LOGIN“หนึ่งล้านห้าแสนจาร์ปเหรอ คิดเป็นเงินไทยเกือบสี่ล้านเชียวนะ” กชนิภาได้ยินค่าสินค้าถึงกับตกใจ เพราะครั้งนี้เหมือนจะมากกว่าทุกครั้ง
“ใช่ค่ะ ราวๆ นั้น” ฮูดาตอบกลับ “ดิฉันขอตัวนะคะ”
ฮูดาขอตัวทันทีที่หมดหน้าที่ ปล่อยให้กชนิภาอึ้งไปกับจำนวนเงินค่าเสื้อผ้า รองเท้าและเครื่องประดับ ที่เยอะมากที่สุดในชีวิต
“ท่านชีคน่ารักจังเลยค่ะ ซื้อของให้คุณโรสหลายล้านเลย” ฮาน่าชมเจ้านายตัวเอง
“เขาน่ารักกับคนอื่นน่ะสิ แต่สำหรับโรส เขาเกลียดโรสจะตายไป” กชนิภาคิดเช่นนี้มาตลอด “แล้วที่ซื้อของให้เยอะๆ เพราะไม่อยากให้โรสแก้ผ้าเดินในวังของเขามากกว่า หรือไม่ก็ตบหัวแล้วลูบหลัง ทำไม่ดีกับโรส แล้วโยนของแพงๆ ให้”
“ท่านชีคไม่ได้เป็นคนอย่างนั้นนะคะ ถ้าท่านชีคเกลียดคุณโรสจริง ป่านนี้คุณโรสคงถูกโยนออกจากวังนานแล้วค่ะ ท่านชีคไม่มีวันทนอยู่กับคนที่ตัวเองไม่ชอบหน้านานๆ ได้แน่ ที่สำคัญที่สุด ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนอยู่ร่วมห้องกับท่านชีคนะคะ คุณโรสเป็นคนแรกที่แหวกเรื่องที่ท่านชีคเคยทำ” ฮาน่าไม่ได้พูดเข้าข้างชีคอัสวาน เธอทำงานที่นี่มานาน นานจนรู้นิสัยใจคอเจ้าชีวิตดีว่าเป็นเช่นไร
“ใช่สิ พี่ฮาน่าเป็นลูกน้องท่านชีคก็ต้องเข้าข้างเขาอยู่แล้ว ท่านชีคทั้งแค้นและเกลียดโรส ไม่มีวันเปลี่ยนความรู้สึกไปจากนี้ได้หรอกค่ะ” กชนิภายังเข้าใจเช่นเดิม
“การที่ให้คุณโรสอยู่ใกล้ๆ อาจไม่ได้หมายความว่าเกลียดหรือต้องการแก้แค้นก็ได้นะคะ” ฮาน่าพูดราวกับรู้ว่า ชีคหนุ่มมีความรู้สึกอย่างไรกับกชนิภา “คุณโรสเคยได้ยินคำนี้ไหมคะ ที่พูดกันว่า เก็บคนเกลียดชังไว้ข้างกาย เก็บคนที่เราคับแค้นไว้ข้างใจ”
“ไม่ค่ะ ไม่เคยได้ยิน” กชนิภาจะเคยได้ยินได้อย่างไร เป็นเพราะประโยคนี้ฮาน่าพูดขึ้นมาเอง
“พี่ให้คุณโรสไปคิดดูค่ะ ถ้าคุณโรสคิดออก คุณโรสก็จะรู้ว่า ท่านชีครู้สึกยังไงกับคุณโรส”
กชนิภาก็ยังไม่เข้าใจความหมายของคำพูดฮาน่า เธอไม่อยากคิดเพราะรู้คำตอบนั้นดี รู้จากการกระทำทุกค่ำคืนของเขา ที่สร้างความเจ็บปวดทางกายและใจให้กชนิภา ทุกเมื่อเชื่อวัน
ตกค่ำ
กชนิภาเดินขึ้นมาห้องนอนของชีคอัสวานหลังจากกินมื้อค่ำเสร็จ วันนี้เจ้าของห้องกลับช้ากว่าทุกวัน เนื่องจากไปงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานของเพื่อนสนิท หลังจากปิดประตูห้องเรียบร้อย เธอยืนมองรอบๆ ห้องที่มีความหรูหรา เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นล้วนแล้วแต่มีราคา ของประดับห้องกก็เช่นกัน เลอค่าทั้งสิ้น ทว่าใจเธอกลับไม่มีความสุข ความรู้สึกเหมือนถูกกักขัง ได้แต่ทอดสายตามองออกไปด้านนอกที่ไม่เห็นอะไรไปมากกว่าอาคารบ้านเรือน
แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะมีแต่ความสุขสบาย มีคนรับใช้รายล้อม งานบ้านก็ไม่ต้องทำ เสื้อผ้าสวยๆ เครื่องประดับมีราคาก็มีให้ใส่แทบไม่ซ้ำกัน แต่ไฉนกชนิภาจึงหาความสุขไม่ได้สักนิดเดียว โหยหาบ้านหลังไม่ใหญ่ไม่เล็กและห้องนอนขนาดกะทัดรัดของตนมากกว่า อาณาจักรเล็กๆ แสนอิสระ จะทำสิ่งใดก็ได้ ไม่มีใครจ้องมอง ไม่มีใครกำหนดชี้ชะตา หัวใจสาวเศร้าหมองมาก และที่สำคัญเธอคิดถึงบิดามารดา พี่ชายและพี่สาวของตนมาก มากเหลือเกิน มากเสียจนอยากขอพรจากสวรรค์ ให้ตนกลายเป็นนก เพื่อจะได้โบกโบยบินออกจากวังนี้ บินทางไกลกลับบ้านเกิดเมืองนอนที่แสนคะนึงนิจ
ทว่าพรนั้นกชนิภาคงไม่มีวันได้รับ ชีคอัสวานไม่มีวันปล่อยตนเป็นอิสระ แม้ว่าจะกลายเป็นนกสมใจปรารถนา เขาก็จะจับเธอมายัดใส่กรงทองตามเดิม ทางเดียวที่จะไปจากที่นี่ได้โดยไร้ข้อแม้ ไม่มีการข่มขู่ ไม่มีการอาฆาตมาดร้าย แต่ก็ไม่รู้ว่า วันนั้นจะมาถึงเมื่อไหร่ เพราะเขาไม่กำหนดระยะเวลาชัดแจ้ง ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปวันๆ
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจผ่อนออกมาแรงๆ ก่อนเท้าเล็กจะก้าวเดินไปยังส่วนห้องนอนที่อยู่ด้านใน เธอทรุดนั่งตรงโซฟาหนังนุ่มเนื้อดีปลายเตียง เธอเอนตัวลงนอนบนโซฟา กชนิภานึกถึงเจ้าของวังหรืออาจพูดได้ว่า เป็นเจ้าชีวิตเธอตอนนี้ ทำให้อดย้อนกลับไปวันแรกที่เจอเขาไม่ได้ ความน่ากลัวอันน่าเกรงขามของชีคอัสวานยังติดตาติดหัวใจแน่นในความรู้สึก เขาเป็นบุรุษที่มีความเหี้ยมโหด ป่าเถื่อน อารมณ์เขายิ่งกว่าพายุพร้อมกวาดทุกอย่างให้ราบเป็นน่ากลอง หากเธอไม่ยอมตกเป็นจำเลยสวาท ชีวิตพี่ชายคงเป็นอาหารจระเข้หรือไม่ก็สิงโต
น้ำตาสาวไหลรินเมื่อนึกถึงชะตากรรมของตน กชนิภาห่างบ้านห่างเมืองเพื่อความปลอดภัยของพี่ชาย บุคคลผู้เป็นที่รัก เป็นความหวังของบิดาและมารดา หากสูญเสียอัศวิน คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องหัวใจสลายแน่นอน ความรัก ความกตัญญูที่มีต่อบุพการี แล้วต้องการให้พี่ชายมีชีวิตรอด เธอจำต้องเป็นเชลยสวาท ให้ความสุขกับชายหนุ่มที่บ้าคลั่งความเสน่หานานถึงสองปี
สองปีที่ไม่ได้พบหน้าครอบครัว แม้จะสุขกายอยู่ในสถานที่หรูหรา ทว่าจิตใจกลับหมองเศร้า เคล้าน้ำตาแทบทุกวัน น้ำตาจากความเจ็บปวดทางกายขณะอัสวานโยกไหวบนตัวเธอ เขาไม่เคยอ่อนโยน ไม่ปรานีร่างเล็กว่าจะเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหม มาซ้ำด้วยวาจาเชือดเฉือนหัวใจ
“แม่จ๋า...โรสอยากกอดแม่ โรสคิดถึงแม่เหลือเกิน”
วินาทีนี้กชนิภาคิดถึงนภารัตน์ มารดาสุดหัวใจ เธออยากอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นที่แสนคิดถึง เป็นความคิดถึงที่มากกว่าครั้งไหนๆ คิดถึงมากจนอยากกลับไปเมืองไทยตอนนี้
Chapter 10 “ท่านชีค” ฮาน่าปากสั่น กลืนคำด่าลงคอ “ฉันมีเรื่องจะถามเธอหน่อย” อัสวานไม่รีรอ “ท่านชีคจะถามว่าอะไรคะ” “เมื่อกี้นิสรีนละเมอออกมา ฉันอยากรู้ว่า คำว่าแม่มีความหมายยังไง ถ้าเป็นชื่อคือชื่อใคร ผู้หญิงหรือผู้ชาย” อัสวานรีบถามในเรื่องที่ตนสงสัยฮาน่าอมยิ้มกับคำถาม การที่เจ้านายหนุ่มรูปงามมาหาคำตอบถึงที่นี่ในยามราตรีมืดมิด ทั้งที่รอตอนเช้าก็ได้ หากไม่อยากรู้จริงๆ หรือไม่ก็หึงหวงคงมายืนอยู่ตรงนี้แน่นอน นั่นทำให้เธอยิ่งมั่นใจว่า ชีคอัสวานมีใจให้กชนิภา เพียงแค่ไม่เปิดเผยออกมาตรงๆ เท่านั้น“แม่ที่คุณนิสรีนละเมอออกมา คนไทยใช้เรียกมารดาค่ะ คุณนิสรีนไม่ได้กลับเมืองไทยร่วมสองปี และไม่ได้เจอแม่ ก็คงคิดถึงแม่มาก คุณนิสรีนก็เลยละเมอเรียกแม่ค่ะ”ฮาน่าตอบให้กชนิภาน่าสงสาร เผื่อชีคอัสวานจะเห็นใจ ใจอ่อนให้กชนิภากลับไปเยี่ยมครอบครัวที่เมืองไทยอัสวานโล่งใจกับความหมายที่กชนิภาละเมอ ขณะเดียวกันก็เกิดความสงสารเธอขึ้นมาทันใด จะว่าไปเรื่องที่เกิดขึ้น กชนิภาไม่มีความผิดสักนิดเดียว แต่ต้องมารับกรรมแทนพี่ชายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และตลอดระยะเวลาสองปีที่อยู่กับเขา กชน
Chapter 9เสียงสะอื้นดังมากขึ้นเรื่อยๆ มากตามความรู้สึกในจิตใจ และเป็นทางเดียวที่กชนิภาจะระบายความอัดอั้น ความทุกข์เศร้า ความหมองหม่นให้ออกไปจากตัว ไม่เช่นนั้นเธอคงเป็นโรคซึมเศร้า ติดอยู่ในภวังค์ของตัวเองแน่นอน แล้วไม่ต้องกลัวว่า จะมีใครได้ยินเสียงร้องไห้ เห็นสภาพอันน่าเวทนาของเธอ เป็นเพราะอัสวานไม่อยู่ อีกทั้งไม่มีใครเข้ามาในห้องนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต เธอจึงใช้เวลานี้หลั่งน้ำตา ปลดความทุกข์ใจ คิดถึงครอบครัวที่อยู่เมืองไทยด้วยใจร้าวราน หวังลึกๆ ว่าสักวันหนึ่ง ชีคอัสวานจะปล่อยให้ตนเป็นอิสระ เธอจะได้กลับบ้านเสียที...บ้านหลังเล็กที่แสนคิดถึง 01.05 น. อัสวานก้าวเท้าเข้าในห้องนอนที่แยกออกเป็นสัดส่วน ห้องแรกจะเป็นห้องนั่งดูทีวี ทางด้านขวามือจะเป็นห้องแต่งตัวที่มีประตูเชื่อมกับห้องนอนที่อยู่ด้านในของห้อง คืนนี้เขากลับบ้านช้ากว่าทุกวัน หรืออาจพูดได้ว่าในรอบปีก็ว่าได้ ปกติแล้วจะกลับไม่เกินสามทุ่ม ทว่าวันนี้เสมือนเป็นการรวมตัวเพื่อนสนิทหลายคนจึงลากยาวมากว่าเที่ยงคืน นานหลายชั่วโมงที่เขาอยู่กับเพื่อน ชีคหนุ่มยอมรับว่า คิดถึงกชนิภามาก ใจหนึ่งอยากกลับไปหาเธอ นอนกกนอนกอดเช่นเคย แ
