บทที่ 5 ความทรงจำ
เรื่องราวทั้งหมดของจางอวิ๋นหลิงเริ่มไหลเวียนเข้ามาผ่านความทรงจำ ทั้งสองเคยเป็นคู่รักที่แสนรักใคร่ทำราวกับว่าจะไม่มีทางเลิกลากันได้ ครั้นเมื่อที่จางอวิ๋นหลิงแอบท่านพ่อออกมาเที่ยวเล่นที่แคว้นหยางอันได้พบเข้ากับบุรุษรูปงามที่ช่วยเหลือนางจากโจรลักขโมย ยามนั้นไท่หยางมิได้แต่งตัวและบอกถึงตัวตนของเขา ทั้งสองปลูกดอกรักด้วยกันจนเติบโต อวิ๋นหลิงเองก็มิกล้าแม้จะบอกถึงตัวตนของนางว่านางมิใช่คนแคว้นนี้กลัวเขาจะชิงชังรังเกียจ แอบมาหานัดพบกันอยู่บ่อยครั้งจนไท่หยางพูดเรื่องแต่งงานกับนาง ถามถึงตระกูลของนางว่าเป็นบุตรสาวเรือนใดเมื่อไหร่ที่เขากลับมาจากการทำงานในครั้งนี้เขาจะให้ท่านพ่อท่านแม่ไปสู่ขอนางที่เรือน แต่อวิ๋นหลิงมิได้เอ่ยความจริงโป้ปดเขาไปเพื่อให้เขาไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริง ๆ แม้จะรู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อย
แต่ทว่าเรื่องราวไม่ได้เป็นอย่างใจหวัง เมื่อครั้นนั้นเกิดสงครามต่อสู้กันระหว่างแคว้นทำให้อวิ๋นหลิงไม่ได้ออกมาจากเรือนเลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไท่หยางคือแม่ทัพที่สู้รบกับท่านพ่อของนาง จนเรื่องมาถึงตอนนี้วิณญาณของหญิงสาวที่เข้ามาอยู่ในร่างรับรู้และรู้สึกถึงความเจ็บปวดของอวิ๋นหลิงทั้งหมดหากจะให้พูดเสมือนเป็นคน ๆ เดียวกันด้วยซ้ำ
“เพราะครานั้นข้ามิรู้ว่าท่านคือแม่ทัพฝ่ายศัตรูต่างหากจึงคิดเผลอใจ ตอนนี้ข้ามีเพียงความโกรธเกลียดไม่อยากแม้แต่จะมองใบหน้าของท่านด้วยซ้ำ” เมื่อรู้สึกความเจ็บปวดของอวิ๋นหลิงที่เสียบิดา ท่านพ่อของนางตายด้วยน้ำมือของเขานางเห็นความเหี้ยมโหดทุกอย่างผ่านดวงตาทั้งสองข้าง ราวกับชีวิตชาติที่แล้วที่นางต้องเสียพ่อให้แก่ความโง่เขราเพราะคำว่ารักโชคชะตาชีวิตของนางตอนนี้ก็มิต่าง นางต้องมาเสียบิดาให้คนที่เคยพร่ำรักนางหนักหนา หัวใจของนางบีบรัดจนแทบหายใจไม่ออกน้ำตาเริ่มคลอพร้อมไหลอาบแก้มนวล
“ดี ในเมื่อเจ้าเกลียดข้า ข้าจะทำให้เจ้าเกลียดข้ามากกว่าเดิมเพราะข้าเองก็เกลียดคนตระกูลเจ้าเช่นเดียวกันที่มาพรากท่านแม่ไปจากข้า ”
ไท่หยางเมื่อได้ยินคำพูดของคนตรงหน้าตอนนี้เขาแทบสติแตก ใบหน้าของเขาเกรี้ยวกราดยื่นมือใหญ่บีบคอของนางจนร่างบางต้องยกมือขึ้นปัดป้อง
เขาดันกายของนางไปที่เตียงนอนหนานุ่มทุ่มร่างบางลงบนเตียงอย่างไร้ความปราณี รอยแดงเริ่มปรากฏขึ้นที่ลำคอของนางจากมือของเขาเมื่อครู่ ร่างบางพยายามดิ้นหนี้เพราะรู้ดีว่าตอนนี้เขาต้องการทำสิ่งใด
