โกดังสินค้า
รถยุโรปคันใหญ่แล่นไปตามทางดินลูกรังของพื้นที่ห่างไกลตัวเมือง ต้นไม้หนาทึบช่วยพรางสายตาจากบุคคลภายนอกได้เป็นอย่างดี รอบโกดังมีรั้วเหล็กสนิมเกาะล้อมเอาไว้อีกชั้น เมื่อดูจากภายนอกก็ไม่ต่างจากสถานที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง หากแต่ความจริงภายในอัดแน่นไปด้วยสินค้าผิดกฎหมาย
โอนิกซ์เดินทางมาพร้อมกับลูกน้องเพื่อมาประชุมกับกลุ่มเพื่อนตามปกติ ใบหน้าเฉยชาสวมแว่นตาทรงสี่เหลี่ยมนั้นไม่ต่างจากหนุ่มเนิร์ดคงแก่เรียน มักมีหนังสือติดมือเสมอ ใครที่พบเขามักจะนึกว่าชายหนุ่มเป็นหมอหรือทนายความ แต่ความจริงเขาคือมาเฟียดีๆ นี่เอง
ภายในโกดังมีลูกน้องหลายคนเดินไปเดินมาขวักไขว่ ตรวจเช็กสินค้าก่อนส่ง โอนิกซ์ซึ่งมีบริษัทโลจิสติกส์เป็นของตัวเอง จึงสามารถแอบลักลอบส่งสินค้าพวกนี้ไปกับเรือได้สบาย
ชั้นใต้ดินของโกดังเป็นทางเดินคดเคี้ยว แยกย่อยหลายทิศทาง ชวนให้สับสน แต่คนที่คุ้นเคยเส้นทางดีอย่างเขาสามารถหลับตาเดินมาจนถึงห้องประชุมกว้างได้สบาย
"ไง มาเร็วตลอดเลยมึง" วิคเตอร์นั่งเอกเขนกอยู่กลางโซฟาเพียงลำพัง พร้อมจิบกระป๋องเบียร์ในมือไปด้วยเอ่ยทัก ก่อนจะโยนกระป๋องเบียร์เย็นเฉียบอีกอันมาทางเขา
"..."
โอนิกซ์รับไว้อย่างแม่นยำ เปิดกระป๋องเครื่องดื่มในมือยกขึ้นจิบเล็กน้อย ทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามเพื่อนสนิท
ภายในห้องอัดแน่นด้วยโซฟายาวหลายตัวตั้งล้อมโต๊ะเตี้ย ไร้การประดับตกใดๆ ทุกอย่างเน้นการใช้งานจริง มุมห้องมีตู้เก็บเอกสารเก่าๆ และยังมีตู้เย็นขนาดเล็ก อัดแน่นด้วยเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จนเต็ม มุมอีกด้านมีโต๊ะทำงานไม้ตัวหนา แต่กลับไม่เคยมีใครไปใช้
"มึงสามารถส่งของไปฮ่องกงได้ไหม กูกำลังดีลกับลูกค้าใหม่อยู่" วิคเตอร์ถามขึ้นมา
"สบาย มารับที่ท่าเอง"
"จะไม่โดนสุ่มตรวจ?"
