Masukด้วยความที่สลัดเรื่องแฟนพี่ปายทิ้งไปไม่ได้ มันก็เลยเป็นเหตุกวนใจทำให้ฉันไม่สามารถพิมพ์นิยายได้เลย เขียนแล้วก็ลบหลายรอบมาก ทำแบบนี้มาจะครึ่งชั่วโมงแล้ว
“เห้อ…” ทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างอ่อนแรง ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่ทำไมถึงรู้สึกไม่ดีก็ไม่รู้ สงสารพี่ปายอะ
และฉันก็ต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นเพราะไม่สามารถเขียนนิยายต่อได้ กดเข้าไปในไอจีแล้วกดไปที่ไอจีของพี่ปาย ที่รู้จักชื่อไอจีเขาก็เพราะเข้าไปดูคนที่เจนติดตามนั่นแหละ ก็เลยเห็น
“เอ้าฉิบหาย มือลั่นไปไลก์ให้เขาอีก” ว่าแล้วก็เลื่อนมือดูรูปพี่ปายไปเรื่อย ๆ ไม่คิดที่จะอันไลก์เพราะยังไงก็กดไปแล้ว เดี๋ยวมันจะมีพิรุธถ้าฉันทำแบบนั้น
P.19xx: ส่อง?
(P.19xx ติดตามคุณ)
P.19xx: ฟอลกลับด้วยเฉิ่ม
แล้วฉันก็ต้องกลอกตามองบนทันทีเมื่ออ่านการแจ้งเตือนประโยคสุดท้ายจบ แต่ก็ยอมกดติดตามกลับก่อนที่จะเข้าไปตอบแชท
[ส่องแต่มือลั่น] บอกเขาไปตรง ๆ เพราะไม่ได้รู้สึกตกใจหรือตื่นเต้นอะไรที่พี่ปายรู้ว่าฉันส่องไอจีเขา
P.19xx: มีแบบนี้ด้วยเหรอวะ ยอมรับตรง ๆ สมกับเป็นไอ้เฉิ่มจริง ๆ
“ไม่ได้เฉิ่มสักหน่อย ถ้าหนูแต่งตัวขึ้นมาอย่ามาตกหลุมรักก็แล้วกัน”
[ไม่คุยด้วยละ หนูจะทำงาน] แต่สิ่งที่พูดกับสิ่งที่พิมพ์ก็ต่างกันอยู่ดี
P.19xx: มาคุยกันก่อน ไม่มีเพื่อนคุย
[มือไม่ว่างพิมพ์ หนูทำงานอยู่]
P.19xx: งั้นโทร รับด้วยไอ้เฉิ่ม
เพียงเท่านั้นเสียงการแจ้งเตือนก็ดังต่อเนื่องรัว ๆ ฉันมองหน้าจอสักพักก็กดรับสายพี่ปาย แล้วว้ากเสียงลงใส่โทรศัพท์ทันที
“พี่จะโทรมาทำไมเนี่ย”
(เอ้า ก็บอกไปแล้ว) น้ำเสียงยียวนกวนประสาทมาก
“แต่หนูก็บอกแล้วไงว่าทำงานอยู่” ว่าจบก็เอาโทรศัพท์เปิดลำโพงวางไว้ ส่วนมือก็พิมพ์แต่งนิยายต่อ แต่ไม่รู้หรอกว่าจะมีสมาธิทำหรือเปล่า ถ้ามีเสียงรบกวนฉันแต่งไม่ได้แน่ ๆ
(ก็ทำไปดิ ได้รบกวนที่ไหน)
“กล้าพูด” ฉันบ่นขมุบขมิบ “แล้วทำไมไม่โทรหาแฟนตัวเองอะ มาโทรหาหนูทำไม”
ด้วยความอยากรู้ก็เลยเปิดประเด็นถามแบบเนียน ๆ ที่จริงก็อยากบอกพี่ปายในสิ่งที่ตัวเองเห็น แต่มันเป็นเรื่องของพวกเขาสองคน อีกทั้งก็ยังไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร เป็นแบบที่คิดหรือเปล่า ก็เลยเก็บเงียบไว้ก่อน และมันก็ไม่ใช่เรื่องของฉันด้วย
(โทรหาไม่ได้ ทะเลาะกันอยู่)
“อ้าว…” หรือพี่ปายจะรู้แล้ว?