“ปล่อยข้านะ หากท่านเกลียดข้านักลงโทษเช่นนักโทษผู้อื่นสิมิใช่เช่นนี้ ข้าไม่ต้องการ” ยามนั้นไท่หยางขึ้นคร่อมร่างบางใช้มือทั้งสองข้างกดแขนของนางเอาไว้ไม่ให้ขัดขืน ก้มลงซอกไซ้คอระหงของนางพลางกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“เจ้าคือเชลยของข้าและต้องปรนนิบัติข้า เมื่อครู่เป็นเพราะเจ้าทำให้ข้าอารมณ์เสียจนขับไล่หญิงคณิกาออกไปดังนั้นคืนนี้เจ้าต้องทำหน้าที่แทนหญิงคณิกา เจ้านะโชคดีที่ข้าให้เจ้าปรนนิบัติข้าเพียงผู้เดียวไม่เหมือนท่านแม่ของข้าที่ต้องทนทุกข์ทรมานถูกทหารในจวนของพ่อเจ้าเหยียดหยาม ข่มขืนทั้งกองทัพเพื่อสนองตัณหา หรือข้าจะทำเช่นนั้นกับเจ้าเมื่อหมดสนุกกับเจ้าแล้วให้เหมือนที่ท่านแม่ของข้าต้องพบเจอจะได้รู้เสียบ้างว่าช่วงเวลานั้นเจ็บปวดเพียงใด” ร่างเล็กดวงตาสั่นคลอนนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเคยมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น ก็คงไม่แปลกที่เขาต้องการแก้แค้นให้ท่านแม่ ยามนี้นางมิอาจจะดิ้นต่อแรงของเขา ดวงตาเหม่อลอยกัดริมฝีปากจนเลือดไหลซึมออกมา เมื่ออีกฝ่ายซุกใบหน้าลงที่ซอกคอเพื่อทำสิ่งที่เขาต้องการ นางทั้งสะอิดสะเอียนทั้งเจ็บปวดยากจะบรรยาย
แต่ทว่าจู่ ๆ เขากลับหยุดการกระทำนั้นลงเพราะเขาต้องการเห็นนางร้องไห้ ทำไมทุกสิ่งที่เขาทำกลับไม่ส่งผลกับนางเลย? ความโกรธแค้นและความสับสนผสมปนกันในใจของเขาจนสุดท้าย เขาก็พ่นคำสั่งออกมาเสียงกร้าว
"ไปเสียที!ข้าไม่ต้องการสตรีที่แข็งทื่อราวกับท่อนไม้เช่นเจ้า!"
คำสั่งนั้นเหมือนพายุที่พัดผ่านชีวิตของจางอวิ๋นหลิง นางเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างเจ็บปวด ร่างบางรีบลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบ โดยที่ไม่มีการร้องขอหรือการต่อต้านใดๆ แม้แต่คำพูดเดียว
แม่ทัพหลิวไท่หยางยืนมองร่างของนางที่หายไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะบอกเล่า เขากลับไม่รู้สึกสะใจอย่างที่คิดไว้ กลับกลายเป็นความรู้สึกบางอย่างที่คอยเกาะกินหัวใจเขาอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมความเฉยชาและความว่างเปล่าของนางถึงทำให้เขารู้สึกเช่นนี้
จางอวิ๋นหลิงกลับมาที่ห้องหลังจากการเผชิญหน้ากับไท่หยาง ความรู้สึกในหัวใจของนางเต็มไปด้วยความแปรปรวนที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ความเจ็บปวดจากการกระทำของเขายังคงตามติดอยู่ในทุกๆ การเคลื่อนไหวของนาง ความมืดมิดของชีวิตที่ไม่มีทางหนีรอดในทุกย่างก้าว
