เข้าสู่ระบบในที่สุดวันสำคัญก็มาถึง ไม่มีการ์ดแต่งงานตามที่พลอยไพลินขอร้อง ไม่มีการจดทะเบียนสมรส เชิญเฉพาะญาติที่สนิท แต่งเช้ามีงานเลี้ยงฉลองที่โรงแรมในเมือง เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวไม่มีโอกาสพบหน้ากัน เห็นเพียงรูปสมัยเด็กๆ พลอยไพลินพยายามค้นหาอยากพบอยากพูดคุยกับเขา เพื่อที่ว่าสองคนตกลงกันได้ งานแต่งงานจะได้ไม่เกิดขึ้น แต่กลับติดต่อไม่ได้ และเธอไม่ว่างพอที่จะมาตามเรื่องพวกนี้ พลอยไพลินมีแผนในใจอยู่แล้วว่าจะทำยังไง ถ้าพ่อกับแม่ตัดเธอออกจากการเป็นลูกเธอก็จะยอม หลังจากที่ทำอะไรไม่ได้เธอก็ปล่อย ถึงเวลาที่เธอจะต้องเห็นแก่ตัว ชีวิตเป็นของเธอ จะไม่ยอมให้ใครมาบงการเด็ดขาด
“แม่คะ เดี๋ยวให้ใครไปส่งพลอยกับพราวออกไปแต่งหน้าหน่อยนะคะ น่าจะกลับมาประมาณสองโมงเช้า ขากลับอย่าลืมให้รถไปรับพลอยกับน้องที่ร้านเสริมสวยนะคะแม่”
“ได้ๆ ลูก แม่คุณคนดีของแม่ เสร็จแล้วโทรมาบอกแม่นะลูกจะได้ให้รถไปรับ” นางพจนีย์สาละวนกับเรื่องต่างๆ ขบวนขันหมากเริ่ม 09.30-10.30 พิธีหมั้นและสวมแหวน 10.30-11.30 นางเป็นคนจัดการจองโรงแรมให้กับครอบครัวของว่าที่เจ้าบ่าว ไม่ได้เรียกว่าจองเรียกว่าปิดโรงแรมเลยดีกว่า
“พราวรอพี่อยู่ข้างนอกนี่แหละ เดี๋ยวพี่เข้าไปข้างในคนเดียวเสร็จแล้วจะเรียกนะ รอดูด้วยว่าแม่จะส่งรถคันไหนมารับ”
“ค่ะพี่พลอย เดี๋ยวพราวรออยู่ข้างนอกนี่ก็ได้ค่ะ”
“พราวรัมภา”
“อะไรคะพี่พลอย” พราวมรัมภามองหน้าพี่สาว ที่เวลานี้หน้าตาเศร้ามาก เธอสงสารพี่สาวแต่ช่วยอะไรไม่ได้เลย ได้แต่ให้กำลังใจ เกิดเป็นพี่พลอยทำไมลำบากแบบนี้นะ
“พี่รักพราวนะ รักมากเป็นห่วงมาก เรามีกันอยู่แค่สองคน มาขอพี่กอดหน่อย” พลอยไพลินเข้ามาสวมกอดน้องสาวแน่น ก่อนที่จะเข้าไปแต่งหน้าและแต่งตัวด้านในห้อง ปล่อยให้พราวรัมภานั่งรออยู่ด้านนอกไม่ค่อยสบายใจนัก สงสารพี่สาว
สองชั่วโมงผ่านไป แม่ส่งรถมารับเธอกับพี่สาวที่ร้านเสริมสวย พราวโทรหาพลอยไพลิน คิดในใจว่าทำไมเจ้าสาวแต่งหน้าแต่งตัวนานมาก ทั้งที่จริงๆ พลอยไพลินสวยมาก ไม่ต้องแต่งอะไรมากมายเลย แต่ก็เข้าใจว่าเป็นงานแต่งต้องสวย
ไม่มีสัญญาณตอบรับ พราวกดโทรหาพี่สาวอีกครั้งเงียบ กดอีกครั้งเงียบอีก มีสายจากแม่เข้ามา