(ช่างเหอะ) เขาบอกตัดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยดี (ว่าแต่ทำอะไรอยู่ พี่ได้ยินเสียงพิมพ์ต๊อกแต๊ก)
“ก็พิมพ์งานไง”
(รบกวนปะ?)
“มากกกกกก” ลากเสียงยาวเพื่อให้รู้ว่ารบกวนจริง ๆ เพียงเท่านั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจกลับมา
(งั้นวิดีโอคอล รับสายด้วย)
“พี่โคตรเป็นตัวป่วนเลย” ถึงจะบ่นแต่ก็กดรับสายนั่นแหละ และเมื่อภาพพี่ปายโผล่มาให้เห็นก็เลือดแทบพุ่ง “ทำไมไม่ใส่เสื้ออะ”
ถามเฉย ๆ ในใจก็อยากให้เขาถอดนาน ๆ นั่นแหละ ดีต่อใจมากเลย ><
“ร้อน” เขาเหลือบตามามองฉันครู่หนึ่งก็เบนสายตากลับไปทางเดิม “ไหนว่าทำงาน มานั่งจ้องทำไมไอ้เฉิ่ม วันนั้นก็จับฮัมพี่ วันนี้มานั่งจ้องอีก เป็นเด็กลามกหรือไง”
ย้ำจังเรื่องจับฮัมเนี่ย
“จ้องอะไร สงสัยต่างหากว่าทำอะไรอยู่” ที่จริงก็จ้องนั่นแหละ แต่ใครจะบอกให้โง่ เดี๋ยวหาเสื้อมาใส่อีก เดี๋ยวอดดูของดี
“ทำงานเหมือนกัน” แล้วเขาก็ยกกล้องขึ้นพร้อมกับส่องกล้องไปที่งานของเขา “สวยปะเฉิ่ม”
“รูปแฟนพี่เหรอ”
“อือ วาดส่งอาจารย์ ไม่รู้จะวาดรูปอะไรก็เลยวาดรูปเขา” พี่ปายพูดยิ้ม ๆ พอพูดถึงแฟนตัวเองทีไรกลายเป็นพ่อนักรักทุกทีสินะ สีหน้าและแววตาอ่อนลงอย่างชัดเจน
ถ้าเขารู้ความจริงเรื่องแฟนตัวเอง จะเป็นไงนะ...
“เป็นเด็กเป็นเล็กหัดถอนหายใจ”
“เด็กที่ไหน หนูโตแล้วเถอะ” อีกอย่างก็ถอนหายใจเรื่องเขานั่นแหละ
“ไหนบอกว่าทำงาน”
“ก็ทำงาน” พอพี่ปายทักขึ้นก็เลยกลับมาพิมพ์งานต่อ เลิกสนใจเรื่องของเขาแล้วเข้าสู่ภวังค์ความคิดของตัวเอง ส่วนพี่ปายก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั่งลงสีภาพวาดเงียบ ๆ เท่านั้น
เราสองคนต่างเงียบเพราะต้องใช้สมาธิด้วยกันทั้งคู่ และด้วยความที่มัดผมมาทั้งวันมันทำให้เจ็บหนังหัว ก็เลยต้องดึงยางออกในขณะที่สายตากำลังโฟกัสที่งาน ปล่อยให้ผมยาวสลวยทิ้งตัวลงที่แผ่นหลัง แล้วก็พิมพ์งานต่อ
“เห้ย! ไอ้เฉิ่มตกใจหมด!” เสียงของพี่ปายโวยวายขึ้นเสียงดัง ได้ยินแบบนั้นก็เลยหันไปขมวดคิ้วใส่เขา
“ตกใจอะไร?”
“ก็ใครบอกให้ปล่อยผมแบบนี้วะ นึกว่าผีหลอก”
ผีหลอก…
ทำไมมันไม่เหมือนในนิยายที่ฉันแต่ง ที่จริงเขาต้องสะดุดความสวยฉันไม่ใช่เหรอ แต่นี่บอกว่าเหมือนผีหลอกเนี่ยนะ!