‘ข้าเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินทำไมข้าต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้ แค่ชีวิตเดียวไม่พอหรือ ข้าทำอันใดไว้โชคชะตาถึงลงโทษข้าแบบนี้กัน ’ ร่างบางสะอื้นไห้ออกมาด้วยความเจ็บร้าวที่ทรวงอก ราวกับว่าเรื่องที่นางเคยพบเจอมาแล้วจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ไม่ว่าจะตายไปกี่อีกครั้งหรือเกิดใหม่อีกกี่ภพกี่ชาตินางต้องวนเวียนกับความเจ็บปวดเช่นนี้ตลอดไปเช่นดั่งถูกสาป
ไป๋หนิงซินยังคงนอนไม่หลับเฝ้ารอนางกลับห้องเมื่อเห็นเงาตะครุม ๆ เดินกลับมาอย่างอิดโรยนางรีบเดินไปหาด้วยความเป็นห่วง
“ท่านแม่ทัพเรียกเจ้าไปทำไม เอ๊ะเจ้าร้องไห้หรือ? เกิดอันใดขึ้นกันแน่”
“ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่ ข้าอยากหลับไปและไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีกเลย อึก อึก” ยามนั้นจิตใจของนางยากจะรับไหวร่ำไห้ต่อหน้าไป๋หนิงซินอย่างไม่อาย การตายเท่านั้นที่จะปลดปล่อยนางจากเขาได้แล้วเช่นนี้นางจะทำอย่างไรต่อไปได้เล่า
ไป๋หนิงซินตกใจเล็กน้อยค่อย ๆ กอดนางเพื่อปลอบประโลมและพานางเข้าไปในห้อง เมื่อน้ำตาเริ่มแห้งเหือดนางได้เล่าให้ไป๋หนิงซินฟังถึงความสัมพันธ์ของนางกับแม่ทัพ ยิ่งไป๋หนิงซินได้ยิน นางยิ่งสงสารทั้งสองจับใจ มิหน้าท่านแม่ทัพถึงไม่ฆ่านางทิ้งแม้จะออกปากลงโทษแต่ก็ยังมอบยามาให้นางได้กิน อีกทั้งให้นางเฝ้าดูแลจางอวิ๋นหลิงให้เป็นอย่างดี เขาคงรู้สึกทั้งรักทั้งแค้นใจต่อนางสินะ
“ข้าเห็นใจเจ้าเหลือเกิน แต่ข้าคิดว่าสิ่งที่ท่านแม่ทัพทำเช่นนี้ก็ดูไม่ได้ใจร้ายเท่าไหร่นักเขายังคงมีความเมตตาอยู่บ้างและยังมีความรักต่อเจ้ามิเช่นนั้นคงบั่นคอเจ้าตั้งแต่อยู่อยู่ที่แคว้นหนานไฮ้แล้ว ข้ามิรู้จะปลอบเจ้าเช่นไรดี ข้าจะอยู่เงียบ ๆ ให้เจ้าได้อยู่เพียงลำพังก็แล้วกัน” ไป๋หนิงซินขยับกายคลานไปนอนที่นอนตนเอง เพราะรู้ดีตอนนี้อวิ๋นหลิงนางคงต้องการเวลา
‘สวรรค์ท่านต้องการสิ่งใดกันแน่ ต้องการให้ข้าเจ็บปวดเท่าไหร่ถึงจะสาแก่ใจท่าน ตอนนี้ข้าแตกสลายไปหมดแล้วยิ่งความทรงจำของอวิ๋นหลิงไหลเวียนเข้ามาในความทรงจำทำให้ข้าแทบเสียสติ ความตายเท่านั้นที่ข้าคู่ควร ใช่ข้าจะต้องหาทางหนีจากเขาให้ได้และทำให้เขาหมดความแค้นในสิ่งที่ท่านแม่เขาต้องพบเจอ คือการตายของข้า ’ แววตาหมองหมนจ้องมองดวงดวงจันทราบนฟากฟ้า นางอยากละทิ้งความขื่นขมและจ่มดิ่งความมืดมิดไม่อยากรับรู้อันใดทุกสิ่งอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความแค้นต่อตระกูลหรือความรักที่เจ็บปวดของทั้งสอง
