Masuk“ส่วนนั่นพี่ได๋” เหมือนเจนจะลืมแนะนำตัวพี่ผู้หญิงคนหนึ่งก็เลยพูดขึ้นอีกครั้ง ฉันก็เลยยกมือไหว้เธอ แค่นั้นก็ได้เห็นมือเล็ก ๆ กวักมือเรียกให้ไปนั่งร่วมวง
“เอาเหล้าหรือเบียร์” พี่ได๋เปิดปากถามเมื่อพวกเรานั่งลงข้างเธอแล้ว ซึ่งลหน้าของพี่เขาก็แดงไปแล้วด้วย “หรือกินเปปซี่?”
“เปปซี่บ้าบออะไร มาวันเกิดเฮียทั้งที ต้องกินเหล้าเท่านั้น” เฮียปรากพูดขึ้น
“เอาเหล้าก็ได้ค่ะ” ฉันเอ่ยปากแล้วหันไปหาเจน “กลับดึกไหม”
“ปกติแล้วไม่ได้กลับนะ นอนเมาเหมือนหมาข้างพี่ได๋ทุกครั้ง” เจนพูดยิ้ม ๆ ซึ่งมันก็เป็นเรื่องจริงนั่นแหละ เพราะเจนชอบหายออกไปจากห้องตอนกลางคืนบ่อย ๆ กลับมาอีกทีก็ตอนเช้า ซึ่งเธอก็บอกว่าไปเมามานี่แหละ
“เพื่อนกินได้จริง ๆ เหรอวะเจน” คนที่หน้าดูเหมือนเป็นมิตรที่สุดเอ่ยขึ้น ‘พี่ปาย’ พยักพเยิดหน้ามาทางฉันสลับกับแก้วเหล้าที่อยู่ในมือของพี่ได๋
“ทำไมจะกินไม่ได้อะ” เจนถามกลับ
“เพื่อนเหมือนเด็กเรียน” พี่ปายมองฉันยิ้ม ๆ ตาคมจ้องหน้ากันนิ่ง ซึ่งฉันก็จ้องหน้าเขากลับเหมือนกัน จ้องสี่ตาเลยด้วย
“เด็กเรียนอะไร พี่ปายยังไม่เห็นไอ้ตุ๋นแต่งตัว อยากจะบอกว่ายังงี้เลย” ว่าแล้วก็ยกนิ้วโป้งขึ้นเพื่อตอกย้ำคำว่า ‘ยังงี้เลย’
“อะไรคือคำว่ายังงี้เลย” เขาก็ยังถามกลับ ปากพูดกับเจน แต่ตาดันมองหน้าฉัน
“แซ่บยังงี้เลย”
“แซ่บหรือเฉิ่ม แว่นตาหนาเตอะขนาดนั้น” ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วใส่พี่ปายทันที นี่ยังรู้จักกันไม่ถึงสิบนาทีเลยนะ กล้าเอ่ยปากว่าฉันเฉิ่มแล้ว
“ไอ้ปายมึงเลิกแกล้งน้องเขาได้แล้ว เดี๋ยวน้องร้องไห้” พี่เดย์ที่นั่งอยู่ข้างพี่ปายพูดขึ้น “มันชอบแกล้งแบบนี้แหละ ไม่ได้คิดอะไรหรอก”
“ไม่เป็นไรค่ะ” ฉันพูดยิ้ม ๆ ไม่ได้โกรธเขาหรอก เพราะใคร ๆ ก็หาว่าฉัน ‘เฉิ่ม’ ตั้งนานแล้ว อีกทั้งพี่ปายก็อุตส่าห์นั่งเปลือยท่อนบนให้ฉันอ่านกิน ของแบบนี้มันทดแทนกันได้ นาน ๆ จะได้เห็นของดีพรีเมียม
“ว่าแต่ทำไมพวกพี่ไม่เคยเห็นหน้าเลย” พี่คินพูดขึ้นบ้าง “หรือเจนซ่อนเพื่อน?”
