Masuk
คอนโดฯ ไข่ตุ๋น&เจน
“ไอ้ตุ๋น แกคิดจะออกจากห้องบ้างไหมฮะ หมกตัวอยู่ในนี้สามวันแล้วนะเว้ย แล้วน้ำได้อาบบ้างหรือเปล่า” เสียงของ ‘เพื่อนสนิท’ ทำให้เสียงพิมพ์ต๊อกแต๊กอยู่นั้นเงียบลง ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายแล้วหันไปมองคนที่ทำให้ฉันหลุดออกจากจินตนาการ
“มีอะไร”
“ก็เข้ามาดูไง นึกว่าตายไปแล้ว เห็นหมกตัวอยู่ในห้องทั้งวัน” เจนเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ ชะเง้อหน้าเข้ามามองที่โน๊ตบุ๊คของฉันอย่างวิสาสะ “ใกล้จบยัง”
“วันนี้น่าจะเสร็จ กำลังรีไรต์ต้นฉบับ”
“งั้นคืนนี้ออกไปหาอะไรกินกัน”
“ที่ไหน” ฉันถามในขณะที่หันกลับมามองหน้าจอโน๊ตบุ๊คเหมือนเดิม “ถ้าร้านเหล้าไม่ไปนะ ขี้เกียจแต่งตัว”
“ไม่ใช่ร้านเหล้าหรอก ว่าจะพาเข้าไปที่บ้านรุ่นพี่ที่รู้จัก เขาจัดวันเกิดกัน”
“ถ้างานเสร็จน่ะนะ” งานที่ว่าก็คือ ‘แต่งนิยาย’ ตอนนี้ฉันเรียนอยู่คณะมนุษยศาสตร์ปีที่สอง เพราะอยากหารายได้เสริมช่วยพ่อแม่ที่อยู่ต่างจังหวัดก็เลยดึงความถนัดที่ทำได้ออกมาแปลงเป็นเงิน มันก็ไม่ได้เยอะมากเพราะเรื่องที่ฉันแต่งมันก็ไม่ได้สนุกอะไรมากมาย พอไปวัดไปวาได้ รายได้ก็พอได้อยู่ได้กินนั่นแหละ
“งั้นก็รีบเลยจะได้รีบเสร็จ แล้วก็แต่งตัวด้วยนะเว้ย” เจนพูดแค่นั้นก็เดินออกจากห้องไป ฉันก็เลยกลับมาโฟกัสงานต่อ ดันแว่นตาหนาเตอะให้กลับเข้าที่ ส่วนจมูกก็มียาดมยัดอยู่ในนั้น สองตาก็นั่งอ่านรายละเอียดของนิยายต่อไป เพราะวันนี้วางเป้าไว้แล้วว่าจะต้องปิดต้นฉบับให้ได้เพราะนักอ่านที่รักรออยู่ ฉะนั้นลุย!!
เวลาต่อมา…
“โอ้ยไอ้ตุ๋น แกแต่งตัวอะไรเนี่ย!!” เสียงเจนแหวขึ้นเมื่อฉันเดินออกมาจากห้องหลังจากที่ทำงานเสร็จแล้ว ดวงตากลมโตของเพื่อนมองฉันอย่างประเมินตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วส่ายหัวทันที “ไม่ได้ ๆ เข้าไปเปลี่ยนใหม่ แต่งหน้าด้วย แกจะไปหน้าสดแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย”
“ไม่เอา ไปแบบนี้แหละ” ว่าแล้วก็ก้มลงมองตัวเอง “มันก็ไม่ได้แย่นะเจน”
“ไม่แย่แต่มันดูไม่โต ยิ่งแกใส่แว่นตาหนาเตอะขนาดนี้ ก็ยิ่งดูเด็ก ไปเปลี่ยนใหม่!!” เพื่อนย้ำเสียงดังอีกครั้ง
“ไปแบบนี้แหละ ปะ หิวแล้ว” ที่จริงก็ไม่ได้แต่งตัวแย่อะไร (หรือเปล่า) ก็เสื้อยืดธรรมดากับกางเกงยีนขาสั้น ส่วนรองเท้าก็อีแตะดี ๆ นี่แหละ ผมที่ยาวย้วยก็ถูกมัดลวก ๆ ไว้กลางหัว ใบหน้าก็ไม่ได้แต่งแต้มอะไร เพราะคิดว่ามีแว่นตาอำพรางอยู่ ก็เลยไม่อยากแต่งอะไรให้มันมากมาย
“ถ้าโดนแซวขึ้นมาอย่ามาบ่นให้ฟังอีกนะ”