“พราวแล้วพี่พลอยล่ะ รถก็ส่งไปรับแล้ว รีบมากันนะลูกขบวนขันหมากเขาตั้งแถวแล้วนะ"
“พราวโทรหาพี่พลอยอยู่ค่ะแม่ พี่พลอยเข้าไปแต่งตัวในห้อง เดี๋ยวพราวเข้าไปดูก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวจะรีบกลับบ้านค่ะแม่ ร้านนี้ไม่ไกลจากบ้าน ห้านาทีก็ถึงแล้วค่ะ”
“เร็วๆ ด้วยนะพราว ไหนจะต้องมาใส่ชุดอีก”
พราวรัมภาวางสายจากผู้เป็นแม่ หญิงสาวโทรหาพี่สาวอีกครั้ง ไม่มีสัญญาณตอบรับ ใจคอไม่ดีเธอตัดสินใจเคาะประตู
“มีอะไรเหรอคะคุณ” เจ้าของร้านโผล่หน้าออกมา ดูเธอทำหน้างงๆ ดูไม่ค่อยพอใจนักเพราะพราวรัมภาเคาะประตูเสียงดัง
“เอ่อ...พี่พลอยแต่งหน้าเสร็จหรือยังคะ พอดีรถมารับแล้วค่ะ”
“แต่งหน้าอะไรเหรอคะ คุณผู้หญิงที่มากับคุณกลับไปนานแล้วนะคะ”
“คะ ไปตอนไหนเมื่อไหร่กัน ฉันไม่เห็นพี่พลอยออกมาข้างนอกเลย” พราวรัมภาหน้าเหวอตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“อ้าว...สระผมเสร็จเธอก็คุยโทรศัทพ์ ฉันเข้าใจว่าเขาโทรบอกคุณแล้วเห็นเขาโทรศัพท์ให้รถมารับ แล้วเธอก็ออกไปด้านข้างของร้าน ฉันเองเข้าใจว่าคุณกลับไปด้วยกัน อ้าว...แล้วยังไงกันเนี้ย” เจ้าร้านทำหน้างง พร้อมปิดประตู
พราวรัมภาเข่าอ่อน ใจเต้นแรง พี่พลอย.....หญิงสาวเข้าใจทุกอย่าง ก่อนที่จะพยายามลุกขึ้นแล้วออกจากร้านไป
พราวรัมภานั่งมาบนรถที่นางพจนีย์ส่งมารับกลับบ้านด้วยหัวสมองที่หนักอึ้ง พูดอะไรไม่ออก ด้านหน้าของเธอทางเข้าบ้านทั้งถนนจากปากซอยไปถึงบ้านของเธอ ขบวนขันหมาก ผู้คนแต่งตัวสวยงาม กลองยาวนำหน้า มีคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ด้านหน้าขบวน หญิงสาวไม่กล้าแม้แต่จะมอง กลุ่มนั้นอาจเป็นญาติผู้ใหญ่ พ่อแม่และเจ้าบ่าว
พราวรัมภาแทบพยุงตัวลงจากรถไม่ไหว ภาพตรงหน้าบรรยากาศของงานแต่งงาน ป้ายชื่อของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวยังไม่ขึ้นเพราะพี่พลอยขอเอาไว้ ห้ามขึ้นป้าย ห้ามแจกการ์ด ห้ามมีชื่อของเธอและเจ้าบ่าว ไม่งั้นพี่พลอยจะไม่แต่ง อ้างว่าไม่สำคัญ พ่อกับแม่ยอมเพราะเมื่อพี่พลอยยอมท่านก็ต้องยอม รูปพรีเวดดิ้งไม่มี ไม่มีอะไรทั้งนั้นนอกจากพิธีผูกแขน พราวรัมภาเพิ่งเข้าใจวันนี้นี่เอง ที่พี่สาวของเธอยอมแม่ทุกอย่าง สองชั่วโมงที่เธอนั่งรอพี่พลอย กอดสุดท้ายที่พี่สาวขอกอดเธอ ทำไมเธอถึงไม่ฉุกใจคิดบ้างนะว่าคนอย่างพลอยไพลินไม่มีทางยอมง่ายๆ แบบนี้แน่นอน