“ซ่อนอะไร ไอ้ตุ๋นมันซ่อนตัวเอง”
“แล้วนี่เหรอที่บอกว่าเพื่อนร่วมคอนโดฯ”
“ใช่” เจนพยักหน้ารับกับคำถามของเฮียปราก “โสดนะ เผื่อมีใครอยากจีบ”
“ไปหาผู้ชายดี ๆ เถอะน้อง อย่าเอาอนาคตมาทิ้งไว้กับไอ้พวกนี้เลย” พี่ได๋ที่นั่งหน้าแดงพูดขึ้นเสียงยืดยาน แต่ก็พอจับใจความได้ “เหี้ย ๆ ทั้งนั้น”
“ได๋มึงไม่เคยอ่อนโยนกับเพื่อนเลยว่ะ”
“ไม่ต้องพูดมากไอ้คิน โดยเฉพาะมึงเลยที่เหี้ย” ชี้หน้าพี่คินเท่านั้นก็หันมาหาฉัน “น้องอย่าไปยุ่งกับมัน”
“กูไปเอาน้ำแข็งก่อน เดี๋ยวไอ้ได๋ลามมาหากูอีก” พี่ปายที่กินเหล้าดูเหตุการณ์เงียบ ๆ ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินหายเข้าไปในห้องครัว ส่วนคนอื่น ๆ ก็ยังคงถกเถียงกันอยู่เหมือนเดิม มีเพียงพี่ภีมเท่านั้นที่เงียบไม่พูดไม่จา
จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพัก เจ้าของบ้านก็พูดขึ้น
“ไอ้ปายมันไปเอาน้ำแข็งที่บ้านแม่มันหรือไงวะ” เฮียปรากบ่นพึมพำ น่าจะครึ่งชั่วโมงได้แล้วมั้งที่พี่ปายหายไป
“ไม่ใช่ว่ามันไปชักหรือไงเฮีย แดกเหล้าแล้วชอบเงี่ยน”
“มึงเกรงใจน้องเขาบ้าง” เจ้าของบ้านมองพี่คินอย่างอ่อนใจ “เดี๋ยวกูไปตามมันก่อน มึงพวกแดกไป”
“เจนไปด้วยเฮีย อยากเข้าห้องน้ำ” พูดแค่นั้นทั้งสองก็หายเข้าไปในห้องครัวของบ้าน ส่วนฉันที่ไม่รู้จักใครก็ทำได้แต่นั่งฟังพี่ได๋เถียงกันกับพี่คินนิ่ง ๆ ก็มียกแก้วบ้าง แต่ก็ไม่ได้ยกหนักเพราะยังไม่คุ้นชินกับคนกลุ่มนี้
“พี่ได๋ห้องน้ำไปทางไหนเหรอ หนูปวดฉี่” ฉันหันไปถามคนเมาหน้าแดงที่นั่งข้าง ๆ ซึ่งเธอก็หันมายิ้มตาหวานให้กันแล้วชี้ไปที่ทิศทางหนึ่งของบ้าน เห็นแบบนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วพาตัวเองไปทิศทางที่พี่ได๋ชี้ไปทันที
“อื้อ…” เสียงอะไรบางอย่างทำให้ฉันหยุดชะงักขา ส่วนหน้าก็ค่อย ๆ ส่องดูไปตามทางที่เสียงวิ่งมา แต่แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นเพื่อนตัวเองกำลังฟัดเหวี่ยงกับเจ้าของบ้านอย่างเมามัน ร่างเล็ก ๆ ของเจนถูกอุ้มขึ้นสูงให้พิงเข้ากับผนังของบ้าน ชุดเดรสก็กองอยู่บนเอว ส่วนเฮียก็ถอดแค่เสื้อเท่านั้น แต่กางเกงก็หลุดลุ่ยพอ ๆ กัน
“ฮะ…เฮีย…อ๊ะ”
“แอบดูคนอื่นไม่ดีนะ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นใกล้หูพร้อมกับแผ่นหลังสัมผัสได้ว่าปะทะเข้ากับอะไรแข็ง ๆ และสิ่งนั้นน่าจะเป็นแผงอกของอีกคน ดวงตาฉันเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ แต่ก็ยังไม่ได้ร้องออกมา มือหนาก็ยกขึ้นมาปิดปากฉันไว้ซะก่อน
“ทำลายความสุขของคนอื่นมันบาปนะเฉิ่ม”
“อื้อ…” ฉันร้องประท้วงในลำคอให้เขาปล่อยมือ กล้าดียังไงมาเรียกฉันว่าเฉิ่ม!!
