ปุณณิศามาพบชานนท์ที่บริษัทในเวลาบ่ายของวันจันทร์จากนั้นเขาก็ให้ผู้ช่วยเลขาพาหญิงสาวไปซื้อชุดใหม่ ก่อนจะพาเธอกลับมานั่งรอเขาที่ห้องทำงานเพราะชายหนุ่มติดประชุมกับผู้บริหาร
ชุดที่ผู้ช่วยเลขาเลือกซื้อส่วนใหญ่จะเน้นที่ชุดกระโปรงทำให้เธอกลายเป็นสาวหวานอย่างที่ชานนท์สั่งไว้ ส่วนใบหน้าและทรงผมนั้นเขาพอใจอยู่แล้วจึงไม่ต้องเปลี่ยนหรือแต่งหน้าให้ยุ่งยาก
หญิงสาวมองถุงที่ใส่ชุดอีกหลายถุงที่วางอยู่ตรงพื้นแล้วก็ถอนหายใจเพราะมันดูจะมากเกินความจำเป็นด้วยซ้ำ แต่พอบอกจะไม่เอาคนที่พาเธอไปก็ขอร้องเพราะถ้าอย่างนั้นเธออาจจะโดนเขาดุ ปุณณิศาก็เลยได้เสื้อผ้ามาอีกหลายชุด
กว่าชานนท์จากออกจากห้องประชุมก็เกือบจะค่ำ แต่วันนี้ปุณณิศาไม่ต้องไปทำงานที่ผับแล้วจึงไม่มีธุระรีบไปไหน
“เบื่อไหม” เขาถามหลังจากกลับมาจากห้องประชุมแล้วเห็นหญิงสาวนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาในห้องทำงาน ชานนท์เดินไปนั่งบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน
“นิดหน่อยค่ะ” อันที่จริงเธอเบื่อมากที่ต้องมานั่งไถมือถือเล่นเพื่อรอเขาแบบนี้ แต่เพราะชานนท์เป็นนายจ้างปุณณิศาก็เลยต้องยอม
“หิวหรือยังล่ะ”
“ยังค่ะ”
“แต่ฉันหิวแล้ว เดี๋ยวเรากลับไปทานข้าวกับคุณปู่ก่อนแล้วฉันจะพาเธอไปส่งบ้าน”
“หนูต้องไปเจอคุณปู่วันนี้เลยเหรอคะ”
“ใช่สิ ทำไมหรือว่ายังไม่พร้อม”
“ค่ะ หนูว่าหนูยังไม่พร้อม”
“ยังไม่พร้อมหรือกลัวกันแน่ล่ะ”
“หนูกลัวที่ไหนล่ะคะ” ปุณณิศาไม่ชอบให้ใครมาดูถูกแม้ว่าตอนนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยพร้อมก็ตาม
“ถ้าไม่กลัวก็ไปกันเลย จำได้ใช่ไหมเรื่องที่ฉันบอก”
“จำได้ค่ะ หนูเจอกับคุณที่ร้านกาแฟที่หนูทำงานพิเศษอยู่ คุณเป็นลูกค้าประจำ พอเจอกันบ่อยก็เลยคุยกันและตกลงคบกัน เราคบกันมานานแล้วประมาณหนึ่งปี แต่เพราะหนูยังเรียนอยู่คุณก็เลยไม่อยากให้คนอื่นรู้เพราะกลัวหนูเสียหาย เราวางแผนกันไว้แล้วว่าหลังจากหนูเรียนจบแล้วเราจะแต่งงานกัน” หญิงสาวพูดตามบทที่เขาบอกไว้อย่างครบถ้วน
“จำได้ดีนี่”
“คุณนนท์คะ แล้วถ้าคุณปู่ถามถึงครอบครัวของหนูล่ะคะ”
“ก็บอกไปตามตรง เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา”
“คุณปู่คุณจะไม่รังเกียจใช่ไหม”
“ไม่หรอก”
“คุณนนท์ชอบทานอะไรคะ ชอบเที่ยวที่ไหน ชอบสีอะไร ชอบฟังเพลงแบบไหนคะ”
“ถามทำไม” เขาเงยหน้าขึ้นมองขณะที่มือก็หยิบถุงกระดาษเตรียมจะพาเธอไปที่รถ
“ก็เผื่อคุณปู่ถามไงคะ”