บทที่ 28 ปล่อยวางอวิ๋นหลิงเงยหน้าขึ้นมองไปด้านอื่นน้ำตาไหลรินไม่ต่างกัน ความเจ็บปวดที่นางพบเจอล้วนแต่เป็นเขาที่เป็นคนทำมัน ความปวดร้าวเรื่องราวที่ผ่านมาจะให้นางให้อภัยได้อย่างไร เขายังคงกอดขานางแน่น อวิ๋นหลิงไตร่ตรองเป็นอย่างดีก่อนจะเอ่ยมาทำลายความเงียบภายในห้อง“แต่มีทางหนึ่งที่ท่านสามารถทำให้ข้าให้อภัยท่านได้ ” ไท่หยางเงยหน้าขึ้นจ้องมองนาง รีบลุกขึ้นไม่ว่านางจะให้เขาทำอะไรข้ายอมทั้งนั้นหากมันจะทำให้นางให้อภัยเขาได้ และเขาจะได้ไถ่โทษกับตระกูลของนาง“ไม่ว่าเจ้าจะให้ข้าทำอะไร ข้าทำให้เจ้าได้ทั้งนั้นหากเจ้ายอมให้อภัยข้าในสิ่งที่ผ่านมา”“ปล่อย.. ปล่อยข้าไปอย่าได้รั้งกันไว้อีกเลย เพียงเท่านี้เราทั้งสองก็เจ็บปวดมามากพอแล้ว ข้าไม่อาจทนเห็นใบหน้าของท่านได้อีกความเกลียดความแค้นมันมากมายเหลือเกิน เพียงเห็นใบหน้าของท่าน ข้าก็อดที่จะคิดถึงเรื่องราวที่ท่านเคยทำไว้ไม่ได้ ได้โปรดปล่อยข้าไปเสีย ข้าจะอภัยให้ทุกสิ่งทุกอย่างเราหมดวาสนาต่อกันเพียงเท่านี้เถิด ข้าเหน็ดเหนื่อยไม่อยากจะพบเจอเรื่องเช่นนี้อีกต่อไป ...” ไท่หยางหมดเรี่ยวแรงปล่อยมือออกจากกายของนาง ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมที่ตนเองก่อขึ้นมา“ข้ารู้ว
บทที่27 ความจริงที่แสนเจ็บปวดครั้นสองเท้าย่างกรายออกมาด้านนอกบัดนี้กองกำลังของเขาถูกล้อมไปด้วยทหารของแคว้นหยางอันจนหมดสิ้น โดยมีแม่ทัพหลิวไท่หยางยืนรอเขาอยู่ด้านหน้าจวน“เจ้าช้ากว่าข้าไปหนึ่งก้าว ยอมแพ้แต่โดยดีเพราะตอนนี้แคว้นของเจ้าถูกคนของข้าล้อมรอบไว้หมดแล้ว” ไท่หยางป่าวประกาศน้ำเสียงเข้มขรึมน่าเกรงขาม อีกฝ่ายกลับหัวเราะออกมาอย่างขบขัน นี่เขาพลาดตั้งแต่เมื่อไหร่กัน“ฮ่า ฮ่า เจ้าคิดว่าเพียงแค่นี้ข้าจะยอมแพ้หรือ แคว้นฉู่ของข้า ยอมตายแต่ไม่ยอมลดศักดิ์ศรีเด็ดขาด พวกเราลุกขึ้นสู้เพื่อแคว้นของเรา” ชางถิงพูดปลุกใจของเหล่าทหารชั่วพริบตาเดียวกองทัพทหารของแคว้นฉู่ได้วิ่งกรู่ออกมาอีกจำนวนมาก เริ่มปะทะสู้กันอย่างดุเดือด ยามนี้แคว้นฉู่นองเลือดจนกลิ่นคละคลุ้งผู้คนเริ่มล้มตายจากการต่อสู้ และแล้วเขาก็ตกอยู่ใต้ดาบของหลิวไท่หยาง กายเต็มไปด้วยเลือดของศัตรูอาบใบหน้า ถือดาบจ่อที่คอของชางถิง“ฮ่า ฮ่า ในที่สุดเจ้าก็ชนะข้า เอาสิบั่นคอข้าไปเลยเจ้าจะได้นำชัยชนะกลับไป เอ๊ะเดี๋ยวสิ! ข้าจะบอกแก่เจ้าก่อนแล้วกัน ข้าได้ยินมาว่าจับตัวบุตรสาวของจางชิงหลงแคว้นหนานไฮ้ไปเพื่อแก้แค้นนางใช่หรือไม่ อีกอย่างเจ้าเองก็ลงมื
