LOGINพราวรัมภาพยายามที่จะไม่ร้องไห้ หญิงสาวกลั้นสะอื้น แต่ก็อดไม่ได้น้ำตาไหลตลอดเวลา โชคดีที่ญาติของมินทดาเป็นช่างแต่งหน้า ไม่ยากเพราะเครื่องหน้าของเจ้าสาวสวยอยู่แล้ว ชุดของพลอยไพลินถึงจะเซ็กซี้ไปปน่อย แต่พราวรัมภาก็ใส่ได้พอดี สองพี่น้องหุ่นเท่าๆ กัน
“ทำใจดีๆ หยุดร้องไห้ได้แล้ว ก็แค่แต่งให้เป็นพิธี หลังงานเราก็ต่างคนต่างก็แยกย้าย ผมสัญญา เราไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่มีการ์ดแต่งงาน ยกเลิกงานฉลองสมรสแค่นี้พอใจไหม” สงสารก็สงสารจากที่เคยหมั่นไส้แต่ตอนนี้หัวใจเขากลับอ่อนไหวเมื่อเห็นน้ำตาของเจ้าสาว ใจเขาเสียไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำถูกหรือผิด แต่เขาต้องการให้เป็นแบบนี้
“จริงๆ นะคะ เสร็จงานวันนี้แล้วเราก็ต่างคนต่างแยกย้าย คุณสัญญาไหมคะ” พราวรัมภาจับแขนของมินทดาเขย่าเหมือนขอความมั่นใจจากเขา
“จริงซิ ผมไม่โกหกหรอก แต่ตอนนี้เราออกไปข้างนอกกันได้แล้ว ทำหน้ายิ้มเข้าไว้อย่าให้ใครจับพิรุธได้”
พราวรัมภาถอนหายใจ พยายามกลั้นสะอื้น
“พร้อมหรือยัง มาเกาะแขนผมไว้จะได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องกลัว แค่ผูกแขนเฉยๆ ไม่นานหรอก คนก็ไม่เยอะสักหน่อย”
พราวรัมภาเกาะแขนของว่าที่เจ้าบ่าวจำเป็นของเธอออกไปด้านนอก แค่นี้ญาติทั้งสองฝ่าย ทำไมช่างเยอะแยะเต็มไปหมด ไหนพ่อกับแม่บอกว่าแค่นี้ แค่นี้คือแค่ไหน แสงแฟลชจากกล้องต่าง ก็จับจ้องมาที่ทั้งเขาและเธอ แล้วทุกคนก็รุมถ่ายรูป
“ทำใจให้สบายนะ คิดซะว่าผมเป็นพี่ชายล่ะกัน ทำภาระกิจวันนี้ให้เสร็จสิ้น หลังจากนี้อีกหนึ่งหรือสองปีทุกคนก็ลืมแล้วล่ะ เราแต่งกันแค่ในนามเท่านั้น ไม่ต้องยิ้มก็ได้แต่อย่าหน้าบึ้ง นึกถึงหน้าพ่อกับแม่เอาไว้ เราจะไม่ทำให้พวกท่านเสียหน้า”
พราวรัมภารู้สึกมั่นใจกับคำพูดของเจ้าบ่าว ไม่ว่าจะจริงหรือหลอก ยิ่งมองเห็นหน้าพ่อกับแม่ที่มองมายังเธออย่างมีความหวัง แต่งก็แต่ง เสร็จงานเธอก็กลับไปทำงานตามปกติ พ่อแม่เขาพ่อแม่เธอก็รู้ ว่ามันเป็นการแต่งงาแบบปลอมๆ