“ไม่บ่นหรอก ชินแล้ว” ที่ว่าโดนแซวก็คือ ‘เฉิ่ม’ เพราะฉันใส่แว่นตาหนาเตอะ อีกทั้งยังไม่ค่อยแต่งตัว ทุกคนก็เลยคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้น ซึ่งจริง ๆ แล้วก็เป็นผู้หญิงธรรมดาทั่วไปนี่แหละ และที่ใส่แว่นก็ไม่ใช่เพราะเป็นเด็กเรียนอะไร พอดีสายตาสั้นเพราะเล่นโทรศัพท์ และดู ‘คลิปวิดีโอ’ มากเกินไป อีกทั้งแต่งนิยายอีก สายตาก็เลยเสียไปเลย ก็เลยต้องใส่แว่นนี่แหละ
“เพราะแบบนี้ไงแกก็เลยไม่มีแฟนสักที” เสียงบ่นขึ้นเมื่อเราเข้ามาอยู่ในรถแล้ว และรถคันนี้ก็คือรถของเจน เธอเป็นเด็กในเมืองและบ้านรวย แตกต่างจากฉันที่เป็นเด็กต่างจังหวัดที่สอบติดมหา’ลัยที่นี่ ก็เลยต้องย้ายตัวเองมาปักหลักที่กรุงเทพฯ หนีบ้านหนีเมืองมาอยู่ในที่แสนไกล
“ผู้ชายพวกนั้นตาถั่วไง พลาดของดี”
“ไม่อยากให้เขาพลาดของดีก็แต่งตัวซะสิ”
“เอาเวลาไหนไปแต่ง แค่แต่งนิยายก็ไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแล้ว” ไหนจะเรียน งานที่อาจารย์สั่ง ไหนจะปั่นนิยาย เวลาว่างแทบไม่มี
“ทำไมแกไม่ลงโปรโมทให้เพื่อนในคณะเข้าไปอ่าน ฉันว่าคณะเราก็มีคนสนใจอะไรแบบนี้อยู่นะ”
“นิยายนะไม่ใช่นิทาน แกก็รู้ว่าฉันแต่งเรตยี่สิบห้าบวก ถ้ามีคนรู้ว่านามปากกา ‘กระต่ายน้อย’ คือฉัน เขาจะไม่มองฉันแปลก ๆ เหรอ” ใช่แล้ว นิยายที่ฉันแต่งมันจะเป็นเรตยี่สิบห้าบวก ซึ่งมีน้อยมากที่จะแต่งสิบแปดบวก อีกทั้งยังติดแต่ง nc หนัก ๆ มาแต่ไหนแต่ไร ก็เลยชินมาตั้งแต่นั้นเลย
“แต่แกก็เก่งนะ ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์แต่บรรยายเนื้อหาแบบนี้ได้ลื่นไหล ขนาดตอนที่ฉันอ่านยังร้อนวูบวาบในท้องน้อยเลย”
“ร้อนวูบวาบในท้องน้อย หรือร้อนตรงไหน?” หันไปมองเพื่อนอย่างจับผิด เพียงเท่านั้นใบหน้าสวยหวานก็เหลือบมามองฉัน ก่อนที่จะตีคิ้วขึ้นยั่ว ๆ
“ก็รู้อยู่ แกคนแต่งก็น่าจะรู้ดี ยังจะมาถาม”
“กางเกงในเปียกเลยแหละ”
“โคตรหื่น” แล้วเราสองคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันเมื่อพูดอะไรที่มันกำกวมจบ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ฉันกับเจนจะชอบพูดอะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าเราหื่นหรือมันเป็นความชอบไปแล้วกันแน่ ถ้าไม่พูดก็เปิดดู ‘คลิปวิดีโอ’ เมื่อก่อนฉันก็ไม่ได้ดูหรอกเยอะหรอก แต่เพิ่งดูจริง ๆ จัง ๆ ก็ตอนแต่งนิยายนี่แหละ อยากเห็นกระบวนท่าทางว่าเขาทำอะไรยังไง ก็เพราะไม่เคยนั่นแหละ ถึงได้เปิดดูอะไรแบบนี้
พอดูไปดูมาก็เพลิน เพลินแล้วก็ติด แย่จัง…
