ชานนท์ดันให้หญิงสาวนอนลงบนเตียงแล้วเบียดร่างแข็งแรงให้เสียดสีกับร่างเย้ายวนด้านล่าง ปุณณิศาหน้าแดงระเรื่อ เนื้อตัวสั่นสะท้านกับสัมผัสที่ไม่เคยพบเจอ และเมื่อสบตากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาก็ทำให้เธอแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเอง
“แสดงเก่งดีนี่”
เสียงทุ้มกระซิบก่อนจะส่งปลายลิ้นเข้าไปตวัดหยอกล้อกับซอกคอและติ่งหู ขบเม้มเบาๆ ทำให้ปุณณิศาปั่นป่วนไปทั้งท้องน้อย ชายหนุ่มประกบปากจูบอีกครั้งส่งปลายลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรง ปากนุ่ม เกี่ยวพันกับเรียวลิ้นเล็กอย่างหิวกระหาย ความหวานที่ได้รับยิ่งทำให้ชานนท์รู้สึกหลงใหล ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่กระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนของเขาให้ลุกโชนได้มากเท่านี้มาก่อนเลย
ความรู้สึกต่อต้านในคราแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นความแปลกใหม่ปุณณิศากำลังจะหมดแรงเพราะฤทธิ์จูบจากเขา
“อ่า...”
ชานนท์ครางด้วยเขาพอใจกับการตอบสนองเงอะงะของ คนที่เขาคิดว่าเธอกำลังเสแสร้ง กายของเขารุ่มร้อนและจูบก็เริ่มร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กว่าเขาจะเขายอมผละออกจากปากอวบอิ่ม ปุณณิศาก็แทบจะขาดอากาศหายใจ
ชายหนุ่มสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่น เขาไล้ปากและจมูกลงไปยังซอกคอระหง ยอมรับเลยว่ากลิ่นกายของเธอช่างหอมและเย้ายวนอย่างที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน
“อื้อคุณ...”
“ชานนท์ ผมชื่อชานนท์”
เขากระซิบบอกชื่อตัวเองที่ข้างหู ก่อนจะลากลิ้นไปตามลำคออีกครั้ง เขาทำราวกับว่ากำลังลากปลายลิ้นลงบนไอศกรีมรสโปรด นั่นก็ทำให้หญิงสาวร้องครางออกมาอย่างไม่อาจจะอดกลั้นได้ร่างกายเย้ายวนเริ่มดิ้นพล่านกับการจู่โจมของคนมากประสบการณ์ หญิงสาวครางกระเส่าใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยพายุอารมณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
ฝ่ามือร้อนกุมอกอิ่มที่ไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน ปุณณิศาทั้งเขินทั้งเสียวซ่านจนครองสติแทบไม่อยู่
“อื้อ...คุณนนท์”
หญิงสาวอยากจะร้องขอให้เขาหยุดแต่ก็ช้าไปเมื่อตอนนี้เขาดึงชุดเกาะอกของเธอจนมันขาดออกจากกันอย่างง่ายดายจนเผยให้เห็นความอวบอิ่มที่สะดุดตา
ปุณณิศาสะท้านไปทั้งร่างเมื่อริมฝีปากของเขาไล่ลงมาต่ำยังเนินอกอิ่ม มือหนึ่งอ้อมไปด้านหลัง เขาปลดตะขอบราเซียร์ของเธอออกด้วยความชำนาญ
“เธอไม่ได้ไปศัลยกรรมมาใช่ไหม”
ชานนท์เงยหน้าขึ้นมาถาม แล้วก้มลงมองความอวบอิ่มอย่างหื่นกระหาย ยิ่งเห็นเธอส่ายหน้าเขาก็ยิ่งพอใจกับคำตอบ ชายหนุ่มก้มลงไปพิสูจน์ด้วยปลายลิ้นร้อนและเพียงแค่สัมผัสส่วนปลายเม็ดทับทิมก็แข็งชูชันต้อนรับอย่างท้าทาย
“อื้อ...คุณนนท์”
เสียงหวานครางสะท้านเมื่อเจอทั้งปลายลิ้น ปากและฟันของเขาหยอกเย้าลงบนทรวงอกอิ่มอย่างหนักหน่วง ความเสียวซ่านที่พุ่งพรวดเข้ามาโจมตีทำให้สาวสั่นไปทั้งตัว
ชานนท์กำลังสับสนเพราะเธอทำเหมือนไม่เคยถูกใครสัมผัสมาก่อน เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอเล็กน้อยจากนั้นก้มหน้าลงดูดกลืนเม็ดทับทิมสีสวยเข้าปากสลับเปลี่ยนข้างไปมามือใหญ่บีบเคล้นอย่างหลงใหลในความอวบอิ่ม
และเมื่อได้ยินเสียงหวานดังขึ้นมือที่ฟอนเฟ้นอกอวบก็เลื่อนลงต่ำลงมายังหน้าท้องแบนราบผ่านชั้นในตัวบางลงไป
“อ๊ะ...”