“ปล่อยแล้วห้ามร้อง ตกลงไหม?”
“อือ…” ฉันพยักหน้ารับ เพียงเท่านั้นเขาก็ปล่อยมือ ก็เลยรีบพาตัวเองออกห่างจากคนที่กำลังยืนทำหน้าอารมณ์ดี
“ไม่ได้ชื่อเฉิ่ม หนูชื่อไข่ตุ๋น เรียกใหม่ด้วย” ฉันพูดแข่งกับเสียงร้องอื้ออ้าของเพื่อนกับเฮียปรากที่กำลังฟัดเหวี่ยงกันในขณะนี้
“ไม่เรียก จะเรียกเฉิ่ม” พี่ปายแสดงสีหน้าออกมาว่าสนุกสนานชัดเจน แต่มันไม่ได้สนุกสนานแบบเจ้าเล่ห์อะไร มันเหมือนเขาเอ็นดูฉันมากกว่า
“ชื่อไข่ตุ๋น”
“อร่อยไหม?”
“อะไรอร่อย” ว่าแล้วก็ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ แต่ขาก็ต้องถอยหลังเมื่ออยู่ดี ๆ พี่ปายก็สาวเท้าเข้ามาใกล้กัน
“ไข่ตุ๋นน่ะอร่อยไหม?”
เวลาต่อมา…“โอ้ยเนาะ ว่าสิมาโรแมนติกจักนอย โซ่กะตก ห่าแดกมึงหนิ” ฉันบ่นไปทำไป ประเด็นคือตอนนี้กำลังใส่โซ่รถจักรยานอยู่ ปั่นยังไม่ครึ่งทางเลย โซ่ตกซะแล้ว“เดี๋ยวพี่ใส่ให้ มือเปื้อนหมดแล้ว” พี่ปายที่ยืนขำอยู่ข้างหลังพูดขึ้น คงจะขำที่ฉันบ่นเป็นภาษาอีสาน เพราะนาน ๆ ทีจะพูดให้ได้ยิน “เฉิ่มเอ้ย”“พี่ใส่เป็นเหรอ” หันไปมองพี่ปายงง ๆ“ใส่เป็น” เขาพยักหน้ารับแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างฉัน “ไปจับจักรยาน เดี๋ยวพี่ใส่เอง”“โอเค” ตอบรับแค่นั้นก็ลุกขึ้นยืน ชะเง้อมองพี่ปายใส่โซ่จักรยานด้วยความชำนาญ และเพียงไม่นานก็ใส่เสร็จ จักรยานกลับมาปั่นได้เหมือนเดิม“โห ไม่น่าเชื่อว่าจะใส่ได้”“เรื่องแค่นี้” เขากระโดดขึ้นจักรยานแล้วหันมาหาฉันอีกครั้ง “กลับบ้านไปล้างมือก่อน ค่อยออกมาใหม่”แล้วเราสองคนก็กลับบ้านไปล้างไม้ล้างมือ ไม่นานก็ปั่นออกมาอีกเหมือนเดิม ฉันชี้บอกทางไปเรื่อย ๆ ด้วยความที่บ้านติดทุ่งนาบรรยากาศก็เลยดี ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านด้วย“เคยเลี้ยงควายไหมเฉิ่ม” พี่ปายถามขึ้นพร้อมกับชะลอความเร็วของการปั่นลง คงจะเห็นควายเดินผ่านหน้าไปก็เลยถาม“ไม่เคยเลี้ยง” ฉันส่ายหน้าพัลวัน ยกมือขึ้นกอดรอบเอวพี่ปายแน่น “เคยเลี้ยงแต