“พราว แล้วพี่เราล่ะอยู่ไหนลูก ทำไมกลับมาคนเดียว พราว” เสียงของนางพจนีย์เริ่มดัง หน้าตาที่แต่งไว้อย่างสวยงามเริ่มมีแววผิดหวัง ท่าทางและสีหน้าของลูกสาวคนเล็ก ทำให้นางรู้ว่าลูกสาวคนโตไม่อยู่แล้ว
เสียงโทรศัพท์ของนางพจนีย์ดังขึ้นรัวๆ เป็นพลอยไพลินจริงๆ ที่โทรมา
“แม่พลอย ทำไมลูก ทำไมทำกับแม่แบบนี้ ทำไมแม่พลอย” สิ้นเสียงนางพจนีย์ล้มลง พ่อวิ่งเข้าช้อนตัวของแม่อุ้มเข้าไปในห้อง ดีที่ยังไม่มีใครมาเห็นเพราะพราวรัมภาเข้าประตูหลังบ้าน
หญิงสาวหยิบโทรศัทพ์ของแม่คุยเสียเอง เธอก็อยากรู้ว่าพี่พลอยไปไหน ไปยังไง ไปกับใคร อยากรู้ว่าพี่พลอยไปแล้วจริงๆ หรือแค่มีธุระด่วน
“พี่พลอย อยู่ไหนคะแม่เป็นลมพ่ออุ้มเข้าไปในห้องแล้วค่ะ”
“พี่บอกแม่แล้วว่าไม่แต่ง และพี่กำลังจะบิน ลาก่อนนะพราวพี่รักพราวนะ ฝากดูแลพ่อกับแม่ด้วย แล้วเดี๋ยวพี่จะติดต่อกลับมาเอง เบอร์นี้พี่เลิกใช้ แค่นี้นะพราวพี่รักและเป็นห่วงพราวเหมือนเดิมนะ”
“พี่พลอย” โธ่.....ถ้าพี่พลอยจะทำแบบนี้ แล้วจะตอบตกลงกับแม่ทำไมกัน สู้หนีไปเลย แขกเหรื่อเริ่มเยอะ ขบวนขันหมากก็มาอยู่ที่หน้าบ้านแล้วด้วย ประตูเงินประตูทองกำลังกั้น ทุกคนกำลังทำหน้าที่ของตัวเอง
พราวรัมภารีบเข้าไปหาพ่อกับแม่ในห้อง นางพจนีย์นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง นายภพพ่อของเธอไม่อยู่แล้ว มีเพียงน้าน้องของแม่ที่อยู่เป็นเพื่อน บีบนวดที่แขนและส่งยาดมให้
“แม่คะ ทำใจดีๆ นะคะ” ยังไม่ทันที่พราวจะพูดอะไรต่อ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามา ชายและหญิงสูงอายุคงจะเป็นเพื่อนของพ่อและแม่ เธอไม่เคยเห็นหน้าเลย อีกคนที่ตามเข้ามาด้านหลังนั่น ทำเอาพราวรัมภาตกใจแทบช็อค ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่เครื่องหน้าคม หน้าดุนั่น ผู้ชายคนที่ชนท้ายรถของเธอนี่นา หน้าตาของเขาเอาเรื่องมาก พราวรัมภาใจเต้นแรง
“สวัสดีครับคุณน้า ผมมินทดาครับ เกิดอะไรขึ้นครับ”
“พ่อคุณ น้าไม่รู้จะทำยังไง แม่พลอยหนีไปแล้วลูก แม่พลอยหนีไปแล้ว เขาหนีงานแต่ง” นางพจนีย์ร้องไห้ฟูมฟาย
“มานพ พรนภา ฉัน....ลูกฉันหนีไปแล้ว ฉันจะทำยังไงดี”
