“คุณนนท์หนูไม่ไหวแล้ว” ปุณณิศาร้องขอเธอกำลังจะหมดแรงในขณะที่เขายังคงไม่ยอมหยุดพัก
“อีกครั้งปุณ”
ปุณณิศาไม่คิดมาก่อนเลยว่าการร่วมรักครั้งแรกของเธอจะเกิดความรู้สึกมากมายได้ขนาดนี้ ทั้งสุข ทั้งเสียว ทั้งทรมาน ยิ่งเห็นใบหน้าหล่อชื้นไปด้วยเหงื่อยามที่เขาอยู่ด้านบนตัวเธอแล้วก็ยิ่งทำให้อารมณ์ปรารถนาของเธอพุ่งขึ้นสูงได้อย่างง่ายดาย
“แน่นมาก ฉันไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลยปุณเธอทำให้ฉันแทบคลั่ง”
“คุณนนท์..อื้ม..หนูจะถึงอีกแล้ว...”
“พร้อมกันนะปุณ อื้อ....อ่าห์.....”
เสียงแหบพร่าครางอย่างสุขสม ความรู้สึกที่ช่องทางรักโอบรัดมันทำให้เขาฉีดพ่นลาวารักออกมาอย่างมากมายไม่รู้จบ
ชานนท์รีบถอดเกราะป้องกันออกจากนั้นสวมกอดเธอไว้แน่นอย่างที่ไม่เคยทำแบบนี้กับคู่นอนคนไหนมาก่อน
“ฉันมีความสุขมากปุณณิศา เธอก็มีความสุขเหมือนกันใช่ไหม” เขากระซิบข้างหู แต่อีกคนกลับนอนนิ่ง พอเขาก้มหน้ามองก็เห็นว่าเธอหลับไปแล้ว
“ฉันไม่อยากให้เธอทำแบบนี้กับใครเลยปุณณิศา”
เมื่อได้ครอบครองเธอเป็นคนแรกเขาก็รู้สึกหวงแหนและยอมไม่ได้ถ้าจะให้ใครมาทำแบบนี้กับเธอ เขาไม่เคยติดใจใครแบบนี้มาก่อนในเมื่อเธอสะอาดละไม่เคยผ่านมือชายคนไหน มันก็คุ้มค่าที่เขาจะยอมจ่ายให้เธอมากกว่าที่เธอต้องการ
ชายหนุ่มอาบน้ำล้างคาบเหงื่อไคลแล้วเดินลงไปข้างล่าง เขาอยากคุยเรื่องของเธอกับเมคิน
“หายไปนานเลยนะ แล้วเด็กฉันล่ะ”
“ยังนอนอยู่ เดี๋ยวให้เพื่อนเธอเอาชุดไปให้เธอเปลี่ยนก่อนกลับด้วยนะ”
เมคินเดินไปบอกกัญญาวีร์ให้ขึ้นไปดูเพื่อนบนห้องก่อนจะเดินกลับมาคุยกับเพื่อนอีกครั้ง
“ฉันดีใจที่นายมาวันนี้”
“มันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ เธอเปลี่ยนใจไปทำงานแบบนั้นล่ะ”
“เธอจำเป็นต้องใช้เงิน”
“คนเราก็ต้องจำเป็นต้องใช้เงินกันทั้งนั้น ฉันว่าเป็นข้ออ้างเปลี่ยนงานหรือเปล่า เพราะงานนี้ได้เงินดีกว่าเชียร์แขกเยอะเลยนะ”
“แม่เธอนอนโรงพยาบาลน่ะ ต้องหาเงินมาจ่ายค่ารักษา ฉันให้เธอเบิกเงินเดือนล่วงหน้าไปสองเดือนแล้วแต่มันก็ยังไม่พอ น้องเธอก็ต้องเตรียมตัวไปเรียนต่างประเทศอีก”
เรื่องน้องชายของเธอเขาก็เคยได้ยินเธอคุยกับเพื่อนแต่เรื่องแม่ของเธอเขาเพิ่งเคยได้ยิน
“แน่ใจเหรอว่าที่เธอเล่ามาเป็นเรื่องจริง”
“อือ อาทิตย์ที่แล้วแม่เธอเข้าโรงพยาบาลเพราะรถชนเห็นว่ามีเลือดออกในสมองแต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ค่าใช้จ่ายมันเยอะคู่กรณีก็ช่วยแต่มันก็มีส่วนต่างจากประกัน เธอก็เลยต้องรีบหาเงิน”
“หมายถึงจากนี้เธอจะเป็นเบอร์ตองของที่นี่ตลอดเหรอ” ชานนท์ไยอมไม่ได้แน่ๆ ถ้าหากเธอจะกลับเข้าไปนั่งในตู้เดิมอีก
“ไม่หรอก เธอว่าจะทำแค่ครั้งเดียว ดูมึงสนใจเธอนะ”
“มึงก็รู้ว่ากกูกำลังหาใครสักคนไปหลอกปู่ กูอยากให้เธอรับงานนี้มึงช่วยคุยให้หน่อย”
“ทำไมไม่คุยเองล่ะ”
“กูกลัวเขาไม่เชื่อ ให้มึงลองเกริ่นก่อน แล้วพรุ่งนี้กูจะมาฟังคำตอบ”
