“ข้างในนั้นตื่นกันรึยังฮะ!?”
“ริล! พี่วินนี่! เปิดประตูหน่อย!” เสียงร้องเรียกที่บ่งบอกความร้อนรนใจของคนด้านนอกทำให้คนด้านในสะดุ้งตัวตกใจขึ้นทันที ชายหนุ่มกระวนกระวายใจอย่างหนัก เขาพยายามคิดแก้ไขสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้แต่ก็คิดอะไรไม่ออกนอกเสียจากรีบแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าตัวเดิมที่ถูกถอดกระจัดกระจายไว้รอบเตียง ก่อนจะรีบกลับมาหยุดยืนข้างเตียงนอนของรุ่นพี่ที่เคารพรักมากที่สุดในบ้าน เรือนร่างที่บอบช้ำของวินตาเป็นเครื่องตอกย้ำความผิดพลาดให้แก่จาริลได้เป็นอย่างดี ถ้าหากเมื่อคืนก่อนเขาจะมิสติมากกว่านี้ เขาก็คงไม่พลั้งเผลอทำร้ายรุ่นพี่ได้ถึงขั้นนี้หรอก หญิงสาวที่เคยสดใสงดงามกลับแลดูบอบช้ำจนคนมองอยากเร่งหาหนทางรักษา เขาตรวจมองบริเวณขาของรุ่นพี่ที่มีบาดแผลจากเศษแก้ว ไหนจะคราบเลือดแห้งเกรอะกรังตามแนวขาที่อธิบายได้อย่างชัดเจนว่ารอยเลือดมากมายที่เปื้อนอยู่บนผ้าปูที่นอนเป็นวงกว้างนั้นเกิดจากการกระทำใด จาริลต้องกลั้นน้ำตาแห่งความรู้สึกผิดเอาไว้ ก่อนจะหยิบผ้าห่มสะบัดออกแล้วคลุมร่างนั้นตั้งแต่บริเวณคอจรดปลายเท้า ปิดบังทุกพื้นที่ของเตียงนอนไม่ให้เห็นร่องรอยใดใดอันเกิดจากการกระทำของเขา เขาละสายตาจากภาพใบหน้าอิดโรยของรุ่นพี่มาอย่างเชื่องช้า ในขณะที่เท้าทั้งสองข้างค่อยๆ ก้าวเดินไปเปิดประตูห้องอย่างฝืนใจ ไม่อยากเปิดมัน ไม่พร้อมจะเจอะเจอใคร ได้โปรด... ขออย่าให้เขาต้องอธิบายอะไรตอนนี้เลย แก๊ก... เมื่อบานประตูถูกเปิดออก สมาชิกอีกคนหนึ่งในบ้านผู้มายืนรออยู่นานแล้วก็ชะงักปากที่คอยพรํ่าเพรียกหา แมน แม้นเมือง ดันไหล่เพื่อนของเขาให้หลีกทางก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วแล้วค่อยชะลอฝีเท้าลงเมื่อเห็นว่าข้างเตียงนอนของรุ่นพี่คนสนิทมีข้าวของตกลงมาและพื้นห้องก็เติมไปด้วยเศษกระจกจากกรอบรูปที่แตกเป็นเสี่ยง เพียงเท่านั้นฝ่าเท้าของเขาก็หยุดชะงักลงทันที แม้นเมืองหันไปมองจาริลเป็นเชิงถาม แต่ใบหน้าของจาริลที่ดูช็อกในเหตุการณ์ไม่แตกต่างจากเขากลับไม่ให้คำตอบใด แม้นเมืองยอมติดค้างเรื่องของจาริลไว้เพื่อรอฟังคำอธิบายในภายหลัง เขาตัดสินใจเดินออกไปจากห้อง โชคดีที่แม้นเมืองไม่ทันสังเกตเห็นความผิดปกติใดใดเกี่ยวกับวินตา ทำให้คนที่ชำเลืองมองอยู่ด้านหลังรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากที่ไม่ถูกจับได้ จาริลรีบกลับไปแต่งตัวให้กับวินนี่ที่ยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง เสร็จแล้วจึงเก็บกวาดเศษแก้วที่แตกกระจายอยู่ตามพื้นห้องต่อด้วยจัดข้าวของทุกอย่างให้เข้าที่ของมัน ตามด้วยจัดการกับความรู้สึกตัวเองเป็นสิ่งสุดท้าย ความกลัวต่อเหตุการณ์เมื่อคืนนี้นั้นหนักหนาสาหัสราวกับเขาได้ฆ่าคนตาย เขาไม่สามารถหยุดความกลัวในตอนนี้ได้ และก็มั่นใจว่าจะหยุดมันไม่ได้เลยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับรุ่นพี่อีกครั้ง เขาไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วนอกเสียจากขอโทษอย่างไร้ซึ่งความเชื่อมั่น เขาจะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะได้รับการให้อภัย ในเมื่อเขาทำสิ่งที่ผิดต่อรุ่นพี่มากเหลือเกิน “พี่วินนี่...” เขาทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นข้างเตียงอย่างอ่อนแรง แววตาแห่งความเจ็บปวดจ้องมองใบหน้าของคนที่นอนสงบนิ่ง เขาไม่รู้ว่าตนเองอยากเห็นอีกฝ่ายตื่นขึ้นมาเร็วๆ หรือไม่ นาทีนี้เขาไม่มีสิ่งใดมาแทรกแซงความรู้สึกผิดและความรู้สึกกลัวทั้งสิ้น เขาไม่ยอมขยับกายไปไหน เอาแต่นั่งเหม่อมองใบหน้าของรุ่นพี่อยู่อย่างนั้น จนกระทั่งแม้นเมืองที่เดินกลับมาตามสมาชิกในวงของตนอีกครั้งถึงกับเอะใจในท่าทางของจาริลที่แปลกไปจากทุกที เขาเข้ามาเรียกจาริลที่เอาแต่นั่งเหม่อมองวินตาที่กำลังหลับใหล “ริล” ใบหน้าเศร้าไม่ยอมหันมองมา ทำให้แม้นเมืองตัดสินใจไม่ถามอะไรในตอนนี้ เขายื่นมือไปแตะเบาๆ บนไหล่ของอีกคนเพื่อดึงสติอีกฝ่ายแทน “มึงไปอาบน้ำก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันปลุกพี่วินนี่เอง เมื่อคืนพี่วินนี่คงเหนื่อยมาก” ‘พี่วินนี่คงเหนื่อยมาก’ เป็นคำพูดที่ทำให้จาริลหันขวับไปมองคนที่ยืนอยู่โดยพลัน แม้นเมืองประสานสายตากับอีกฝ่ายในตอนนั้น นึกเห็นใจทั้งคู่ที่มีเรื่องทะเลาะกันเมื่อคืนก่อนจนต้องนอนเอาดึกดื่น เพราะได้ยินน้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่ารุ่นพี่ของเขากำลังร้องไห้ เขาจึงไม่เรียกตัวเพื่อนของเขากลับไปเพื่อปล่อยให้คนทั้งสองได้ใช้เวลาร่วมกัน ถึงอยากจะรู้เรี่องราวเบื้องลึกมากกว่านี้แต่แม้นเมืองก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลาที่ควรจะเอ่ยถาม สังเกตจากสีหน้าของจาริลก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายกำลังรู้สึกผิดและยังคงกังวลอยู่มาก ส่วนรุ่นพี่ก็น่าเป็นห่วงไม่น้อย ยามนี้ใบหน้าของวินตาขาวซีดราวกับกระดาษ และสาเหตุที่ทำให้เป็นเช่นนั้นก็คงเป็นเพราะจาริล “นี่ยังเคลียร์กันไม่จบอีกเหรอ ทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องแบบนั้น” จาริลไม่ตอบคำถามแม้นเมือง เพราะหวังว่าอีกฝ่ายคงจะเข้าใจคำตอบ เขาจะเคลียร์ปัญหานี้ได้อย่างไรหากรุ่นพี่ยังไม่ฟื้น และเขาก็ไม่กล้าปลุกอีกฝ่ายให้ตื่นขึ้นมาด้วย เขากลัว... กลัวเหลือเกิน...ริมฝีปากที่ร้อนราวกับไฟของชายหนุ่มกำลังบดขยี้ริมฝีปากบางราวกับต้องการระบายอารมณ์ที่กำลังเดือดพล่านโดยมีหญิงสาวคอยตอบรับทุกสัมผัสที่แสนรุนแรงและทิ้งความเผ็ดร้อนให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆยามนี้มือหนาเริ่มทำหน้าที่ปลดเปลื้องอาภรณ์แต่ละส่วนของอีกฝ่าย ตั้งแต่เสื้อคลุมไปจนถึงเสื้อยืดที่วินตาชื่นชอบก็ถูกร่างสูงถอดทิ้งกองลงกับพื้นอย่างไม่ใยดีในไม่ช้าร่างกายท่อนบนของวินตาก็เหลือสภาพเปลือยเปล่า ตอนนั้นเองที่ร่างสูงจับประคองร่างบางให้เข้ามาแนบชิดมากยิ่งขึ้นโดยที่ริมฝีปากนั้นยังคงไม่หยุดการรุกล้ำ เขายังคงดื่มดํ่ากับจุมพิตแสนหวานขณะดันร่างบางนำพาไปหยุดนั่งบนเตียงนอนหลังใหญ่วินตาถูกทาบทับโดยร่างของพลับพลาในตอนนั้น คนตัวโตกว่ายังคงเก็บเกี่ยวความหวานจากโพรงปากฉ่ำไม่หยุดหย่อนและเมื่อชายหนุ่มรับรู้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่เริ่มติดขัดเพราะรสจูบที่แสนยาวนานครั้งนี้ เขาก็ยอมปล่อยให้กลีบปากบางเป็นอิสระก่อนจะเลื่อนริมฝีปากไปจูบหนักๆ ที่แก้มซ้ายและลดระดับลงไปคลอเคลียที่ซอกคอขาวเนียนของวินตาบ้าง“ริล...