“คนที่จะให้แต่งใช่ไหม ชื่อพลอยไพลิน คนโตใช่ไหมพจนีย์เขาไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ไปแน่เหรอ แล้วใครอยู่กับเขาเป็นคนสุดท้าย” นางพรนภาพูดด้วยน้ำเสียงที่มีสติ ไม่โวยวายแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่พราวรัมภานิ่งๆ
“แม่พราว เล่ามาเดี๋ยวนี้ทำไมปล่อยให้พี่เขาหายไป เล่ามาให้หมดเลยนะ” นางพจนีย์เสียงดังใส่ลูกสาวคนเล็ก
“เอ่อ...พราวกับพี่พลอยไปแต่งหน้าที่ร้านค่ะ พี่พลอยให้พราวรอข้างนอก จนรถไปรับพราวโทรหาพี่พลอยแต่ไม่รับสาย เลยเข้าไปดูในห้องค่ะ ช่างแต่งหน้าบอกว่าพี่พลอยสระผมอย่างเดียว แล้วก็ออกไปนานแล้ว ออกไปประตูด้านข้างของร้าน” เสียงหญิงสาวเสียงเบาลงๆ หายใจไม่ทั่วท้องกับสายตาของเจ้าบ่าว
“แล้วยังไงต่อ” เสียงผู้ชายคนนั้นถามกลับมาที่เธอ ซึ่งทุกคนกำลังฟังอยู่อย่างใจจดใจจ่อ
“พี่พลอยโทรมาบอกว่า กำลังเดินทางไปต่างประเทศ อยู่บนเครื่องบินค่ะ ฝากขอโทษทุกคน” ท้ายเสียงของหญิงสาวเบาแทบไม่ได้ยิน
สิ้นเสียงของพราวรัมภา ภายในห้องเงียบกริบ แอร์เย็นแต่ทุกคนเหงื่อไหล
“แม่หนูคนนี้คือลูกสาวคนเล็กของเธอเหรอพจนีย์” นางพรนภาหันไปถามเพื่อนรักที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียง
“พราวรัมภา เป็นลูกสาวคนเล็กของเราเอง “นายภพตอบแทนภรรยาที่ตอนนี้นอนหายใจรวยริน
“แล้วเราจะเอายังไงกัน จะยกเลิกงานเหรอ มาขนาดนี้แล้วจะยกเลิกง่ายๆ เหรอ อายชาวบ้านเขาตายเลย” นายมานพบ่นออกมาหน้าตาเคร่งเครียดมาก
ในขณะที่ทุกคนเงียบ อยู่ๆ มินทดาก็เอ่ยขึ้น เสียงเขาดังและหนักแน่น
“เอาแบบนี้นะครับ ผมขอเสนอว่า ในเมื่อพลอยไพลินไม่แต่งก็ไม่เป็นไร ได้ยินว่าเดินทางออกนอกประเทศแล้ว คนที่อยู่ก็ต้องช่วยกันแก้ปัญหา ผมแล้วแต่พ่อแม่แล้วก็คุณน้าเลยครับยังไงก็ได้ ฝ่ายผมเป็นผู้ชายไม่เสียหาย “มินทดาจ้องมองมาที่พราวรัมภานิ่ง
“แม่พราวช่วยแม่กับพ่อหน่อยได้ไหมลูก แม่ไม่มีใครแล้วนะ” อยู่ๆ นางพจนีย์ก็ผลุดลุกขึ้นนั่งหลังตรง เข้ามาจับมือทั้งสองข้างของพราวรัมภาไว้แน่น
“อะไรคะแม่ พราวไม่เข้าใจช่วยอะไรยังไงคะ จะให้พราวไปตามพี่พลอยน่ะเหรอ ไม่ทันแล้วค่ะ แล้วพี่พลอยก็เปลี่ยนเบอร์โทรแล้วด้วย”
“ไม่ใช่แม่พราว แม่ไม่เคยขอร้องอะไรลูกเลย ปล่อยให้คิดเองทำเอง ให้อิสระทุกอย่าง หนูช่วยเป็นเจ้าสาวแทนนังลูกนอกคอกนั่นได้ไหม นะๆ แม่พราวช่วยกู้หน้าพ่อกับแม่ทีเถอะ ไม่มีใครแล้วที่จะช่วยแม่ได้”