ชานนท์หัวเราะในลำคอก่อนจะเดินนำเธอมายังรถของตนเองที่จอดอยู่ในช่องจอดรถของผู้บริหาร
ชายหนุ่มเป็นรองประธานบริษัทส่งออกสินค้าแปรรูปทางการเกษตร เขาดำรงตำแหน่งนี้มานานหลายปีนับตั้งแต่บิดาของเขาขอลาออกไปทำไร่ส้มที่เชียงใหม่ ส่วนปู่ของเขานั้นทำหน้าที่เป็นประธานบริษัทซึ่งนานๆ ครั้งท่านถึงจะเข้ามาที่บริษัทเพราะท่านเห็นแล้วว่าหลานชายของตนนั้นสามารถทำงานทุกอย่างได้เป็นอย่างดี
“ฉันเป็นคนกินง่ายอาหารโปรดก็คือข้าวไข่เจียว ชอบสีขาว ดำ แล้วก็เทา ไม่ชอบฟังเพลงชอบอ่านหนังสือชอบดูหนังแอคชั่น” เขาบอกขณะที่รถกำลังเคลื่อนออกจากบริษัท
“แล้วชอบเที่ยวที่ไหนคะภูเขาหรือทะเล”
“ไม่ชอบทั้งสองที่วันหยุดฉันชอบอ่านหนังสืออยู่บ้าน”
“แต่คุณชอบไปเที่ยวผับ” ปุณณิศาพูดเสริม
“เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันชอบเที่ยว”
“ก็หนูเคยเห็นคุณไปที่นั่นตั้งหลายครั้ง”
“เธอแอบมองฉันเหรอถึงได้รู้ว่าฉันชอบไป”
“ไม่ได้แอบมองนะคะ คุณเด่นขนาดนั้นใครไม่เห็นก็แปลกแล้วค่ะ”
“ฉันน่ะเหรอเด่น”
“ใช่ค่ะ คุณตัวสูงหุ่นดีใบหน้าคม”
“จะบอกว่าฉันหล่อเหรอ”
“ก็ประมาณนั้นค่ะ คุณจะหล่อมากถ้าไม่เอาแต่ทำหน้าบึ้ง”
“อือ ฉันจะจำไว้นะ เอาละถึงบ้านแล้ว เธอพร้อมใช่ไหม”
เพราะเอาแต่ชวนเขาคุยกว่าจะรู้ตัวอีกทีรถก็เคลื่อนมาจอดที่หน้าบ้านเรือนไทยหลังใหญ่แล้ว
“บ้านคุณเหรอคะ”
“นี่บ้านปู่ฉัน บ้านฉันหลังนั้น” เขาชี้ไปยังบ้านของตนเองที่ตอนนี้ไฟทั่วบ้านมืดสนิท
“ค่ะ” ปุณณิศาพยักหน้าเมื่อเห็นบ้านทรงสมัยใหม่ที่อยู่ห่างไปอีกไม่ไกล
“เราจะทานข้าวกับคุณปู่แล้วค่อยเอาของไปเก็บที่บ้านฉัน”
พอลงจากรถชานนท์ก็เดินอ้อมมาจับมือปุณณิศา หญิงสาวหันมองหน้าเขาหัวใจเธอเต้นแรงขึ้นกว่าเดิม ก่อนจะตั้งสติแล้วสะกดจิตตัวเองว่าตอนนี้เธอกำลังแสดงเป็นภรรยาของเขา
“มือเย็นเชียว กลัวเหรอ” ชานนท์มองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วยิ้มเขาอยากให้เธอผ่อนคลายก่อนจะเจอคุณปู่
“คุณนนท์หนูเปลี่ยนใจทันไหมคะ” พอกำลังจะเข้าไปในบ้านปุณณิศาก็รู้สึก
“ไม่ทันแล้วปุณณิศา ท่องไว้ว่าเธอคือเมียของฉันแล้วก็เลิกเรียกฉันว่าคุณ ให้เรียกฉันว่าพี่นนท์”
“พี่เหรอคะ”
“ถ้าไม่เรียกพี่เธอจะเรียกฉันว่าอะไร คงไม่ใช่คุณอาหรอกนะ”
“เปล่าสักหน่อยหนูก็แค่คิดว่ามันดูสนิทกันเกินไป”
“เราคบกันมากี่ปีแล้วลืมเหรอ”
“เราคบกันมาประมาณหนึ่งปีแล้วค่ะพี่นนท์”
“ดีมาก”
ชานนท์พาเธอขึ้นมาด้านบนของบ้านซึ่งตอนนี้คุณปู่ของเขากำลังนั่งดูทีวีอยู่ในห้องรับแขก
“ปู่ครับ”
“อ้าว มากันแล้วเหรอ”