ก่อนกลับชานนท์ก็ทิ้งเช็คจำนวนหนึ่งแสนบาทให้กับปุณณิศา เมคินเห็นจำนวนเงินแล้วยิ้ม เขาพอจะเดาออกว่าเพื่อนคนนี้คงมีความสุขไม่น้อยถึงได้จ่ายให้เธอมากกว่าที่ควรจะจ่าย ถ้าปุณณิศารับขอเสนอของชานนท์ก็คงจะดีกับทั้งสองฝ่าย
“ปุณ ปุณ”
“อือ กัญญา”
“เป็นไงบ้าง เขาทำร้ายปุณหรือเปล่าเจ็บมากไหม”
“เจ็บสิ ไม่คิดมาก่อนว่าครั้งแรกมันจะเจ็บแบบนี้”
“ลุกไหวไหม”
“ไหว กัญญาไปทำงานต่อเถอะเดี๋ยวเราเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจะตามลงไป”
“ไหวแน่นะปุณ”
ปุณณิศาพยักหน้า พอเพื่อนเดินออกจากห้องไปแล้วหญิงสาวก็นั่งร้องไห้
“แม่ขา ปุณขอโทษนะคะที่ทำแบบนี้ แต่ปุณไม่มีทางออกแล้วจริงๆ” ใช่ว่าเธอไม่หาทางออกอื่น แต่ก่อนหน้านั้นเธอกับมารดาก็ไปหยิบยืมจากคนในตลาดมาบ้างแล้ว ถ้าไปยืมอีกก็คงไม่มีใครยอมให้
กว่าปุณณิศาจะจะลงมาจากชั้นสามก็เกือบจะถึงเวลาปิดร้าน เธอทั้งเหนื่อยและเจ็บ การก้าวขาแต่ละครั้งนั้นช่างยากลำบากแต่ก็พยายามเดินลงมาจากชั้นสาม
“ปุณ นี่เช็คแขกฝากให้” เมคินส่งเช็คเงินสดให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” ปุณณิศายกมือไว้ก่อนแล้วถามต่อขึ้นหลังจากเห็นตัวเลขที่อยู่บนในเช็ค
“หมดนี่เลยเหรอคะ”
“อือ หมดนั่นแหละ” ปกติแล้วจะต้องหักค่าตัวของเด็กที่ร้าน แต่สำหรับปุณณิศาแล้วเขาอยากจะช่วยเธอจึงไม่คิดจะหักแม้แต่บาทเดียว
“แต่ปุณว่ามันเยอะเกินไปนะคะ”
“ไม่เยอะหรอก แค่นี้คนหน้าแข้งไอ้นนท์มันไม่ล่วงหรอก”
“รับไปเถอะปุณ เงินที่เหลือจากค่ารักษาแม่จะได้เอาไปจ่ายเจ๊น้ำ ขานั้นดอกเบี้ยโหดมาก”กัญญาวีร์ก็เคยไปกู้เงินเจ๊น้ำเลยพอจะรู้ว่าดอกเบี้ยนั้นมันโหดมากแค่ไหน
“ขอบคุณค่ะคุณเมคิน” หญิงสาวยกมือไหว้อีกครั้ง
“จะขอบคุณฉันทำไม คนที่ต้องขอบคุณก็คือไอ้นนท์นะ”
“ปุณฝากขอบคุณเขาด้วยนะคะ”
“ปุณ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วยหน่อย ไม่รีบกลับใช่ไหม”
“งั้นเราไปรอที่รถนะปุณ”
“ไม่ต้องไปหรอกกัญญา ฟังด้วยกันก็ได้ จะได้ช่วยตัดสินใจกับเพื่อนไง” เมคินรู้ว่ากัญญาวีร์มีทักษะการพูดที่ดีและจะโน้มน้าวให้ปุณณิศาให้รับงานได้อย่างแน่นอน
แล้วเมคินก็เล่าเรื่องที่ชานนท์จะจ้างให้เธอเป็นภรรยาหลอกๆ และพาเข้าไปอยู่ที่บ้าน เพื่อให้คุณปู่เลิกจับคู่เขากับผู้หญิงอื่น
“แค่แกล้งเป็นภรรยาใช่ไหมคะคุณเมคิน” คนที่ถามคือกัญญาวีร์
“ก็ประมาณนั้น” เขาไม่รู้ว่าเพื่อนจะจ้างแค่เป็นภรรยาหลอกหรือจ้างไปนอนด้วยเพราะเท่าที่สังเกตดูชานนท์จะติดใจปุณณิศามากกว่าทุกคนที่เขาเคยเห็น
“เขาจะจ้างเท่าไหร่คะ แล้วปุณจะยังมาทำงานที่นี่ได้ไหม”
“เรื่องค่าจ้างฉันก็ไม่แน่ใจ ปุณต้องไปคุยกับมันเอง ส่วนเรื่องมาทำงานที่นี่คงยากหน่อย เพราะถ้าปู่เขารู้คงไม่ดีแน่”
“งั้นปุณไม่รับค่ะ ถ้าไม่ได้มาทำงานที่นี่ปุณก็ต้องขาดรายได้ อีกอย่างปุณก็รับเงินเดือนมาแล้วสองเดือนนะคะ”