“แม่คะ” พราวรัมดาหน้าตาตื่นตระหนกมากกว่าเดิม เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้น
“แม่พราว พ่อขอร้องเถอะนะลูก ไม่มีใครรู้ว่าบ้านเราลูกคนไหนจะแต่งงาน ป้ายชื่อหรือการ์ดก็ไม่มี อีกอย่างนี่ก็ใกล้ได้เวลาแล้ว นะลูกช่วยพ่อกับแม่ทีเถอะ”
“หนูพราว ลุงกับป้าขอร้องนะลูก ช่วยพวกเราด้วยเถอะ ที่ทำทั้งหมดเพราะความหวังดีต่อลูก พวกเราไม่ได้มีเจตนาอื่นเลย” นายมานพเอ่ยขึ้น ส่วนนางพรนภานั้นรู้สึกสงสารเด็กสาวตรงหน้า ที่ตอนนี้เหมือนจะช็อคกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“ทุกคนครับ ผมขอคุยกับพราวรัมภาสักครู่ได้ไหมครับ อยากให้ทุกคนออกไปเตรียมงานข้างนอก เหลือเวลาอีกสามสิบนาที ผมขอสิบนาทีครับ”
ทุกคนทยอยออกไปข้างนอกแล้ว เหลือเพียงมินทดาและพราวรัมภาสองคน อยู่ในห้อง
“นี่เธอ....ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว ทำทุกอย่างให้เสร็จภายในวันนี้ ไม่มีการจดทะเบียนสมรสอยู่แล้ว หลักฐานอะไรต่างๆ ก็ไม่มี เรามาช่วยกันช่วยพ่อแม่ไม่ให้ขายหน้าชาวบ้านเขา เรื่องอื่นค่อยว่ากัน เราเป็นลูกนะคุณทำให้พ่อๆ แม่ๆ เราสมหวัง พี่สาวคุณใจร้ายแล้ว คุณยังจะใจร้ายไม่ช่วยพวกเราอีกเหรอ มันบาปนะพราวรัมภา “พูดออกไปแล้วก็อดสงสารไม่ได้ หน้าสวยของผู้หญิงตรงหน้าซีด พราวรัมภาทรุดตัวลงนั่งร้องไห้โฮ เขาคิดแล้วว่าเหตุการณ์จะออกมาในรูปแบบนี้ สุดท้ายก็ต้องเป็นลูกชังที่ช่วยกู้หน้าพ่อกับแม่ พราวรัมภาร้องไห้ไม่หยุด เวลาก็เหลือไม่มาก คนตรงหน้าก็น่าสงสาร แต่ยังไงก็ต้องผ่านวันนี้ไปให้ได้โดยที่ไม่ให้งานล้ม
หกโมงเช้าที่คอนโดของพราวรัมภา หญิงสาวตื่นสาย ปกติเธอจะต้องตื่นตีห้า หรือไม่ก็ตีห้าครึ่ง แต่เพราะเมื่อวานเป็นวันที่เธอรู้สึกว่าเหนื่อยที่สุดในโลก เมื่อคืนหลังจากเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเรียบร้อย เธอเห็นมินทดาหลับเธอไม่อยากปลุก เขาเองก็ไม่เหนื่อยไม่น้อยไปกว่าเธอ เลยยอมให้เขานอนพักด้านนอกแบ่งผ้าห่มไปให้ ส่วนตัวเองก็นอนหลับสนิทตื่นเช้าทีเดียว รู้สึกสมองปลอดโปร่งโล่งกว่าเมื่อวานนิดหน่อย รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาข้างนอก