มินทดาลอบมองคนข้างๆ ตลอดเวลา เสื้อผ้าลูกไม้ราคาแพงแหวกหน้าอกลึก เผยให้เห็นเนินอกขาวนวล ช่วงก้มหน้ารอผูกแขนนั่น ทำใจเขาสั่น นั่งติดกันซะขนาดนี้ เขารับรู้ช่วงเวลาที่หญิงสาวพยายามกลั้นสะอื้น ยิ่งทำให้สงสารหนักกว่าเดิม แขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างก็อวยพรให้ทั้งคู่ ถึงแม้เป็นการจัดแบบเรียบง่ายแต่ทุกคนก็ถ่ายรูปงานมงคลนี้ไว้มากมาย เสียงญาติๆ ทั้งสองผ่ายชื่นชมว่าทั้งคู่เหมาะสมกันมาก ไม่มีใครถามหาพลอยไพลินเลยสักคน หลายคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกสาวบ้านนี้คนไหนแต่งงาน มารู้เมื่อตอนที่เจ้าบ่าวจูงเจ้าสาวออกมาจากห้องนี่เอง
พราวรัมภาต้องใช้ความอดทนมาก พยายามกลั้นสะอื้น เสียใจที่พลอยไพลินไม่บอกกันบ้างเลย พี่สาวเธอบอกว่ารักเธอมาก เป็นห่วงเธอมาก แต่กลับให้น้องต้องมารับเป็นเจ้าสาวแทนตัวเองงั้นเหรอ เสียใจที่ทำอะไรไม่ได้เลย นี่ถ้าเธอกล้าสักหน่อยและคิดให้ถ้วนถี่กว่านี้ เธอน่าจะหนีไปอีกคน หลังจากที่รู้ว่าพลอยไพลินหายตัวไป มาคิดได้ตอนนี้ก็สายไปแล้วพราวรัมภาเอ้ย สายไปแล้วจริงๆ แต่นั่นแหละหากเธอหนีไปอีกคน พ่อกับแม่จะเป็นยังไงดีไม่ดีแม่อาจจะช็อคไปเลยก็ได้ แม่เธอยิ่งเป็นโรคหัวใจ
หลังจากพิธีเสร็จสิ้นลงแล้ว เป็นการร่วมกันรับประทานอาหาร พราวรัมภาขอกินข้าวในห้องหอ ทุกคนตามใจเจ้าสาว
“กินข้าวเถอะคุณไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ทำวันนี้ให้สมบูรณ์ที่สุดล่ะกัน “มินทดาเอ่ยเบาๆ เมื่อเห็นว่าสำรับข้าวมาแล้วแต่เจ้าสาวของเขายังนั่งเฉย
“ฉันขอโทษที่เรื่องออกมาเป็นแบบนี้ นี่ถ้าฉันรู้ว่าเป็นคุณ คงหาทางพูดคุยด้วยแล้ว”
“แล้วทำไมพี่สาวคุณไม่ติดต่อหรือสืบเสาะหาผมบ้างล่ะ เขาจะคิดไหม”
“พี่พลอยพยายามที่จะติดต่อคุณแล้ว ขอที่อยู่และเบอร์โทรของคุณลุงกับคุณป้า แต่พ่อกับแม่ไม่ให้ พี่พลอยเองก็งานยุ่งไม่มีเวลาขนาดนั้น และฉันเข้าใจว่าอีกเหตุผลที่พี่พลอยไม่ตามหาคุณเพราะเรื่องวันนี้ ไม่มีการ์ด ไม่มีป้าย ไม่มีรูป บอกแค่ญาติที่สนิท ถ้าพี่พลอยบอกฉันสักคำ งานวันนี้จะไม่เกิดขึ้นแน่นอนค่ะ ยังไงฉันก็จะหนี"
“นี่คุณอย่าคิดแบบเห็นแก่ตัวได้ไหม ไม่นึกถึงจิตใจคนเป็นพ่อเป็นแม่บ้างเลยเหรอ”
“คุณไม่มาเป็นฉันคุณไม่รู้หรอก พ่อกับแม่รักแต่พี่พลอยไม่เคยเห็นหัวฉันด้วยซ้ำ แต่ในวันที่ไม่มีพี่พลอยก็กลายเป็นฉันที่ต้องมารับกรรมแทน”
“พราวรัมภา คุณไม่คิดเลยเหรอว่าท่านหวังดี”
“พ่อกับแม่คิดถึงแต่หน้าตาของท่านเอง และหวังดีกับคุณ และพี่พลอยไม่ใช่ฉันค่ะ”