“พูดมาได้ว่าหนูเหมือนผีหลอก”
“แล้วมันไม่เหมือนตรงไหน ผมก็ยาวขนาดนั้น แถมเอามาปิดหน้าปิดตาไว้อีก ไฟห้องก็ไม่เปิด ถึงว่าตาเสีย”
“ขี้บ่น” ว่าแล้วก็เลยมัดผมไว้แบบลวก ๆ ส่วนตาก็จ้องหน้าจอนิ่ง ตอนนี้ฉันกำลังแต่งบทที่พระเอกกับนางเอกร่วมรักกันอยู่ แต่แต่งยังไงก็ไม่ไหลลื่น เหลือบตามองพี่ปายเล็กน้อยแล้วกดเข้าเว็บประจำในโน๊ตบุ๊ค ไม่นานภาพวิดีโอก็เด้งขึ้นมา
“อื้อ…อ๊า”
ฉิบหาย!!! ลืมปิดเสียง!!!
ฉันตาเหลือกพร้อมกับรีบปิดเสียงด้วยความร้อนรน เงยหน้ามองพี่ปายก็พบว่าเขามองฉันอยู่ในขณะนี้ คิ้วเข้มยกขึ้นเหมือนกำลังสงสัยอะไรบางอย่าง
“เสียงอะไร”
“สะ…เสียงอะไรไม่มี๊” ส่ายหน้าพัลวัน
“เสียงสูงซะด้วย” เขาก็ยังทำหน้าสงสัยเหมือนเดิม “พี่ได้ยินอื้อกับอ้า”
แล้วจะตอกย้ำเพื่อ!!
“หูฝาดเปล่า” ทำเนียนไขสือส่งให้เขาไป
“ไม่ฝาด ได้ยินเต็มสองหูเลย แอบดูวิดีโอโป๊เหรอไอ้เฉิ่ม” ได้ยินแบบนั้นก็เบิกตากว้างทันที
“ไม่ได้ดูซะหน่อย ใครจะไปดูอะไรแบบนั้นกัน” รีบตอบอย่างลนลาน แต่พี่ปายก็ไม่ยอมอยู่ดี
“แล้วเมื่อกี้เสียงอะไร” ตาคมหรี่ลงอย่างจับผิด “มั่นใจว่ามีเสียงแน่ ๆ”
“นะ…หนูตด ใช่! หนูตด!”
“ตด?”
“ใช่ ๆ ตด หรือพี่ไม่เคยตด” พยักหน้าลงหงึกหงัก “ปกติก็ตดฟี้ด แป๊ด ฟอด อะไรแบบนี้ แต่วันนี้ท้องอืดไง มันก็เลยออกมาอื้ออ้า”
“กูปวดหัว” พี่ปายคลึงขมับตัวเองไปมาเมื่อพูดจบ สงสัยจะเชื่อจริง ๆ ว่าฉันตด เพราะสีหน้าไม่ได้แสดงออกมาว่าสงสัยแล้ว
“ปวดหัวทำไม พี่ไม่เคยตดหรือไง” ก็ทำเนียนไปเลยสิ
“เคย แต่ก็ไม่ได้ตดให้ใครฟัง แล้วก็ไม่เอามาเล่าบรรยายเหมือนเธอด้วย”
“ก็หนูไม่เหมือนใครไง แปลกตรงไหน” เชิดหน้าขึ้นเพื่อบ่งบอกว่าไม่เหมือนใครจริง ๆ แล้วพี่ปายก็หัวเราะออกมา ก่อนที่จะตอบกลับมาว่า
“ก็เฉิ่มไม่เหมือนใครไง”
เวลาต่อมา…“โอ้ยเนาะ ว่าสิมาโรแมนติกจักนอย โซ่กะตก ห่าแดกมึงหนิ” ฉันบ่นไปทำไป ประเด็นคือตอนนี้กำลังใส่โซ่รถจักรยานอยู่ ปั่นยังไม่ครึ่งทางเลย โซ่ตกซะแล้ว“เดี๋ยวพี่ใส่ให้ มือเปื้อนหมดแล้ว” พี่ปายที่ยืนขำอยู่ข้างหลังพูดขึ้น คงจะขำที่ฉันบ่นเป็นภาษาอีสาน เพราะนาน ๆ ทีจะพูดให้ได้ยิน “เฉิ่มเอ้ย”“พี่ใส่เป็นเหรอ” หันไปมองพี่ปายงง ๆ“ใส่เป็น” เขาพยักหน้ารับแล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างฉัน “ไปจับจักรยาน เดี๋ยวพี่ใส่เอง”“โอเค” ตอบรับแค่นั้นก็ลุกขึ้นยืน