"ไม่อะ ไม่กล้าตรวจตู้กูหรอก" ร่างสูงไหวไหล่เบาๆ เขามีเส้นสายอยู่ทั่ว และจัดการยัดเงินใต้โต๊ะไปจำนวนมาก แค่นี้พวกเจ้าหน้าที่โลภมากก็พร้อมจะหลับหูหลับตาไม่สนใจเรื่องของเขาแล้ว
"หึ" วิคเตอร์แค่นหัวเราะ กระดกเบียร์อึกใหญ่อย่างสบายอารมณ์
เมื่อยังไม่มีใครมา โอนิกซ์จึงเปิดหนังสือที่หยิบติดมือมาอ่านเล่นฆ่าเวลา ด้วยไอคิวที่มากถึง 160 ทำให้เขาชอบศึกษาอะไรใหม่ๆ เสมอ เขาชอบตัวเลข เทคโนโลยี และตอนนี้กำลังสนใจการเขียนโค้ด แฮ็กระบบ และพัฒนาโปรแกรม
เขาจบมหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุ 16 แต่พ่อแม่ชายหนุ่มอยากจะให้เขามีชีวิตวัยรุ่นเหมือนเด็กทั่วๆ ไป จึงส่งโอนิกซ์กลับมาเรียนระดับมัธยมอีกครั้งเพื่อเข้าสังคม ทำให้ได้เจอวิคเตอร์ตอนช่วงมอปลาย ระหว่างนั้นเขาก็ต่อปริญญาโทอีกใบควบคู่ไปกับการเรียนในระดับมัธยม
โอนิกซ์ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่สหรัฐอเมริกาอีกใบ หลังจากจบมาก็ยังติดต่อกับวิคเตอร์มาตลอด เพื่อนสนิทแนะนำให้เขาได้รู้จักลีออน และไคโร เมื่อเริ่มสนิทกันมากขึ้น ทั้งหมดเลยตัดสินใจทำธุรกิจมืดร่วมกัน
ไม่นานใบหน้าร่าเริงสดใสของลีออนก็โผล่มาพร้อมลูกน้องคนสนิท และปิดท้ายด้วยไคโร การประชุมจึงเริ่มขึ้น
"กูได้ข่าวมาว่าพวกไอ้อาชามันเริ่มสนใจอยากเข้าธุรกิจนี้" วิคเตอร์เอ่ยขึ้นมาเรียบๆ หลังจากลีออนอวดสรรพคุณอาวุธชนิดใหม่เสร็จแล้ว
"เฮอะ! นอกจากค้าอวัยวะแล้ว ยังอยากมาทำอาวุธอีกเหรอ" ลีออนพ่นลมขึ้นจมูก หันกลับไปถาม
"ช่วงนี้ส่งของต้องระวังกันหน่อย"
"ถ้ามันกล้ายุ่ง ก็เก็บให้เรียบ" ไคโรเอ่ยเสียงเย็นแววตาวาวโรจน์
"หึๆ" ลีออนแค่นหัวเราะ แสยะยิ้มถูกใจกับคำพูดเพื่อนรัก
"..."
"เรื่องกลุ่มไอ้อาชา...เดี๋ยวกูลองตามสืบดู" โอนิกซ์ที่นั่งเงียบฟังอยู่นานเอ่ยขึ้น รู้สึกไม่ค่อยไว้วางใจ พอจะเคยได้ยินเรื่องอีกฝ่ายอยู่บ้าง ถึงความเจ้าเล่ห์ กัดไม่ปล่อย หากไม่เตรียมรับมือ คาดว่าคงมีเรื่องหน้าปวดหัวตามมาในอนาคตแน่นอน
เขาเคยเจออาชาตามงานสังคมหรือการประชุม พ่อของอาชาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขควบตำแหน่ง ผอ.โรงพยาบาลใหญ่ ใครจะคิดว่าเบื้องหลังนายแพทย์ท่าทางเคร่งขรึมทำงานเพื่อสังคมจะมีลูกชายค้าอวัยวะเถื่อน
"นึกขยันอะไรขึ้นมาว่ะ" ลีออนเอียงคอมองอย่างสงสัย
"...แค่มีเรื่องสงสัย" ใบหน้าหล่อเหล่าเย็นชาภายใต้กรอบแว่น เอ่ยเพียงแค่นั้น ก่อนจะจมดิ่งกับความคิดของตัวเองอีกครั้ง ปล่อยให้กลุ่มเพื่อนพูดคุยหลอกล้อกันต่อ
"ไอ้ไทเปจะกลับมาเมื่อไร" น้ำเสียงเรียบถาม 'ตะวัน' ลูกน้องคนสนิทอีกคนของเขาขณะนั่งรถกลับเพ้นต์เฮ้าส์ส่วนตัว
"น่าจะอีก 2-3 วันครับ"
"..."