บทที่ 26 รับไว้เพียงไมตรีมิอาจจะรับความรักของท่านได้ฝั่งด้านอวิ๋นหลิงตั้งแต่หลังจากกลับมาจากวันนั้น นางไม่ได้พบเจอหน้าไท่หยางอีกเลย ได้ยินผ่านจากไป๋หนิงซินว่าเขาปลอดภัยดีนางเองก็สบายใจทำงานเหมือนอย่างเคย แม้จะอยู่ห้องใกล้ ๆ กันกับเขาแต่ทว่านางไม่เคยคิดจะก้าวเข้าไปหาเขาเลยด้วยซ้ำ“เจ้าคิดอะไรอยู่หรือ ? ” ไป๋หนิงซินยื่นหมั่นโถวให้นางพลางย่อนกายนั่งลงข้าง ๆ ช่วงนี้เหมือนหิมะจะหยุดตกแล้วทว่ายังมีความเยือกเย็นหลงเหลืออยู่ในอากาศ หมั่นโถวร้อน ๆ พอทำให้คลายหนาวได้บ้าง“ขอบใจนะ ข้าเพียงแค่คิดว่าหากข้าไม่กลับมาเจ้าจะเป็นอย่างไร คิดถึงข้าบ้างหรือไม่?”“ถามมาได้ขนาดเจ้าหายไปเพียงหนึ่งคืนข้าแทบนอนไม่หลับ กระวนกระวายไปหมดไม่เห็นหรือไงว่าข้าดีใจแค่ไหนที่เจ้ากลับมา ” ไป๋หนิงซินเอ่ยพลางกินหมั่นโถวเข้าปากคำใหญ่“นั่นสินะ ... ถ้าตอนนั้นข้าเลือกที่จะทิ้งไท่หยางและหนีไปตอนนี้ชีวิตของข้าจะเป็นอย่างไรนะ”“อย่าบอกนะว่าเจ้ามีโอกาสหนียามที่ท่านแม่ทัพได้รับบาดเจ็บนะ”“อื้ม ...แม่ทัพของเจ้าบอกให้ข้าหนีไปยามมีโอกาสแต่ไม่รู้ทำไมข้าถึงไม่หนีกันนะ อาจจะเป็นเพราะว่าข้าเกรงว่าเจ้าจะร่ำไห้เพราะเป็นห่วงข้านะสิ ฮึ ฮึ”
บทที่ 25 แม่ทัพถูกโจมตีจวนแม่ทัพหลิวไท่หยางไป๋หนิงซินเฝ้ามองไปที่ประตูจิตใจกระวนกระวายเป็นห่วงอวิ๋นหลิง นี่ก็ยามซวี (19.00) แล้วทั้งสองคนยังไม่กลับเข้าจวนอีกทั้งหิมะก็ตกแรงมากกว่าเดิม นางมิอาจจะเก็บความเป็นห่วงเอาไว้ได้รีบย่างกรายไปหาหลวนฮวานที่ยืนอยู่หน้าห้องของแม่ทัพไท่หยาง“หลวนฮวานทำไมท่านถึงใจเย็นได้ ไม่ร้อนใจเลยหรือ?เมื่อไหร่ท่านแม่ทัพจะพาอวิ๋นหลิงกลับจวน ข้าชักเป็นห่วงจริง ๆ หวังว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับท่านแม่ทัพหรอกใช่มั้ย”“เจ้าอย่าเป็นกังวลไปเลย ท่านแม่ทัพมีฝีมืออีกไม่นานก็คงกลับมา” แม้ปากจะเอ่ยเช่นนั้นแต่ใจของหลวนฮวานก็เป็นห่วงท่านแม่ทัพเช่นเดียวกัน ทว่ายามนั้นมีทหารใบหน้าแตกตื่นวิ่งเข้ามาแจ้งให้หลวนฮวานได้รับรู้“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“เรื่องอะไรกันทำไมเจ้าถึงได้รีบร้อนวิ่งมาถึงเพียงนี้”“ข้าออกไปดื่มสุราที่โรงเตี๊ยมมาเมื่อครู่ได้ยินเรื่องของท่านแม่ทัพ มีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ หุบเขามาพูดคุยกันเรื่องของแม่ทัพไท่หยางเขาขึ้นไปเก็บสมุนไพรและเห็นว่าท่านแม่ทัพกำลังถูกคนของแคว้นฉู่ไล่ล่า คนของพวกนั้นมากันมาเหลือเกินไม่รู้ว่าป่านนี้ท่านแม่ทัพจะเป็น
