เมื่อคืนกัญญาวีร์แวะที่ร้านขายยาที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อซื้อยาแก้ปวดและแก้อักเสบให้ปุณณิศาทานเช้านี้หญิงสาวเลยไม่รู้สึกเจ็บมาก แต่ตามเนื้อตัวยังมีร่องรอยที่เขาทำไว้ เมื่อนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนกายสาวก็สั่นสะท้าน เธอยอมรับว่ามันเจ็บมาก แต่หลังจากนั้นเขาก็อ่อนโยนกับเธอมากขึ้น
ปุณณิศาจำไม่ได้ว่าตัวเองมีความสุขกี่ครั้ง รู้แต่ไม่เคยมีความสุขแบบนั้นมาก่อน ไม่รู้ว่าเวลาที่เขาเห็นตัวเองในกระจกเขาจะคิดถึงเธอเหมือนที่เธอคิดถึงเขาหรือเปล่า เพราะเธอเองก็ทั้งข่วนทั้งหยิกและกัดไปที่บ่าของเขาไปไม่รู้กี่ครั้ง แต่ตอนนั้นมันห้ามร่างกายไม่ได้เลยสักนิด ทุกอย่างมันเป็นไปตามสัญชาตญาณซึ่งเขาเป็นคนปลุกมันขึ้นมา
ปุณณิศาใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวนานกว่าทุกวันเพราะต้องปกปิดร่องรอยที่เขาทำไว้ให้ดีก่อนที่จะออกจากบ้าน หญิงสาวแวะที่ธนาคารจัดการขึ้นเช็คจากนั้นก็รีบตรงไปยังโรงพยาบาล
“พี่ปุณมาพอดีเลย ผมขอไปเรียนก่อนนะครับแม่แล้วตอนเย็นจะมาใหม่นะครับ”
“ตั้งใจเรียนนะปั้น”
“ครับแม่ ผมไปก่อนนะครับแม่ พี่ปุณ”
พอลูกชายออกไปแล้วสีหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่ ของปนัดดาก็เปลี่ยนไป เพราะตอนนี้เธอกังวลเรื่องเงิน ถึงแม้ปุณณิศาบอกว่าค่ารักษาพยาบาลคู่กรณีออกให้ทั้งหมด แต่เธอเองก็หยุดงานมาเกือบสิบวันแล้วก็เท่ากับว่าขาดรายได้ไปอีกหลายพันเลยทีเดียว
“แม่เป็นอะไรคะ ทำไมหน้าไม่ดีเลย เจ็บตรงไหนหรือเปล่าให้ปุณตามหมอไหมคะแม่” ปุณณิศารีบถามด้วยความห่วงใย
“เปล่าจ้ะปุณ แม่คิดว่าแม่หายแล้ว แม่อยากจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว”
“หมอบอกอีกสามวันแม่จะได้กลับแล้วนะคะ”
“แต่แม่อยากกลับจะได้ไปขายของ นอนอยู่ที่นี่แม่ขาดรายได้”
“อย่าเพิ่งห่วงเรื่องนั้นเลยค่ะแม่”
“จะไม่ให้ห่วงได้ยังไง ตอนนี้ปุณต้องลำบากทำงานคนเดียว อีกไม่ถึงเดือนน้องก็ต้องใช้เงินอีกแล้ว”
“ปุณยังทำงานไหวค่ะ แม่คะปุณมีเรื่องจะปรึกษาแม่ค่ะ”
ปุณณิศาเล่าเรื่องที่จะมีคนจ้างให้เธอไปทำงานเป็นภรรยาหลอกๆ ให้มารดาฟังเพราะถ้าเธอกับเขาตกลงเรื่องค่าจ้างและถ้าเขาให้เธอมาดูแลมารดาได้มันก็จะดีกับเธอและมารดา
“เขาไว้ใจได้แค่ไหนล่ะลูก หนูรู้จักเขามาก่อนไหม”
“เขาเป็นเพื่อนคุณเมคินเจ้าของผับที่ปุณทำงานอยู่ค่ะแม่” ปุณณิศาไม่ได้ตอบคำถามแรกเพราะเธอเองก็ไม่รู้ว่าเขาไว้ใจได้มากแค่ไหนและก็นับว่าโชคดีที่มารดาไม่เอะใจ