ร่างสูงเงียบไปอีกครั้ง เหม่อมองไปยังนอกหน้าต่างรถ ตะวันที่รับหน้าที่ขับรถลอบสังเกตสีหน้าของเจ้านาย
"นายมีเรื่องอะไรให้ผมไปจัดการให้ก่อนไหมครับ"
"..."
รถตกอยู่ภายใต้ความเงียบอีกครั้ง แม้ตะวันจะทำงานกับโอนิกซ์มานานแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยชินกับความเงียบขรึมของอีกฝ่ายเท่าไร ในขณะที่คิดว่ามาเฟียหนุ่มคงรอให้ไทเปเพื่อนร่วมงานกลับมาจัดการ เจ้านายก็เอ่ยปากขึ้นมาเสียก่อน
"งั้นมึงไปสืบเรื่องไอ้อาชาให้กูหน่อย กูอยากรู้ช่วงนี้มันทำอะไรบ้าง"
"ได้ครับ"
ไม่นานรถคันหรูก็แล่นมาถึงอาคารสูง 9 ชั้นใจกลางกรุงเทพ ซึ่งเป็นที่พักของโอนิกซ์ ชายหนุ่มรักความเป็นส่วนตัว จึงซื้อเหมาทั้งตึกและปรับเปลี่ยนให้เป็นที่พักสำหรับลูกน้องด้วย โดยชั้นบนสุดของอาคารตีทะลุทั้งชั้นและทำเป็นเพนต์เฮ้าส์ส่วนตัว อัดแน่นไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีมากมาย
ห้องพักลูกน้องก็ถูกจัดสรรไว้ลงตัว มีสระว่ายน้ำส่วนกลาง ห้องออกกำลังกาย ห้องซ้อมยิงปืน ห้องอาหาร มุมพักผ่อน ลูกน้องทุกคนต้องทำงานบนความเสี่ยงทำให้เจ้านายหนุ่มทุ่มสวัสดิการเต็มที่ จนทุกคนจงรักภักดีทุ่มเทยอมทำงานถวายหัวให้เขา
โอนิกซ์เดินเข้าสู่ที่พัก ลูกน้องต่างโค้งศีรษะทำความเคารพ เขาพยักหน้ารับเล็กน้อย ใบหน้ายังคงเฉยชาเช่นทุกวัน ร่างสูงสแกนนิ้วมือและกดรหัสที่ลิฟต์ ก่อนมันจะเคลื่อนตัวสู่ชั้นบนสุด
ภายในห้องพักส่วนตัวกว้างขวาง โปร่งโล่ง ด้านหนึ่งเป็นห้องครัวขนาดใหญ่ตกแต่งโทนสีเข้ม ถัดไปมีโต๊ะกินข้าวขนาด 8 ที่นั่ง อีกด้านเป็นห้องนั่งเล่นกว้าง แม้จะไม่มีผนังกั้น แต่ก็จัดไว้เป็นสัดส่วน โทรทัศน์จอแบนขนาด 88 นิ้ว ติดผนังพร้อมระบบเครื่องเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทาง โซฟาหนังสีเข้มตัวใหญ่ล้อมโต๊ะเตี้ยเป็นตัวยู ด้านหลังเป็นห้องย่อยๆ ไปอีก ทั้งห้องฟิตเนสส่วนตัว ห้องเก็บหนังสือ ห้องซักรีดเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด ห้องน้ำ ที่มุมสุดเป็นประตูสีดำสนิทดูแน่นหนาทนทาน ก่อนจะเข้าไปได้ต้องสแกนลายนิ้วมือ ซึ่งเขาเป็นคนเดียวที่มีสิทธิ์เข้าห้องนี้