“สวัสดีค่ะคุณปู่” ปุณณิศายกมือไหว้คุณปู่ เธอนึกว่าท่านจะอายุมากกว่านี้เสียอีก
“ปู่ครับ นี้ปุณณิศาครับคนที่ผมเล่าให้ปู่ฟังไงครับ”
“สวยแบบนี้นี่เอง หลานปู่ถึงได้บอกว่ารักนักรักหนา” คุณปู่มองภรรยาของหลานชายด้วยความเอ็นดู
“ขอบคุณค่ะคุณปู่ หนูขอโทษด้วยนะคะที่มากราบสวัสดีคุณปู่ช้าไปหน่อย”
“ปู่ไม่โกรธหนูหรอก หนูน่ะเป็นผู้หญิงจะมาบ้านผู้ชายได้ยังไงถ้าเขาไม่ชวน คนที่ปู่จะโกรธก็ควรจะเป็นตานนท์มากกว่า”
“อ้าว ไหงมาลงที่ผมล่ะครับ”
“ก็มันจริงไหมล่ะ ดูสิหลานสะใภ้ปู่น่ารักอย่างนี้ยังจะไม่ยอมพามาเจอ”
“คุณปู่ขาอย่าดุพี่นนท์เลยค่ะ หนูผิดเองที่ไม่อยากบอกใครว่ากำลังคบกับพี่นนท์อยู่”
“ทำไมล่ะ หรือว่าหลานปู่ยังไม่ดีพอหรือมันทำให้หนูไม่มั่นใจจะฝากชีวิตไว้ หนูมีอะไรบอกปู่ได้เลยนะลูก”
“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ พี่นนท์ดีกับหนูทุกอย่างแต่หนูยังเรียนไม่จบก็เลยไม่อยากให้ใครรู้เท่าไหร่ อีกอย่างหนูก็กลัวว่าคุณปู่จะรังเกียจที่หนูยังเรียนไม่จบ”
“แล้วหนูอายุเท่าไหร่แล้วล่ะลูก”
“ตอนนี้อายุ 20 แล้วค่ะ”
“20 ปีถ้าเป็นเมื่อก่อนแต่งงานมีลูกไปแล้ว ปู่ไม่รังเกียจหนูหรอก ขอแค่รักกันก็พอแล้วเรียนจบก็รีบมีหลานให้ปู่เลยนะ”
“สมัยนี้มันไม่เหมือนกันนี่ครับคุณปู่”
“ปู่รู้หรอก แล้วหนูเรียนอะไรปีไหนแล้วล่ะ”
“หนูเรียนครุศาสตร์เอกภาษาอังกฤษค่ะ ตอนนี้กำลังจะขึ้นปี 3 ค่ะคุณปู่”
“อยากเป็นครูเหรอ”
“ค่ะคุณปู่”
“ปู่ครับ ปุณไม่ได้มาบ้านเราแค่วันเดียวนะครับ ผมว่าเราไปทานข้าวกันดีไหมครับ ผมเริ่มหิวแล้ว” ชานนท์รู้สึกว่าถ้าปล่อยให้สองคนคุยกันแบบนั้นคืนนี้ทั้งคืนก็คงคุยไม่จบ
ชายหนุ่มไม่คิดว่าปุณณิศากับคุณปู่จะเข้ากันได้ เขาไม่รู้ว่าท่าทางเป็นธรรมชาติเวลาที่หญิงสาวคุยกับคุณปู่นั้นเป็นสิ่งที่เธอแสดงหรือเป็นสิ่งที่ออกมาจากความรู้สึกของเธอกันแน่
หลังทานอาหารค่ำเสร็จแล้วปุณณิศาก็เดินตามชานนท์มาที่บ้านของเขา
“ปู่คุณนนท์ไม่เห็นจะน่ากลัวเลยนะคะ”
“ฉันบอกให้เรียกฉันว่าอะไร”
“ก็ตอนนี้อยู่กันแค่สองคน”
“เธอก็ควรฝึกให้มันชินไว้”
“ค่ะ รับทราบค่ะ พี่นนท์บอกให้หนูเรียกพี่แล้วตัวเองยังจะแทนตัวเองว่าฉัน หนูว่ามันฟังดูขัดกันนะคะ”
“เธอจะให้ฉันแทนตัวเองว่าพี่เหรอ”
“เรื่องนี้แล้วแต่พี่นนท์เลยค่ะ จะแทนตัวเองยังไงก็ได้ สำหรับหนูไม่มีปัญหาอยู่แล้วล่ะค่ะ”
ชานนท์ถอนหายใจ มันก็จริงอย่างที่ปุณณิศาพูดถ้าเขายังแทนตัวเองแบบนี้คุณปู่คงได้สงสัยแน่ๆ แต่จะให้แทนตัวเองว่าพี่มันก็ดูเหมือนจะสนิทกับเธอเกินไป เธอเป็นลูกจ้าง เขาเป็นนายจ้าง เพราะนั้นเขาจะแทนตัวเองว่าพี่แค่เฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าคุณปู่