ปุณณิศาครางเสียงสั่น เมื่อนิ้วร้ายกำลังคลี่กลีบกุหลาบซึ่งเริ่มมีละอองน้ำหวานให้แยกออกจากกัน ปลายนิ้วสะกิดบนยอดเกสรที่ไวต่อความรู้สึก จนร่างหญิงสาวสั่นสะท้าน ปุณณิศาบิดตัวเกร็งร่างในบางครั้งเสียงร้องครางยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ
ชานนท์ส่งปลายนิ้วที่ลูบไล้บนกลีบเกสรกุหลาบ ก่อนจะกดเข้าไปโพรงอุ่นร้อนอย่างช้าๆ
“อ๊ะ....”
“เธอชื่ออะไร ฉันจะได้เรียกถูก”
“หนูชื่อปุณณิศาค่ะคุณนนท์”
“ชื่อเพราะดีนะ เสียงก็เพราะ เวลาเสร็จอย่าลืมเรียกชื่อฉันล่ะ จำได้ใช่ไหมว่าฉันชื่ออะไร”
เขาถามขณะที่มือก็กดนวดอยู่ในโพรงถ้ำราวกับกำลังหาอะไรบางอย่าง
“อื้อ..คุณนนท์ หนูจำได้”
เสียงหวานตอบกระท่อนกระแท่นเพราะร่างกายกำลังถูกปลุกเร้าอย่างหนักจนแทบจะครองสติไม่อยู่
“ปุณณิศา....”
เสียงครางเรียกเธอแหบพร่าเพราะความคับแน่นที่รัดนิ้วเอาไว้ เขาสั่นสะท้านอยากแทรกร่างเข้าหาจนห้ามแทบไม่อยู่
ปากร้อนของเขายังคงวนเวียนดูดดุนเม็ดทับทิมเข้าปากอย่างไม่ยอมหยุด ปลายนิ้วร้ายก็ไม่หยุดการเคลื่อนไหวสักจุดเดียว ในขณะที่ปุณณิศารู้สึกเหมือนใจจะขาด มือกดศีรษะเขาให้แนบชิดอกอิ่ม ส่วนปากก็ครวญครางอย่างน่าอาย
ชานนท์หลอกล่อเธอด้วยแรงดูดดึงที่ยอดอกอิ่มอีกมือก็ดึง แพนที่สีขาวก็หลุดออกจากร่างแล้วส่งนิ้วเขาไปอีกครั้ง เมื่อเสียงหวานร้องครางอย่างเร้าใจ เขาก็แน่ใจแล้วว่าเธอพร้อม ชายหนุ่มไม่รอช้าที่จะปลดกางเกงของตนออกแล้วหยิบถุงยางอนามัยมาสวมใส่อย่างเร่งรีบ ปุณณิศานอนมองการกระทำของเขาด้วยความรู้สึกหวาดกลัวแต่เธอมาไกลเกินกว่าจะถอย อีกเพียงอึดใจเดียวเงินจำนวนห้าหมื่นบาทก็จะเป็นของเธอ
“ฉันรู้ว่าของฉันมันใหญ่ แต่ไม่ต้องกลัวหรอกเพราะฉันเชื่อว่าเธอจะทำให้มันเล็กได้ ปุณณิศา”
เขากระซิบแหบพร่าก่อนจะจับเรียวขาให้แยกออกจากกันปุณณิศาส่ายหน้าพลางกัดริมฝีปากตัวเองแน่น นั่นยิ่งทำให้เธอดูเร่าร้อนขึ้นไปอีกมาก เนื้อตัวเธอสั่นสะท้าน เขาไม่รู้ว่าเธอสั่นเพราะกลัวหรือสั่นเพราะเสียวกันแน่
ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากเพราะคิดว่าเธอกำลังแสดงบทบาทสาวพรหมจรรย์อยู่ เขาก้มลงมองตากับเธอในระยะประชิด ก่อนจะบดจูบอย่างเร่าร้อน จูบให้เธอหยุดการต่อต้าน มือข้างหนึ่งประคองอกอิ่มบีบเคล้น ส่วนอีกข้างประคองท่อนเอ็นร้อนถูไถกับกลีบกุหลาบและน้ำหวานที่ไหลรินอย่างปลุกเร้า ปุณณิศาแทบคลั่งกับการกระทำของเขา ปากร้อนผละจากปากอิ่มไปดูดกลืนยอดอกสีสวยที่กำลังชูชัน เมื่อเห็นเธอกำลังเคลิ้มเขาก็ส่งท่อนเอ็นที่เคลือบไปด้วยน้ำหวานของกุหลาบเข้าไปด้านในอย่างเต็มแรง
“อ๊ะ!....หนูเจ็บ”
ปุณณิศาร้องด้วยความเจ็บและตกใจ น้ำตาไหลลงมาทาง หางตา ร่างกายที่เคลิบเคลิ้มเมื่อครู่หายไปจนหมดสิ้น ทิ้งไว้แค่เพียง ความเจ็บปวดราวกับร่างกายถูกฉีกออกเป็นชิ้น
“ปุณณิศา......”
ชานนท์ก็หยุดชะงักด้วยความตกใจ ประหลาดใจ ก่อนจะซบหน้าลงกับซอกคอหอมกรุ่น ชายหนุ่มหายใจเข้าออกแรงๆ เพื่อระงับความดิบเถื่อนในอารมณ์รักของตน เขาน่าจะเชื่อสิ่งที่เธอแสดงออกแต่เพราะเขาคิดว่าเธอเสแสร้งก็เลยไม่มีความอ่อนโยนอย่างที่ควรจะเป็น ยิ่งได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ เขาก็ยิ่งรู้สึกผิด
“ฉันไม่รู้ เจ็บมากไหม”
“คุณนนท์ เอาออกก่อนได้ไหม หนูเจ็บ”
ปุณณิศาตอบด้วยเสียงสั่นเครือ แววตาเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด น้ำตายังคงไหลรินชายหนุ่มปาดมันออกเบาๆ แต่ถ้าให้เขาหยุดตอนนี้เขาคงได้ขาดใจตายแน่ๆ
“เธอเจ็บคนเดียวที่ไหน ฉันก็เจ็บ เธอรัดฉันแน่นมาก”
“งั้นคุณเอาออกก่อนได้ไหมคะ”
“ได้ที่ไหนละ มาถึงขั้นนี้แล้ว ฉันจ่ายเธอไปตั้งห้าหมื่นถ้าหยุดตอนนี้ฉันก็เสียเงินฟรีน่ะสิ เดี๋ยวเธอก็รู้สึกดีขึ้นเชื่อฉันนะปุณณิศา”
ชานนท์ก้มลงใช้ปากร้อนครอบครองเต้างามดูดดึงโลมเลียอย่างเมามัน ปุณณิศาเองก็หมดแรงจะต่อต้านสุดท้ายก็ต้องยอมโอนอ่อนผ่อนตามเขาอารมณ์ของเขา
ท่อนเอ็นร้อนที่อยู่ในช่องทางรักอันคับแน่นเริ่มขยับตัวอย่างช้าๆ เพื่อให้เธอได้ปรับรับตัวตนของเข้าให้ได้มากที่สุด มือก็โอบกอดและดันแผ่นหลังให้อกอิ่มแนบชิดปากร้อน ส่วนเอวสอบก็ควบจังหวะไม่ได้หยุดนิ่งและนั่นก็ทำให้ปุณณิศาได้เห็นโลกใบใหม่ที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันมีอยู่จริง
“อื้อ.... คุณนนท์......อ่าห์....”