มินทดามองหน้าเจ้าสาวหมาดๆ ของเขานิ่ง ผู้หญิงตรงหน้าเขาสวยมาก รูปร่างดีทีเดียวทั้งอกทั้งเอว สะโพกผาย รูปร่างสูง ท่าทางเป็นคนใจเย็นและมีเหตุผล เขาชอบคนใจเย็น เพราะเขาค่อนข้างใจร้อน กิริยามารยาทก็พอดิบพอดี ไม่เหมือนพี่สาวที่ดูคล่องแคล่วไปหมดทุกอย่าง เขาไม่ชอบผู้หญิงลักษณะแบบนั้น เป็นตัวของตัวเองเกินไป และดูท่าทางจะเอาแต่ใจ จริงก่อนหน้าเขาไม่ชอบผู้หญิงแบบพราวรัมภา แต่แค่การได้พูดคุยกับหญิงสาววันนี้ ทำให้เขารู้สึกดี และคิดว่าตัวเองคิดไม่ผิด
พ่อกับแม่เขาและพ่อกับแม่เธอเข้ามาภายในห้องที่บ่าวสาวกำลังกินข้าวด้วยกัน ผู้ใหญ่ยิ้ม นางพจนีย์ดูท่าว่าจะมีความสุขมาก เข้ามาโอบกอดลูกสาวคนเล็กด้วยความรัก
“แม่พราว แม่ขอบใจมากนะลูกที่ช่วยรักษาหน้าให้แม่กับพ่อวันนี้”
“พ่อก็ขอบใจมากนะลูกแม่พราว ต่อไปพ่อกับแม่จะไม่ยุ่ง หรือวุ่นวายกับลูกอีกแล้ว และนี่เป็นสินสอดที่ป้ากับลุงเขามอบให้ พ่อกับแม่ยกให้ลูกทั้งหมดเลยนะแม่พราว” นายภพนำห่อผ้าสีชมพูสองห่อมาวางไว้ตรงหน้าลูกสาวคนเล็ก
พราวรัมภาเปิดห่อผ้าออกมาดู ห่อแรกเป็นเงินจำนวนห้าล้านบาท กุญแจรถยี่ห้อดัง โฉนดที่ดิน ห่อที่สองเป็นสร้อยเพชรครบชุด จำนวน 2 ชุด ทั้งหมดเป็นสินสอดมูลค่าเยอะมาก
“พ่อกับแม่ยกให้พราวหมดเลยเหรอคะ จริงๆ มันต้องเป็นของพี่พลอย”
“ไม่เอาอย่าไปพูดถึงแม่คนนั้น ตัดลูกตัดแม่กันแล้ว สินสอดทั้งหมดนี่ แม่กับพ่อยกให้แม่พราวรับไว้นะลูก” นางพจนีย์มัดห่อผ้าทั้งสองห่อไว้เหมือนเดิม แล้วยกมาวางตรงหน้าลูกสาว
“งั้นทั้งหมดนี่ก็เป็นของพราวแล้วนะคะ” พราวรัมภายกโทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปวีดีโอ
“พราวได้ทำหน้าที่ของลูกแล้ว พ่อกับแม่บอกว่าถ้าพราวตกลงแต่งงานแทนพี่พลอย หลังจากนั้นพ่อกับแม่จะไม่วุ่นวายหรือบังคับพราวอีก พราวถือเป็นคำสัญญา พราวรู้ว่าพ่อกับแม่มีพระคุณให้พราวได้เกิดมา แต่หลังจากนี้พราวขอนะคะ ให้พราวใช้ชีวิตด้วยตัวเอง สินสอดทั้งหมดนี่ พราวขอคืนคุณลุงกับคุณป้า และพราวจะขอตัวกลับกรุงเทพฯเลย ไม่ต้องห่วงพราวนะคะ ไม่มีใครรู้ว่าพราวต้องเข้าพิธีแต่งงานแทนพี่สาว พราวก็กลับไปทำงานตามปกติ ลานะคะทุกคน”
