Masuk“ไข่ตุ๋นน่ะอร่อยไหม?” ไม่รู้ว่าระหว่างคำพูดที่กำกวม กับใบหน้าหล่อเหลาของอีกคนที่ยื่นเข้ามาใกล้กัน อันไหนที่ทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมาจากอกให้ได้
“พี่ปายไม่เคยกินไข่ตุ๋นเหรอคะ” ด้วยความปากไวก็เลยถามไปแบบนั้น
“ไม่เคย” เขาส่ายหน้ายิ้ม ๆ เหมือนกำลังกลั้นขำ “เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยกินไข่ตุ๋นเลยว่ะ”
“ไม่เคยกินเลยเหรอ?”
“อือ” ใบหน้าหล่อเหลาพยักขึ้นลง “แล้วอร่อยไหม?”
“โคตรอร่อย” ด้วยความที่ไม่คิดอะไรก็ตอบออกไปแบบนั้น แต่ก็มีผสมอ่อย ๆ นิดหน่อย แน่นอนว่ามันเรียกเสียงหัวเราะของพี่ปายได้เป็นอย่างดี ส่วนฉันก็ได้แต่ทำหน้างง
“พี่หัวเราะอะไรอะ”
“เปล่า” เขาส่ายหน้ายิ้ม ๆ แกล้งกันชัด ๆ ก็เลยโวยวายต่อ
“เปล่าอะไรก็เห็นอยู่ว่าหัวเราะ”
“หัวเราะเด็กเฉิ่ม”
“ก็บอกว่าไม่เฉิ่ม” ด้วยความที่เมานิด ๆ ก็เลยกล้าเอ่ยปากเถียงอีกคน “ถ้าหนูถอดแว่น หนูสวยแซ่บมากเลยนะขอบอก”
“งั้นก็ลองถอดดู” พูดจบแว่นก็หลุดออกจากตาทันที จากภาพที่ชัดเจนก็กลายเป็นพร่าเบลอฉับพลัน มองเห็นแค่ความมืดรางๆ นอกนั้นก็ไม่เห็นอะไรแล้ว
“พี่ปายเอาแว่นมา หนูมองไม่เห็น” ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นปัดป่ายไปมาเหมือนคนตาบอด แต่แล้วมือก็แปะเข้ากับอะไรสักอย่าง และคิดว่าน่าจะเป็นร่างกายของพี่ปายนั่นแหละ
“มองไม่เห็นอะไรเลยเหรอ” เขาถามแต่ก็ไม่ยอมคืนแว่น และไม่ยอมขยับหนี ให้ฉันจับอยู่แบบนั้น
“ไม่เห็น”
“สั้นขนาดนั้นเลยเหรอวะ”
“ใส่ให้หนูคืนเร็ว ๆ เสียงอื้ออ้าหายไปแล้ว เดี๋ยวมีคนมาเห็น” ฉันรีบพูดขึ้นเมื่อเสียงร้องของเจนหายไปแล้ว แต่เขาก็ยังนิ่งอยู่ “พี่ปาย…”
“งั้นก็หลบ หลบแล้วก็ไม่มีคนเห็น” แล้วมือหนาก็คว้ามือฉันไปจับพร้อมกับพาเดินไปอีกทางของบ้านทันที ซึ่งฉันก็ไม่รู้หรอกว่ามันไปทางไหนอะไรยังไง ไม่กล้าพูดด้วยเพราะกลัวว่าเจนกับเฮียจะได้ยินเสียงของฉัน
คนทำไม่อาย แต่คนแอบดูดันอายซะนี่
“พี่ปาย” ฉันเรียกขึ้นอีกครั้งเมื่ออีกคนหายไป หายไปในที่นี้คือเขาเงียบไป ซึ่งฉันไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน “อย่าเงียบสิหนูกลัว”
“แป๊บนึง” เขาพูดขึ้นไม่ไกล เหมือนจะเห็นอะไรสว่าง ๆ ขึ้นมาก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ ก็เลยคว้ามือไปทางนั้นทันที แต่ไม่ได้คว้าโดนโทรศัพท์เขานะ คว้าโดนอะไรก็ไม่รู้ที่มันนุ่มนิ่มอยู่ในมือ เพราะอยากรู้ว่าคืออะไรก็เลยออกแรงบีบเบา ๆ