“ไม่ยากนี่ ปุณก็ให้เขาจ่ายเงินเดือนคืนให้คุณเมคิน ส่วนค่าจ้างเขาก็ต้องให้มากว่าทำงานที่นี่ รายได้เฉลี่ยเดือนหนึ่งก็ประมาณสี่หมื่น ถ้าเพื่อนคุณเมคินตกลงให้มากกว่านี้มันก็คุ้มนะ ไม่ต้องนอนดึกด้วย”
“มันจะมากเกินไปไหมคะคุณเมคิน”
“เรื่องค่าจ้าง เดี๋ยวฉันจะคุยให้อีกทีนะ ถ้าได้ตามนี้ปุณตกลงไหม”
“ก็น่าสนใจนะคะ แต่ปุณยังต้องแบ่งเวลาไปดูแลแม่ ปุณคงไปอยู่กับเขาไม่ได้ตลอดหรอกค่ะ” แม้งานที่เมคินเสนอจะฟังดูสบายแต่ถ้าไม่ได้ดูแลมารดาเธอก็ไม่อยากรับ
“เอางี้นะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะนัดเขามาเจอที่นี่ ส่วนเรื่องค่าจ้างและรายละเอียดค่อยคุยกันอีกทีได้ไหม” เมคินตัดสินใจแทนเพื่อนไม่ได้ ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินแต่เป็นเรื่องที่เธอยังไม่พร้อมจะไปอยู่กับชานนท์ตลอดเวลาเพราะต้องดูแลมารดา เขาไม่รู้ว่าเพื่อนจะของตนเองจะโอเคกับเรื่องนี้หรือเปล่า
หลังจากไปทานอาหารค่ำ ชานนท์ก็ไปส่งปนัดดาและกัญญาวีร์ที่บ้าน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า “หนูคิดอะไรอยู่” ชานนท์ถามคนที่นั่งพิงหัวไหล่ของตนอยู่บนโซฟาตัวโตในห้องนอนหลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำเสร็จ “กำลังคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อนะคะว่าหนูจะรอดจากแผนการของคุณพลอยกมลมาได้” “นั่นสิ พี่ไม่คิดเลยว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนั้น ถ้าพี่ยอมแต่งงานกับเขาตามที่แม่บอกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตพี่จะมีความสุขแบบนี้ไหม ขอบคุณนะปุณ ขอบคุณที่หนูเข้ามาในชีวิตพี่” “หนูต้องขอบคุณพี่นนท์ คุณปู่และก็ครอบครัวของพี่มากกว่าที่ไม่รังเกียจหนู” “หนูเป็นเด็กกตัญญูที่หนูทำก็เพื่อครอบครัว ใครจะรังเกียจหนูล่ะ พี่ยิ่งรักหนูมากขึ้นด้วยซ้ำ” “พี่บอกรักหนูอีกแล้ว” ปุณณิศาแหงนหน้ามองแล้วยิ้ม “หนูชอบไหมล่ะ พี่อยากบอกรับหนูทุกวันวันละหลายรอบเลยดีไหม” “ดีคะ หนูก็จะบอกรักพี่วันละหลายๆ รอบ หนูมีความสุขมากเลยค่ะ” “แต่หน้าหนูยังดูเป็นกังวลอยู่เลยนะ” “ก็เรื่องแม่ของพี่” “แม่เลิกจับคู่แล้วล
“ปุณ ไม่น้อยใจใช่ไหมที่ไม่มีงานแต่งงานใหญ่โต” ชานนท์ถามหญิงสาวที่อยู่ในเดรสสีขาวซึ่งดูไม่เหมือนชุดแต่งงานเท่าไหร่ ส่วนเขาก็แค่สวมเสื้อเชิ้ตสบายๆ เพราะวันนี้เป็นแค่การจดทะเบียนสมรสและการทานอาหารร่วมกันของครอบครัวเท่านั้น” “ไม่ค่ะ หนูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะไม่ต้องจัดงานให้วุ่นวาย” “พี่กลัวหนูเสียใจ” “ไม่เลยค่ะ แค่พี่นนท์อยู่ข้างๆ หนูแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” “ก็หนูน่ารักแบบนี้พี่ถึงรักหนูหมดใจ” “อะไรนะคะ” “พี่บอกว่ารักหนูหมดใจ” “พี่นนท์” หญิงสาวกอดเขาแน่น “หนูเป็นอะไร ไหนว่าไม่น้อยใจแล้วร้องไห้ทำไม” “ก็เมื่อกี้พี่บอกรักหนู หนูดีใจ” “พี่ขอโทษที่พูดช้าไป แต่พี่รักหนูมานานแล้ว รักมาก” “หนูก็รักพี่ค่ะ แล้วก็ดูออกว่าพี่รักหนู รักของพี่ไม่ต้องพูดหนูก็รู้” “ต่อไปพี่จะพูดบ่อยดีไหม” “แล้วแต่พี่เลย หนูไม่บังคับหรอกค่ะ” “หนูทำไมน่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ” ชานนท์กอดเธอแล้วจุมพิตไปบนไรผมอย่างรักใครก่อนที่จะพากันไปยังบ้านของคุณปู่ ในห้องรับแขกตอนนี้มี