มินทดาตื่นแล้ว เธอไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นคนแปลกหน้า รู้สึกคุ้นเคยกับเขามากกว่า อาจเป็นเพราะว่าเธอกับเขาพบกันก่อนที่จะมีงานแต่งงานเกิดขึ้นก็เป็นได้“สวัสดีค่ะ คุณเป็นยังไงบ้างคะ ตื่นนานหรือยัง เมื่อคืนฉันเห็นคุณหลับสนิทเลยไม่อยากปลุก”“ครับตื่นเมื่อสักครู่ ขอบคุณมากที่ไม่ปลุก แถมยังใจดีแบ่งผ้าห่มมาให้อีก”“เดี๋ยวฉันทำอาหารเช้าให้กินนะคะ แล้วค่อยขนของ ฉันยังต้องเก็บพวกอาหารสดใส่กล่องอีกนิดหน่อย รอสักครู่นะคะ หรือคุณจะกลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”“ขอกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนละกันครับ แล้วเดี๋
ระหว่างทางที่ทั้งสองคนเข้ากรุงเทพฯ มินทดาขับรถอย่างระมัดระวัง ฝนตกหนัก เขาไปส่งเจ้าสาวของเขาที่คอนโดของเธอ เหมือนความฝัน เมื่อเช้าเขาเข้าพิธีแต่งงานกับพราวรัมภา เขารู้มาตลอดว่าจะต้องเป็นพราวรัมภามินทดาส่งนักสืบติดตามพลอยไพลิน รู้ว่าเธอจะหนีการแต่งงาน ดีใจที่เป็นพราวรัมภา เอาจริงเขาภาวนาให้พลอยไพลินหนีไปให้ไกลๆ และให้เร็วที่สุด เขาเต็มใจแต่งงาน แต่ก็สงสารเจ้าสาวจำเป็น คงเป็นฝันร้ายของเธอไปอีกนาน เขาจะให้เวลา เสียงคนที่นั่งข้างๆ สะอื้น เห็นความพยายามระงับสติอารมณ์ และกลั้นสะอื้นแล้วก็สงสาร“ไม่น่าเชื่อนะว่าเราอยู่คอนโดเดียวกัน แต่ไม่เคยพบกันซะงั้น”“จริงเหรอคะ คุณก็พักอยู่ที่นี่เหรอ ฉันอยู่มาตั้งแต่เข้ามาเรียนแล้วก็ทำงาน คุณมาซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เห็นแม่บอกว่าคุณอยู่ต่างประเทศตลอดไม่ใช่เหรอคะ”“ผมซื้อไว้นานแล้วตั้งแต่อยู่เมืองไทย จนครอบครัวอพยพไปอยู่ต่างประเทศ นานๆ ผมกลับมาเมืองไทยก็มาพักที่นี่ ““ไม่น่าเชื่อนะคะ งั้นก็แสดงว่า วันที่คุณชนท้ายฉัน คุณก็กลับมาพักที่นี่เหรอคะ”“ครับ แต่ผ
พราวรัมภาพยายามที่จะไม่ร้องไห้ หญิงสาวกลั้นสะอื้น แต่ก็อดไม่ได้น้ำตาไหลตลอดเวลา โชคดีที่ญาติของมินทดาเป็นช่างแต่งหน้า ไม่ยากเพราะเครื่องหน้าของเจ้าสาวสวยอยู่แล้ว ชุดของพลอยไพลินถึงจะเซ็กซี้ไปปน่อย แต่พราวรัมภาก็ใส่ได้พอดี สองพี่น้องหุ่นเท่าๆ กัน“ทำใจดีๆ หยุดร้องไห้ได้แล้ว ก็แค่แต่งให้เป็นพิธี หลังงานเราก็ต่างคนต่างก็แยกย้าย ผมสัญญา เราไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่มีการ์ดแต่งงาน ยกเลิกงานฉลองสมรสแค่นี้พอใจไหม” สงสารก็สงสารจากที่เคยหมั่นไส้แต่ตอนนี้หัวใจเขากลับอ่อนไหวเมื่อเห็นน้ำตาของเจ้าสาว ใจเขาเสียไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำถูกหรือผิด แต่เขาต้องการให้เป็นแบบนี้“จริงๆ นะคะ เสร็จงานวันนี้แล้วเราก็ต่างคนต่างแยกย้าย คุณสัญญาไหมคะ” พราวรัมภาจับแขนของมินทดาเขย่าเหมือนขอความมั่นใจจากเขา“จริงซิ ผมไม่โกหกหรอก แต่ตอนนี้เราออกไปข้างนอกกันได้แล้ว ทำหน้ายิ้มเข้าไว้อย่าให้ใครจับพิรุธได้”พราวรัมภาถอนหายใจ พยายามกลั้นสะอื้น“พร้อมหรือยัง มาเกาะแขนผมไว้จะได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องกลัว แค่ผูกแขนเฉยๆ ไม่นานหรอก คนก็ไม่เยอะ
ในที่สุดวันสำคัญก็มาถึง ไม่มีการ์ดแต่งงานตามที่พลอยไพลินขอร้อง ไม่มีการจดทะเบียนสมรส เชิญเฉพาะญาติที่สนิท แต่งเช้ามีงานเลี้ยงฉลองที่โรงแรมในเมือง เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวไม่มีโอกาสพบหน้ากัน เห็นเพียงรูปสมัยเด็กๆ พลอยไพลินพยายามค้นหาอยากพบอยากพูดคุยกับเขา เพื่อที่ว่าสองคนตกลงกันได้ งานแต่งงานจะได้ไม่เกิดขึ้น แต่กลับติดต่อไม่ได้ และเธอไม่ว่างพอที่จะมาตามเรื่องพวกนี้ พลอยไพลินมีแผนในใจอยู่แล้วว่าจะทำยังไง ถ้าพ่อกับแม่ตัดเธอออกจากการเป็นลูกเธอก็จะยอม หลังจากที่ทำอะไรไม่ได้เธอก็ปล่อย ถึงเวลาที่เธอจะต้องเห็นแก่ตัว ชีวิตเป็นของเธอ จะไม่ยอมให้ใครมาบงการเด็ดขาด“แม่คะ เดี๋ยวให้ใครไปส่งพลอยกับพราวออกไปแต่งหน้าหน่อยนะคะ น่าจะกลับมาประมาณสองโมงเช้า ขากลับอย่าลืมให้รถไปรับพลอยกับน้องที่ร้านเสริมสวยนะคะแม่”“ได้ๆ ลูก แม่คุณคนดีของแม่ เสร็จแล้วโทรมาบอกแม่นะลูกจะได้ให้รถไปรับ” นางพจนีย์สาละวนกับเรื่องต่างๆ ขบวนขันหมากเริ่ม 09.30-10.30 พิธีหมั้นและสวมแหวน 10.30-11.30 นางเป็นคนจัดการจองโรงแรมให้กับครอบครัวของว่าที่เจ้าบ่าว ไม่ได้เรียกว่าจองเรียกว่าปิดโรงแรมเลยดีกว่า
หนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากที่ที่พราวรัมภาและพลอยไพลินกลับไปเยี่ยมบ้าน ทั้งสองสาวกลับไปทำงานปกติ หลังจากนั้นเธอกับพี่สาวก็ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย พลอยไพลินย้ายไปอยู่กับกริชชัยที่คอนโดใช้ชีวิตร่วมกันพราวรัมภาไม่ได้รับข้อมูลหรือรายละเอียดจากผู้ชายคู่กรณีของเธอเลย เขาแอดไลน์มา แต่ไม่ส่งรายละเอียดเรื่องค่าใช้จ่ายมาให้ เธอคิดเอาเองว่า เขาคงนำรถเข้าศูนย์เอง รถเขาไม่ได้เสียหายอะไรมาก เลยตัดสินใจเปลี่ยนไอดีไลน์ใหม่เรื่องที่ทำให้ทั้งเธอและพี่สาวแปลกใจอีกเรื่องคือ ทำไมพ่อกับแม่เงียบมาก กับเรื่องของพี่พลอย ปกติจะโทรหาเธอหรือไม่ก็โทรหาพี่สาว แอบดีใจว่า พ่อกับแม่คงล้มเลิกความคิดแล้ว ดีเหมือนกัน เธอเองก็ไม่อยากให้ทุกฝ่ายเสียหายหรือเสียงชื่อเสียง บ้านเธอเป็นสังคมชนบท มีเรื่องมีราวไม่งามคนก็จะเล่าลือไปทั่ว ทำให้พ่อแม่รวมถึงญาติพี่น้องอับอายได้ ซึ่งพ่อกับแม่ของพวกเธอไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่นอนวันนี้เป็นวันศุกร์ เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ พราวรัมเร่งงานไม่อยากให้งานค้างไปถึงวันจันทร์ เธอตั้งใจเลิกงานสักประมาณสามทุ่มรอให้ถนนว่าง ตั้งใจแวะซื้อของใช้และอาหารสดที่ห้างนิดหน่อย แล้วกลับคอนโดเ
พราวรัมภาตื่นมาด้วยอาการที่ยังปวดหัว เธอนอนคนเดียวที่ห้อง ส่วนพลอยไพลินอยู่ห้องเดียวกับพี่กริช หญิงสาวไม่แปลกใจนัก เธอพอที่จะรู้มาสักระยะแล้ว พี่พลอยไม่ค่อยอยู่คอนโด ส่วนมากจะพักที่โรงแรมที่ทำงาน เพราะเป็นระดับผู้บริหารจะมีห้องพักให้ หรือไม่พี่พลอยก็ไปอยู่บ้านของพี่กริช เธอไม่ยุ่งมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว กริชชัยเป็นผู้ใหญ่แล้วอายุ 33ปี พี่พลอย 27 เธอรู้ว่าพี่กริชพยายามจะไปพบพ่อกับแม่เธอเพื่อทำการสู่ขอ แต่พี่สาวของเธอเองที่ไม่อยากให้ไปหญิงสาวรีบลุก อาบน้ำอุ่นแต่งตัวเรียบร้อยแล้วลากกระเป๋าลงไปรอพี่สาวข้างล่าง แวะกินอาหารเช้าเพราะเธอต้องกินยา ไม่นานพลอยไพลินก็ลงมาพร้อมกับกริชชัย“เป็นยังไงพราว นอนหลับไหมดีขึ้นหรือเปล่า”“ดีขึ้นแล้วค่ะพี่พลอย ไม่ต้องห่วงนะคะ”พราวไม่อยากให้พี่สาวห่วง ทั้งที่ยังมีอาการไข้แต่ก็ต้องบอกว่าไม่เป็นไร หลังกินข้าวเช้าเสร็จกริชชัยและพลอยไปส่งหญิงสาวที่สนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ“เดินทางปลอดภัยนะพราว พี่จะอยู่ช่วยงานพี่กริชอีกสักสองอาทิตย์แล้วจะตามไป”“ค่ะพี่พลอย พราวไปก่อนนะ