“เห้ย!!!” เขาสะดุ้งโหยงพร้อมกับร้องออกมาเสียงดัง
“ระ…ร้องทำไม”
“แล้วใครให้มาจับฮัมกันวะ”
“ฮะ...ฮัม” กรี๊ดดดดดดดด!! ฮัมใหญ่มาก!! ขนาดยังไม่พองตัวก็ยังใหญ่ขนาดนี้ ถ้าพองตัวจะขนาดไหน
“ก็เออน่ะสิ เธอเห็นเป็นพวงเงาะหรือไง” พี่ปายพูดขึ้นเสียงเข้มแล้วใส่แว่นคืนให้ฉัน “ขอจับดี ๆ ก็ได้ ไม่ต้องเนียน”
“ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ใครอยากให้พี่ปายเอาแว่นหนูไปล่ะ” ใครจะไปรู้ว่าจะคว้าโดนส่วนลับของเขา ถ้ารู้ก็คงจับให้มันเต็มมือกว่านี้แล้ว อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไง น่าเสียดายที่จับโดนตอนยังไม่แข็ง หรือฉันจะแกล้งจับใหม่ให้มันแข็งดี…
“ไป เพื่อนถามหาแล้ว ถ้าไอ้พวกนั้นถามก็บอกนะว่าทำแว่นตก หาไม่เจออะไรก็ว่าไป” ในขณะที่กำลังวางแผนจับส่วนลับ พี่ปายเปลี่ยนเรื่องกะทันหันแล้วเดินนำออกมาจากซอกหลืบของบ้าน เมื่อมาถึงประตูหลังบ้าน เขาก็พยักพเยิดให้ฉันเข้าไป ส่วนเขาก็แยกไปอีกทางเหมือนกลัวคนรู้ว่าเราอยู่ด้วยกัน
คงไม่ได้โกรธที่ฉันจับฮัมเขาหรอกนะ ให้ตาย… มาสังสรรค์วันแรกก็จับฮัมผู้ชายแล้ว
เธอมันแน่ไข่ตุ๋น!!
หลายวันต่อมา
ฉันหยิบไอแพดกับของใช้อีกนิดหน่อยใส่กระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องเพราะเย็นนี้ว่าจะไปดูหนังสือที่ห้างฯ สักหน่อย อยู่ห้องก็ไม่รู้จะทำอะไร นิยายก็ปิดต้นฉบับไปแล้ว ส่งขายแล้วด้วย ตอนนี้ต้องออกไปหาพล็อตใหม่มาแต่งเรื่องต่อไป การออกไปข้างนอกนี่แหละจะทำให้ฉันปิ๊งไอเดีย
“ไอ้ตุ๋นไปไหน” เจนที่นั่งกินขนมอยู่หน้าโทรทัศน์ร้องทักขึ้นเมื่อเห็นฉันโผล่หัวออกมาจากห้อง
“ว่าจะไปห้างฯ ไปด้วยกันไหม”
“ไม่อะ ขี้เกียจ” พูดแค่นั้นก็หันหน้าไปดูโทรทัศน์ต่อทันที เห็นแบบนั้นก็เลยก้าวออกมาจากห้อง พลันสมองก็คิดถึงเรื่องวันนั้นที่เจนกับเฮียปรากมีอะไรกัน ภาพร่วมรักของเพื่อนยังติดตาฉันอยู่เลย แต่ก็ไม่ได้ถามหรอก กลัวเพื่อนรู้ว่าฉันเห็นฉากติดเรตแล้วอายก็เลยเก็บเงียบต่อไป
ส่วนพี่ปาย หลังจากที่ฉันจับส่วนลับของเขาตอนนั้น เขาก็ไม่ได้ด่าหรือว่าฉันอีก เพียงแค่นั่งคุยเรื่องปกติทั่วไป หรือไม่ก็หาว่าฉันเฉิ่มนั่นนี่บ้าง ตามประสาคนขี้แกล้งนั่นแหละ