พราวรัมภาก้มลงกราบที่เท้าของพ่อและแม่ รวมถึงนายมานพและนางพรนภา หญิงสาวลุกขึ้นยกมือไหว้ชายหนุ่ม ก่อนที่จะรีบคว้ากระเป๋าเสื้อผ้า ลงบ้านไปอย่างรวดเร็ว ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลยด้วยซ้ำ
“มินทดา ทำยังไงดีลูก น้องไปแล้ว” นางพรนภาหน้าตาตื่นมือยังหิ้วห่อผ้าสองห่อไว้
“ไม่เป็นไรครับทุกคนไม่ต้องห่วง ผมคิดว่าคุยกับน้องได้ เดี๋ยวผมแจ้งข่าวนะครับ”
“พ่อมินทดา น้าฝากด้วยนะลูก” นางพจนีย์หน้าตาตื่น
ชายหนุ่มเดินเร็วออกข้างหลังบ้าน เขาคิดว่าพราวออกทางด้านหลังนี่ ด้านหน้าบ้านคนเยอะ ดีที่เขาขับรถมาเองภาพผู้หญิงข้างหน้าที่พยายามโบกรถ ซึ่งแทบไม่มีคันไหนจอดรับ ต่างจังหวัดแบบนี้จะมีแท็กซี่ได้ยังไงกัน
“พราวรัมภา ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวผมไปส่งเราจะกลับกรุงเทพฯพร้อมกัน ไว้ใจผมเถอะ เราต่างก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกัน”
ในที่สุดหญิงสาวก็ขึ้นมานั่งอยู่บนรถของเขา รถคันที่จิ้มท้ายรถของเธอ เอาจริงๆ เขาก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร ช่วงเวลาที่อยู่ในพิธีแต่งงาน ตั้งแต่เช้าเขาพยายามเตือนสติเธอตลอดเวลา
“ทำใจให้สบายนะคุณ คิดว่าฝันไปล่ะกัน “
“ฝันแบบนี้ฉันไม่ชอบเลยค่ะ มันน่ากลัวชะมัด”
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณที่คอนโดล่ะกันนะ”
“คุณรู้ได้ยังไงคะวันฉันอยู่คอนโดไหน”
“ผมเดาเอา เคยได้ยินพ่อกับแม่คุณ คุยกันว่าคุณกับพี่สาวพักที่คอนโด”
“อ่อ....ค่ะ”
“คุณคิดว่าพ่อกับแม่เราจะเลิกติดตามถามข่าวพวกเราไหม”
“ฉันคิดว่าพ่อกับแม่ต้องตามมาดูเราสองคนแน่ๆ ค่ะ ปากท่านก็พูดว่าจะปล่อย ไม่ยุ่ง แต่ฉันรู้นิสัยพ่อกับแม่ดี แม่ต้องตามมาที่คอนโดแน่นอน แล้วต้องมาจัดการเรื่องฉันกับคุณ ท่านก็คงคิดว่าไหนๆ ก็แต่งกันแล้ว ก็อยู่ด้วยกันซะเดี๋ยวก็รักกันเอง เหมือนสมัยโบราณไงคะ แต่ฉันไม่ยอมหรอกนะ ยอมแค่วันนี้แหละ ต่อไปชีวิตเป็นของฉัน "
“คุณคิดว่าพ่อกับแม่คุณจะตามพี่สาวคุณไหม”
“ไม่แน่ใจค่ะ พี่พลอยปล่อยให้ท้องแล้ว จดทะเบียนกับพี่กริชแล้วด้วย ซึ่งเป็นอะไรที่พ่อกับแม่รับไม่ได้แน่นอน”
“พี่เขยคุยเขายากจนหรือไง คุณน้าทั้งสองถึงไม่ชอบ”
