LOGINเปี่ยมรักดึงใบหน้ากลับ แอบกรอกตาแล้วเค้นเสียงในลำคอเบาๆ
เขาและเธออยู่ในสถานะสามีภรรยา แต่ต้องมารอลุ้นว่าใครจะเป็นฝ่ายรู้สึกหรือรักก่อนเนี่ยนะ! หากคนอื่นมองเข้ามาเขาจะลงความเห็นในเรื่องนี้ว่ายังไงกัน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นั่นมันก็ไม่ใช่ประเด็นที่สำคัญอะไรมากมาย สุดท้ายการทำให้ผัวที่ถูกต้องตามกฎหมายรักเมียหลงเมีย มันก็เป็นสิ่งที่เมียอย่างเธอควรทำ รถยนต์ยี่ห้อดังสีดำวาบวับเลื่อนเข้ามาจอดที่หน้าบริษัทขนาดใหญ่ ตึกหลายสิบชั้นย้ำชัดว่าเขาเป็นผู้บริหารในระดับที่โก้แค่ไหน โคตรรวย ความหล่อก็ไม่แพ้ใคร ท่องไว้เถอะรัก ใครๆ เขาก็ว่าเธอโชคดี "ฉันขอเวลาเคลียร์งานสักสองชั่วโมง เสร็จจากนั้นเธออยากไปไหนก็คิดไว้ละกัน" "รักอยากกลับบ้านค่ะ" ใบหน้าหล่อเหลาของคนที่กำลังดับเครื่องยนต์หันกลับมามอง ส่งผลให้คนตัวเล็กที่กำลังรั้งสายกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องบ่ารีบอธิบายออกมา "พอดีว่ารักลืมของน่ะค่ะ อยากกลับไปเอา อยากซื้อของไปฝากพ่อกับแม่ด้วย" "ไม่อยากไปเที่ยวเหมือนคนอื่นบ้าง?" "ก่อนหน้านี้ก็เที่ยวมาจนทั่วแล้วค่ะ" "อ้อ ลืมไป เมื่อก่อนเธอมีเวลาว่างมากนี่" คิ้วสวยขมวดเป็นปม เป็นจังหวะที่คนตัวโตก้าวขาลงจากรถไป "นี่กำลังว่าเราอยู่ปะวะ" คนตัวเล็กมุ่ยหน้าอย่างงุนงง จากนั้นก็รีบตามลงจากรถอย่างรวดเร็ว "เมื่อก่อนรักก็ทำงานนะคะ" "งานที่ทำแค่ไม่กี่เดือนและยังไม่มีประสบการณ์มากพอไม่ควรเอามาอวดนะ" มือหนาจัดการล็อกรถยนต์ด้วยรีโมท เป็นจังหวะที่คนตัวเล็กก้าวขาไปหยุดตรงหน้า "เฮียรู้เหรอคะว่ารักเคยทำงานอะไร และทำมากี่เดือน" คนถูกถามทำทีเป็นเมินออกไปอีกทาง สองมือล้วงกระเป๋า ท่าทีเมินเฉยของเขามันทำให้เธอไม่ค่อยพอใจ "แม่รักเล่าให้ฟังสินะคะ ถ้าอย่างนั้นรักจะบอกให้นะคะ ประสบการณ์ในการทำงานรักพอมีค่ะ และเหตุผลที่ต้องลาออกมันก็เป็นเพราะว่าคุณแม่ขอให้รักมาแต่งงาน" "ไม่อยากลาออกจากที่นั่นเลยว่างั้น?" "ใช่ค่ะ รักไม่ได้อยากลาออกเลยสักนิด เพราะที่นั่น..." "เสียใจด้วยก็แล้วกันนะที่เป็นต้นเหตุให้เธอต้องลาออกจากงานที่เธอชอบ เสียใจด้วยกับความผิดหวังในใจของเธอ" เปี่ยมรักนิ่วหน้าอย่างไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มเล็กๆ บนมุมปากของอีกฝ่ายเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจ "หมายความว่าไงคะ" "ก็หมายความว่าฉันเสียใจด้วย ที่เป็นต้นเหตุ ทำให้เธอต้องลาออกจากที่นั่น และการลาออกจากที่นั่น มันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอเสียใจไม่ใช่เหรอ" "ก็ใช่ค่ะ รักเสียใจ" รอยยิ้มเย้ยหยันผุดบนมุมปากหนา ถึงอย่างนั้นดวงตาคมกริบก็แอบหลุดความไม่พอใจออกมา "ชักอยากจะรู้แล้วสิว่าที่นั่นมันมีอะไรดี" "มันก็มีดีทุกอย่างนั่นแหละค่ะ มีเงินเดือน มีหนังสือดีๆ ให้อ่านเพียบ เวลาที่ทำงาน มองไปทิศทางไหนก็ได้เจอแต่สิ่งที่ตัวเองชอบ มันก็ดีไม่ใช่เหรอคะ" "ช่างเถอะ ไม่ว่าจะเพราะเหตุผลที่ว่าเงินเดือนดี มีหนังสือฟรีให้อ่านหรือว่ามีเจ้านายใจดีมาก นั่นมันก็เป็นเพียงแค่อดีตเท่านั้น ปัจจุบันเธอแต่งงานและเป็นภรรยาของฉัน เวลาอยู่ด้วยกันก็ควรทำหน้าให้มันดีๆ อย่ามานั่งเหม่อเพราะคิดถึงอดีตก็แล้วกัน" เปี่ยมรักนิ่วหน้า ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเธอทำแบบที่เขาพูดตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่กล้าพูดว่าเสียใจที่ได้ออกจากงานเดิม เพราะงานที่เธอทำก่อนหน้านี้มันเป็นงานที่เธอรัก เปี่ยมรักเคยเป็นบรรณารักษ์ที่ห้องสมุดแห่งหนึ่ง ซึ่งเจ้าของห้องสมุดแห่งนั้นเป็นนักเขียนในดวงใจที่เธอติดตามผลงานของเขามาโดยตลอด ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยพบหน้าเขาด้วยซ้ำ และเหมือนว่าครั้งหนึ่งเธอจะโชคดีมาก สำนักพิมพ์แห่งหนึ่งที่เธอชื่นชอบและสนับสนุนหนังสืออยู่บ่อยๆ มีการแจ้งและประชาสัมพันธ์สำหรับงานหนังสือ ข่าวดีคือเธอมีโอกาสได้ขอลายเซ็นนักเขียนในดวงใจ เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมาย เจ้าของนามปากกาสุดเก๋ที่รู้ตั้งแต่ต้นว่าคำนำหน้าคือนาย เขาเป็นผู้ชายแท้ ตัวเป็นชาย ใจเป็นชาย และเขียนนิยายรักโรแมนติกได้โคตรดี ที่สำคัญวันแรกและครั้งแรกที่พบหน้า เขาหล่อราวกับพระเอกนิยายที่เขาบรรยายในคาแรคเตอร์ของพระเอกของนิยายตัวเอง ได้มารู้หลังจากนั้นว่านักเขียนที่เธอติดตามเปิดห้องสมุดเพื่อให้เช่า หนอนหนังสืออย่างเธอที่รักการอ่านเป็นชีวิตจิตใจ สุดท้ายกลับถูกชักชวนให้เข้าไปเป็นบรรณารักษ์ ความชอบส่วนตัวทำให้เธอตกปากรับคำ และได้มารู้ในภายหลังว่ารายได้จากงานที่ทำสามารถเลี้ยงเธอได้มากกว่าที่คิดเลย "เดินเร็วๆ อย่าชักช้า" ใบหน้าหล่อเหลาที่ตวัดกลับมาหาส่งผลให้คนตัวเล็กสาวเท้าเร็วๆ สังเกตเห็นว่าตอนอยู่ต่อหน้าคนอื่น บุคลิกของเขากลายเป็นคนที่สุขุม ถึงอย่างนั้นก็ออกหยิ่ง แม้แต่ตอนที่มีคนยกมือไหว้เขายังตีหน้านิ่งกลับไป "สวัสดีค่ะบอส วันนี้รับ..." เสียงสดใสเมื่อสักครู่ขาดหาย ในตอนที่เลขาสาวอย่าง ทอฝัน