สัญชัยโทรหาพลอยกมลเพื่อแจ้งว่าเขาจัดการงานที่สั่งเรียบร้อยแล้ว เลยอยากได้เงินส่วนที่เหลือเพิ่ม พลอยกมลนัดให้เขาไปที่ตึกร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมือง “ทำไมต้องออกไปไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ” “ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่านายอยู่กับฉัน ถ้าได้เงินแล้วก็เก็บตัวสักพักนะ” “แน่นอนผมว่าจะข้ามฝั่งแก้มมือแถวปอยเปตสักหน่อย เงินที่พี่ให้มารับรองได้เลยว่าผมจะใช้ให้คุ้ม” เขานัดแนะกับตำรวจอีกครั้งว่าให้พูดยังไงบ้างเพื่อให้ผู้ว่าจ้างยอมสารภาพ จากนั้นก็ให้ถอยออกมาแล้วตำรวจจะเข้าไปจัดการต่อ ขณะที่ขับรถไปตามเส้นทางที่พลอยกมลบอก สองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีบ้านคนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาเลยแม้แต่คันเดียวเพราะเป็นถนนเลี่ยงเมืองแต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง มันขับมาจนเกือบจะชิดกับรถที่เขาขับอยู่ จากนั้นชะลอให้ความเร็วเท่ากัน คนซ้อนท้ายเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น พอเขาลดกระจกลงมันก็รีบบิดหนีไป สัญชัยรู้สึกหงุดหงิดเขาอยากจะขับตามไปเอาเรื่องแต่ติดที่ว่าตัวเองกำลังทำตามแผนอยู่จึงได้แต่ปล่อยผ่าน แต่พอขับมาถึงบริเวณทางโค
สัญชัยเลือกโรงแรมม่านรูดที่ใกล้ที่สุดเพื่อจัดการกับเหยื่อแสนโอชะ จากแผนเดิมเขาจะจัดการเธอในรถ แต่เพราะอยากหาความสุขจากเรือนร่างที่หอมกรุ่นให้สมกับความเหนื่อยที่ต้องตามเธอมาถึงกรุงเทพ เตียงนอนกว้างๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขานั่งมองเธออย่างใจเย็น รอเวลาให้เธอรู้สึกตัวเพราะอยากสนุกกับเธอตอนที่มีสติมากกว่า มือหยาบกร้านเลื่อนตามเรียวขาที่โผล่พ้นกระโปรงสีสวย ไต่ขึ้นสูงทีละนิด มือหนึ่งดึงบรรจงจับเส้นผมสวยมาดมอย่างเสน่หา กลิ่นกายสาวหอมเย้ายวนกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ถึงแม้จะรู้ว่าเธอมีสามีแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะโชกโชนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเสียงฮึมฮัมในลำคอบวกกับมือที่ไต่ไปตามแขนและขาทำให้ปุณณิศาค่อยๆ รู้สึกตัวทีละนิด เธอได้กลิ่นเหงื่อไคลลอยมาปะทะจมูกแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นตนเองถูกใครบางคนพาออกมาจากสวนสาธารณะ พอเธอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับผู้ชายคนเดิมที่ตอนนี้ใบหน้าของมันอยู่ห่างเธอเพียงคืบ “กรี๊ดดดดด ปล่อยฉันนะ นายจับฉันมาทำไม ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”ปุณณิศาตะโกนสุดเสียงพร้อมกับขยับตัวหนีจนหลังชนกับหัวเตีย