“พี่กริชรวยมาก พร้อมทุกอย่าง พร้อมที่จะมาสู่ขอ พี่พลอยพยายามพูดแล้วหลายครั้ง พ่อกับแม่ก็ไม่ยอม จะให้พี่พลอยแต่งกับคุณให้ได้ สัญญาบ้าบอ ทำเอาครอบครัวไม่มีความสุข ฉันไม่เข้าใจเลยนะคะว่าทำไม ทั้งคุณลุงคุณป้าพ่อกับแม่ของฉัน ถึงได้เชื่อว่าถ้าคุณกับพี่พลอยได้แต่งงานกันแล้ว จะอยู่กันยืนยาว เป็นคู่บุญหนุนนำกัน แล้วเป็นไงกลายเป็นฉันที่ต้องมารับหน้าแทน ขนาดฉันรับหน้าแทนพ่อกับแม่ยังไม่ใส่ใจฉันเลย คุณก็เห็นฉันรู้ว่าคุณก็รู้” ระหว่างที่พูดพราวรัมภายังคงสะอื้นเป็นระยะ น้อยใจพ่อกับแม่ และยังมาน้อยใจพี่สาวอีกคน ไม่มีใครรักและหวังดีกับเธอจริงๆ เลยสักคน อยู่คนเดียวน่ะดีแล้วพราวรัมภา
“แล้วต่อไปคุณจะอยู่ยังไง”
“ฉันก็ใช้ชีวิตปกติ แต่อาจจะต้องย้ายคอนโด เพราะฉันมีลางสังหรณ์ว่า พ่อกับแม่ต้องมาวุ่นวายกับชีวิตฉันแน่ๆ ฉันไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น อยากอยู่เงียบๆ”
“คุณไม่ติดใจอะไรใช่ไหมคะ คุณเป็นผู้ชายไม่เสียหายหรอก แต่ไม่ต้องห่วงฉันนะคะ ฉันอยู่ได้ถ้าหากว่ารูปแต่งงานมันกระจายออกไปหรือมีคนที่รู้จักพบเห็น ฉันก็ไม่แคร์หรอก”
“ผมไม่ติดใจอะไร ที่ทำเพราะตามใจพ่อกับแม่เหมือนกัน แต่ผมคิดนะว่า พวกเขาคงรู้สึกผิดเหมือนกัน ไม่ต้องห่วงนะว่าผมจะตามตอแย คุณมีแฟนที่ต้องอธิบายเรื่องราววันนี้ให้เขาฟังไหม ให้ผมช่วยอธิบายให้เขาเข้าใจได้นะ”
“ไม่จำเป็นต้องอธิบายให้ใครฟัง ฉันอยากอยู่คนเดียวเงียบๆ มากกว่า”
“คุณไม่โกรธฉันหรือพี่พลอยนะคะ เอาจริงๆ ฉันโกรธพี่พลอยมากกว่าพ่อกับแม่ ที่พี่พลอยไม่ยอมบอกแผนการหนีกับฉันเลย พี่พลอยบอกรักและเป็นห่วงฉันเสมอ แต่เหมือนพี่พลอยวางแผนให้ฉันต้องแต่งงานแทน”
“เพราะอะไรทำไมคุณคิดแบบนั้น”
“การ์ดงานแต่งไม่มี ป้ายหน้างานไม่มี ไม่ให้บอกคนอื่นนอกจากญาติสนิท ไม่พยายามที่จะตามหาคุณแบบจริงจัง อ้างว่างานยุ่ง แบบนี้จะให้ฉันคิดยังไงคะ ถ้าไม่ใช่เป็นแผนของพี่พลอย ที่ต้องการให้ฉันได้รับหน้าที่เจ้าสาวแทน” พราวรัมภาร้องไห้ออกมาอีกครั้งอย่างอัดอั้น วันนี้เธอถือว่าได้ตอบแทนบุญคุณของพ่อกับแม่แล้ว ต่อไปชีวิตเป็นของเธอ