หลังจากไปทานอาหารค่ำ ชานนท์ก็ไปส่งปนัดดาและกัญญาวีร์ที่บ้าน กว่าจะกลับมาถึงบ้านก็เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่า “หนูคิดอะไรอยู่” ชานนท์ถามคนที่นั่งพิงหัวไหล่ของตนอยู่บนโซฟาตัวโตในห้องนอนหลังจากที่หญิงสาวอาบน้ำเสร็จ “กำลังคิดว่าหนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีมากคนหนึ่ง ไม่น่าเชื่อนะคะว่าหนูจะรอดจากแผนการของคุณพลอยกมลมาได้” “นั่นสิ พี่ไม่คิดเลยว่าเขาจะร้ายกาจขนาดนั้น ถ้าพี่ยอมแต่งงานกับเขาตามที่แม่บอกก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชีวิตพี่จะมีความสุขแบบนี้ไหม ขอบคุณนะปุณ ขอบคุณที่หนูเข้ามาในชีวิตพี่” “หนูต้องขอบคุณพี่นนท์ คุณปู่และก็ครอบครัวของพี่มากกว่าที่ไม่รังเกียจหนู” “หนูเป็นเด็กกตัญญูที่หนูทำก็เพื่อครอบครัว ใครจะรังเกียจหนูล่ะ พี่ยิ่งรักหนูมากขึ้นด้วยซ้ำ” “พี่บอกรักหนูอีกแล้ว” ปุณณิศาแหงนหน้ามองแล้วยิ้ม “หนูชอบไหมล่ะ พี่อยากบอกรับหนูทุกวันวันละหลายรอบเลยดีไหม” “ดีคะ หนูก็จะบอกรักพี่วันละหลายๆ รอบ หนูมีความสุขมากเลยค่ะ” “แต่หน้าหนูยังดูเป็นกังวลอยู่เลยนะ” “ก็เรื่องแม่ของพี่” “แม่เลิกจับคู่แล้วล
“ปุณ ไม่น้อยใจใช่ไหมที่ไม่มีงานแต่งงานใหญ่โต” ชานนท์ถามหญิงสาวที่อยู่ในเดรสสีขาวซึ่งดูไม่เหมือนชุดแต่งงานเท่าไหร่ ส่วนเขาก็แค่สวมเสื้อเชิ้ตสบายๆ เพราะวันนี้เป็นแค่การจดทะเบียนสมรสและการทานอาหารร่วมกันของครอบครัวเท่านั้น” “ไม่ค่ะ หนูว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะไม่ต้องจัดงานให้วุ่นวาย” “พี่กลัวหนูเสียใจ” “ไม่เลยค่ะ แค่พี่นนท์อยู่ข้างๆ หนูแค่นั้นก็พอแล้วค่ะ” “ก็หนูน่ารักแบบนี้พี่ถึงรักหนูหมดใจ” “อะไรนะคะ” “พี่บอกว่ารักหนูหมดใจ” “พี่นนท์” หญิงสาวกอดเขาแน่น “หนูเป็นอะไร ไหนว่าไม่น้อยใจแล้วร้องไห้ทำไม” “ก็เมื่อกี้พี่บอกรักหนู หนูดีใจ” “พี่ขอโทษที่พูดช้าไป แต่พี่รักหนูมานานแล้ว รักมาก” “หนูก็รักพี่ค่ะ แล้วก็ดูออกว่าพี่รักหนู รักของพี่ไม่ต้องพูดหนูก็รู้” “ต่อไปพี่จะพูดบ่อยดีไหม” “แล้วแต่พี่เลย หนูไม่บังคับหรอกค่ะ” “หนูทำไมน่ารักขึ้นทุกวันเลยนะ” ชานนท์กอดเธอแล้วจุมพิตไปบนไรผมอย่างรักใครก่อนที่จะพากันไปยังบ้านของคุณปู่ ในห้องรับแขกตอนนี้มี
