคู่“จะสะดวกคุณหรือเปล่า...” น้ำเสียงย่าลังเล“ไม่เป็นไรครับ...คุณพ่อบอกผมแล้วว่า จะส่งผู้รับเหมาให้มาตกแต่งซ่อมบ้าน ผมจะประสานเองครับ” เขายิ้มให้ย่าและลูบฝ่ามือท่าน“แล้วจะยังไงกัน ยัยเบลไม่ยอมลูกเดียว” ย่ารู้สึกกังวลกับหลานสาวหัวดื้อ“ผมเล่าเรื่องทั้งหมดแล้ว ท่านบอกว่าให้เบลกลับไปเรียนให้จบ” เขาตัดสินใจว่าหลังจากเสร็จงานศพของอาอนุพันธ์ เขาจะขอถอนตัวไม่รับตำแหน่งในธุรกิจทั้งหมดของคุณพ
ความคิดอยากหนีไปให้พ้นปัญหา แต่กลับกลายมาเจอปัญหาใหม่-------------------------------กังสดาลตัดสินใจแอบหนีวิชพันธ์ออกจากโรงแรมช่วงที่เขาบอกว่านัดไปพบกับเดฟในโรงแรมที่มาร่วมการประชุม เธอแกล้งทำเป็นคลื่นไส้เวียนหัวซึ่งเป็นอาการของคนเริ่มตั้งท้อง เขาเขียนไลน์บอกว่าอยากให้เธอพักไม่ต้องเดินทาง จะรีบกลับมาดินเนอร์ช่วงค่ำหนึ่งทุ่มครึ่งกับเดฟที่ห้องอาหารชั้นล่างของโรงแรม และให้เธอเตรียมตัวหนึ่งทุ่มตรงซึ่งเขาน่าจะกลับมาถึงพอดี หญิงสาวจัดการซื้อตั๋วบินตรงกลับมายังกรุงเทพซึ่งโชคดีได้ไฟลต์ช่วงก่อนเที่ยง เธอออกจากสนามบินสุวรรณภูมิตรงไปหาย่าที่บ้านของเขาประมาณบ่ายสองโมงเศษ ย่าออกมาดูหน้าประตูว่าใครลงจากแท็กซี่ เห็นหลานสาวกำลังมองมาอย่างแสนดีใจ เธอเดินเข้าไปกอดเอวซบหน้ากับไหล่ย่าร้องไห้เบาๆ“เฮ้ย...แม่คนเก่ง นี่ทำไมไม่บอกย่าเลย หนีมาล่ะสิ” ย่ามองจ้องหน้าเธออ่านสถานการณ์ออกทันที“ค่ะ...” เสียงของกังสดาลสะอื้นยกใหญ่“มา...เข้ามา นี่ไม่มีกระเป๋าอะไรเลยรึ” ย่ามองหากระเป๋าเดินทาง “หนู...ถูกเขาบังคับให้บินไปสิงคโปร์ เสื้อผ้าเขาคงไปหาซื้ออยู่ หนูได้โอกาสเลยบินหนีมา” เธอยังสะอื้นตอบย่า“ไม่เป็นไร...ดีแล
โชคชะตามักเล่นตลก แม้จะท้าทายยังไงก็ตาม -------------------------------การต่อรองของเธอดูไร้เหตุผลในสายตากร้าวดุดันของเขา สีหน้าท่าทางเหมือนเสือบาดเจ็บพร้อมจะกัดสู้ได้ทุกเมื่อ เธอสงสารเขาจับใจ แต่ด้วยความดีงามของเขามีอยู่มากพอให้เธอรู้สึกยอมรับแต่ยังมีข้อแม้“หากต้องหนีกันไปอย่างนี้ เราอยู่สู้ไม่ดีกว่าหรือคะ” “ไม่ได้!!...ต้องให้ท่านรู้ว่าผมไม่ยอม จะตัดผมทิ้งจากครอบครัวเลยก็ได้ ผมจะพาคุณไปเริ่มต้น ดีกว่าฟังคำสั่งตามใจท่านตลอดไป ชีวิตเป็นของผม...เบล” เขาส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “เราอยู่สู้ด้วยกันได้นี่คะ...