เพราะเห็นเขาไม่พูดเอาเรื่อง ก็เลยต้องพับเรื่องนั้นทิ้งไป แม้จะสนใจมาก ๆ ก็ตาม ><
แต่แล้วก็ต้องกลับมาโฟกัสปัจจุบันเมื่อเห็นผู้ชายหน้าคุ้นเดินออกมาจากห้องหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากห้องของฉัน เห็นแบบนั้นก็เลยชะลอความเร็วลง เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเห็นกัน
“เฉิ่ม…” แต่ก็เห็นอยู่ดี
“ใครเหรอคะ” ผู้หญิงข้างกายพี่ปายพูดขึ้นเมื่อเห็นเขาทักฉัน “น้องเหรอ”
“รุ่นน้องที่รู้จักน่ะ” พี่ปายพูดขึ้นแล้วหันมามองฉันอีกรอบ “อยู่คอนโดฯ นี้เหรอเฉิ่ม”
“ใช่ ห้องหนูอยู่นู่น” ฉันลากเสียงยาวแล้วชี้ไปมั่ว ๆ “แล้วพี่มาทำไรอะ”
“มาบวชชีมั้งไอ้นี่ ถามได้”
“งั้นหนูไปก่อนนะ รีบ” พูดแค่นั้นก็ก้าวแซงพี่ปายทันที แต่ก็ต้องเบรกหน้าแทบทิ่มเมื่อเขาเดินมาดักกันไว้กะทันหัน
“รีบอะไรขนาดนั้น” คิ้วเข้มยกขึ้นอย่างสงสัย
“รีบสิ เดี๋ยวของที่อยากได้จะหมดก่อน” ฉันใช้สี่ตามองพี่ปายให้เขาถอยไป แต่อีกฝ่ายก็ยังทำหน้ามึนไม่ยอมหลบอยู่ดี
“ปายกวนน้อง น้องรีบไป” ผู้หญิงข้างกายเขาพูดขึ้นก่อนที่จะหันมามองฉันยิ้ม ๆ “ปายชอบแกล้งเด็กน่ะ เป็นเรื่องธรรมดา”
“ไปยังไง ติดรถไปกับพี่ไหม” พี่ปายพูดขึ้นอีกครั้ง ส่วนฉันก็ส่ายหน้าจนผมที่มัดหางม้าส่ายไปส่ายมา
“ไม่ไปหรอก ไปเองดีกว่า”
“ติดรถไปกับปายก็ได้นะน้อง เดี๋ยวปายจะออกไปข้างนอกพอดี” เธอเอ่ยอย่างใจดี ถ้าผู้หญิงคนนี้เป็นแฟน กิ๊ก หรือคู่ขา ก็คงจะเป็นคนที่ใจกว้างมาก ๆ
เวลาต่อมา…“โอ้ยเนาะ ว่าสิมาโรแมนติกจักนอย โซ่กะตก ห่าแดกมึงหนิ” ฉันบ่นไปทำไป ประเด็นคือตอนนี้กำลังใส่โซ่รถจักรยานอยู่ ปั่นยังไม่ครึ่งทางเลย โซ่ตกซะแล้ว“เดี๋ยวพี่ใส่ให้ มือเปื้อนหมดแล้ว” พี่ปายที่ยืนขำอยู่ข้างหลังพูดขึ้น คงจะขำที่ฉันบ่นเป็นภาษาอีสาน เพราะนาน ๆ ทีจะพูดให้ได้ยิน “เฉิ่มเอ้ย”“พี่ใส่เป็นเหรอ” หันไปมองพี่ปายงง ๆ“ใส่เป็น” เขาพยักหน้ารับแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างฉัน “ไปจับจักรยาน เดี๋ยวพี่ใส่เอง”“โอเค” ตอบรับแค่นั้นก็ลุกขึ้นยืน ชะเง้อมองพี่ปายใส่โซ่จักรยานด้วยความชำนาญ และเพียงไม่นานก็ใส่เสร็จ จักรยานกลับมาปั่นได้เหมือนเดิม“โห ไม่น่าเชื่อว่าจะใส่ได้”“เรื่องแค่นี้” เขากระโดดขึ้นจักรยานแล้วหันมาหาฉันอีกครั้ง “กลับบ้านไปล้างมือก่อน ค่อยออกมาใหม่”แล้วเราสองคนก็กลับบ้านไปล้างไม้ล้างมือ ไม่นานก็ปั่นออกมาอีกเหมือนเดิม ฉันชี้บอกทางไปเรื่อย ๆ ด้วยความที่บ้านติดทุ่งนาบรรยากาศก็เลยดี ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านด้วย“เคยเลี้ยงควายไหมเฉิ่ม” พี่ปายถามขึ้นพร้อมกับชะลอความเร็วของการปั่นลง คงจะเห็นควายเดินผ่านหน้าไปก็เลยถาม“ไม่เคยเลี้ยง” ฉันส่ายหน้าพัลวัน ยกมือขึ้นกอดรอบเอวพี่ปายแน่น “เคยเลี้ยงแต
บ้านต่างจังหวัด“ยายยยย หนูกลับมาแล้ว” ฉันวิ่งไปหายายที่กำลังยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าบ้าน สีหน้าและท่าทางแสดงความสงสัยออกมาชัดเจนเมื่อเห็นรถพี่ปาย ดีนะที่เขาเอารถออดี้ทรงเก๋งมา ถ้าเอาซูเปอร์คาร์ลูกรักมา ป่านนี้ยายฉันคงเอาสากกะเบือโยนใส่แล้ว ข้อหาเสียงดัง“ยายกะว่าแม่นผู้ได๋ขับรถมาหา อีตุ๋นของยายนี่เอง” ยายรับฉันเข้าไปกอดพร้อมกับพูดออกมา “แล้วมานำไผหั่น”“พี่ปายแฟนหนูเอง” ว่าแล้วก็กวักพี่ปายที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลให้เดินเข้ามาหายาย “นี่ยายหนู สวยไหม เจ็ดสิบแล้วยังไม่แก่เลย”“สวัสดีครับ” พี่ปายยกมือไหว้ยายไม่ได้สนใจต่อคำพูดไปเรื่อยของฉัน“ไหว้พระ ๆ” ยายรับไหว้ในขณะที่กำลังมองพี่ปายอย่างพิจารณา “แมนแฟนหลานยายอิหลิติสู คือมาหล่อปานดาราแท้ ว่าแมนมาริโอ้”“หล่อบ่ยาย หนูเลือกมาอย่างดีเลยเด้หนิ” ไม่ได้เลือกหรอก เพราะความอยากลองเรื่องสิบแปดบวกล้วน ๆ ก็เลยตกกระไดพลอยโจนคบกับพี่ปายมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็พูดหยอกยายไปอย่างนั้นเอง“หล่อ ๆ” ยายพยักหน้ารับ “ไป ๆ เข้าบ้าน”“พี่ปายไม่ต้องเกร็งนะ ยายหนูใจดีมาก ยายไม่โหด” ฉันผละตัวออกจากยายแล้วเดินเข้าไปหาพี่ปายที่ยืนนิ่ง ๆ เหมือนไม่ใช่พี่ปายที่ฉันรู้จัก
“เก็บแล้วออกไปข้างนอก ไอ้คินมันซื้อของกินมาเยอะ” ปายยอมลุกออกจากเมียตัวน้อยของตัวเอง ไม่ลืมที่จะดึงแขนเธอขึ้นตาม“พี่คินมาเหรอ?”“อือ อยู่ข้างนอก”“งั้นขอเก็บของแป๊บ เดี๋ยวตามออกไป” พอได้ยินคำว่า ‘ของกิน’ หูก็ผึ่งทันที ดวงตากลมโตวาววับเหมือนกำลังถูกใจกับอะไรสักอย่าง ตาคมมองเมียตัวเองอยู่อึดใจก็เดินออกไปหาเพื่อนที่อยู่ข้างนอก ไม่อยากอยู่นานเพราะกลัวอดใจไม่ไหว เห็นไข่ตุ๋นทีไร เขาของขึ้นทุกที“ที่จริงมึงไม่ต้องมาดูแลกูก็ได้นะ” คินละสายตาจากโทรศัพท์มามองเพื่อน “กูจะคิดว่าที่นี่คือห้องของกูเอง”“หน้าด้านฉิบหาย” ปายหยิบของกินขึ้นมาถือแล้วเดินเข้าไปในครัว จัดแจงอาหารใส่จานแล้วเอามาวางต่อหน้าคิน คนที่เล่นโทรศัพท์อยู่นั้นเงยหน้ามองทันที“เสิร์ฟกู?”