สัญชัยโทรหาพลอยกมลเพื่อแจ้งว่าเขาจัดการงานที่สั่งเรียบร้อยแล้ว เลยอยากได้เงินส่วนที่เหลือเพิ่ม พลอยกมลนัดให้เขาไปที่ตึกร้างแห่งหนึ่งซึ่งอยู่นอกเมือง “ทำไมต้องออกไปไกลขนาดนั้นด้วยล่ะ” “ฉันไม่อยากให้ใครเห็นว่านายอยู่กับฉัน ถ้าได้เงินแล้วก็เก็บตัวสักพักนะ” “แน่นอนผมว่าจะข้ามฝั่งแก้มมือแถวปอยเปตสักหน่อย เงินที่พี่ให้มารับรองได้เลยว่าผมจะใช้ให้คุ้ม” เขานัดแนะกับตำรวจอีกครั้งว่าให้พูดยังไงบ้างเพื่อให้ผู้ว่าจ้างยอมสารภาพ จากนั้นก็ให้ถอยออกมาแล้วตำรวจจะเข้าไปจัดการต่อ ขณะที่ขับรถไปตามเส้นทางที่พลอยกมลบอก สองข้างทางก็เริ่มเปลี่ยวขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีบ้านคนและรถยนต์สัญจรผ่านไปมาเลยแม้แต่คันเดียวเพราะเป็นถนนเลี่ยงเมืองแต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถจักรยานยนต์คันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง มันขับมาจนเกือบจะชิดกับรถที่เขาขับอยู่ จากนั้นชะลอให้ความเร็วเท่ากัน คนซ้อนท้ายเปิดกระจกหมวกกันน็อคขึ้น พอเขาลดกระจกลงมันก็รีบบิดหนีไป สัญชัยรู้สึกหงุดหงิดเขาอยากจะขับตามไปเอาเรื่องแต่ติดที่ว่าตัวเองกำลังทำตามแผนอยู่จึงได้แต่ปล่อยผ่าน แต่พอขับมาถึงบริเวณทางโค
สัญชัยเลือกโรงแรมม่านรูดที่ใกล้ที่สุดเพื่อจัดการกับเหยื่อแสนโอชะ จากแผนเดิมเขาจะจัดการเธอในรถ แต่เพราะอยากหาความสุขจากเรือนร่างที่หอมกรุ่นให้สมกับความเหนื่อยที่ต้องตามเธอมาถึงกรุงเทพ เตียงนอนกว้างๆ จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเขา เขานั่งมองเธออย่างใจเย็น รอเวลาให้เธอรู้สึกตัวเพราะอยากสนุกกับเธอตอนที่มีสติมากกว่า มือหยาบกร้านเลื่อนตามเรียวขาที่โผล่พ้นกระโปรงสีสวย ไต่ขึ้นสูงทีละนิด มือหนึ่งดึงบรรจงจับเส้นผมสวยมาดมอย่างเสน่หา กลิ่นกายสาวหอมเย้ายวนกว่าผู้หญิงทุกคนที่ผ่านมา ถึงแม้จะรู้ว่าเธอมีสามีแล้วแต่ก็ใช่ว่าจะโชกโชนเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่เขาเคยเจอมาก่อนหน้านี้ เพราะเสียงฮึมฮัมในลำคอบวกกับมือที่ไต่ไปตามแขนและขาทำให้ปุณณิศาค่อยๆ รู้สึกตัวทีละนิด เธอได้กลิ่นเหงื่อไคลลอยมาปะทะจมูกแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านั้นตนเองถูกใครบางคนพาออกมาจากสวนสาธารณะ พอเธอลืมตาขึ้นมาก็เจอกับผู้ชายคนเดิมที่ตอนนี้ใบหน้าของมันอยู่ห่างเธอเพียงคืบ “กรี๊ดดดดด ปล่อยฉันนะ นายจับฉันมาทำไม ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ”ปุณณิศาตะโกนสุดเสียงพร้อมกับขยับตัวหนีจนหลังชนกับหัวเตีย