“แม่ว่ามันแปลก ทำไมเขาถึงมาจ้างลูกสาวของแม่ละ”
“เขารู้จากคุณเมคินค่ะ ว่าปุณกำลังลำบาก”
“แม่ขอโทษนะ ที่ทำให้หนูต้องลำบากขนาดนี้” ปนัดดาสงสารลูกสาวที่ต้องมารับผิดชอบทุกอย่างภายในบ้าน
“แม่ขา อย่าโทษตัวเองสิคะ ที่ปุณถามแม่ไม่ใช่เพราะอยากให้แม่โทษตัวเองนะคะ แม่ว่าปุณรับงานนี้ดีไหม”
“ถ้าแค่เป็นภรรยาหลอกๆ แน่นะปุณ ปุณไม่ได้ไปนอนกับเขาใช่ไหม” ปนัดดาถามเพราะถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะไม่ยอมให้ลูกสาวไปทำงานกับเขาแน่ๆ
“แค่แกล้งเป็นภรรยาเองค่ะ” ปุณณิศารู้สึกผิดเพราะเธอนอนกับเขาไปแล้วเพื่อแลกกับเงินค่ารักษาพยาบาล ถ้ามารดารู้คงจะเสียใจมาก
“แล้วปุณจะต้องทำงานนี้นานแค่ไหน อย่าลืมนะอีกสองเดือนกว่าก็จะเปิดเทอมแล้ว”
“ปุณยังไม่ได้ตกลงจะรับงานค่ะ ปุณมาถามแม่ก่อน”
“แล้วปุณต้องไปทำงานที่ผับอีกไหม”
“เท่าที่คุยกับคุณกับคุณเมคิน เขาบอกว่าหนูคงไปทำงานที่อื่นไม่ได้เพราะกลัวว่าปู่เขาจะสืบรู้ ส่วนค่าจ้างคุณเมคินจะช่วยพูดให้ ถ้าเขาจ้างเท่าที่จะได้จากการทำงานที่ผับและให้ปุณได้มาดูแลแม่ได้ปุณก็จะรับค่ะ”
“ถ้าไม่ต้องทำงานกลางคืนก็ดี”
“หนูก็คิดอย่างนั้นค่ะ ปู่เขาก็คงแก่มากแล้ว เขาคงอยากหาใครสักคนไปอยู่เป็นเพื่อนปู่ด้วยมั้งคะแม่”
“เท่าฟังดูมันก็น่าสนใจดีนะ เรื่องนี้แม่ให้ปุณตัดสินใจเอง”
“คืนนี้คุณเมคินจะนัดให้เขามาคุยเรื่องรายละเอียดค่ะ ถ้าเขาตกลงตามที่ปุณขอ ปุณก็ว่าจะรับค่ะ เพราะปุณเองก็ไม่ค่อยชอบทำงานในผับเท่าไหร่”
ปุณณิศาและกัญญวีร์ถูกเรียกให้ขึ้นมายังชั้นสองเพื่อตกลงกับชานนท์เรื่องงานที่เขาเสนอ
“ปกติแล้วเธอได้ค่าจ้างเดือนหนึ่งเท่าไหร่เหรอปุณ”
“หนูมาทำงานยังไม่ถึงเดือนแต่กัญญาบอกว่าเดือนหนึ่งได้เกือบสี่หมื่นค่ะ”
“ค่ะ กัญญาได้เกือบสี่หมื่นประมาณนั้นแต่ถ้าเดือนไหนมีวันหยุดเยอะก็จะได้มากขึ้นไปอีกค่ะวันธรรมดาเราได้ค่าดริ๊งค์กันไม่กี่ร้อย แค่ถ้าวันหยุดคืนหนึ่งมากสุดก็เกือบห้าพันเลยค่ะ”
เรื่องนี้ชานนท์ถามจากเมคินมาแล้ว เขาแค่อยากจะรู้ว่าเธอกับเพื่อนจะพูดตามที่เจ้าของร้านบอกหรือเปล่า และเมื่อข้อมูลที่ได้ตรงกันเขาก็พยักหน้าด้วยความพอใจ
“ถ้าฉันจะจ้างเธอเดือนละห้าหมื่น ตกลงไหม”
“ห้าหมื่นเหรอคะ”
“อือ ทำไมน้อยไปเหรอ”
“เปล่าค่ะ มันมากกว่าที่หนูคิด แต่หนูต้องทำอะไรบ้างล่ะคะ”
“เธอต้องเขาไปอยู่ที่บ้านฉันในฐานะเมียของฉัน”
“แค่นั้นใช่ไหมคะ”