ไข่ตุ๋นติดหนังโป๊ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น
เจนใช้เวลาขับรถสักพักก็พามาถึงจุดหมาย ไม่รู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นบ้านของใครเพราะเพิ่งเคยมาครั้งแรก มองเข้าไปในบ้านก็เห็นวงเหล้ากลุ่มเล็ก ๆ กำลังนั่งจุ้มหัวกันอยู่ในตอนนี้
“มาพอดีเลย ไอ้พวกนั้นกำลังบ่นหา” ผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาทักเจนที่เดินนำหน้าฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แล้วเหลือบตามามองฉันบ้าง
“วันนี้เจนพาเพื่อนมาด้วยนะเฮีย ชื่อไข่ตุ๋น เรียกสั้น ๆ ว่าไอ้ตุ๋นก็ได้” เจนพยักพเยิดหน้ามาทางฉันเมื่อเห็นหลายสายตามองมาอย่างสงสัย “เพื่อนสนิทเจนเอง แต่มันไม่ค่อยออกจากห้อง ก็เลยไม่ได้พามาให้รู้จัก”
“ตามสบายนะไข่ตุ๋น นี่บ้านเฮียเอง จะเกลือกกลิ้งที่ไหนก็เอาเลย”
เหมือนหมา…
“นี่เฮียปราก” เจนชี้นิ้วเล็ก ๆ ใส่เฮียเจ้าของบ้าน แล้วไล่สายตาไปเรื่อย ๆ จนไปหยุดที่ผู้ชายหน้าหล่อที่มีรอยสักที่แขน “นั่นพี่คิน”
“น้องเขาทำหน้าเหมือนกลัวกูเลยว่ะ” พี่คินพึมพำขึ้น ส่วนฉันก็ไม่รู้ว่าตัวเองทำหน้ายังไงก็เลยหันไปหาเจนให้พูดอะไรออกมาอีก
“นั่นพี่ภีม” เพื่อนพยักพเยิดไปที่ผู้ชายมีรอยสักที่แขนไม่ต่างกัน แต่เป็นคนละรูป ใบหน้าดุ ๆ มองฉันนิดหน่อยก็ตีคิ้วให้เมื่อเห็นฉันพยักหน้าทักทายเขา
“นั่นพี่เดย์”
“วันนี้จะแนะนำตัวเสร็จไหมวะ” เฮียปรากที่เป็นเจ้าของบ้านเกาหัวแกรก ๆ เพียงเท่านั้นเจนก็หัวเราะออกมาทันที
“ใจเย็นดิเฮีย ให้เพื่อนเจนซึมซับความหล่อของน้องชายเฮียบ้าง” แล้วเจนก็ชี้ไปที่ผู้ชายคนสุดท้ายของบ้าน “นั่นพี่ปาย”
“สวัสดีค่ะ” เพราะไม่รู้จะทักทายยังไงก็เลยยกมือขึ้นกราดไหว้พวกพี่เขาทีเดียวจบ ตอนนี้ไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว สตงสติก็แทบไม่มีเหลือ ความขาว ความหล่อกระแทกตาอย่างแรง โดยเฉพาะพี่ภีมกับพี่ปายที่ถอดเสื้อนั่งกินเหล้า เป็นอะไรที่ดีต่อใจมาก หุ่นปังสุดอะไรสุด ซิกแพคเรียงสวยเป็นลอนขาวจั๊วะ เห็นแล้วน่าลูบไล้…
อึ๋ย…ไอ้เจนพามาอ่านกินผู้ชายชัด ๆ
เวลาต่อมา…“โอ้ยเนาะ ว่าสิมาโรแมนติกจักนอย โซ่กะตก ห่าแดกมึงหนิ” ฉันบ่นไปทำไป ประเด็นคือตอนนี้กำลังใส่โซ่รถจักรยานอยู่ ปั่นยังไม่ครึ่งทางเลย โซ่ตกซะแล้ว“เดี๋ยวพี่ใส่ให้ มือเปื้อนหมดแล้ว” พี่ปายที่ยืนขำอยู่ข้างหลังพูดขึ้น คงจะขำที่ฉันบ่นเป็นภาษาอีสาน เพราะนาน ๆ ทีจะพูดให้ได้ยิน “เฉิ่มเอ้ย”“พี่ใส่เป็นเหรอ” หันไปมองพี่ปายงง ๆ“ใส่เป็น” เขาพยักหน้ารับแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างฉัน “ไปจับจักรยาน เดี๋ยวพี่ใส่เอง”“โอเค” ตอบรับแค่นั้นก็ลุกขึ้นยืน ชะเง้อมองพี่ปายใส่โซ่จักรยานด้วยความชำนาญ และเพียงไม่นานก็ใส่เสร็จ จักรยานกลับมาปั่นได้เหมือนเดิม“โห ไม่น่าเชื่อว่าจะใส่ได้”“เรื่องแค่นี้” เขากระโดดขึ้นจักรยานแล้วหันมาหาฉันอีกครั้ง “กลับบ้านไปล้างมือก่อน ค่อยออกมาใหม่”แล้วเราสองคนก็กลับบ้านไปล้างไม้ล้างมือ ไม่นานก็ปั่นออกมาอีกเหมือนเดิม ฉันชี้บอกทางไปเรื่อย ๆ ด้วยความที่บ้านติดทุ่งนาบรรยากาศก็เลยดี ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านด้วย“เคยเลี้ยงควายไหมเฉิ่ม” พี่ปายถามขึ้นพร้อมกับชะลอความเร็วของการปั่นลง คงจะเห็นควายเดินผ่านหน้าไปก็เลยถาม“ไม่เคยเลี้ยง” ฉันส่ายหน้าพัลวัน ยกมือขึ้นกอดรอบเอวพี่ปายแน่น “เคยเลี้ยงแต
บ้านต่างจังหวัด“ยายยยย หนูกลับมาแล้ว” ฉันวิ่งไปหายายที่กำลังยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าบ้าน สีหน้าและท่าทางแสดงความสงสัยออกมาชัดเจนเมื่อเห็นรถพี่ปาย ดีนะที่เขาเอารถออดี้ทรงเก๋งมา ถ้าเอาซูเปอร์คาร์ลูกรักมา ป่านนี้ยายฉันคงเอาสากกะเบือโยนใส่แล้ว ข้อหาเสียงดัง“ยายกะว่าแม่นผู้ได๋ขับรถมาหา อีตุ๋นของยายนี่เอง” ยายรับฉันเข้าไปกอดพร้อมกับพูดออกมา “แล้วมานำไผหั่น”“พี่ปายแฟนหนูเอง” ว่าแล้วก็กวักพี่ปายที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลให้เดินเข้ามาหายาย “นี่ยายหนู สวยไหม เจ็ดสิบแล้วยังไม่แก่เลย”“สวัสดีครับ” พี่ปายยกมือไหว้ยายไม่ได้สนใจต่อคำพูดไปเรื่อยของฉัน“ไหว้พระ ๆ” ยายรับไหว้ในขณะที่กำลังมองพี่ปายอย่างพิจารณา “แมนแฟนหลานยายอิหลิติสู คือมาหล่อปานดาราแท้ ว่าแมนมาริโอ้”“หล่อบ่ยาย หนูเลือกมาอย่างดีเลยเด้หนิ” ไม่ได้เลือกหรอก เพราะความอยากลองเรื่องสิบแปดบวกล้วน ๆ ก็เลยตกกระไดพลอยโจนคบกับพี่ปายมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็พูดหยอกยายไปอย่างนั้นเอง“หล่อ ๆ” ยายพยักหน้ารับ “ไป ๆ เข้าบ้าน”“พี่ปายไม่ต้องเกร็งนะ ยายหนูใจดีมาก ยายไม่โหด” ฉันผละตัวออกจากยายแล้วเดินเข้าไปหาพี่ปายที่ยืนนิ่ง ๆ เหมือนไม่ใช่พี่ปายที่ฉันรู้จัก