ชะเง้อมองพี่ปายใส่โซ่จักรยานด้วยความชำนาญ และเพียงไม่นานก็ใส่เสร็จ จักรยานกลับมาปั่นได้เหมือนเดิม“โห ไม่น่าเชื่อว่าจะใส่ได้”“เรื่องแค่นี้” เขากระโดดขึ้นจักรยานแล้วหันมาหาฉันอีกครั้ง “กลับบ้านไปล้างมือก่อน ค่อยออกมาใหม่”แล้วเราสองคนก็กลับบ้านไปล้างไม้ล้างมือ ไม่นานก็ปั่นออกมาอีกเหมือนเดิม ฉันชี้บอกทางไปเรื่อย ๆ ด้วยความที่บ้านติดทุ่งนาบรรยากาศก็เลยดี ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านด้วย“เคยเลี้ยงควายไหมเฉิ่ม” พี่ปายถามขึ้นพร้อมกับชะลอความเร็วของการปั่นลง คงจะเห็นควายเดินผ่านหน้าไปก็เลยถาม“ไม่เคยเลี้ยง” ฉันส่ายหน้าพัลวัน ยกมือขึ้นกอดรอบเอวพี่ปายแน่น “เคยเลี้ยงแต
บ้านต่างจังหวัด“ยายยยย หนูกลับมาแล้ว” ฉันวิ่งไปหายายที่กำลังยืนด้อม ๆ มอง ๆ อยู่หน้าบ้าน สีหน้าและท่าทางแสดงความสงสัยออกมาชัดเจนเมื่อเห็นรถพี่ปาย ดีนะที่เขาเอารถออดี้ทรงเก๋งมา ถ้าเอาซูเปอร์คาร์ลูกรักมา ป่านนี้ยายฉันคงเอาสากกะเบือโยนใส่แล้ว ข้อหาเสียงดัง“ยายกะว่าแม่นผู้ได๋ขับรถมาหา อีตุ๋นของยายนี่เอง” ยายรับฉันเข้าไปกอดพร้อมกับพูดออกมา “แล้วมานำไผหั่น”“พี่ปายแฟนหนูเอง” ว่าแล้วก็กวักพี่ปายที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลให้เดินเข้ามาหายาย “นี่ยายหนู สวยไหม เจ็ดสิบแล้วยังไม่แก่เลย”“สวัสดีครับ” พี่ปายยกมือไหว้ยายไม่ได้สนใจต่อคำพูดไปเรื่อยของฉัน“ไหว้พระ ๆ” ยายรับไหว้ในขณะที่กำลังมองพี่ปายอย่างพิจารณา “แมนแฟนหลานยายอิหลิติสู คือมาหล่อปานดาราแท้ ว่าแมนมาริโอ้”“หล่อบ่ยาย หนูเลือกมาอย่างดีเลยเด้หนิ” ไม่ได้เลือกหรอก เพราะความอยากลองเรื่องสิบแปดบวกล้วน ๆ ก็เลยตกกระไดพลอยโจนคบกับพี่ปายมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็พูดหยอกยายไปอย่างนั้นเอง“หล่อ ๆ” ยายพยักหน้ารับ “ไป ๆ เข้าบ้าน”“พี่ปายไม่ต้องเกร็งนะ ยายหนูใจดีมาก ยายไม่โหด” ฉันผละตัวออกจากยายแล้วเดินเข้าไปหาพี่ปายที่ยืนนิ่ง ๆ เหมือนไม่ใช่พี่ปายที่ฉันรู้จัก
“เก็บแล้วออกไปข้างนอก ไอ้คินมันซื้อของกินมาเยอะ” ปายยอมลุกออกจากเมียตัวน้อยของตัวเอง ไม่ลืมที่จะดึงแขนเธอขึ้นตาม“พี่คินมาเหรอ?”