ประสานสายตากับดวงตากลมโตของคนที่ก้าวเข้ามาตามหลังผู้ที่เป็นเจ้านายของเธอ ใบหน้างดงาม เรือนร่างขาวผ่องสมส่วน ออร่าของเจ้าสาวหมาดๆ ยังมีให้เห็น และการที่เธอถูกเรียกตัวไปใช้ในตอนงานแต่งงาน ทอฝันจำต้องรีบยกมือไหว้หญิงสาวผู้ที่เป็นภรรยาของเจ้านาย "คุณรัก สวัสดีค่ะ ทอฝันนะคะ เรียกฝันเฉยๆ ก็ได้ค่ะ ฝันเป็นเลขาของคุณภูมิ" "อ๋อ รักจำได้ค่ะ ตอนงานแต่งเห็นช่วยงานหลายอย่างเลย" เจ้าสาวหมาดๆ ยิ้มกลับไปอย่างเป็นมิตร ขณะที่อีกฝ่ายเพียงแต่ยิ้มแห้งๆ กลับมา "อยากได้อะไรก็บอกทอฝัน เข้าไปรอในห้อง ขอทำธุระแป๊บเดี๋ยวตามเข้าไป" "อ๋อได้ค่ะ" เปี่ยมรักตอบรับสามีด้วยรอยยิ้ม "ดูแลด้วย" เขาหันไปสั่งเลขาก่อนจะเดินเลี่ยงออกไปอีกทาง กลิ่นน้ำหอมที่ฟุ้งกระจายจากสูทหรูราคาแพงผสานกับกลิ่นโคโลญจน์บนเรือนร่างสมส่วนส่งผลให้หัวใจของผู้ที่จงรักภักดีกระตุกวูบ สายตาคมที่เหลือบมองผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าภรรยาตอนจะก้าวขาออกไป เลขาสาวมีความรู้สึกว่าเจ้านายของเธอไม่ได้เสียใจกับการแต่งงานที่เกิดขึ้นกระทันหันเพราะผู้ใหญ่ต้องการเลย หลังจากที่ภูมิรพีเคลียร์งานที่บริษัทโดยใช้เวลาราวๆ สองชั่วโมงแบบที่บอกก่อนหน้า เขาก็ยอมพาเธอไปที่บ้านของเธอแบบที่เธอร้องขอ อาหารดีๆ หลายอย่างที่เปี่ยมรักซื้อติดไม้ติดมือกลับ และราคาของอาหารมันก็ทำให้เธอนิ่งเฉยไม่ได้จริงๆ "ขอบคุณมากนะคะที่ออกค่าอาหารให้" "ดูเธอดีใจมากนะที่ได้กลับบ้าน" "ค่ะ รักอยากกลับไปเอาของด้วยค่ะ" "ของชิ้นนั้นคงสำคัญมากสินะ" เจ้าของคำพูดเพียงแต่ปรายตามอง และรอยยิ้มบนมุมปากบางมันทำให้เขาสนใจ "หนังสือน่ะค่ะ รักจะกลับไปเอาหนังสือ พอดีอ่านมาได้ครึ่งเรื่องแล้ว อยากอ่านต่อให้จบ" "ชอบอ่านหนังสือมาก?" "อ่านทุกวันค่ะ อ้อ ลืมเล่าให้ฟัง เจ้าของห้องสมุดที่รักเคยเป็นบรรณารักษ์ เขาคือผู้เขียนหนังสือที่รักชอบอ่านด้วยนะคะ" เปี่ยมรักยิ้มกว้าง ในความคิดเธอ พอเจอหนังสือเล่มโปรด ซ้ำยังมาพบว่าผู้เขียนหล่อมาก มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นชะมัดเลย "พูดถึงผู้ชายแล้วอมยิ้ม ไม่คิดว่าตัวเองกำลังปลื้มสามีชาวบ้าน?" "ไม่เป็นแบบนั้นเลยค่ะ นักเขียนคนนั้นที่เป็นเจ้านายเก่าของรักเขายังโสด โสดสนิทมาก ใจดีมากด้วยนะคะ" ภูมิรพีปรายตามองพลางดันลิ้นเข้าหากระพุ้งแก้ม ไม่นานก็ส่งเสียงผ่านลำคอซ้ำยังแอบหลุดสีหน้าที่ไม่พอใจออกมาโดยไม่รู้ตัว -------"รักว่าเราลงไปข้างล่างดีกว่านะคะ อยู่ตรงนี้นานๆ เดี๋ยวพ่อกับแม่สงสัยเอา" แก้มนวลร้อนผ่าว