“ก็แค่นั้นหรือเธอคิดว่าฉันจะจ้างเธอไปทำอะไรล่ะ”
“เปล่าค่ะหนูก็แค่สงสัย แล้วหนูขอกลับมาดูแม่ มาช่วยแม่ทำงานบ้างได้ไหมคะ”
“ได้สิ แต่เธอต้องบอกฉันก่อนทุกครั้งว่าจะไปไหน”
“หนูต้องดูแลคุณปู่ของคุณด้วยไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอกคุณปู่ท่านมีคนดูแล้ว แต่เธออาจจะต้องไปคุยเป็นเพื่อนท่านบ้าง ไปวัดกับท่านบ้าง”
“แล้วหนูต้องทำงานนานแค่ไหนคะ”
“น่าจะประมาณหกเดือน”
“แต่หนูยังเรียนอยู่แล้วถ้าเปิดเทอมล่ะคะ”
“เธอก็ไปเรียนตามปกติ” ชานนท์เพิ่งรู้ว่าเธอเรียนอยู่เขานึกว่าเธอมาทำงานกลางคืนแล้วไม่สนใจการเรียน
“งั้นก็ตกลงค่ะ”
“เดี๋ยวค่ะ กัญญามีอะไรจะถามเพิ่ม” กัญญาวีร์ที่นั่งฟังอยู่นานกลัวเพื่อนของตนจะถูกเขาเอาเปรียบจึงรีบท้วงขึ้น
“มีอะไรอีกเหรอ”
“คุณจ้างเพื่อนของกัญญาไปทำหน้าที่เมียหลอกๆ เพราะฉะนั้นคุณไม่มีสิทธิ์นอนกับปุณ ถ้าคุณจะนอนคุณก็ต้องจ่าย”
“กัญญา” ปุณณิศาอายจนหน้าแดงที่เพื่อนพูดเรื่องนั้นออกไป
“เรื่องนี้ฉันว่าฉันน่าจะตกลงกันสองคนได้นะ”
“กัญญาหวังว่าคุณจะเอาเปรียบเพื่อนของกัญญานะคะ”
“แน่นอน”
ชานนท์หยิบเช็คขึ้นมาเขียนตัวเลขลงไปหนึ่งใบระบุจำนวนเงินหนึ่งแสนบาทยื่นให้กัญญาวีร์ ส่วนอีกเขาใส่ตัวเลขลงไปหนึ่งล้านบาทเพื่อยื่นให้กับปุณณิศา
“ค่าอะไรคะ” กัญญาวีร์มองหน้าเขาอย่างต้องการคำตอบ
“ค่าเก็บความลับยังไงล่ะ เรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้”
“กัญญาว่ามันมากไป”
“รับไปเถอะฉันเต็มใจให้ เธออาจจะได้ช่วยฉันอีกก็ได้”
“ขอบคุณค่ะ”
“คุณชานนท์คะแล้วทำไมของหนูจำนวนเงินถึงได้เยอะขนาดนี้ล่ะคะ เราตกลงกันที่ห้าหมื่นถ้าจ่ายล่วงหน้าหกเดือนก็สามแสนเองนะคะ”
“ห้าหมื่นคือเงินชดเชยที่เธอต้องขาดรายได้จากการทำงานที่ผับ ส่วนที่เหลือเป็นเงินค่าจ้างที่จะมาเป็นเมียของฉันไงล่ะ”
“ทำไมมันเยอะจังล่ะคะ”
“เอาน่า งานที่ฉันให้เธอทำมันไม่ได้สบายหรอกนะ ปู่ฉันน่ะเรื่องมากและเจ้าเล่ห์ เธอต้องเตรียมตัวอีกมาก พรุ่งนี้ไปหาฉันบริษัท เธอเปลี่ยนการแต่งตัวเดี๋ยวฉันจะให้คนพาเธอไปซื้อ”
หลังจากไปทานอาหารค่ำ ชานนท์ก็ไปส่งปนัดดาและกัญญาวีร์ที่บ้าน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า “หนูคิดอะไรอยู่” ชานนท์ถามคนที่นั่งพิงหัวไหล่ของตนอยู่บนโซฟาตัวโตในห้องนอนหลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำเสร็จ “กำลังคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อนะคะว่าหนูจะรอดจากแผนการของคุณพลอยกมลมาได้” “นั่นสิ พี่ไม่คิดเลยว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนั้น ถ้าพี่ยอมแต่งงานกับเขาตามที่แม่บอกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตพี่จะมีความสุขแบบนี้ไหม ขอบคุณนะปุณ ขอบคุณที่หนูเข้ามาในชีวิตพี่” “หนูต้องขอบคุณพี่นนท์ คุณปู่และก็ครอบครัวของพี่มากกว่าที่ไม่รังเกียจหนู” “หนูเป็นเด็กกตัญญูที่หนูทำก็เพื่อครอบครัว ใครจะรังเกียจหนูล่ะ พี่ยิ่งรักหนูมากขึ้นด้วยซ้ำ” “พี่บอกรักหนูอีกแล้ว” ปุณณิศาแหงนหน้ามองแล้วยิ้ม “หนูชอบไหมล่ะ พี่อยากบอกรับหนูทุกวันวันละหลายรอบเลยดีไหม” “ดีคะ หนูก็จะบอกรักพี่วันละหลายๆ รอบ หนูมีความสุขมากเลยค่ะ” “แต่หน้าหนูยังดูเป็นกังวลอยู่เลยนะ” “ก็เรื่องแม่ของพี่” “แม่เลิกจับคู่แล้วล
“ปุณ ไม่น้อยใจใช่ไหมที่ไม่มีงานแต่งงานใหญ่โต” ชานนท์ถามหญิงสาวที่อยู่ในเดรสสีขาวซึ่งดูไม่เหมือนชุดแต่งงานเท่าไหร่ ส่วนเขาก็แค่สวมเสื้อเชิ้ตสบายๆ เพราะวันนี้เป็นแค่การจดทะเบียนสมรสและการทานอาหารร่วมกันของครอบครัวเท่านั้น” “ไม่ค่ะ หนูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะไม่ต้องจัดงานให้วุ่นวาย” “พี่กลัวหนูเสียใจ” “ไม่เลยค่ะ แค่พี่นนท์อยู่ข้างๆ หนูแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” “ก็หนูน่ารักแบบนี้พี่ถึงรักหนูหมดใจ” “อะไรนะคะ” “พี่บอกว่ารักหนูหมดใจ” “พี่นนท์” หญิงสาวกอดเขาแน่น “หนูเป็นอะไร ไหนว่าไม่น้อยใจแล้วร้องไห้ทำไม” “ก็เมื่อกี้พี่บอกรักหนู หนูดีใจ” “พี่ขอโทษที่พูดช้าไป แต่พี่รักหนูมานานแล้ว รักมาก” “หนูก็รักพี่ค่ะ แล้วก็ดูออกว่าพี่รักหนู รักของพี่ไม่ต้องพูดหนูก็รู้” “ต่อไปพี่จะพูดบ่อยดีไหม” “แล้วแต่พี่เลย หนูไม่บังคับหรอกค่ะ” “หนูทำไมน่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ” ชานนท์กอดเธอแล้วจุมพิตไปบนไรผมอย่างรักใครก่อนที่จะพากันไปยังบ้านของคุณปู่ ในห้องรับแขกตอนนี้มี
สัญชัยโทรหาพลอยกมลเพื่อแจ้งว่าเขาจัดการงานที่สั่งเรียบร้อยแล้ว เลยอยากได้เงินส่วนที่เหลือเพิ่ม พลอยกมลนัดให้เขาไปที่ตึกร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมือง “ทำไมต้องออกไปไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ” “ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่านายอยู่กับฉัน ถ้าได้เงินแล้วก็เก็บตัวสักพักนะ” “แน่นอนผมว่าจะข้ามฝั่งแก้มมือแถวปอยเปตสักหน่อย