ผนังด้านหนึ่งของห้องพักเป็นกระจกสูงจรดเพดาน สามารถมองเห็นสระว่ายน้ำตรงระเบียงได้ถนัดตา ใกล้กันนั้นมีบันไดขึ้นไปยังชั้น 2 ซึ่งเป็นส่วนของห้องนอนใหญ่ ห้องนอนแขก 2 ห้อง และห้องทำงาน เรียกได้ว่าเพนต์เฮ้าส์นี้เต็มไปด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันจนชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องออกไปไหนเลย
แม้เพนต์เฮ้าส์จะกว้างขวางแต่กลับเงียบเชียบเมื่อมีผู้อาศัยเพียงคนเดียว โอนิกซ์โยนแว่นตาทิ้งไว้บนโซฟา เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจเนียนใสไร้ริ้วรอย คิ้วหนาเฉียงขึ้นเล็กน้อย ดวงตาอินทรีย์ดูดุดันจริงจัง จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนารูปกระจับสีเข้มตามประสาคนสูบบุหรี่ เขาปลดกระดุมเสื้อออก 2-3 เม็ด และกระดุมข้อมือเพื่อให้คล่องตัว ท่อนขากำยำก้าวไปยังประตูสีดำ ใช้นิ้วโป้งแตะที่แผงวงจรเพื่อสแกนลายนิ้วมือ
ติ๊ด ติ๊ด~
เสียงปลดล็อกดังขึ้นก่อนที่จะเขาผลักประตูเข้าไป ด้านในห้องลับมืดสนิท มีเพียงแสงสีเขียวจุดเดียวสว่างโดดเด่นในความมืด เมื่อปุ่มนั้นถูกกด คอมพิวเตอร์สั่งประกอบราคาหลักล้านก็สว่างวาบ เสียงระบบเริ่มทำงาน ทำให้หน้าจอขนาดใหญ่ทั้ง 3 ติดขึ้นมาตามลำดับ
ห้องดังกล่าวคือห้องคอมที่โอนิกซ์มักจะหมกตัวอยู่ในนั้นทั้งวันนั่นเอง ข้อมูลความลับทุกอย่างถูกเก็บเอาไว้ในห้องนี้ ด้วยระบบที่เขาพัฒนาขึ้นเองทำให้ยากต่อการโจรกรรม
หลังจากกรอกรหัสผ่าน ร่างสูงก็เอนกายพิงเก้าอี้นุ่มไล่มองภาพกล้องวงจรปิดที่เขาติดไว้ทั่ว ทั้งที่เพนต์เฮ้าส์ โกดังสินค้า อาคารสำนักงาน ท่าเรือทั่วประเทศ กล้องนั้นเขาก็ทำการดัดแปลงและพัฒนาขึ้นมาใหม่ ให้มีขนาดเล็กมาก แต่ทนทาน บันทึกภาพและเสียงได้คมชัด ทั้งกลางวันกลางคืน
เขาทำการแอบติดไว้เงียบๆ โดยที่ไม่ได้แจ้งให้ใครรู้ เพื่อแอบตรวจสอบการทำงานของเหล่าพนักงานและลูกน้อง หากมีใครคิดทรยศหักหลังหรือจะแอบลักลอบทำอะไร เขาจะได้ลงมือจัดการทันที
โอนิกซ์กดไล่ภาพไปเรื่อยๆ ดูความเรียบร้อยแต่ละสถานที่ ก่อนที่จะไปหยุดชะงักอยู่ที่จอด้านหน้าห้องทำงานของเขา ร่างสูงกดขยายภาพนั้นขึ้นมา เหลือบมองเวลาบนหน้าจอ สายตาคมอ่อนลงเมื่อเห็นเลขาสาวของตนเองยังนั่งจมกองเอกสาร แม้จะล่วงเลยเวลาเลิกงานนานแล้ว
ร่างเล็กในชุดล้าสมัยคลุมทับด้วยเสื้อกันหนาวลายดอกไม้น่าเกลียด เส้นผมหยิกฟูสีน้ำตาลเข้มและแว่นหนาทำให้เขาแทบไม่เคยเห็นใบหน้าเธอชัดๆ เธอเปิดไล่แฟ้มเอกสารทีละเล่ม พลางจดรายละเอียดใส่สมุดบันทึก