การกระทำของคนตัวเล็กทำหนุ่มหล่อระบายรอยยิ้มให้หลุดออกมาในรูปแบบเดียวกันภูมิรพีกวาดสายตามองทุกอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะอาหาร หลายสิ่งหลายอย่างเป็นเมนูที่เขาชอบทาน อีกหลายอย่างก็เป็นเมนูที่เขาไม่เคยทานเลยเช่นเดียวกัน"มาลูกมา อาหารพร้อมแล้ว""พ่อเพิ่มพัดลมให้อีกตัวนะลูก รับรองว่าไม่ร้อน" นรินทร์ยกพัดลมหน้ากว้างเข้ามาแล้วรีบทำการเสียบปลั๊ก เห็นชัดว่าทุกคนในบ้านเอาอกเอาใจเขาเป็นอย่างดี"สปริงเกอร์ล่ะพ่อ ถ้าเปิดสปริงเกอร์บนหลังคามันจะทำให้บ้านเราเย็นขึ้นนะ""แล้วจะยืนบอกพ่อทำไมล่ะยัยรส ไปสิ รีบไปเปิดเร็วๆ เลย พี่ๆ เขาร้อนเอ็งนี่มัน""ไปแล้วๆ โอ๊ยบ่นจัง" ปัณรสรีบหมุนตัวออกไปนอกบ้าน ทุกการกระทำเรียกรอยยิ้มจากหนึ่งในสมาชิกครอบครัวที่เคยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดยิ้มกว้างออกมา"พอกลับมาบ้านแล้วรักไม่อยากกลับไปที่อื่นอีกเลยค่ะ คิดถึงเหตุการณ์เก่าๆ จัง" "เรานี่ยังไง ไม่คิดว่าคนข้างๆ จะน้อยใจเลยเหรอ" ดารินมองลูกเขยอย่างเกรงใจ พลอยทำให้คนกลางอย่างเปี่ยมรักมองตาม"รักแค่คิดถึงวันเก่าๆ" "ผมเข้าใจครับ เอาเป็นว่าเฮียจ
บ้านดานุกุลดารินพร้อมทั้งสามีซึ่งเป็นประมุขของบ้านอย่างนรินทร์เปิดบ้านต้อนรับบุตรสาวที่วันนี้เข้าบ้านมาพร้อมกับหนุ่มหล่อข้างกายซึ่งมีสถานะเป็นลูกเขยของแม่กับพ่อภูมิรพียกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง ไม่ลืมที่จะส่งต่อของฝากให้กับพวกท่านซึ่งของเหล่านั้นไม่ได้มีเฉพาะของชายหนุ่มและภรรยาที่ตั้งใจซื้อมา แต่พ่อกับแม่ของเขาเองพอทราบข่าวว่าเขาจะไปเยี่ยมบ้านของภรรยา ผู้เป็นแม่ก็จัดสรรของฝากจนเต็มไม้เต็มมือ"ไหว้พระนะลูกนะ ยัยรสบอกแม่ว่ารักกับคุณภูมิจะมา วันนี้พ่อกับแม่เตรียมอาหารไว้เยอะแยะเลยนะลูก" "นั่นไง รักว่าแล้วว่าแม่ต้องเตรียมอาหารไว้รอ เฮียก็ซื้อของมาซะเยอะเลย" เปี่ยมรักหันกลับไปมองคนที่เข้าบ้านมาพร้อมกัน พบเพียงรอยยิ้มจางๆ ที่ชายหนุ่มส่งกลับมา"วันนี้เราทานข้าวกันที่บ้านนะคะ แม่รักทำอาหารอร่อยค่ะ อร่อยกว่ารักทำด้วย" "ได้สิ ไม่มีปัญหา กระเป๋าให้เฮียเอาไปเก็บที่ไหน" สรรพนามที่ภูมิรพีใช้ระหว่างคุยกับภรรยา ดารินและนรินทร์มองหน้ากันทันที"เห็นลูกๆ สนิทกันแบบนี้พ่อกับแม่ดีใจมากเลยนะ" นรินทร์สังเกตเห็นว่า สีหน้าของบุตรสาวดูสดใสมากเป็นพิเศษ คนเป็นพ่อที่พูดน้อยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เน้นการสังเกตเป็นส