เงินที่พี่ให้มารับรองได้เลยว่าผมจะใช้ให้คุ้ม” เขานัดแนะกับตำรวจอีกครั้งว่าให้พูดยังไงบ้างเพื่อให้ผู้ว่าจ้างยอมสารภาพ จากนั้นก็ให้ถอยออกมาแล้วตำรวจจะเข้าไปจัดการต่อ ขณะที่ขับรถไปตามเส้นทางที่พลอยกมลบอก สองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีบ้านคนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาเลยแม้แต่คันเดียวเพราะเป็นถนนเลี่ยงเมืองแต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง มันขับมาจนเกือบจะชิดกับรถที่เขาขับอยู่ จากนั้นชะลอให้ความเร็วเท่ากัน คนซ้อนท้ายเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น พอเขาลดกระจกลงมันก็รีบบิดหนีไป สัญชัยรู้สึกหงุดหงิดเขาอยากจะขับตามไปเอาเรื่องแต่ติดที่ว่าตัวเองกำลังทำตามแผนอยู่จึงได้แต่ปล่อยผ่าน แต่พอขับมาถึงบริเวณทางโค
สัญชัยเลือกโรงแรมม่านรูดที่ใกล้ที่สุดเพื่อจัดการกับเหยื่อแสนโอชะ จากแผนเดิมเขาจะจัดการเธอในรถ แต่เพราะอยากหาความสุขจากเรือนร่างที่หอมกรุ่นให้สมกับความเหนื่อยที่ต้องตามเธอมาถึงกรุงเทพ เตียงนอนกว้างๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขานั่งมองเธออย่างใจเย็น รอเวลาให้เธอรู้สึกตัวเพราะอยากสนุกกับเธอตอนที่มีสติมากกว่า มือหยาบกร้านเลื่อนตามเรียวขาที่โผล่พ้นกระโปรงสีสวย ไต่ขึ้นสูงทีละนิด มือหนึ่งดึงบรรจงจับเส้นผมสวยมาดมอย่างเสน่หา กลิ่นกายสาวหอมเย้ายวนกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ถึงแม้จะรู้ว่าเธอมีสามีแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะโชกโชนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเสียงฮึมฮัมในลำคอบวกกับมือที่ไต่ไปตามแขนและขาทำให้ปุณณิศาค่อยๆ รู้สึกตัวทีละนิด เธอได้กลิ่นเหงื่อไคลลอยมาปะทะจมูกแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นตนเองถูกใครบางคนพาออกมาจากสวนสาธารณะ พอเธอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับผู้ชายคนเดิมที่ตอนนี้ใบหน้าของมันอยู่ห่างเธอเพียงคืบ “กรี๊ดดดดด ปล่อยฉันนะ นายจับฉันมาทำไม ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”ปุณณิศาตะโกนสุดเสียงพร้อมกับขยับตัวหนีจนหลังชนกับหัวเตีย