ปุณณิศาไม่ขัดข้องที่งานแต่งงานของตนเองจะถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ที่คุณปู่หาให้ แต่มารดาของหญิงสาวดูจะตกใจที่ความสัมพันธ์แบบปลอมๆ ที่ทั้งสองมีในตอนแรกเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่พอเธอได้คุยกับคุณปู่ของชายหนุ่มก็สบายใจขึ้น ปนัดดาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขอแค่ชานนท์จะไม่ทิ้งลูกสาวเธอแค่นั้นก็พอแล้ว แต่ปู่มนตรีไม่ยอมและบอกว่าเรื่องสินสอดทองหมั้นจะจัดให้อย่างเหมาะสม แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงการแต่งแบบเงียบๆ เชิญแค่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสเท่านั้นก็ตาม แต่หลังจากหญิงสาวเรียนจบแล้วก็จะมีการจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้งถึงตอนนั้นก็คงจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งชานนท์และปุณณิศาก็เห็นดีด้วย “แม่เราว่ายังไงบ้างล่ะตานนท์จะมาร่วมงานไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมบอกแค่พ่อกับยัยตา ส่วนคุณแม่ผมยกหน้าที่ให้คุณพ่อเป็นคนบอกครับ” “กลัวไหมว่าแม่เขาจะไม่มา” “ถึงเขาไม่มาเราก็แต่งกันได้นี่ครับปู่” ชานนท์ไม่ได้สนใจว่ามารดาจะมาร่วมงานหรือเปล่า คนที่เขาแคร์มากที่สุดเป็นคุณปู่กับปุณณิศามากกว่า “หลานปู่คนนี้มันแน่จริงๆ ไม่
หลังจากที่ตกลงคบกันอย่างจริงจังแล้ว ปุณณิศาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องสัญญาที่กำลังจะหมดลง แต่ทุกครั้งที่เธอมาทานอาหารหรือมานั่งคุยกับคุณปู่มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด “ปู่คะ แค่นี้พอหรือยังคะ” ปุณณิศาถามคุณปู่มนตรีพร้อมกับชูดอกกล้วยในมือให้ท่านดู วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งตามปกติแล้วปุณณิศาจะกลับไปช่วยมารดาทำขนมที่บ้าน แต่วันนี้เธอเห็นว่าลุงทศไม่ค่อยสบายก็เลยอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ ท่านจึงชวนเธอมาที่เรือนกล้วยไม้เพื่อตัดกล้วยไม้บางส่วนไปถวายพระในวันพรุ่งนี้ “พอแล้วล่ะ ขอบใจหนูมากที่มาช่วยปู่ แล้วพรุ่งนี้จะไปวัดกับปู่ไหมล่ะ” “ค่ะ หนูว่าจะทำกล้วยบวชชีไปถวายพระด้วยดีไหมคะ กล้วยที่คุณปู่ปลุกไว้กำลังสุกได้ที่เลยค่ะ” “ได้สิ หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยช่วยแม่อยู่บ่อยๆ” “จริงสิ ปู่จำได้หนูเคยบอกว่าแม่ทำขนมไทยขายด้วย” “ค่ะคุณปู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำไปขายแล้วค่ะ แม่ทำขนมส่งร้านกาแฟค่ะ แต่บางครั้งก็จะมีลูกค้าขาประจำมาสั่งเป็นหม้อใหญ่ เอาไปเลี้ยงแขกบ้างไปถวายพระบ้าง” “แล้ว