“เก็บแล้วออกไปข้างนอก ไอ้คินมันซื้อของกินมาเยอะ” ปายยอมลุกออกจากเมียตัวน้อยของตัวเอง ไม่ลืมที่จะดึงแขนเธอขึ้นตาม“พี่คินมาเหรอ?”“อือ อยู่ข้างนอก”“งั้นขอเก็บของแป๊บ เดี๋ยวตามออกไป” พอได้ยินคำว่า ‘ของกิน’ หูก็ผึ่งทันที ดวงตากลมโตวาววับเหมือนกำลังถูกใจกับอะไรสักอย่าง ตาคมมองเมียตัวเองอยู่อึดใจก็เดินออกไปหาเพื่อนที่อยู่ข้างนอก ไม่อยากอยู่นานเพราะกลัวอดใจไม่ไหว เห็นไข่ตุ๋นทีไร เขาของขึ้นทุกที“ที่จริงมึงไม่ต้องมาดูแลกูก็ได้นะ” คินละสายตาจากโทรศัพท์มามองเพื่อน “กูจะคิดว่าที่นี่คือห้องของกูเอง”“หน้าด้านฉิบหาย” ปายหยิบของกินขึ้นมาถือแล้วเดินเข้าไปในครัว จัดแจงอาหารใส่จานแล้วเอามาวางต่อหน้าคิน คนที่เล่นโทรศัพท์อยู่นั้นเงยหน้ามองทันที“เสิร์ฟกู?”“เปล่า” เจ้าของห้องส่ายหน้า “เอามาเสิร์ฟเมีย เดี๋ยวเมียออกมา”“หลงเมียฉิบหาย”“ไม่เถียง” เพราะเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่คินพูดมันก็คือเรื่องจริง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผู้ชายที่ตัวโตแบบเขาจะมาเสียรู้ให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตัวเล็กมากจริง ๆ แถมยังเป็นเด็กอายุยี่สิบเท่านั้น ไม่ใช่ผู้หญิงจัดจ้าน แต่งตัวบ้าน ๆ แถมยังใส่แว่นตาหนาเตอะ แต่เขาก็หลงรักจริง ๆ
ช่วงปิดภาคเรียน“กลับไปเยี่ยมยายหรือย้ายบ้าน?” ปายมองเมียตัวน้อยที่กำลังเก็บเสื้อผ้าทั้งตู้ออกมาพับด้วยความสงสัย ตอนนี้ไข่ตุ๋นปิดภาคเรียนปีที่สองแล้ว ส่วนปายก็จบปีสี่เรียบร้อย แต่ก็ยังคิดอยู่ว่าจะต่อโทหรือเปล่า ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ“ก็เยี่ยมยายไง”“ไม่ขนช่วยนะ เยอะขนาดนั้น” เพียงเท่านั้นหน้ากลม ๆ ก็บูดเบี้ยวทันที หน้าเริ่มงอง้ำเหมือนกำลังจะงอน “เอาไปแค่สิบชุดก็พอ”“เผื่อลงไร่ลงนาไง ก็ต้องเอาไปเยอะ ๆ สิ”“ตามใจ แต่พี่ไม่ขนช่วยนะ”“ขนช่วยหน่อย” ไข่ตุ๋นละมือจากการเก็บพับผ้า เดินเข้าไปหาปายที่นั่งมองเธอนิ่ง ๆ อยู่ปลายเตียง คนตัวเล็กทิ้งตัวนั่งลงบนตักแกร่งเหมือนที่ชอบทำ ซบหน้าลงที่อกกว้างอย่างออดอ้อน“ทำไมนับวันยิ่งอ้อนวะ” แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยอมยกแขนโอบกอดเอวเล็กไว้ พูดได้เต็มปากเลยว่าตอนนี้เขาหลงเมียจนโงหัวไม่ขึ้นจริง ๆ แค่เห็นตากลม ๆ แก้มป่อง ๆ ก็อดใจไม่ไหวแล้ว รู้สึกเหมือนตกหลุมรักไอ้เฉิ่มของตัวเองทุกวันอยากขอบคุณทับทิมมากที่ทำแบบนั้นกับเขา เพราะถ้าเธอไม่ทำแบบนั้น ก็คงไม่ได้มารักกับไอ้เฉิ่มแบบนี้“ไม่ดีเหรอ หนูอ้อนเยอะ ๆ พี่ปายจะได้รักหนูเยอะ ๆ ไง”“แค่นี้ก็รักไม่รู้จะรักย