“อือ อยู่ข้างนอก”“งั้นขอเก็บของแป๊บ เดี๋ยวตามออกไป” พอได้ยินคำว่า ‘ของกิน’ หูก็ผึ่งทันที ดวงตากลมโตวาววับเหมือนกำลังถูกใจกับอะไรสักอย่าง ตาคมมองเมียตัวเองอยู่อึดใจก็เดินออกไปหาเพื่อนที่อยู่ข้างนอก ไม่อยากอยู่นานเพราะกลัวอดใจไม่ไหว เห็นไข่ตุ๋นทีไร เขาของขึ้นทุกที“ที่จริงมึงไม่ต้องมาดูแลกูก็ได้นะ” คินละสายตาจากโทรศัพท์มามองเพื่อน “กูจะคิดว่าที่นี่คือห้องของกูเอง”“หน้าด้านฉิบหาย” ปายหยิบของกินขึ้นมาถือแล้วเดินเข้าไปในครัว จัดแจงอาหารใส่จานแล้วเอามาวางต่อหน้าคิน คนที่เล่นโทรศัพท์อยู่นั้นเงยหน้ามองทันที“เสิร์ฟกู?”“เปล่า” เจ้าของห้องส่ายหน้า “เอามาเสิร์ฟเมีย เดี๋ยวเมียออกมา”“หลงเมียฉิบหาย”“ไม่เถียง” เพราะเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ สิ่งที่คินพูดมันก็คือเรื่องจริง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าผู้ชายที่ตัวโตแบบเขาจะมาเสียรู้ให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตัวเล็กมากจริง ๆ แถมยังเป็นเด็กอายุยี่สิบเท่านั้น ไม่ใช่ผู้หญิงจัดจ้าน แต่งตัวบ้าน ๆ แถมยังใส่แว่นตาหนาเตอะ แต่เขาก็หลงรักจริง ๆ
ช่วงปิดภาคเรียน“กลับไปเยี่ยมยายหรือย้ายบ้าน?” ปายมองเมียตัวน้อยที่กำลังเก็บเสื้อผ้าทั้งตู้ออกมาพับด้วยความสงสัย ตอนนี้ไข่ตุ๋นปิดภาคเรียนปีที่สองแล้ว ส่วนปายก็จบปีสี่เรียบร้อย แต่ก็ยังคิดอยู่ว่าจะต่อโทหรือเปล่า ตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจ“ก็เยี่ยมยายไง”“ไม่ขนช่วยนะ เยอะขนาดนั้น” เพียงเท่านั้นหน้ากลม ๆ ก็บูดเบี้ยวทันที หน้าเริ่มงอง้ำเหมือนกำลังจะงอน “เอาไปแค่สิบชุดก็พอ”“เผื่อลงไร่ลงนาไง ก็ต้องเอาไปเยอะ ๆ สิ”“ตามใจ แต่พี่ไม่ขนช่วยนะ”“ขนช่วยหน่อย” ไข่ตุ๋นละมือจากการเก็บพับผ้า เดินเข้าไปหาปายที่นั่งมองเธอนิ่ง ๆ อยู่ปลายเตียง คนตัวเล็กทิ้งตัวนั่งลงบนตักแกร่งเหมือนที่ชอบทำ ซบหน้าลงที่อกกว้างอย่างออดอ้อน“ทำไมนับวันยิ่งอ้อนวะ” แม้ปากจะพูดแบบนั้นแต่ก็ยอมยกแขนโอบกอดเอวเล็กไว้ พูดได้เต็มปากเลยว่าตอนนี้เขาหลงเมียจนโงหัวไม่ขึ้นจริง ๆ แค่เห็นตากลม ๆ แก้มป่อง ๆ ก็อดใจไม่ไหวแล้ว รู้สึกเหมือนตกหลุมรักไอ้เฉิ่มของตัวเองทุกวันอยากขอบคุณทับทิมมากที่ทำแบบนั้นกับเขา เพราะถ้าเธอไม่ทำแบบนั้น ก็คงไม่ได้มารักกับไอ้เฉิ่มแบบนี้“ไม่ดีเหรอ หนูอ้อนเยอะ ๆ พี่ปายจะได้รักหนูเยอะ ๆ ไง”“แค่นี้ก็รักไม่รู้จะรักย