"เฮียพูดคำว่ารัก เพราะว่ารักกำลังอุ้มท้องลูกของเฮียอยู่รึเปล่าคะ" คงจะเป็นฮอร์โมนของคนที่กำลังตั้งครรภ์ส่งผลให้เปี่ยมรักร้องถาม ดวงตากลมสวยกลอกกลิ้งไปตามกรอบหน้าหล่อเหลาลงตัวทุกจุดของผู้เป็นสามี ปากอิ่มเม้มเข้าหากันน้อยๆ เปี่ยมรักไม่ชอบการเก็บทุกอย่างเอามาคิดมาก ถามแบบตรงไปตรงมามันคงเป็นอะไรที่ง่ายมากกว่าการเก็บทุกอย่างไว้เอง"สำหรับเฮีย ลูกคือตัวแทนของความรักนะ เพราะรักจึงอยากมี" "ทั้งที่ก่อนหน้านี้เราต่างก็รู้ดีน่ะเหรอคะว่าเราแต่งงานกันเพราะอะไร" ใจคนตั้งประเด็นแทบหยุดเต้น เปี่ยมรักกำลังเก็บความรู้สึกของตัวเองไม่มิด เกิดอยากเคลียร์ในเรื่องที่ทำให้รู้สึกแย่และรู้สึกผิดมาโดยตลอดในเมื่อทุกอย่างมันกำลังดีและไปได้สวย บางเรื่องที่ยังค้างคาก็ควรคลี่คลายออกให้กระจ่าง ท้ายที่สุดเหล่าปัญหาจะได้ไม่ต้องตามมาทีหลัง"ถ้าเฮียเคลียร์ในเรื่องนี้ได้ ตัวเธอล่ะจะเคลียร์เรื่องนี้ได้รึเปล่า" ใจคนฟังกระตุกวูบ เปี่ยมรักโน้มตัวเข้าไปแนบชิด ท่อนแขนเรียวเกี่ยวลำคอหนาเข้ามากอดอย่างออดอ้อน เลยเป็นตัวเธอที่พูดไม่ออกทั้งที่เป็นฝ่ายสร้างประเด็นเองแท้ๆ"หึ..." ภูมิรพีหลุดเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ พลางยกมือขึ้นมาลูบ
คำบอกรักจากหนุ่มหล่อทำใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาคู่สวยกระพริบถี่ จำได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเป็นคนพูดทุกอย่างขึ้นมาเอง เรื่องท้าทายที่ว่าระหว่างเธอและเขา ใครจะเป็นฝ่ายรู้สึกก่อนกันทั้งที่เปี่ยมรักกลัวแทบตาย กลัวว่าการหวั่นไหวที่มันก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วมันจะทำให้เธอเป็นเพียงฝ่ายเดียวที่รู้สึก ไม่นึกไม่ฝันว่าท้ายที่สุดเขาจะเป็นฝ่ายเฉลยมันออกมาด้วยตัวเอง"เมื่อกี้บอกรักงั้นเหรอคะ" "อืม ฉันรักเธอนะ มันนานมากจนเธอตั้งรับไม่ทันแน่ๆ""ชะ ช่วยเล่าหน่อยสิคะ" เปี่ยมรักเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น คนตัวโตกดเข่าแทรกเข้ามาที่กลางหว่างขา สัมผัสได้ว่า ความใหญ่โตเกินมาตรฐานสัมผัสกับความนุ่มของผิวเนียน"มันยาวนะ แน่ใจเหรอว่าอยากฟัง""รักอยากฟัง อ๊ะ..." ร่างบางถูกยกด้วยสองมือเพื่อให้ผละจากการคร่อมทับร่างหนา คนตัวโตขยับตัวเพียงนิดตามด้วยการรั้งร่างบางเข้ามาประกบชิดและดันแผ่นหลังบางให้เอนหลังไปกับโซฟาแทน"อื้ออ! ทะ ทำอะไรคะ" เปี่ยมรักเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น หัวใจเริ่มเต้นแรงเมื่อใบหน้าคมคายฝังเข้ากับหน้าท้องแบนราบตามด้วยมือหนาที่ลูบไล้เคล้นคลึงเข้ากับใจกลางความเป็นสาว"อ๊าส์