คุณพ่อท่านไม่ได้ใจร้ายหรอก” เธอยังเถียง “เราต้องการเวลาคลายเครียด ถ้าต้องสู้หน้าท่าน face to face จะไม่ดี...เบล จะไม่ดีต่อสุขภาพของท่านด้วย เชื่อผม!!!” “คลายปมใช่ไหม เบลเข้าใจค่ะ” “แล้วเราจะไปเจอใครที่สิงคโปร์คะ” เธอจ้องตาเขาอย่างสงสัย “ไปถึงแล้วจะรู้...ไม่ต้องถาม เขารอเราอยู่” “ไปเถอะ จะไม่ทันเที่ยวบินบ่ายนี้” เขาเร่งเธอคุณบุญส่งรีบขับรถพาทั้งคู่มาที่สนามบิน วิชพันธ์จองเที่ยวบินให้เธอตั้งแต่เมื่อคืน เขาแอบถ่ายรูปพาสปอร์ตของเธอเก็บไว้ในมือถือของเขา “โห...แอบลักข้อมู
หากไม่ต่อรองกับโชคชะตา ก็จะถูกลิขิตอย่างไม่เป็นธรรม-------------------------------วิชพันธ์ขอร้องให้กังสดาลอยู่ที่โรงแรมกับเขา เธอเกรงว่าคุณพ่อสามีเกิดรู้ขึ้นมา ทั้งเธอและวิชพันธ์คงไม่รอดพ้นบาปที่ทำให้ท่านลำบากใจ คำสัญญาที่รับปากกับท่านไปแล้วถือว่าไร้ความหมาย ท่านจะไม่มีทางไว้ใจพวกเขาอีกต่อไป“คุณย่าบอกว่าท่านจะจัดการทางนั้นให้เรา ท่านไม่ได้บอกรายละเอียด แค่บอกให้เบลอย่าคิดมาก” เขากอดเธอขณะพูดถึงย่า“ท่านบอกให้ผมรีบมีลูก จะได้เป็นข้อต่อรองกับคุณพ่อ” “เบล ขอถามนะคะ” เธอผลักอกสามีออก ขณะถามเขาอย่างจริงจัง“ผมตอบได้เท่าที่รู้”“ทำไมคุณพ่อไม่ค้านแต่แรก ตอนคุณพาย่าและเบลมาพบท่าน” “เวลาในพินัยกรรมระบุให้ผมต้องแต่งงานภายในปีนี้ หากเลยกำหนดนี้ไปแล้วท่านจะต้องสละทุกตำแหน่งให้คุณอา”“เบลยังไม่ get อยู่ดีค่ะ” “แค่เรื่องแต่งงานทำไมต้องซีเรียสขนาดนั้น” เธอส่ายหน้า“ผมไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของคุณพ่อ ดังนั้นพินัยกรรมถูกระบุโดยคุณย่าก่อนคุณปู่เสีย ให้ผมถือหุ้นได้แค่ 25 เปอร์เซ็นต์ คุณพ่อถือหุ้นกับคุณอาคนละ 25 เปอร์เซ็นต์ ท่านจึงพยายามหาทางให้ผมแต่งงานเพื่อจะได้ take ส่วนนี้ขึ้นมาอีก 25 เปอร์เซ็นต์ แล้วทุ
ความลับนั้น...เป็นเรื่องลึกลับดำมืด ที่ไม่มีใครอยากขุดคุ้ย แต่เมื่อถึงเวลาเหมาะสม มันจะเปิดเผยออกมาจนได้-------------------------------สัปดาห์ต่อมากังสดาลได้เช่าเรือปิกนิกของโจเซฟเพื่อนสนิทของวิชพันธ์ เพื่อพารินญาไปเลี้ยงข้าวเที่ยงและท่องเที่ยวไปรอบอ่าวให้จิตใจสบายยิ่งขึ้น “เฮ้ย...เบล คุณวิชบอกเราว่า จะบินมาเร็วๆ นี้ แต่ไม่ได้บอกว่าวันไหน”“เหรอ...มาทำไม” เธอทำหน้าสงสัย“คงอยากมาพบเธอมั้ง” “ฮะ!!!...คงไม่ได้ล่ะ คุณพ่อห้ามพบเรา” เธอร้องเสียงหลง“เขาบอกว่า คุณพ่อจะไปเมลเบิร์น เขาเลยคงอยากมาเจอเธอน่ะ” “เฮ้อออ!!!...” หญิงสาวรู้สึกหนักใจมาก เธอไม่อยากทำให้คุณพ่อสามีโกรธ เพราะท่านเมตตาเธอมากมายจนไม่รู้จะตอบแทนท่านอย่างไร“อย่าหาว่าเราเสือกเลย...ทำไมคุณพ่อเพิ่งจะมาให้แยกกัน ไม่เข้าใจจริงๆ” รินญาจ้องตาเธอเพื่อจับพิรุธ“ริน...เราไม่รู้อะไรเลย คุณวิชน่าจะรู้เรื่องทั้งหมดดี แต่ไม่เล่าให้เราฟัง” เธอจ้องตาของญาติสาวกลับไป“ถ้าอย่างนั้น...เธอต้องเจอเขาล่ะ” “ไม่ได้...คุณพ่อห้ามเราด้วย ท่านรู้เข้าเกิดโกรธและไล่เราออกจากคอนโด จะทำยังไง” เธอทำหน้าเศร้าจนรินญาต้องขยับเข้ามากอดตัวเธอไว้แน่น“เออน่า.
ในชีวิตคนเรานั้น ยากที่จะหาความสุขไร้ซึ่งความขมขื่นเจอปน...คงไม่มี--------------------------------คุณพ่อสามีสั่งห้ามกังสดาลติดต่อกับวิชพันธ์ตั้งแต่ย้ายออกไปอยู่ที่คอนโดของอาจารย์แอน เธอนั่งเหม่อใจลอยมองภาพของคุณแม่สามีที่แขวนอยู่บนผนังในห้องนอน ก่อนนอนเธอสวดมนต์และนั่งภาวนาเพื่อส่งจิตถึงท่าน‘อาจารย์แอนคะ หนูขอกราบดวงวิญญาณของอาจารย์ ไม่ว่าจะสถิต ณ หนใดในปรโลก ขอช่วยวิชพันธ์ลูกชายกำพร้าที่ท่านได้ชุบเลี้ยงอุปถัมภ์ด้วยนะคะ เขาคงหาทางออกไม่ได้กับปัญหานี้ หนูช่วยอะไรเขาไม่ได้เลยค่ะ’เธอหลับไปพร้อมฝันเลือนรางได้ยินเสียงอาจารย์แอนบอกว่าไม่เป็นไร เธอตามหาต้นเสียงร้องเรียกไปยังทิศทางใดก็ไม่เห็นท่าน เสียงสะอื้นเบาๆ ของเธอสะท้อนออกมาจากห้วงสำนึกในความฝันกังสดาลตกใจตื่นแต่เช้ามืดและเดินออกไปสูดลมเย็นที่ระเบียงมองเห็นดาวระยิบบนท้องฟ้าเหนือท้องทะเลเบื้องหน้า เธอหวนคิดถึงคืนที่เขาและเธอเดินกันไปถึงริมอ่าว เขาชี้ขึ้นบนท้องฟ้าให้เธอมองหาดาวกางเขนใต้ วิชพันธ์เป็นผู้ชายสมัยใหม่ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะพูดถึงตำแหน่ดวงดาวของผืนฟ้ายามราตรีได้อย่างสวยงาม เขาเล่าว่าสมัยก่อนมีตำนานมากมายของชนเผ่าอะบอริจิน ชื่อข