Chapter 8“หนึ่งล้านห้าแสนจาร์ปเหรอ คิดเป็นเงินไทยเกือบสี่ล้านเชียวนะ” กชนิภาได้ยินค่าสินค้าถึงกับตกใจ เพราะครั้งนี้เหมือนจะมากกว่าทุกครั้ง“ใช่ค่ะ ราวๆ นั้น” ฮูดาตอบกลับ “ดิฉันขอตัวนะคะ”ฮูดาขอตัวทันทีที่หมดหน้าที่ ปล่อยให้กชนิภาอึ้งไปกับจำนวนเงินค่าเสื้อผ้า รองเท้าและเครื่องประดับ ที่เยอะมากที่สุดในชีวิต“ท่านชีคน่ารักจังเลยค่ะ ซื้อของให้คุณโรสหลายล้านเลย” ฮาน่าชมเจ้านายตัวเอง“เขาน่ารักกับคนอื่นน่ะสิ แต่สำหรับโรส เขาเกลียดโรสจะตายไป” กชนิภาคิดเช่นนี้มาตลอด “แล้วที่ซื้อของให้เยอะๆ เพราะไม่อยากให้โรสแก้ผ้าเดินในวังของเขามากกว่า หรือไม่ก็ตบหัวแล้วลูบหลัง ทำไม่ดีกับโรส แล้วโยนของแพงๆ ให้”“ท่านชีคไม่ได้เป็นคนอย่างนั้นนะคะ ถ้าท่านชีคเกลียดคุณโรสจริง ป่านนี้คุณโรสคงถูกโยนออกจากวังนานแล้วค่ะ ท่านชีคไม่มีวันทนอยู่กับคนที่ตัวเองไม่ชอบหน้านานๆ ได้แน่ ที่สำคัญที่สุด ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนอยู่ร่วมห้องกับท่านชีคนะคะ คุณโรสเป็นคนแรกที่แหวกเรื่องที่ท่านชีคเคยทำ” ฮาน่าไม่ได้พูดเข้าข้างชีคอัสวาน เธอทำงานที่นี่มานาน นานจนรู้นิสัยใจคอเจ้าชีวิตดีว่าเป็นเช่นไร“ใช่สิ พี่ฮาน่าเป็นลูกน้องท่านชีคก็ต้องเข้าข
Chapter 7 ชีวิตของกชนิภาเหมือนอยู่ในกรงทอง เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปนอกวังอันโอ่อ่าและหรูหราของอัสวาน เธอถูกจำกัดบริเวณอยู่ภายในอาณาเขตวัง กชนิภาจึงไม่รู้จักคนหรือสถานที่นอกกำแพงวังที่สูงราวสามเมตร ได้แต่ยืนมองกำแพงนั้นด้วยความหวังรุนแรงในใจว่า ตนจะมีโอกาสได้รับอิสระจากชีคแสนร้ายกาจ สิ่งแรกที่เธอคิดทำคือ กลับบ้านที่เมืองไทยกิจวัตรประจำวันของกชนิภามีไม่กี่อย่าง ตื่นเช้ามาอาบน้ำแต่งตัวแล้วลงมากินมื้อเช้ากับอัสวาน หลังจากที่เจ้าของบ้านออกไปทำงาน เธอก็จะออกมาเดินเล่นในสวนดอกไม้โดยฮาน่า สาวรับใช้ชาวไทยที่มาทำงานในวังแห่งนี้นานถึงเจ็ดปีเดินไปเป็นเพื่อน สำหรับฮาน่า กชนิภาไม่คิดว่าเป็นสาวใช้ เธอคิดว่าฮาน่าคือเพื่อนและพี่สาว ที่คอยคุยให้คลายเหงา เป็นคนเดียวที่เธอปรับทุกข์ อีกทั้งยังสอนภาษาจามาลให้กชนิภาอีกด้วย กชนิภาไม่ได้เดินเล่นในสวนเพียงอย่างเดียว ความเหงาและเบื่อหน่ายทำให้เธอลงมือปลูกต้นไม้และดอกไม้หลายชนิด ระยะเวลาสองปีทุกต้นทุกดอกที่เธอปลูกเจริญงอกงาม ออกดอกบานสะพรั่ง สิ่งที่เห็นเหมือนน้ำทิพย์หยดเล็กๆ ชโลมหัวใจบอบช้ำได้เป็นอย่างดี ส่วนเวลาที่เหลือในแต่ละวันหมดไปกับก