“เปล่า” เจ้าของห้องส่ายหน้า “เอามาเสิร์ฟเมีย เดี๋ยวเมียออกมา”“หลงเมียฉิบหาย”“ไม่เถียง” เพราะเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่คินพูดมันก็คือเรื่องจริง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผู้ชายที่ตัวโตแบบเขาจะมาเสียรู้ให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตัวเล็กมากจริง ๆ แถมยังเป็นเด็กอายุยี่สิบเท่านั้น ไม่ใช่ผู้หญิงจัดจ้าน แต่งตัวบ้าน ๆ แถมยังใส่แว่นตาหนาเตอะ แต่เขาก็หลงรักจริง ๆ
ช่วงปิดภาคเรียน“กลับไปเยี่ยมยายหรือย้ายบ้าน?” ปายมองเมียตัวน้อยที่กำลังเก็บเสื้อผ้าทั้งตู้ออกมาพับด้วยความสงสัย ตอนนี้ไข่ตุ๋นปิดภาคเรียนปีที่สองแล้ว ส่วนปายก็จบปีสี่เรียบร้อย แต่ก็ยังคิดอยู่ว่าจะต่อโทหรือเปล่า ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ“ก็เยี่ยมยายไง”“ไม่ขนช่วยนะ เยอะขนาดนั้น” เพียงเท่านั้นหน้ากลม ๆ ก็บูดเบี้ยวทันที หน้าเริ่มงอง้ำเหมือนกำลังจะงอน “เอาไปแค่สิบชุดก็พอ”“เผื่อลงไร่ลงนาไง ก็ต้องเอาไปเยอะ ๆ สิ”“ตามใจ แต่พี่ไม่ขนช่วยนะ”“ขนช่วยหน่อย” ไข่ตุ๋นละมือจากการเก็บพับผ้า เดินเข้าไปหาปายที่นั่งมองเธอนิ่ง ๆ อยู่ปลายเตียง คนตัวเล็กทิ้งตัวนั่งลงบนตักแกร่งเหมือนที่ชอบทำ ซบหน้าลงที่อกกว้างอย่างออดอ้อน“ทำไมนับวันยิ่งอ้อนวะ” แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยอมยกแขนโอบกอดเอวเล็กไว้ พูดได้เต็มปากเลยว่าตอนนี้เขาหลงเมียจนโงหัวไม่ขึ้นจริง ๆ แค่เห็นตากลม ๆ แก้มป่อง ๆ ก็อดใจไม่ไหวแล้ว รู้สึกเหมือนตกหลุมรักไอ้เฉิ่มของตัวเองทุกวันอยากขอบคุณทับทิมมากที่ทำแบบนั้นกับเขา เพราะถ้าเธอไม่ทำแบบนั้น ก็คงไม่ได้มารักกับไอ้เฉิ่มแบบนี้“ไม่ดีเหรอ หนูอ้อนเยอะ ๆ พี่ปายจะได้รักหนูเยอะ ๆ ไง”“แค่นี้ก็รักไม่รู้จะรักย