ปุณณิศาไม่ขัดข้องที่งานแต่งงานของตนเองจะถูกจัดขึ้นตามฤกษ์ที่คุณปู่หาให้ แต่มารดาของหญิงสาวดูจะตกใจที่ความสัมพันธ์แบบปลอมๆ ที่ทั้งสองมีในตอนแรกเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่พอเธอได้คุยกับคุณปู่ของชายหนุ่มก็สบายใจขึ้น ปนัดดาไม่ได้เรียกร้องอะไรมากขอแค่ชานนท์จะไม่ทิ้งลูกสาวเธอแค่นั้นก็พอแล้ว แต่ปู่มนตรีไม่ยอมและบอกว่าเรื่องสินสอดทองหมั้นจะจัดให้อย่างเหมาะสม แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้จะเป็นเพียงการแต่งแบบเงียบๆ เชิญแค่ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายมาเป็นพยานในการจดทะเบียนสมรสเท่านั้นก็ตาม แต่หลังจากหญิงสาวเรียนจบแล้วก็จะมีการจัดงานแต่งงานขึ้นอีกครั้งถึงตอนนั้นก็คงจะจัดอย่างยิ่งใหญ่ซึ่งชานนท์และปุณณิศาก็เห็นดีด้วย “แม่เราว่ายังไงบ้างล่ะตานนท์จะมาร่วมงานไหม” “ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมบอกแค่พ่อกับยัยตา ส่วนคุณแม่ผมยกหน้าที่ให้คุณพ่อเป็นคนบอกครับ” “กลัวไหมว่าแม่เขาจะไม่มา” “ถึงเขาไม่มาเราก็แต่งกันได้นี่ครับปู่” ชานนท์ไม่ได้สนใจว่ามารดาจะมาร่วมงานหรือเปล่า คนที่เขาแคร์มากที่สุดเป็นคุณปู่กับปุณณิศามากกว่า “หลานปู่คนนี้มันแน่จริงๆ ไม่
หลังจากที่ตกลงคบกันอย่างจริงจังแล้ว ปุณณิศาก็รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขมากขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่ต้องกังวลถึงเรื่องสัญญาที่กำลังจะหมดลง แต่ทุกครั้งที่เธอมาทานอาหารหรือมานั่งคุยกับคุณปู่มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิด “ปู่คะ แค่นี้พอหรือยังคะ” ปุณณิศาถามคุณปู่มนตรีพร้อมกับชูดอกกล้วยในมือให้ท่านดู วันนี้เป็นวันเสาร์ซึ่งตามปกติแล้วปุณณิศาจะกลับไปช่วยมารดาทำขนมที่บ้าน แต่วันนี้เธอเห็นว่าลุงทศไม่ค่อยสบายก็เลยอยากจะอยู่เป็นเพื่อนคุณปู่ ท่านจึงชวนเธอมาที่เรือนกล้วยไม้เพื่อตัดกล้วยไม้บางส่วนไปถวายพระในวันพรุ่งนี้ “พอแล้วล่ะ ขอบใจหนูมากที่มาช่วยปู่ แล้วพรุ่งนี้จะไปวัดกับปู่ไหมล่ะ” “ค่ะ หนูว่าจะทำกล้วยบวชชีไปถวายพระด้วยดีไหมคะ กล้วยที่คุณปู่ปลุกไว้กำลังสุกได้ที่เลยค่ะ” “ได้สิ หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยช่วยแม่อยู่บ่อยๆ” “จริงสิ ปู่จำได้หนูเคยบอกว่าแม่ทำขนมไทยขายด้วย” “ค่ะคุณปู่ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำไปขายแล้วค่ะ แม่ทำขนมส่งร้านกาแฟค่ะ แต่บางครั้งก็จะมีลูกค้าขาประจำมาสั่งเป็นหม้อใหญ่ เอาไปเลี้ยงแขกบ้างไปถวายพระบ้าง” “แล้ว