Chapter 6เมืองไทย อังคณานั่งทำงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียด จิตใจอัดแน่นไปด้วยความสับสน คิดไม่ตกว่าจะจัดการเรื่องกลัดกลุ้มในอกอย่างไรดี สองปีแล้วที่กชนิภาเป็นเชลยสวาทให้ชายหนุ่มผู้มีอิทธิพลสูงคนหนึ่งของประเทศจามาล โดยที่ไม่ได้กระทำความผิดใดใดสักนิดเดียว ส่วนคนที่ผิดหาได้รู้สำนึกไว้ ไม่เคยพูดและถามถึงกชนิภาเลยสักครั้ง มองข้ามความผิดของตัวเองอย่างคนสิ้นไร้ความคิด ไร้หัวใจ ต่างกับอังคณาที่คิดถึงน้องสาวทุกลมหายใจ หากวันนั้นตนไม่หมดสติ เรื่องร้ายคงไม่เกิดขึ้นกับกชนิภา เธอจะให้ยศวินรับโทษกับเรื่องที่ตัวเองกระทำ หาใช่ให้กชนิภารับผิดชอบแทน ซึ่งมันไม่ถูกต้อง ไม่มีความถูกต้องสักนิดเดียว วันที่เธอกับยศวินเดินทางกลับเมืองไทย เธอได้ขออัสวานพบน้องสาวเพื่อกล่าวลา อัสวานยอมให้พี่น้องได้เจอกัน แต่ต้องอยู่ในสายตาเขาและต้องพูดภาษาอังกฤษเพื่อเขาจะได้เข้าใจคำสนทนาของทั้งคู่ทันทีที่อังคณาเห็นสภาพน้องสาว เธอปล่อยโฮออกมาด้วยความสงสาร รอยจ้ำแดงชัดและจางปรากฏรอบลำคอกชนิภา ความที่กชนิภาเป็นคนผิวขาวนวลทำให้อังคณามองเห็นรอยฝ่ามือหลายจุดตรงช่วงแขน คล้ายรอยบีบอย่างไรอย่างนั้น ส่วนยศวินไม่ได้มองหน้า
Chapter 5“งั้นคุณก็ปล่อยพี่ชายฉันสิ” “ปล่อยแน่ แต่ต้องหลังจากที่เธอทำตามข้อตกลงซะก่อน แล้วฉันถึงจะปล่อยตัวพี่ชายเธอ” “คุณกลัวฉันเบี้ยว แล้วคุณไม่คิดเหรอว่าฉันจะกลัวคุณผิดคำพูด” กชนิภาโต้กลับทันควัน“ฉันไม่เดือดร้อนนะ กับการไม่ไว้ใจฉันของเธอ เพราะคนที่ตายไม่ใช่ญาติพี่น้องของฉัน แต่เป็นพี่ชายเธอ” อัสวานยักไหล่พูด ไม่แยแสใครทั้งสิ้น “ฉันเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น ไม่มีตุกติกหรือเล่นแง่”กชนิภามองชายหนุ่มที่เป็นต่อตนทุกทาง อัสวานเหมือนผู้คุมเกม ไม่มีทางที่เธอจะต่อกรกับเขาได้ “ตกลงค่ะ คุณว่ายังไงฉันว่าตามนั้น” อัสวานกระตุกยิ้ม“ฉันจะให้พี่ชายเธอกับเพื่อนอยู่ที่นี่จนกว่าหน้าที่ของเธอจะเสร็จ แล้วฉันจะปล่อยมันสองตัว” กชนิภามองชายหน้าตาหล่อเข้มทว่าจิตใจโหดเหี้ยมทั้งน้ำตา เธอไม่เคยรู้สึกอดสูและตัวเองไร้ค่าเท่าวันนี้เลย แต่ถึงกระนั้นกชนิภาก็ไม่อาจต่อรองกับบุรุษที่ถือถ้วยรางวัลแห่งชัยชนะได้เลย กชนิภาเดินตามร่างสูงใหญ่ของอัสวานออกไปจากห้องใต้ดิน เพื่อทำหน้าที่นางบำเรอตามข้อตกลงความแค้นในใจชีคอัสวานมีมากขึ้น เมื่อโซเฟียรับสภาพตัวเองและเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ แม้ว่าเขาจะบอกกับเธอว่า ยอมรับเรื่องที่เ