ความลับที่ยังบอกกับใจไม่ได้ว่า เป็นความรักแท้จริงหรือแค่เพียงเงินตรา--------------------------------กังสดาลใจจดจ่อถึงวันเสาร์ซึ่งน้ามาร์ตินนัดจะมารับเธอที่บ้านคุณพ่อสามี เธอกระวนกระวายใจกว่าจะถึงวันนั้น เลยตัดสินใจบอกคุณพ่อสามีในช่วงมื้อเช้าวันศุกร์“คุณพ่อคะ...หนูขออนุญาตค่ะ”“มีปัญหาอะไร...หนูเบล” คุณพ่อสามีมองหน้าหญิงสาวอย่างลำบากใจ“คือหนูขอไม่ไปอยู่บ้านน้ามาร์ตินค่ะ”“อ้าว...จะไปอยู่ไหน รินญารึ” น้ำเสียงท่านดูกังวล“ค่ะ...หนูจะให้รินมารับค่ะ” เธอพยายามจะทำให้ทุกคนสบายใจ“งั้น...อุมา โทรให้ผมทีนะ หลังกินข้าวอยากคุยกับมาร์ตินอีกเรื่องหนึ่ง” ท่านทำให้กังสดาลสงสัยขึ้นมาทันที“บ่ายๆ ลงมาคุยกับพ่อที่ห้อง” กังสดาลรับรู้เหตุผลว่าทำไมน้ามาร์ตินต้องเข้ามาทำหน้าที่ดูแลเธอ เพราะคุณพ่อสามีให้สัญญากับเขาก่อนหน้านั้นตอนที่อาจารย์แอนยังมีชีวิตอยู่ว่า ท่านจะทำตามที่น้ามาร์ตินขอร้องไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เพราะเขาเป็นคนนำพาวิชพันธ์เข้ามาสู่ครอบครัวท่าน ซึ่งเป็นสัญญาใจที่ท่านต้องทำให้เพื่อทดแทนความดีของเขา “คุณพ่อค่ะ หนูขอโต้แย้ง เพราะหนูไม่ได้รับรู้ข้อผูกพันนี้มาก่อนนะคะ” คำพูดของเธอทำคุณพ่อสามี
ความรักมันคือที่สุด และเขายังรออยู่--------------------------------คุณพ่อสามีสั่งให้ลียาขึ้นมาตามวิชพันธ์ลงไปพบที่ห้องนอนท่าน ก่อนที่เขาจะออกไปสนามบินตอนบ่าย ประมาณครึ่งชั่วโมงเขากลับขึ้นมาที่ห้องนอน เขามองเธออย่างกังวล“คุณพ่อให้คุณลงไปพบ” “ค่ะ...คุณเตรียมตัวเถอะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว” กังสดาลลากกระเป๋าเดินทางออกมาวางไว้ที่หน้าห้องนอน เธอเดินไปเคาะห้องถัดไปเพื่อบอกลียาให้ช่วยลากมันลงไปไว้ข้างล่างกังสดาลเดินลงบันไดไปเจออาอุมากำลังเตรียมอาหารมื้อเที่ยงไว้เพื่อเลี้ยงส่งวิชพันธ์ เธอถามว่าจะให้ช่วยอะไรไหม“ไปพบคุณพ่อ แล้วมาช่วยอานะ” อาอุมาหันมาสีหน้าเคร่งเครียด“คุณพ่อ...มีอะไรกับหนูรึคะ” เธอถามก่อนเดินไปเคาะประตูห้องคุณพ่อสามี“เข้าไปหาท่านก่อนค่อยมาคุยกัน” กังสดาลออกมาหลังจากพบท่านแค่ห้านาที ท่านดูไม่สบายใจมากทำใจเธอหดแฟบ เธอเดินเข้ามาในครัวเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง“คุณอาคะ...คุณพ่อท่านไม่ให้หนูอยู่ดูแลท่านที่นี่” เสียงสะอื้นของหญิงสาวทำอาอุมาซึ่งกำลังอยู่ตรงหน้าเตาหันมาทันที“ไม่เป็นไร ย้ายไปอยู่กับคุณยายเถอะ หนูเบล...เหลือกี่เดือนจะจบ”“อีกสามเดือน แล้วใครจะดูแลท่านกับคุณอาล่ะคะ” อาอุมาเดิ
Comments