หกโมงเช้าที่คอนโดของพราวรัมภา หญิงสาวตื่นสาย ปกติเธอจะต้องตื่นตีห้า หรือไม่ก็ตีห้าครึ่ง แต่เพราะเมื่อวานเป็นวันที่เธอรู้สึกว่าเหนื่อยที่สุดในโลก เมื่อคืนหลังจากเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าเรียบร้อย เธอเห็นมินทดาหลับเธอไม่อยากปลุก เขาเองก็ไม่เหนื่อยไม่น้อยไปกว่าเธอ เลยยอมให้เขานอนพักด้านนอกแบ่งผ้าห่มไปให้ ส่วนตัวเองก็นอนหลับสนิทตื่นเช้าทีเดียว รู้สึกสมองปลอดโปร่งโล่งกว่าเมื่อวานนิดหน่อย รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ออกมาข้างนอก มินทดาตื่นแล้ว เธอไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นคนแปลกหน้า รู้สึกคุ้นเคยกับเขามากกว่า อาจเป็นเพราะว่าเธอกับเขาพบกันก่อนที่จะมีงานแต่งงานเกิดขึ้นก็เป็นได้“สวัสดีค่ะ คุณเป็นยังไงบ้างคะ ตื่นนานหรือยัง เมื่อคืนฉันเห็นคุณหลับสนิทเลยไม่อยากปลุก”“ครับตื่นเมื่อสักครู่ ขอบคุณมากที่ไม่ปลุก แถมยังใจดีแบ่งผ้าห่มมาให้อีก”“เดี๋ยวฉันทำอาหารเช้าให้กินนะคะ แล้วค่อยขนของ ฉันยังต้องเก็บพวกอาหารสดใส่กล่องอีกนิดหน่อย รอสักครู่นะคะ หรือคุณจะกลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”“ขอกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนละกันครับ แล้วเดี๋
ระหว่างทางที่ทั้งสองคนเข้ากรุงเทพฯ มินทดาขับรถอย่างระมัดระวัง ฝนตกหนัก เขาไปส่งเจ้าสาวของเขาที่คอนโดของเธอ เหมือนความฝัน เมื่อเช้าเขาเข้าพิธีแต่งงานกับพราวรัมภา เขารู้มาตลอดว่าจะต้องเป็นพราวรัมภามินทดาส่งนักสืบติดตามพลอยไพลิน รู้ว่าเธอจะหนีการแต่งงาน ดีใจที่เป็นพราวรัมภา เอาจริงเขาภาวนาให้พลอยไพลินหนีไปให้ไกลๆ และให้เร็วที่สุด เขาเต็มใจแต่งงาน แต่ก็สงสารเจ้าสาวจำเป็น คงเป็นฝันร้ายของเธอไปอีกนาน เขาจะให้เวลา เสียงคนที่นั่งข้างๆ สะอื้น เห็นความพยายามระงับสติอารมณ์ และกลั้นสะอื้นแล้วก็สงสาร“ไม่น่าเชื่อนะว่าเราอยู่คอนโดเดียวกัน แต่ไม่เคยพบกันซะงั้น”“จริงเหรอคะ คุณก็พักอยู่ที่นี่เหรอ ฉันอยู่มาตั้งแต่เข้ามาเรียนแล้วก็ทำงาน คุณมาซื้อไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เห็นแม่บอกว่าคุณอยู่ต่างประเทศตลอดไม่ใช่เหรอคะ”“ผมซื้อไว้นานแล้วตั้งแต่อยู่เมืองไทย จนครอบครัวอพยพไปอยู่ต่างประเทศ นานๆ ผมกลับมาเมืองไทยก็มาพักที่นี่ ““ไม่น่าเชื่อนะคะ งั้นก็แสดงว่า วันที่คุณชนท้ายฉัน คุณก็กลับมาพักที่นี่เหรอคะ”“ครับ แต่ผ