เสียงหวานครางเรียก ขณะที่มือเล็กดศีรษะให้แนบชิดอกอิ่ม ชานนท์ขยับกายเคลื่อนไหวในจังหวะที่เริ่มแรงและเร็วขึ้น ตามลำดับไปตามอารมณ์กำลังพุ่งสูง ปากร้อนยังคงดูดกลืนยอดอกสีสวยไว้ในปากอย่างไม่ยอมปล่อยราวกับทารกน้อยที่กำลังหิวกระหาย เสียงครางเล็ดลอดออกมาเป็นระยะด้วยความพอใจที่ได้ดูดกิน
“ปุณณิศา... เธอมันสุดยอด”
“คุณนนท์ อื้อ....."
เธอครางเรียกชื่อเขาแทบไม่ขาดปากนั่งยิ่งกระตุ้นให้เขาขยับสะโพกเข้าออกรัวเร็วขึ้น
ทุกจังหวะที่สอดประสานทำเอาปุณณิศาสั่นสะท้านไปทั้งร่างเหนื่อยหอบราวกับวิ่งมาหลายกิโล แต่ในความเหนื่อยนั้นกลับมีความรู้สึกอย่างอื่นร่วมอยู่ด้วย
“อ่าห์ เธอรัดฉันแน่นมาก เสียวที่สุดเลย เธอเก่งมากมาก”
“คุณนนท์ขา หนูใจจะขาด มันรู้สึกแปลกๆ ไม่ไหว หนูว่าหนูจะไม่ไหว”
“อีกนิดนะ รับรองว่าเธอจะได้เห็นดาวนับล้านดวงเลยที่เดียวปุณณิศา”
ชานนท์เร่งจังหวะสะโพกให้เร็วขึ้นแรงขึ้น เพื่อส่งเธอไปยังดินแดนสวรรค์
เสียงหวานกรีดร้องร่างกายเกร็งกระตุกติดๆ กันจนเขาต้องกอดไว้แน่น สองมือจิกไปบนไหล่หนา รู้สึกสมองว่างเปล่าและเหมือนกับเห็นดาวนับล้านดวงลอยอยู่เต็มไปหมดอย่างที่เขาบอกจริงๆ
เมื่อเธอสุขสมอย่างรุนแรงช่องทางรักก็ตอดรัดถี่รัวไปตามกลไกลธรรมชาติชานนท์ขยับเข้าออกหนักหน่วงอีกไม่กี่ครั้งเขาก็สุขสมตามเธอไปติดๆ
“อ่าห์...เธอเด็ดมากฉันชักติดใจแล้วสิ ต่อกันเลยนะ”
หลังจากไปทานอาหารค่ำ ชานนท์ก็ไปส่งปนัดดาและกัญญาวีร์ที่บ้าน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า “หนูคิดอะไรอยู่” ชานนท์ถามคนที่นั่งพิงหัวไหล่ของตนอยู่บนโซฟาตัวโตในห้องนอนหลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำเสร็จ “กำลังคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อนะคะว่าหนูจะรอดจากแผนการของคุณพลอยกมลมาได้” “นั่นสิ พี่ไม่คิดเลยว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนั้น ถ้าพี่ยอมแต่งงานกับเขาตามที่แม่บอกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตพี่จะมีความสุขแบบนี้ไหม ขอบคุณนะปุณ ขอบคุณที่หนูเข้ามาในชีวิตพี่” “หนูต้องขอบคุณพี่นนท์ คุณปู่และก็ครอบครัวของพี่มากกว่าที่ไม่รังเกียจหนู” “หนูเป็นเด็กกตัญญูที่หนูทำก็เพื่อครอบครัว ใครจะรังเกียจหนูล่ะ พี่ยิ่งรักหนูมากขึ้นด้วยซ้ำ” “พี่บอกรักหนูอีกแล้ว” ปุณณิศาแหงนหน้ามองแล้วยิ้ม “หนูชอบไหมล่ะ พี่อยากบอกรับหนูทุกวันวันละหลายรอบเลยดีไหม” “ดีคะ หนูก็จะบอกรักพี่วันละหลายๆ รอบ หนูมีความสุขมากเลยค่ะ” “แต่หน้าหนูยังดูเป็นกังวลอยู่เลยนะ” “ก็เรื่องแม่ของพี่” “แม่เลิกจับคู่แล้วล
“ปุณ ไม่น้อยใจใช่ไหมที่ไม่มีงานแต่งงานใหญ่โต” ชานนท์ถามหญิงสาวที่อยู่ในเดรสสีขาวซึ่งดูไม่เหมือนชุดแต่งงานเท่าไหร่ ส่วนเขาก็แค่สวมเสื้อเชิ้ตสบายๆ เพราะวันนี้เป็นแค่การจดทะเบียนสมรสและการทานอาหารร่วมกันของครอบครัวเท่านั้น” “ไม่ค่ะ หนูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะไม่ต้องจัดงานให้วุ่นวาย” “พี่กลัวหนูเสียใจ” “ไม่เลยค่ะ แค่พี่นนท์อยู่ข้างๆ หนูแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” “ก็หนูน่ารักแบบนี้พี่ถึงรักหนูหมดใจ” “อะไรนะคะ” “พี่บอกว่ารักหนูหมดใจ” “พี่นนท์” หญิงสาวกอดเขาแน่น “หนูเป็นอะไร ไหนว่าไม่น้อยใจแล้วร้องไห้ทำไม” “ก็เมื่อกี้พี่บอกรักหนู หนูดีใจ” “พี่ขอโทษที่พูดช้าไป แต่พี่รักหนูมานานแล้ว รักมาก” “หนูก็รักพี่ค่ะ แล้วก็ดูออกว่าพี่รักหนู รักของพี่ไม่ต้องพูดหนูก็รู้” “ต่อไปพี่จะพูดบ่อยดีไหม” “แล้วแต่พี่เลย หนูไม่บังคับหรอกค่ะ” “หนูทำไมน่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ” ชานนท์กอดเธอแล้วจุมพิตไปบนไรผมอย่างรักใครก่อนที่จะพากันไปยังบ้านของคุณปู่ ในห้องรับแขกตอนนี้มี
สัญชัยโทรหาพลอยกมลเพื่อแจ้งว่าเขาจัดการงานที่สั่งเรียบร้อยแล้ว เลยอยากได้เงินส่วนที่เหลือเพิ่ม พลอยกมลนัดให้เขาไปที่ตึกร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมือง “ทำไมต้องออกไปไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ” “ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่านายอยู่กับฉัน ถ้าได้เงินแล้วก็เก็บตัวสักพักนะ” “แน่นอนผมว่าจะข้ามฝั่งแก้มมือแถวปอยเปตสักหน่อย เงินที่พี่ให้มารับรองได้เลยว่าผมจะใช้ให้คุ้ม” เขานัดแนะกับตำรวจอีกครั้งว่าให้พูดยังไงบ้างเพื่อให้ผู้ว่าจ้างยอมสารภาพ จากนั้นก็ให้ถอยออกมาแล้วตำรวจจะเข้าไปจัดการต่อ ขณะที่ขับรถไปตามเส้นทางที่พลอยกมลบอก สองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีบ้านคนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาเลยแม้แต่คันเดียวเพราะเป็นถนนเลี่ยงเมืองแต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง มันขับมาจนเกือบจะชิดกับรถที่เขาขับอยู่ จากนั้นชะลอให้ความเร็วเท่ากัน คนซ้อนท้ายเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น พอเขาลดกระจกลงมันก็รีบบิดหนีไป สัญชัยรู้สึกหงุดหงิดเขาอยากจะขับตามไปเอาเรื่องแต่ติดที่ว่าตัวเองกำลังทำตามแผนอยู่จึงได้แต่ปล่อยผ่าน แต่พอขับมาถึงบริเวณทางโค
สัญชัยเลือกโรงแรมม่านรูดที่ใกล้ที่สุดเพื่อจัดการกับเหยื่อแสนโอชะ จากแผนเดิมเขาจะจัดการเธอในรถ แต่เพราะอยากหาความสุขจากเรือนร่างที่หอมกรุ่นให้สมกับความเหนื่อยที่ต้องตามเธอมาถึงกรุงเทพ เตียงนอนกว้างๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขานั่งมองเธออย่างใจเย็น รอเวลาให้เธอรู้สึกตัวเพราะอยากสนุกกับเธอตอนที่มีสติมากกว่า มือหยาบกร้านเลื่อนตามเรียวขาที่โผล่พ้นกระโปรงสีสวย ไต่ขึ้นสูงทีละนิด มือหนึ่งดึงบรรจงจับเส้นผมสวยมาดมอย่างเสน่หา กลิ่นกายสาวหอมเย้ายวนกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ถึงแม้จะรู้ว่าเธอมีสามีแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะโชกโชนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเสียงฮึมฮัมในลำคอบวกกับมือที่ไต่ไปตามแขนและขาทำให้ปุณณิศาค่อยๆ รู้สึกตัวทีละนิด เธอได้กลิ่นเหงื่อไคลลอยมาปะทะจมูกแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นตนเองถูกใครบางคนพาออกมาจากสวนสาธารณะ พอเธอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับผู้ชายคนเดิมที่ตอนนี้ใบหน้าของมันอยู่ห่างเธอเพียงคืบ “กรี๊ดดดดด ปล่อยฉันนะ นายจับฉันมาทำไม ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”ปุณณิศาตะโกนสุดเสียงพร้อมกับขยับตัวหนีจนหลังชนกับหัวเตีย