มาเฟียหนุ่มเผยยิ้มมุมปากออกมา กดซูมเข้าไปบนโต๊ะทำงานของเธอ เพื่อมองของขวัญที่เธอเลือกให้ถนัดตา
เขาอุตส่าห์ให้เธอเลือกรางวัลสำหรับความทุ่มเทในการทำงานตลอด 4 ปีเอง สุดท้ายเธอกลับซื้อเพียงสมุดบันทึกโง่ๆ สีน้ำตาลเล่มเดียว ราคาเพียง 249 บาท
ร่างใหญ่เหยียดกายในท่าทางสบายๆ เฝ้ามองหญิงสาวทำงานอย่างเพลิดเพลินโดยไม่รู้ตัวเกือบชั่วโมง จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักพักใหญ่เกือบจะ 3 ทุ่ม หญิงสาวจึงเปลี่ยนอิริยาบถ ยืดตัวบิดกายขับไล่ความเมื่อยล้า เธอลงมือเก็บของใช้ส่วนตัวลงกระเป๋าย่ามราคาถูก หยิบแฟ้ม 2-3 อันติดมือไปด้วย
ร่างสูงไล่เปิดภาพสลับไปเรื่อยๆ ตั้งแต่หน้าห้องทำงาน จนเธอเดินออกไปนอกตัวตึก และกลืนหายไปกับฝูงชนที่เดินขวักไขว่ด้านนอก
โอนิกซ์เริ่มรู้สึกตัวว่าเผลอทำอะไรไร้สาระลงไป อย่างการนั่งมองเลขาสาวทำงาน เขาสะบัดศีรษะเรียกสติตัวเอง และเริ่มลงมือเปิดโปรแกรมที่ทำค้างไว้ขึ้นมา
นิ้วเรียวรัวกดแป้นคีย์บอร์ดด้วยภาษาที่คนทั่วไปไม่อาจเข้าใจอย่างรวดเร็ว ราวกับมันเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย โค้ดมากมายถูกกรอกลงไปในเครื่องคอมสเปกแรง โอนิกซ์จมดิ่งจดจ่อกับการเขียนโค้ดอยู่นาน แต่โปรแกรมที่เขาพัฒนาก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าไร เวลาล่วงเลยจนเกือบ ตี 2 ชายหนุ่มจึงตัดสินใจหยุดพัก เซฟข้อมูล เปิดหน้าจอทิ้งไว้แบบเดิม ก่อนจะเดินหายขึ้นห้องนอนส่วนตัวไป
เพนต์เฮ้าส์โอนิกซ์โอนิกซ์ส่งยิ้มพลางยื่นนิ้วมือไปหาลูกน้อยในอ้อมแขน ซึ่งอัศวินก็หัวเราะร่าพยายามยื่นมือมาคว้ากำนิ้วบิดาเอาไว้ เขาพยายามบีบๆ คลายๆ อยู่หลายครั้ง และมักจะส่งเสียงโต้ตอบบ้างเวลาผู้เป็นพ่อพูดคุยด้วยแม้จะยังไม่รู้ความก็ตามไม่แปลกใจเลยทำไมเพื่อนเขาถึงอยากพาลูกชายตัวเล็กของตนกลับบ้านไปด้วย อัศวินเลี้ยงง่ายและอารมณ์ดี บางครั้งเขาก็มักจะเพลินกับการหยอกล้อกับลูกจนลืมเวลาไป"เล่นพอยังคะตัวเล็ก หม่ามี๊พาไปอาบน้ำดีกว่า""คิก คิก คิก"อัศวินหัวเราะคิกคักขณะดวงตากลมโตบ้องแบ๊วมองมารดาและยิ้มจนตาหยี"กวนปะป๊านานแล้วนะคะ ไปกัน"โอนิกซ์ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ภรรยา ประคองทารกให้หญิงสาวรับไปอุ้มต่อ สายตาอบอุ่นสื่อความหมายสบมองกัน แม้ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมา แต่ทั้งคู่ก็มีความสุขมากในทุกช่วงเวลาแพรวาอุ้มอัศวินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ส่วนโอนิกซ์ก็หยิบโน้ตบุ๊กมานั่งเคลียร์งานที่คั่งค้างต่ออีกนิดหน่อยมุมปากหยักยกยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะดังแววออกมาจากห้องน้ำ จนอดใจไม่ไหวต้องวางโน้ตบุ๊กบนตักลงแล้วเดินไปดูสองแม่ลูกแทนแพรวานำอ่างอาบน้ำสำหรับเด็กมาตั้งไว้บนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน
3 เดือนต่อมาบริษัท JRV LOGISTICSประธานหนุ่มเจ้าของบริษัทโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ ก้มอ่านเอกสารร่างสัญญาฉบับใหม่ มือขวาควงปากกา มือซ้ายก็ประคองร่างของลูกชายตัวเล็กโยกกล่อมให้หลับภายในห้องทำงานเต็มไปด้วยอุปกรณ์เลี้ยงเด็ก ทั้งเปลที่นอน และคอกกั้นบุนวมอย่างดี พร้อมตุ๊กตาของเล่นขนาดต่างๆ จนไม่เหลือคราบห้องของประธานบริษัทแม้แต่น้อยแพรวาเปิดประตูเข้ามา หลังจากคลอดลูกน้อยรูปร่างเธอก็กลับสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว แทบจะดูไม่ออกว่าเคยผ่านการตั้งครรภ์มาก่อนใบหน้าสวยดูเปล่งประกายความงามชัดเจน ผิวขาวเนียนตัดกับเส้นผมสีดำสนิทยาวจรดแผ่นหลัง เธอสวมชุดเสื้อสูทสีครีมคู่กับกระโปรงเอวสูงสีเดียวกัน ราศีภรรยาประธานบริษัทจับทุกระเบียบนิ้วมุมปากที่ทาทับด้วยลิปสติกสีนู้ดยกยิ้มขึ้น จรดฝีเท้าเงียบเชียบไม่ให้รบกวนการนอนหลับของลูกน้อยโอนิกซ์เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสาร สายตาใต้กรอบแว่นดูอ่อนโยนเมื่อมองผู้มาใหม่ วางปากกาในมือลง"นี่เอกสารประชุมอาทิตย์หน้าค่ะ""เหนื่อยไหมครับ""นิกซ์ต่างหาก วินดื้อไหมเอ่ย""เล่นเสร็จ เพิ่งหลับไปเมื่อกี้"สายตาอ่อนโยนมองใบหน้าหลับใหลของลูกชายที่ถอดแบบมาจากเขาแทบจะพิมพ์เดียวกัน ยก
2 เดือนต่อมาโรงพยาบาลแพรวานั่งๆ นอนๆ อยู่แต่บนเตียงคนไข้ โอนิกซ์ย้ายเธอมาที่โรงพยาบาลได้สองวันแล้วเพื่อรอวันคลอด ตอนนี้แพรวายังไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นเท่าไร ต่างจากคนเป็นสามีที่ดูตื่นตัวพร้อมทุกสถานการณ์ เขาจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับทารกแรกเกิดไว้พร้อมสรรพ รวมถึงจัดการออกแบบตกแต่งห้องนอนรับแขกเก่าที่แพรวาเคยนอนเป็นห้องเด็กอ่อน แม้ลูกยังต้องนอนห้องเดียวกับพวกเขาอีกหลายปีก็ตามท้องเธอโตเสียแทบเดินไม่ไหว จะลุกจะนั่งต้องมีโอนิกซ์คอยช่วยพยุงวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ห้องพักของเธอครึกครื้น"พี่วาเอาแอปเปิลไหม คลีปอกให้" คลีโอและลีโอหอบกระเช้าผลไม้มาเยี่ยมว่าที่คุณแม่ตั้งแต่เช้า"ได้จ้ะ ขอบคุณนะ""ค่า เดี๋ยวคลีไปล้างก่อน"คลีโอเดินไปยังส่วนครัวของห้องพักซึ่งไม่ต่างจากโรงแรมดีๆ มีอุปกรณ์ช่วยอำนวยความสะดวกครบครัน แถมยังมีแยกโซนสำหรับคนไข้และญาติเวลามาเยี่ยมไว้ด้วย ห้องรับแขกก็กว้างขวาง แบ่งเป็นสัดส่วนจึงไม่รบกวนการพักผ่อนของคนไข้"ปอกเป็นเหรอไง เอามีดมานี่ พี่ทำเอง" ลีโอที่แทบทนดูไม่ไหว ดึงมีดคมออกจากมือแฟนสาว และดันตัวเธอไปข้างๆ ก่อนจะจัดการแอปเปิลสีแดงด้วยตัวเองชายหนุ่มจัดการป
ย่านใจกลางเมืองเหล่ามาเฟียสี่คน ยืนหน้าเครียดมองประตูร้านขนมหวานด้วยความไม่แน่ใจ ก่อนจะหันกลับมามองเพื่อนที่เป็นคนเสนอความคิด"เอาจริงดิ พาพวกกูมาคุยงานในร้านขนมเนี่ยนะ" ลีออนเอ่ยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้"แล้วยังไง""ดูหน้าแต่ละคนก่อน แล้วค่อยถามว่ายังไง""มึงก็รู้กูห่างเมียนานไม่ได้ มันปวดหัวอยากจะอ้วก ถ้าอยากคุยงานก็คุยที่นี่" โอนิกซ์ตอบกลับเสียงเรียบ ก่อนจะจูงมือภรรยาสาวที่ท้องโตเข้าไปในร้านเป็นคนแรก"แน่ใจเหรอวะ" ลีออนหันมาขอความเห็นจากเพื่อนที่เหลือ ซึ่งวิคเตอร์ก็ทำได้เพียงถอนหายใจ ส่วนไคโรและลีโอก็ส่ายหน้าไม่ได้ตอบคำถาม และพาแฟนตัวเองเข้าไปในร้านด้วยเช่นกัน"เชี่ย พวกกูสองคนมาทำห่าอะไรเนี่ย นึกว่านัดเดทคู่""กูยอมให้มึงควงได้วันหนึ่ง แต่ถ้าเริ่มลวนลามกูเมื่อไร กูถีบมึงแน่""ถุย! กูเนี่ยนะ จะลวนลามมึง พูดจาน่าถูกกระสุนฝังหัวจริงๆ""หึ"วิคเตอร์ทำเพียงแค่แค่นหัวเราะ และเดินตามคนอื่นเข้าไปในร้าน สุดท้ายเพื่อนผู้เรื่องมากก็หมดข้อโต้แย้ง ยืนกระฟัดกระเฟียดอยู่ครู่หนึ่งก็ยอมตามเข้ามาโอนิกซ์แยกโต๊ะระหว่างกลุ่มสาวๆ ในนั่งริมหน้าต่างร้าน ส่วนกลุ่มเขาแยกมาอีกโต๊ะก่อ