บ้านต่างจังหวัด“ยายยยย หนูกลับมาแล้ว” ฉันวิ่งไปหายายที่กำลังยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าบ้าน สีหน้าและท่าทางแสดงความสงสัยออกมาชัดเจนเมื่อเห็นรถพี่ปาย ดีนะที่เขาเอารถออดี้ทรงเก๋งมา ถ้าเอาซูเปอร์คาร์ลูกรักมา ป่านนี้ยายฉันคงเอาสากกะเบือโยนใส่แล้ว ข้อหาเสียงดัง“ยายกะว่าแม่นผู้ได๋ขับรถมาหา อีตุ๋นของยายนี่เอง” ยายรับฉันเข้าไปกอดพร้อมกับพูดออกมา “แล้วมานำไผหั่น”“พี่ปายแฟนหนูเอง” ว่าแล้วก็กวักพี่ปายที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลให้เดินเข้ามาหายาย “นี่ยายหนู สวยไหม เจ็ดสิบแล้วยังไม่แก่เลย”“สวัสดีครับ” พี่ปายยกมือไหว้ยายไม่ได้สนใจต่อคำพูดไปเรื่อยของฉัน“ไหว้พระ ๆ” ยายรับไหว้ในขณะที่กำลังมองพี่ปายอย่างพิจารณา “แมนแฟนหลานยายอิหลิติสู คือมาหล่อปานดาราแท้ ว่าแมนมาริโอ้”“หล่อบ่ยาย หนูเลือกมาอย่างดีเลยเด้หนิ” ไม่ได้เลือกหรอก เพราะความอยากลองเรื่องสิบแปดบวกล้วน ๆ ก็เลยตกกระไดพลอยโจนคบกับพี่ปายมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็พูดหยอกยายไปอย่างนั้นเอง“หล่อ ๆ” ยายพยักหน้ารับ “ไป ๆ เข้าบ้าน”“พี่ปายไม่ต้องเกร็งนะ ยายหนูใจดีมาก ยายไม่โหด” ฉันผละตัวออกจากยายแล้วเดินเข้าไปหาพี่ปายที่ยืนนิ่ง ๆ เหมือนไม่ใช่พี่ปายที่ฉันรู้จัก
“เก็บแล้วออกไปข้างนอก ไอ้คินมันซื้อของกินมาเยอะ” ปายยอมลุกออกจากเมียตัวน้อยของตัวเอง ไม่ลืมที่จะดึงแขนเธอขึ้นตาม“พี่คินมาเหรอ?”“อือ อยู่ข้างนอก”“งั้นขอเก็บของแป๊บ เดี๋ยวตามออกไป” พอได้ยินคำว่า ‘ของกิน’ หูก็ผึ่งทันที ดวงตากลมโตวาววับเหมือนกำลังถูกใจกับอะไรสักอย่าง ตาคมมองเมียตัวเองอยู่อึดใจก็เดินออกไปหาเพื่อนที่อยู่ข้างนอก ไม่อยากอยู่นานเพราะกลัวอดใจไม่ไหว เห็นไข่ตุ๋นทีไร เขาของขึ้นทุกที“ที่จริงมึงไม่ต้องมาดูแลกูก็ได้นะ” คินละสายตาจากโทรศัพท์มามองเพื่อน “กูจะคิดว่าที่นี่คือห้องของกูเอง”“หน้าด้านฉิบหาย” ปายหยิบของกินขึ้นมาถือแล้วเดินเข้าไปในครัว จัดแจงอาหารใส่จานแล้วเอามาวางต่อหน้าคิน คนที่เล่นโทรศัพท์อยู่นั้นเงยหน้ามองทันที“เสิร์ฟกู?”