พราวรัมภาพยายามที่จะไม่ร้องไห้ หญิงสาวกลั้นสะอื้น แต่ก็อดไม่ได้น้ำตาไหลตลอดเวลา โชคดีที่ญาติของมินทดาเป็นช่างแต่งหน้า ไม่ยากเพราะเครื่องหน้าของเจ้าสาวสวยอยู่แล้ว ชุดของพลอยไพลินถึงจะเซ็กซี้ไปปน่อย แต่พราวรัมภาก็ใส่ได้พอดี สองพี่น้องหุ่นเท่าๆ กัน“ทำใจดีๆ หยุดร้องไห้ได้แล้ว ก็แค่แต่งให้เป็นพิธี หลังงานเราก็ต่างคนต่างก็แยกย้าย ผมสัญญา เราไม่ได้จดทะเบียนสมรส ไม่มีการ์ดแต่งงาน ยกเลิกงานฉลองสมรสแค่นี้พอใจไหม” สงสารก็สงสารจากที่เคยหมั่นไส้แต่ตอนนี้หัวใจเขากลับอ่อนไหวเมื่อเห็นน้ำตาของเจ้าสาว ใจเขาเสียไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังทำถูกหรือผิด แต่เขาต้องการให้เป็นแบบนี้“จริงๆ นะคะ เสร็จงานวันนี้แล้วเราก็ต่างคนต่างแยกย้าย คุณสัญญาไหมคะ” พราวรัมภาจับแขนของมินทดาเขย่าเหมือนขอความมั่นใจจากเขา“จริงซิ ผมไม่โกหกหรอก แต่ตอนนี้เราออกไปข้างนอกกันได้แล้ว ทำหน้ายิ้มเข้าไว้อย่าให้ใครจับพิรุธได้”พราวรัมภาถอนหายใจ พยายามกลั้นสะอื้น“พร้อมหรือยัง มาเกาะแขนผมไว้จะได้มั่นใจมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องกลัว แค่ผูกแขนเฉยๆ ไม่นานหรอก คนก็ไม่เยอะ
ในที่สุดวันสำคัญก็มาถึง ไม่มีการ์ดแต่งงานตามที่พลอยไพลินขอร้อง ไม่มีการจดทะเบียนสมรส เชิญเฉพาะญาติที่สนิท แต่งเช้ามีงานเลี้ยงฉลองที่โรงแรมในเมือง เจ้าบ่าวกับเจ้าสาวไม่มีโอกาสพบหน้ากัน เห็นเพียงรูปสมัยเด็กๆ พลอยไพลินพยายามค้นหาอยากพบอยากพูดคุยกับเขา เพื่อที่ว่าสองคนตกลงกันได้ งานแต่งงานจะได้ไม่เกิดขึ้น แต่กลับติดต่อไม่ได้ และเธอไม่ว่างพอที่จะมาตามเรื่องพวกนี้ พลอยไพลินมีแผนในใจอยู่แล้วว่าจะทำยังไง ถ้าพ่อกับแม่ตัดเธอออกจากการเป็นลูกเธอก็จะยอม หลังจากที่ทำอะไรไม่ได้เธอก็ปล่อย ถึงเวลาที่เธอจะต้องเห็นแก่ตัว ชีวิตเป็นของเธอ จะไม่ยอมให้ใครมาบงการเด็ดขาด“แม่คะ เดี๋ยวให้ใครไปส่งพลอยกับพราวออกไปแต่งหน้าหน่อยนะคะ น่าจะกลับมาประมาณสองโมงเช้า ขากลับอย่าลืมให้รถไปรับพลอยกับน้องที่ร้านเสริมสวยนะคะแม่”“ได้ๆ ลูก แม่คุณคนดีของแม่ เสร็จแล้วโทรมาบอกแม่นะลูกจะได้ให้รถไปรับ” นางพจนีย์สาละวนกับเรื่องต่างๆ ขบวนขันหมากเริ่ม 09.30-10.30 พิธีหมั้นและสวมแหวน 10.30-11.30 นางเป็นคนจัดการจองโรงแรมให้กับครอบครัวของว่าที่เจ้าบ่าว ไม่ได้เรียกว่าจองเรียกว่าปิดโรงแรมเลยดีกว่า