ปุณณิศาไม่ขัดข้องที่งานแต่งงานของตนเองจะถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ที่คุณปู่หาให้ แต่มารดาของหญิงสาวดูจะตกใจที่ความสัมพันธ์แบบปลอมๆ ที่ทั้งสองมีในตอนแรกเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่พอเธอได้คุยกับคุณปู่ของชายหนุ่มก็สบายใจขึ้น ปนัดดาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขอแค่ชานนท์จะไม่ทิ้งลูกสาวเธอแค่นั้นก็พอแล้ว แต่ปู่มนตรีไม่ยอมและบอกว่าเรื่องสินสอดทองหมั้นจะจัดให้อย่างเหมาะสม แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงการแต่งแบบเงียบๆ เชิญแค่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสเท่านั้นก็ตาม แต่หลังจากหญิงสาวเรียนจบแล้วก็จะมีการจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้งถึงตอนนั้นก็คงจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งชานนท์และปุณณิศาก็เห็นดีด้วย “แม่เราว่ายังไงบ้างล่ะตานนท์จะมาร่วมงานไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมบอกแค่พ่อกับยัยตา ส่วนคุณแม่ผมยกหน้าที่ให้คุณพ่อเป็นคนบอกครับ” “กลัวไหมว่าแม่เขาจะไม่มา” “ถึงเขาไม่มาเราก็แต่งกันได้นี่ครับปู่” ชานนท์ไม่ได้สนใจว่ามารดาจะมาร่วมงานหรือเปล่า คนที่เขาแคร์มากที่สุดเป็นคุณปู่กับปุณณิศามากกว่า “หลานปู่คนนี้มันแน่จริงๆ ไม่
หลังจากที่ตกลงคบกันอย่างจริงจังแล้ว ปุณณิศาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องสัญญาที่กำลังจะหมดลง แต่ทุกครั้งที่เธอมาทานอาหารหรือมานั่งคุยกับคุณปู่มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด “ปู่คะ แค่นี้พอหรือยังคะ” ปุณณิศาถามคุณปู่มนตรีพร้อมกับชูดอกกล้วยในมือให้ท่านดู วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งตามปกติแล้วปุณณิศาจะกลับไปช่วยมารดาทำขนมที่บ้าน แต่วันนี้เธอเห็นว่าลุงทศไม่ค่อยสบายก็เลยอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ ท่านจึงชวนเธอมาที่เรือนกล้วยไม้เพื่อตัดกล้วยไม้บางส่วนไปถวายพระในวันพรุ่งนี้ “พอแล้วล่ะ ขอบใจหนูมากที่มาช่วยปู่ แล้วพรุ่งนี้จะไปวัดกับปู่ไหมล่ะ” “ค่ะ หนูว่าจะทำกล้วยบวชชีไปถวายพระด้วยดีไหมคะ กล้วยที่คุณปู่ปลุกไว้กำลังสุกได้ที่เลยค่ะ” “ได้สิ หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยช่วยแม่อยู่บ่อยๆ” “จริงสิ ปู่จำได้หนูเคยบอกว่าแม่ทำขนมไทยขายด้วย” “ค่ะคุณปู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำไปขายแล้วค่ะ แม่ทำขนมส่งร้านกาแฟค่ะ แต่บางครั้งก็จะมีลูกค้าขาประจำมาสั่งเป็นหม้อใหญ่ เอาไปเลี้ยงแขกบ้างไปถวายพระบ้าง” “แล้ว