“เปล่า” เจ้าของห้องส่ายหน้า “เอามาเสิร์ฟเมีย เดี๋ยวเมียออกมา”“หลงเมียฉิบหาย”“ไม่เถียง” เพราะเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่คินพูดมันก็คือเรื่องจริง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผู้ชายที่ตัวโตแบบเขาจะมาเสียรู้ให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตัวเล็กมากจริง ๆ แถมยังเป็นเด็กอายุยี่สิบเท่านั้น ไม่ใช่ผู้หญิงจัดจ้าน แต่งตัวบ้าน ๆ แถมยังใส่แว่นตาหนาเตอะ แต่เขาก็หลงรักจริง ๆ
ช่วงปิดภาคเรียน“กลับไปเยี่ยมยายหรือย้ายบ้าน?” ปายมองเมียตัวน้อยที่กำลังเก็บเสื้อผ้าทั้งตู้ออกมาพับด้วยความสงสัย ตอนนี้ไข่ตุ๋นปิดภาคเรียนปีที่สองแล้ว ส่วนปายก็จบปีสี่เรียบร้อย แต่ก็ยังคิดอยู่ว่าจะต่อโทหรือเปล่า ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ“ก็เยี่ยมยายไง”“ไม่ขนช่วยนะ เยอะขนาดนั้น” เพียงเท่านั้นหน้ากลม ๆ ก็บูดเบี้ยวทันที หน้าเริ่มงอง้ำเหมือนกำลังจะงอน “เอาไปแค่สิบชุดก็พอ”“เผื่อลงไร่ลงนาไง ก็ต้องเอาไปเยอะ ๆ สิ”“ตามใจ แต่พี่ไม่ขนช่วยนะ”“ขนช่วยหน่อย” ไข่ตุ๋นละมือจากการเก็บพับผ้า เดินเข้าไปหาปายที่นั่งมองเธอนิ่ง ๆ อยู่ปลายเตียง คนตัวเล็กทิ้งตัวนั่งลงบนตักแกร่งเหมือนที่ชอบทำ ซบหน้าลงที่อกกว้างอย่างออดอ้อน“ทำไมนับวันยิ่งอ้อนวะ” แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยอมยกแขนโอบกอดเอวเล็กไว้ พูดได้เต็มปากเลยว่าตอนนี้เขาหลงเมียจนโงหัวไม่ขึ้นจริง ๆ แค่เห็นตากลม ๆ แก้มป่อง ๆ ก็อดใจไม่ไหวแล้ว รู้สึกเหมือนตกหลุมรักไอ้เฉิ่มของตัวเองทุกวันอยากขอบคุณทับทิมมากที่ทำแบบนั้นกับเขา เพราะถ้าเธอไม่ทำแบบนั้น ก็คงไม่ได้มารักกับไอ้เฉิ่มแบบนี้“ไม่ดีเหรอ หนูอ้อนเยอะ ๆ พี่ปายจะได้รักหนูเยอะ ๆ ไง”“แค่นี้ก็รักไม่รู้จะรักย
เวลาต่อมาสิบนาทีหรือสิบชั่วโมงก็ไม่รู้ ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็มืดแล้ว บอกให้ปลุกก็ไม่ยอมปลุก แถมยังหนีไปสังสรรค์อีกนะ ทิ้งให้ฉันนอนน้ำลายยืดอยู่คนเดียว“เมียมึงหน้ายุ่งมาแล้วไอ้ปาย” พี่เดย์พยักพเยิดหน้ามาที่ฉันที่กำลังมุ่งตรงไปที่กลุ่มเหล้า ทุกสายตาจับจ้องมาทางนี้นิดหน่อยก็หันกลับไปโฟกัสแก้วเหล้าตัวเองเหมือนเดิม“โดนแน่มึง”“ทำไมไม่ใส่เสื้อแขนยาวมาด้วย อากาศมันเย็น” แต่พี่ปายก็ไม่ได้สนใจคำเพื่อนอยู่ดี