เวลาต่อมาสิบนาทีหรือสิบชั่วโมงก็ไม่รู้ ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็มืดแล้ว บอกให้ปลุกก็ไม่ยอมปลุก แถมยังหนีไปสังสรรค์อีกนะ ทิ้งให้ฉันนอนน้ำลายยืดอยู่คนเดียว“เมียมึงหน้ายุ่งมาแล้วไอ้ปาย” พี่เดย์พยักพเยิดหน้ามาที่ฉันที่กำลังมุ่งตรงไปที่กลุ่มเหล้า ทุกสายตาจับจ้องมาทางนี้นิดหน่อยก็หันกลับไปโฟกัสแก้วเหล้าตัวเองเหมือนเดิม“โดนแน่มึง”“ทำไมไม่ใส่เสื้อแขนยาวมาด้วย อากาศมันเย็น” แต่พี่ปายก็ไม่ได้สนใจคำเพื่อนอยู่ดี เขาอ้าแขนออกรอรับร่างฉันให้นั่งลงที่ตักแกร่ง ซึ่งฉันก็ยอมทำตาม“ทำไมไม่ปลุกหนูล่ะ” ไม่ลืมที่จะว้ากใส่เขา“เห็นนอนเพลิน ไม่อยากปลุก” สองแขนกระชับอ้อมกอดแน่น เหมือนกำลังจะง้อทางอ้อมยังไงก็ไม่รู้“เฮียบอกมันแล้ว แต่มันบอกน้องใช้พลังงานเยอะ ต้องนอนพักผ่อน เฮียก็เลยไม่พูดอะไรต่อ” เฮียกปรากพูดออกมาด้วยสีหน้าเอือมระอาไม่ต่างจากคนอื่นที่มองพี่ปายแบบเหม็น ๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ฉันหุบปากเงียบหรอก ประเด็นก็คือพี่ปายบอกคนอื่นว่า ‘ฉันใช้พลังงานเยอะ’ นี่สิ จะเกินไปไหม!!“มา ๆ เล่นเกมกันดีกว่า” พี่ได๋คงเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของฉันก็พูดขึ้น เธอเอาขวดมาวางไว้กลางวงพร้อมกับเคลียร์อาหารออก “เกมง่าย ๆ ข
“พี่ปาย…” ฉันกดเล็บเท้าลงกับแผ่นหลังกว้างเมื่ออีกคนกำลังละเลงจุดอ่อนไหวของฉันด้วยลิ้น และเป็นการละเลงที่ยาวนานมาก ละเลงแบบไม่พักเลยเชื่อไหมว่าหลังจากที่พี่ปายบอกว่าจะพาฉันเข้าห้อง เขาก็ทำจริง ๆ และเมื่อเข้ามาแล้วก็จับฉันยัดใส่ห้องน้ำไม่พูดไม่จา อุ้มร่างเล็ก ๆ ของฉันให้นั่งบนชักโครก ส่วนเขาก็ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น ยกขาสองข้างวางบนไหล่กว้างแล้วก็ทำอย่างที่เห็นปรนเปรอกันด้วยลิ้น…“อ๊ะ” ความรู้สึกดีที่โคตรทรมานตีแล่นเข้ามาจนต้องเงยหน้าปล่อยเสียงร้องครวญครางออกมาไม่ขาดสาย ลมหายใจสะดุดครั้งแล้วครั้งเล่า เรียวขาสั่นจนไม่รู้จะสั่นยังไง ฉันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้ รู้แค่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ แต่ก็ทรมานมากเช่นกัน ทรมานมาก ๆ เลย“อื้อ…”“อยากได้กี่นิ้ว” เขาถอนปากออกแล้วถามกันเสียงพร่า สอดนิ้วเข้ามาในช่องคับแน่นแล้วแยงเข้าออกไปมา เหมือนกำลังจะเล่นกับน้ำรักที่มันกำลังไหลเยิ้มเพราะความใคร่ยังไงก็ไม่รู้“อยากได้ไอ้นั่น”“ยังไม่ให้ เอานิ้วก่อน” พูดแค่นั้นก็กดหน้าลงไปดูดดึงกับติ่งเกสรกลางร่าง จากตอนแรกที่สอดเข้ามาหนึ่งนิ้ว ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นสองนิ้วแล้วเรียบร้อย แยงความนิ่มถูไถกับโพ







![3P เมื่อเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ [ซันxโมนาxแอลเจ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)