เวลาต่อมาสิบนาทีหรือสิบชั่วโมงก็ไม่รู้ ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็มืดแล้ว บอกให้ปลุกก็ไม่ยอมปลุก แถมยังหนีไปสังสรรค์อีกนะ ทิ้งให้ฉันนอนน้ำลายยืดอยู่คนเดียว“เมียมึงหน้ายุ่งมาแล้วไอ้ปาย” พี่เดย์พยักพเยิดหน้ามาที่ฉันที่กำลังมุ่งตรงไปที่กลุ่มเหล้า ทุกสายตาจับจ้องมาทางนี้นิดหน่อยก็หันกลับไปโฟกัสแก้วเหล้าตัวเองเหมือนเดิม“โดนแน่มึง”“ทำไมไม่ใส่เสื้อแขนยาวมาด้วย อากาศมันเย็น” แต่พี่ปายก็ไม่ได้สนใจคำเพื่อนอยู่ดี เขาอ้าแขนออกรอรับร่างฉันให้นั่งลงที่ตักแกร่ง ซึ่งฉันก็ยอมทำตาม“ทำไมไม่ปลุกหนูล่ะ” ไม่ลืมที่จะว้ากใส่เขา“เห็นนอนเพลิน ไม่อยากปลุก” สองแขนกระชับอ้อมกอดแน่น เหมือนกำลังจะง้อทางอ้อมยังไงก็ไม่รู้“เฮียบอกมันแล้ว แต่มันบอกน้องใช้พลังงานเยอะ ต้องนอนพักผ่อน เฮียก็เลยไม่พูดอะไรต่อ” เฮียกปรากพูดออกมาด้วยสีหน้าเอือมระอาไม่ต่างจากคนอื่นที่มองพี่ปายแบบเหม็น ๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ฉันหุบปากเงียบหรอก ประเด็นก็คือพี่ปายบอกคนอื่นว่า ‘ฉันใช้พลังงานเยอะ’ นี่สิ จะเกินไปไหม!!“มา ๆ เล่นเกมกันดีกว่า” พี่ได๋คงเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของฉันก็พูดขึ้น เธอเอาขวดมาวางไว้กลางวงพร้อมกับเคลียร์อาหารออก “เกมง่าย ๆ ข
“พี่ปาย…” ฉันกดเล็บเท้าลงกับแผ่นหลังกว้างเมื่ออีกคนกำลังละเลงจุดอ่อนไหวของฉันด้วยลิ้น และเป็นการละเลงที่ยาวนานมาก ละเลงแบบไม่พักเลยเชื่อไหมว่าหลังจากที่พี่ปายบอกว่าจะพาฉันเข้าห้อง เขาก็ทำจริง ๆ และเมื่อเข้ามาแล้วก็จับฉันยัดใส่ห้องน้ำไม่พูดไม่จา อุ้มร่างเล็ก ๆ ของฉันให้นั่งบนชักโครก ส่วนเขาก็ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น ยกขาสองข้างวางบนไหล่กว้างแล้วก็ทำอย่างที่เห็นปรนเปรอกันด้วยลิ้น…“อ๊ะ” ความรู้สึกดีที่โคตรทรมานตีแล่นเข้ามาจนต้องเงยหน้าปล่อยเสียงร้องครวญครางออกมาไม่ขาดสาย ลมหายใจสะดุดครั้งแล้วครั้งเล่า เรียวขาสั่นจนไม่รู้จะสั่นยังไง ฉันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้ รู้แค่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ แต่ก็ทรมานมากเช่นกัน ทรมานมาก ๆ เลย“อื้อ…”“อยากได้กี่นิ้ว” เขาถอนปากออกแล้วถามกันเสียงพร่า สอดนิ้วเข้ามาในช่องคับแน่นแล้วแยงเข้าออกไปมา เหมือนกำลังจะเล่นกับน้ำรักที่มันกำลังไหลเยิ้มเพราะความใคร่ยังไงก็ไม่รู้“อยากได้ไอ้นั่น”“ยังไม่ให้ เอานิ้วก่อน” พูดแค่นั้นก็กดหน้าลงไปดูดดึงกับติ่งเกสรกลางร่าง จากตอนแรกที่สอดเข้ามาหนึ่งนิ้ว ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นสองนิ้วแล้วเรียบร้อย แยงความนิ่มถูไถกับโพ