ปุณณิศาไม่ขัดข้องที่งานแต่งงานของตนเองจะถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ที่คุณปู่หาให้ แต่มารดาของหญิงสาวดูจะตกใจที่ความสัมพันธ์แบบปลอมๆ ที่ทั้งสองมีในตอนแรกเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่พอเธอได้คุยกับคุณปู่ของชายหนุ่มก็สบายใจขึ้น ปนัดดาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขอแค่ชานนท์จะไม่ทิ้งลูกสาวเธอแค่นั้นก็พอแล้ว แต่ปู่มนตรีไม่ยอมและบอกว่าเรื่องสินสอดทองหมั้นจะจัดให้อย่างเหมาะสม แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงการแต่งแบบเงียบๆ เชิญแค่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสเท่านั้นก็ตาม แต่หลังจากหญิงสาวเรียนจบแล้วก็จะมีการจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้งถึงตอนนั้นก็คงจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งชานนท์และปุณณิศาก็เห็นดีด้วย “แม่เราว่ายังไงบ้างล่ะตานนท์จะมาร่วมงานไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมบอกแค่พ่อกับยัยตา ส่วนคุณแม่ผมยกหน้าที่ให้คุณพ่อเป็นคนบอกครับ” “กลัวไหมว่าแม่เขาจะไม่มา” “ถึงเขาไม่มาเราก็แต่งกันได้นี่ครับปู่” ชานนท์ไม่ได้สนใจว่ามารดาจะมาร่วมงานหรือเปล่า คนที่เขาแคร์มากที่สุดเป็นคุณปู่กับปุณณิศามากกว่า “หลานปู่คนนี้มันแน่จริงๆ ไม่
หลังจากที่ตกลงคบกันอย่างจริงจังแล้ว ปุณณิศาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องสัญญาที่กำลังจะหมดลง แต่ทุกครั้งที่เธอมาทานอาหารหรือมานั่งคุยกับคุณปู่มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด “ปู่คะ แค่นี้พอหรือยังคะ” ปุณณิศาถามคุณปู่มนตรีพร้อมกับชูดอกกล้วยในมือให้ท่านดู วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งตามปกติแล้วปุณณิศาจะกลับไปช่วยมารดาทำขนมที่บ้าน แต่วันนี้เธอเห็นว่าลุงทศไม่ค่อยสบายก็เลยอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ ท่านจึงชวนเธอมาที่เรือนกล้วยไม้เพื่อตัดกล้วยไม้บางส่วนไปถวายพระในวันพรุ่งนี้ “พอแล้วล่ะ ขอบใจหนูมากที่มาช่วยปู่ แล้วพรุ่งนี้จะไปวัดกับปู่ไหมล่ะ” “ค่ะ หนูว่าจะทำกล้วยบวชชีไปถวายพระด้วยดีไหมคะ กล้วยที่คุณปู่ปลุกไว้กำลังสุกได้ที่เลยค่ะ” “ได้สิ หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยช่วยแม่อยู่บ่อยๆ” “จริงสิ ปู่จำได้หนูเคยบอกว่าแม่ทำขนมไทยขายด้วย” “ค่ะคุณปู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำไปขายแล้วค่ะ แม่ทำขนมส่งร้านกาแฟค่ะ แต่บางครั้งก็จะมีลูกค้าขาประจำมาสั่งเป็นหม้อใหญ่ เอาไปเลี้ยงแขกบ้างไปถวายพระบ้าง” “แล้ว