"ถ้าขั้นนั้นภูก็คงต้องขอคารวะศิษย์พี่แล้วล่ะ อยากคลั่งรักแบบเฮียภูมิบ้างว่ะ ว่าแต่ชาตินี้ภูจะได้เจอรักแท้รึเปล่านะ ก็คงไม่อ่ะ ฟ้าคงส่งภูมาเพื่อเป็นนักล่าเพียงอย่างเดียว" "เดี๋ยวมึงก็รู้ไอ้เสือน้อย นักล่าใช่ปะ อย่าหลงรักเหยื่อเนื้อหวานๆ ขึ้นมาซะล่ะ พอถึงวันนั้นทุกเหตุการณ์ที่มึงแซวกูคงผุดขึ้นมาเป็นระนาว""อ้าว นี่เฮียคาดโทษน้องนี่หว่า ไรวะ ภูยังจำได้อยู่นะ แม่บอกให้รักกันใช่ไหมครับเฮียภพ" หนุ่มน้อยรีบหาพวก ท่าทางลนลานพลอยทำให้บุตรคนกลางของอัศวราชระบายรอยยิ้มออกมา"ผมดีใจกับเฮียด้วยนะ ผมว่าผลตอบแทนของความซื่อสัตย์และรักเดียวใจเดียวมันกำลังจะส่งผลในอีกระดับแล้วล่ะ" "หมายความว่าไงวะ" ภูมิรพีเหลือบมองเสี้ยวใบหน้าของน้องคนกลาง แต่ก็พบเพียงรอยยิ้มจางๆ ที่ผุดออกมา"เห็นตอนที่รักกอดเฮีย ผมว่าอ้อมกอดนั้นมันมีความหมายนะ คนอยู่ตั้งเยอะแยะ คนที่จะเข้าไปห้ามเฮียควรเป็นใครก็ได้ ผม ไอ้ภู หรือจะเป็นคุณแม่ แต่เธอกลับเลือกที่จะหยุดเฮียด้วยตัวเอง การหยุดมันมีหลายรูปแบบ แต่เมียเฮียเลือกหยุดด้วยการสวมกอด หมายความว่า เมียเฮียไม่ได้หยุดเฮียเพื่อปกป้องผู้หญิงคนนั้น แต่เธอหยุดเฮียเพื่อปกป้องเฮีย""อันนี้จริง
น้ำตาแห่งความพ่ายแพ้หลั่งไหลออกมาไม่ขาดสาย นัยน์ตาของทอฝันถูกหล่อเลี้ยงไปด้วยหยาดน้ำตาจนทุกอย่างพร่ามัวเหตุผลที่แท้จริงเธอเพียงอยากมีบทบาท การที่บอสหนุ่มไม่เคยมีท่าทีสนใจผู้หญิงคนไหนเลยมันทำให้เธอที่มีโอกาสใกล้ชิดมากกว่าใครมีความหวัง ทั้งทอดสะพาน เอาใจใส่ทุกอย่าง แต่วันนี้ทุกอย่างชัดเจนแล้วว่าทุกสิ่งที่เธอทำไม่มีประโยชน์อะไรเลยเธอไม่ควรประมาทสองหนุ่มนั่นคือภพนิพิฐและภูพิงค์ รู้ดีว่าสองคนนี้ไม่ธรรมดา ส่วนผู้บริหารระดับสูงอย่างเบญญาและภีมพลผู้เป็นสามีก็มีอำนาจมากพอที่จะทำให้ไม่มีองค์กรใดเปิดโอกาสให้เธอได้เริ่มต้นงานใหม่ส่วนเปี่ยมรักผู้หญิงที่ธรรมดามากในสายตาเธอ เห็นแล้วว่าสามีอย่างภูมิรพีที่เป็นแบล็กหลัง พร้อมทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องคนเป็นเมีย บอสหนุ่มไม่เคยล้อเล่นหรือเสียเวลากับใครทั้งนั้น ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่แล้วว่าเธอเดือดร้อนแน่ หากยังไม่หยุดและถอยกลับออกไปยิ่งเห็นทุกคนพร้อมใจฉีกหน้าเธอออกมาแบบนั้น เลขาสาวหมดหนทางที่จะไปต่อ หากเธอไม่ถอยและหายออกไปจากชีวิตของพวกเขา รู้ดีว่าเธอจะไม่เหลืออะไรเลยแม้แต่ที่ให้ยืน"หนูรัก เจ็บมือมากไหมลูก" เบญญาเข้าหาสะใภ้สาวหลังจากเลขาของบุตรชายเดินกุ