หนึ่งเดือนผ่านไปหลังจากที่ที่พราวรัมภาและพลอยไพลินกลับไปเยี่ยมบ้าน ทั้งสองสาวกลับไปทำงานปกติ หลังจากนั้นเธอกับพี่สาวก็ไม่ได้กลับบ้านอีกเลย พลอยไพลินย้ายไปอยู่กับกริชชัยที่คอนโดใช้ชีวิตร่วมกันพราวรัมภาไม่ได้รับข้อมูลหรือรายละเอียดจากผู้ชายคู่กรณีของเธอเลย เขาแอดไลน์มา แต่ไม่ส่งรายละเอียดเรื่องค่าใช้จ่ายมาให้ เธอคิดเอาเองว่า เขาคงนำรถเข้าศูนย์เอง รถเขาไม่ได้เสียหายอะไรมาก เลยตัดสินใจเปลี่ยนไอดีไลน์ใหม่เรื่องที่ทำให้ทั้งเธอและพี่สาวแปลกใจอีกเรื่องคือ ทำไมพ่อกับแม่เงียบมาก กับเรื่องของพี่พลอย ปกติจะโทรหาเธอหรือไม่ก็โทรหาพี่สาว แอบดีใจว่า พ่อกับแม่คงล้มเลิกความคิดแล้ว ดีเหมือนกัน เธอเองก็ไม่อยากให้ทุกฝ่ายเสียหายหรือเสียงชื่อเสียง บ้านเธอเป็นสังคมชนบท มีเรื่องมีราวไม่งามคนก็จะเล่าลือไปทั่ว ทำให้พ่อแม่รวมถึงญาติพี่น้องอับอายได้ ซึ่งพ่อกับแม่ของพวกเธอไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่นอนวันนี้เป็นวันศุกร์ เป็นวันสุดท้ายของสัปดาห์ พราวรัมเร่งงานไม่อยากให้งานค้างไปถึงวันจันทร์ เธอตั้งใจเลิกงานสักประมาณสามทุ่มรอให้ถนนว่าง ตั้งใจแวะซื้อของใช้และอาหารสดที่ห้างนิดหน่อย แล้วกลับคอนโดเ
พราวรัมภาตื่นมาด้วยอาการที่ยังปวดหัว เธอนอนคนเดียวที่ห้อง ส่วนพลอยไพลินอยู่ห้องเดียวกับพี่กริช หญิงสาวไม่แปลกใจนัก เธอพอที่จะรู้มาสักระยะแล้ว พี่พลอยไม่ค่อยอยู่คอนโด ส่วนมากจะพักที่โรงแรมที่ทำงาน เพราะเป็นระดับผู้บริหารจะมีห้องพักให้ หรือไม่พี่พลอยก็ไปอยู่บ้านของพี่กริช เธอไม่ยุ่งมองว่าเป็นเรื่องส่วนตัว กริชชัยเป็นผู้ใหญ่แล้วอายุ 33ปี พี่พลอย 27 เธอรู้ว่าพี่กริชพยายามจะไปพบพ่อกับแม่เธอเพื่อทำการสู่ขอ แต่พี่สาวของเธอเองที่ไม่อยากให้ไปหญิงสาวรีบลุก อาบน้ำอุ่นแต่งตัวเรียบร้อยแล้วลากกระเป๋าลงไปรอพี่สาวข้างล่าง แวะกินอาหารเช้าเพราะเธอต้องกินยา ไม่นานพลอยไพลินก็ลงมาพร้อมกับกริชชัย“เป็นยังไงพราว นอนหลับไหมดีขึ้นหรือเปล่า”“ดีขึ้นแล้วค่ะพี่พลอย ไม่ต้องห่วงนะคะ”พราวไม่อยากให้พี่สาวห่วง ทั้งที่ยังมีอาการไข้แต่ก็ต้องบอกว่าไม่เป็นไร หลังกินข้าวเช้าเสร็จกริชชัยและพลอยไปส่งหญิงสาวที่สนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ“เดินทางปลอดภัยนะพราว พี่จะอยู่ช่วยงานพี่กริชอีกสักสองอาทิตย์แล้วจะตามไป”“ค่ะพี่พลอย พราวไปก่อนนะ