เขาอ้าแขนออกรอรับร่างฉันให้นั่งลงที่ตักแกร่ง ซึ่งฉันก็ยอมทำตาม“ทำไมไม่ปลุกหนูล่ะ” ไม่ลืมที่จะว้ากใส่เขา“เห็นนอนเพลิน ไม่อยากปลุก” สองแขนกระชับอ้อมกอดแน่น เหมือนกำลังจะง้อทางอ้อมยังไงก็ไม่รู้“เฮียบอกมันแล้ว แต่มันบอกน้องใช้พลังงานเยอะ ต้องนอนพักผ่อน เฮียก็เลยไม่พูดอะไรต่อ” เฮียกปรากพูดออกมาด้วยสีหน้าเอือมระอาไม่ต่างจากคนอื่นที่มองพี่ปายแบบเหม็น ๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ฉันหุบปากเงียบหรอก ประเด็นก็คือพี่ปายบอกคนอื่นว่า ‘ฉันใช้พลังงานเยอะ’ นี่สิ จะเกินไปไหม!!“มา ๆ เล่นเกมกันดีกว่า” พี่ได๋คงเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของฉันก็พูดขึ้น เธอเอาขวดมาวางไว้กลางวงพร้อมกับเคลียร์อาหารออก “เกมง่าย ๆ ข
“พี่ปาย…” ฉันกดเล็บเท้าลงกับแผ่นหลังกว้างเมื่ออีกคนกำลังละเลงจุดอ่อนไหวของฉันด้วยลิ้น และเป็นการละเลงที่ยาวนานมาก ละเลงแบบไม่พักเลยเชื่อไหมว่าหลังจากที่พี่ปายบอกว่าจะพาฉันเข้าห้อง เขาก็ทำจริง ๆ และเมื่อเข้ามาแล้วก็จับฉันยัดใส่ห้องน้ำไม่พูดไม่จา อุ้มร่างเล็ก ๆ ของฉันให้นั่งบนชักโครก ส่วนเขาก็ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น ยกขาสองข้างวางบนไหล่กว้างแล้วก็ทำอย่างที่เห็นปรนเปรอกันด้วยลิ้น…“อ๊ะ” ความรู้สึกดีที่โคตรทรมานตีแล่นเข้ามาจนต้องเงยหน้าปล่อยเสียงร้องครวญครางออกมาไม่ขาดสาย ลมหายใจสะดุดครั้งแล้วครั้งเล่า เรียวขาสั่นจนไม่รู้จะสั่นยังไง ฉันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้ รู้แค่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ แต่ก็ทรมานมากเช่นกัน ทรมานมาก ๆ เลย“อื้อ…”“อยากได้กี่นิ้ว” เขาถอนปากออกแล้วถามกันเสียงพร่า สอดนิ้วเข้ามาในช่องคับแน่นแล้วแยงเข้าออกไปมา เหมือนกำลังจะเล่นกับน้ำรักที่มันกำลังไหลเยิ้มเพราะความใคร่ยังไงก็ไม่รู้“อยากได้ไอ้นั่น”“ยังไม่ให้ เอานิ้วก่อน” พูดแค่นั้นก็กดหน้าลงไปดูดดึงกับติ่งเกสรกลางร่าง จากตอนแรกที่สอดเข้ามาหนึ่งนิ้ว ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นสองนิ้วแล้วเรียบร้อย แยงความนิ่มถูไถกับโพ