เวลาต่อมาสิบนาทีหรือสิบชั่วโมงก็ไม่รู้ ลืมตาขึ้นมาอีกทีก็มืดแล้ว บอกให้ปลุกก็ไม่ยอมปลุก แถมยังหนีไปสังสรรค์อีกนะ ทิ้งให้ฉันนอนน้ำลายยืดอยู่คนเดียว“เมียมึงหน้ายุ่งมาแล้วไอ้ปาย” พี่เดย์พยักพเยิดหน้ามาที่ฉันที่กำลังมุ่งตรงไปที่กลุ่มเหล้า ทุกสายตาจับจ้องมาทางนี้นิดหน่อยก็หันกลับไปโฟกัสแก้วเหล้าตัวเองเหมือนเดิม“โดนแน่มึง”“ทำไมไม่ใส่เสื้อแขนยาวมาด้วย อากาศมันเย็น” แต่พี่ปายก็ไม่ได้สนใจคำเพื่อนอยู่ดี เขาอ้าแขนออกรอรับร่างฉันให้นั่งลงที่ตักแกร่ง ซึ่งฉันก็ยอมทำตาม“ทำไมไม่ปลุกหนูล่ะ” ไม่ลืมที่จะว้ากใส่เขา“เห็นนอนเพลิน ไม่อยากปลุก” สองแขนกระชับอ้อมกอดแน่น เหมือนกำลังจะง้อทางอ้อมยังไงก็ไม่รู้“เฮียบอกมันแล้ว แต่มันบอกน้องใช้พลังงานเยอะ ต้องนอนพักผ่อน เฮียก็เลยไม่พูดอะไรต่อ” เฮียกปรากพูดออกมาด้วยสีหน้าเอือมระอาไม่ต่างจากคนอื่นที่มองพี่ปายแบบเหม็น ๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นที่ทำให้ฉันหุบปากเงียบหรอก ประเด็นก็คือพี่ปายบอกคนอื่นว่า ‘ฉันใช้พลังงานเยอะ’ นี่สิ จะเกินไปไหม!!“มา ๆ เล่นเกมกันดีกว่า” พี่ได๋คงเห็นสีหน้าที่ไม่ค่อยดีของฉันก็พูดขึ้น เธอเอาขวดมาวางไว้กลางวงพร้อมกับเคลียร์อาหารออก “เกมง่าย ๆ ข
“พี่ปาย…” ฉันกดเล็บเท้าลงกับแผ่นหลังกว้างเมื่ออีกคนกำลังละเลงจุดอ่อนไหวของฉันด้วยลิ้น และเป็นการละเลงที่ยาวนานมาก ละเลงแบบไม่พักเลยเชื่อไหมว่าหลังจากที่พี่ปายบอกว่าจะพาฉันเข้าห้อง เขาก็ทำจริง ๆ และเมื่อเข้ามาแล้วก็จับฉันยัดใส่ห้องน้ำไม่พูดไม่จา อุ้มร่างเล็ก ๆ ของฉันให้นั่งบนชักโครก ส่วนเขาก็ทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น ยกขาสองข้างวางบนไหล่กว้างแล้วก็ทำอย่างที่เห็นปรนเปรอกันด้วยลิ้น…“อ๊ะ” ความรู้สึกดีที่โคตรทรมานตีแล่นเข้ามาจนต้องเงยหน้าปล่อยเสียงร้องครวญครางออกมาไม่ขาดสาย ลมหายใจสะดุดครั้งแล้วครั้งเล่า เรียวขาสั่นจนไม่รู้จะสั่นยังไง ฉันไม่สามารถอธิบายความรู้สึกตอนนี้ได้ รู้แค่ว่ามันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ แต่ก็ทรมานมากเช่นกัน ทรมานมาก ๆ เลย“อื้อ…”“อยากได้กี่นิ้ว” เขาถอนปากออกแล้วถามกันเสียงพร่า สอดนิ้วเข้ามาในช่องคับแน่นแล้วแยงเข้าออกไปมา เหมือนกำลังจะเล่นกับน้ำรักที่มันกำลังไหลเยิ้มเพราะความใคร่ยังไงก็ไม่รู้“อยากได้ไอ้นั่น”“ยังไม่ให้ เอานิ้วก่อน” พูดแค่นั้นก็กดหน้าลงไปดูดดึงกับติ่งเกสรกลางร่าง จากตอนแรกที่สอดเข้ามาหนึ่งนิ้ว ตอนนี้แปรเปลี่ยนเป็นสองนิ้วแล้วเรียบร้อย แยงความนิ่มถูไถกับโพ