บทที่ 24 หนีไปสิตอนที่เจ้ามีโอกาสสีหน้าของเขาเริ่มซีดเซียวขาวเผือกไร้เลือดฝาด นางพยุงเขาเข้ามาด้านในพร้อมจับเขานั่งลงพิงผนังหิน กลิ่นเลือดคละคลุ้งเต็มอากาศยังคงไหลไม่หยุด อวิ๋นหลิงจ้องมองฝ่ายตรงข้ามพร้อมครุ่นคิดหากนางจะใช้โอกาสนี้ในการหลบหนีคงไม่ยากเพราะเขาคงไม่มีเรี่ยวแรงจะตามนางได้ทันแน่ ๆ นางต้องการหลุดพ้นจากเขาจึงช่างใจคิดครู่ใหญ่ และเหมือนว่าไท่หยางจะรู้ถึงความคิดของนาง“เจ้าคงคิดอยากจะทิ้งข้าไว้และหนีข้าไปสินะ เอาสิยามนี้เป็นเวลาที่เจ้าจะได้หลุดพ้นจากเนื้อมือของข้าแล้ว โอกาสที่เจ้าจะหนีจากข้ามาถึงแล้วปล่อยให้ข้ารอความตายอยู่ที่นี่โดยมิต้องใส่ใจข้า แต่ถ้าหากว่าข้ารอดไปได้ข้าจะตามหาเจ้าต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินทั่วใต้หล้าข้าก็จะตามหาเจ้าให้เจอ เมื่อนั้นอย่าหวังว่าจะหนีข้าไปได้เพราะข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าไปอีก” น้ำเสียงแหบพร่าคล้ายคนกำลังหมดแรงเอ่ยออกมาโดยใช้กำลังทั้งหมด อวิ๋นหลิงเริ่มลังเล หากนางจะหนีเขาไปนางจะไม่มีทางให้เขาหานางได้พบเลย นางหันไปมองหน้าถ้ำก่อนจะหันกลับมามองไท่หยางอีกครา ถอนหายใจเฮือกใหญ่ลุกขึ้นยืนและวิ่งออกไปจากถ้ำทันที ปล่อยให้เขาอยู่ในถ้ำรอความตายและทนความเจ็บปวดที่กำ
บทที่ 23 จำไม่ได้‘คำพูดของนางทำให้จิตใจของข้าสั่นคลอนได้ถึงเพียงนี้เลยหรือ ?’ “เฮ้อ ! เจ้าคิดว่าเจ้าพบเจอเพียงเท่านี้แล้วข้าจะหายโกรธแค้นหรืออย่างไรกัน เพียงเท่านี้ยังน้อยไปกับที่ท่านแม่ข้าพบเจอ เลิกทำสายตาสีหน้าเบื่อโลกเสียข้าบอกแล้วอย่างไรว่าข้าไม่มีทางให้เจ้าตายจากข้าไปง่าย ๆ ที่ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพราะอยากตอกย้ำความเจ็บปวดเจ้าเท่านั้น เจ้าจำที่นี่ไม่ได้เลยหรือ” อวิ๋นหลิงหมดสิ้นความหวังที่เขาจะผลักนางลงเหว เขาก็ยังคงเป็นเช่นนี้เสมอเป็นชายที่ไร้ใจอำมหิตไม่ยอมปล่อยให้นางได้ทำตามความปรารถนานางกวาดสายตามองไปด้านหน้า เทือกเขาสูงชันแม้ท้องฟ้าจะไร้แสงอาทิตย์แต่นางยังคงมองเห็นทิวทัศน์ด้านล่างได้อย่างชัดเจน แต่ทว่าความทรงจำของอวิ๋นหลิงกลับจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าที่นี่มีความหมายต่อนางอย่างไร แล้วทำไมนางต้องเจ็บปวดด้วยเล่า“ข้าไม่เห็นอันใดแม้แต่น้อยเห็นแต่หุบเขา ท่านต้องการสิ่งใดกับข้ากันแน่ หากไม่ต้องการผลักข้าตกเหวแล้วสิ่งใดกันในที่นี่จะทำให้ข้าเจ็บปวด ” น้ำเสียงนิ่งเรียบตอบกลับอย่างไร้ความรู้สึก ทำให้อีกฝ่ายโมโหขึ้นทันตา เพราะสถานที่นี้คือที่ที่เขาเคยพานางเมื่อยามที่รักกันปานจะกลืนกินก่อนที