คฤหาสน์ตระกูลโอนิกซ์แพรวาคลี่ยิ้มละลายใจ ขณะผลักร่างสูงของผู้เป็นสามีลงบนเตียงกว้างในห้องนอนของเขา โอนิกซ์หอบหายใจเข้าออกหนักหน่วงด้วยความตื่นเต้น เฝ้ามองหญิงสาวค่อยๆ คลานขึ้นมาคร่อมร่างด้วยท่าทางยั่วเย้าชวนคลั่งคอเสื้อเว้าลงมา จนสามารถมองเห็นเนื้อนุ่มคู่สวยใต้ชุดเดรสน้ำเงิน ความกระสันทำช่วงล่างปวดหนึบ ดุนดันเป้ากางเกงขึ้นเป็นลำคนตัวเล็กยกยิ้มอย่างคนมีอำนาจเหนือกว่า มือน้อยลูบไล้ลำกายแข็งขืนผ่านกางเกง เฝ้ามองคนข้างใต้พยายามบดเบียดช่วงล่างเข้าหามือเธอ"จะให้รางวัลอะไรนิกซ์ครับ" เขาถามเสียงกระเส่า ความรู้สึกตื่นตัววูบหวิวทรมานเหมือนตนกำลังโดนทำโทษมากกว่า"รอดูสิคะ ใจร้อนจัง""อ่า เมียขี้ยั่วจัง"มือซุกซนเริ่มทำการปลดตะขอกางเกงพร้อมดึงมันลง โอนิกซ์ก็ยกสะโพกช่วยให้เธอจัดการกับกางเกงเกะกะโดยง่าย ท่อนเอ็นร้อนแข็งแทบชี้หน้า แต่ก็ยังมี บ็อกเซอร์อีกตัวปกปิดเอาไว้แพรวานั่งคุกเข่าอยู่กลางหว่างขา ใช้มือสัมผัสความใหญ่โตผ่านเนื้อผ้าอย่างยั่วยวนใจเย็น แต่คนที่นอนหอบหายใจกลับจะเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง รูดชั้นในลง โยนทิ้งออกไปในที่สุดท่อนเอ็นใหญ่ขนาดเท่าข้อมือหญิงสาวปรากฏสู่สาย
หลังมื้ออาหารจบลง งานประมูลสินค้าเพื่อร่วมบริจาคเงินให้แก่เด็กด้อยโอกาสจึงเริ่มขึ้น แขกที่มาร่วมงานทยอยเดินไปยังโซนหน้าเวทีโอนิกซ์โอบเอวภรรยาคนสวยไว้ตลอดทาง ระมัดระวังทุกย่างก้าวจนเธอนั่งลงข้างไปรยาเรียบร้อย เขาจึงนั่งขนาบข้าง ไม่นานไฟในห้องจัดเลี้ยงก็ถูกหรี่ลง พร้อมเสียงพิธีกรดำเนินงานดังขึ้น"สวัสดีครับ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานประมูลเพื่อการกุศลครั้งที่ 4 รายได้จากการประมูลทั้งหมด หลักหักค่าใช้จ่ายแล้วจะนำไปช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสยังพื้นที่ห่างไกล ของที่นำมาร่วมประมูลในวันนี้มีมูลค่ารวมกันเกือบ 50 ล้านบาทเลยทีเดียว ขอให้ทุกท่านสนุกไปกับงานในครั้งนี้นะครับ"แขกที่มาร่วมงานต่างปรบมือเสียงดัง ตื่นเต้นที่จะได้ชมของล้ำค่ามากมาย และยังได้โอกาสอวดบารมีและเงินในบัญชีให้คนอื่นรับรู้ด้วย"ของชิ้นแรก เปิดกันมาด้วยแจกันเครื่องลายครามจากราชวงศ์ชิง ของประเทศจีนโบราณ พร้อมใบรับประกัน ขอเปิดการประมูลที่ หนึ่งล้านบาทครับ"เมื่อพิธีกรให้สัญญา ผู้ร่วมงานก็ชูป้ายขานราคากันอย่างสนุกสนาน แพรวาตกใจกับราคาที่สูงลิ่วของของแต่ละอย่าง ความคิดที่อยากจะร่วมงานเพื่อช่วยเหลือเด็กน้อยต้องถูกหยุดไว้ชั่วคร