จาริล...”“จาริล...เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น” สิ้นประโยคนั้นพลับพลาก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องมองใบหน้า
“ค่ารถเท่าไรคะ จะลงตรงนี้ล่ะ” วินตาถามขณะทำท่าล้วงกระเป๋าสตางค์เมื่อโชเฟอร์บอกราคาตามตัวเลขหน้ามิเตอร์ หญิงสาวก็ยื่นเงินให้ครบตามจำนวนแล้วเปิดประตูลงจากรถ เธอก้าวเท้าไปตามฟุตบาทพลางเดินถือถุงกระดาษใบเล็กที่บรรจุเครื่องสำอางส่วนตัวตรงไปยังสถานบันเทิงที่หมายมั่นพร้อมกับความคิดที่จะดื่มดํ่าและสนุกไปกับผู้คนที่นี่ เพราะในคํ่าคืนนี้เธอจะเป็นคนสุดท้ายที่กลับถึงบ้าน ไม่ใช่จาริลเหมือนทุกทีเก่งนักใช่ไหมเรื่องแบ่งเวลาไปหาผู้หญิง งั้นคราวนี้ขอเธอเถลไถลบ้าง เธอจะดื่มให้กลิ่นเหล้าติดตัวแล้วกลับดึกที่สุดเลยคอยดูขณะที่จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวนั่นเอง เท้าข้างหนึ่งของเธอก็ไม่ทันหลบเลี่ยงมันเหยียบเข้ากับเท้าของใครคนหนึ่งเต็มแรง และด้วยความตกใจนั๋นเองทำให้ร่างของเธอชนเข้ากับสีข้างของผู้โชคร้ายที่ถูกเธอเหยียบเท้าเข้าโดยไม่ได้เจตนา“โอ๊ะ! ขะขอโทษค่ะ” วินตาอุทานด้วยความตกใจ เธอรีบถอยออกมาโค้งกายกล่าวขอโทษ เพราะตัวเองผิดเข้าเติมประตูที่เผลอไปเหยียบเท้าและชนกับชายคนนี้ที่เดินสวนผ่านมาใบหน้าหวานเงยขึ้นสบตากับคนตรงข้ามช้าๆ แ
“ริล พี่อยากขอให้น้องเลิกทำแบบนั้น ทั้งกับผู้หญิงของน้อง และกับพี่ พี่รู้สึกดีนะที่น้องไว้ใจให้พี่เป็นคนเดียวที่รู้ความลับ แต่หลังจากนี้ ขออย่าพาพี่เข้าไปรู้จักกับคนของน้องอีก... ยิ่งเป็นเรื่องที่ผิด พี่ยิ่งไม่อยากรู้ พี่อาจจะห้ามน้องไม่ให้ทำไม่ได้ แต่พี่ก็หวังว่าน้องจะไม่ทำมันอีก” “ครับ ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีก” “เรื่องแอบเดทน่ะพี่ไม่ก้าวก่ายหรอก แต่เรื่องมีอะไรกับแฟนคลับในขณะที่น้องยังมีแฟน พี่รับไม่ได้ว่ะ น้องทำผิดหลายสถานเลยนะริล ทั้งนอกใจแฟน นอนกับแฟนคลับ น้องกล้าทำแบบนั้นทั้งที่เรากำลังเดินทางกันอยู่ น้องนี่แม่ง... โคตรแย่” คำพูดแต่ละประโยคของวินตานั้นเติมไปด้วยความผิดหวัง กระแสเสียงที่หญิงสาวเอ่ยกับรุ่นน้องมันสั่นไหวและแฝงไว้ด้วยความเจ็บปวดเช่นเดียวกับลูกแก้วกลมวาวคู่นั้นที่สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกออกมาอย่างไม่ลวงหลอก ผิดหวัง... เจ็บปวด... ทั้งหมดนั้น เพราะจาริล “ผมขอโทษ... ผมขอโทษสำหรับทุกอย่าง ขอโทษที่ทำให้พี่ผิดหวัง ขอ โทษที่ปล่อยให้พี่อยู่ตามลำพัง ขอโทษ...” จาริลพรั่งพรูถ้อยคำขอโทษออกมามากมาย ใบหน้าแสดงความรู้สึกผิดดังที่พูด คำขอโทษเหล่านั้นทำให้หญิงสาวคลายอคติ
ความเงียบครอบคลุมอยู่นานจนกระทั่งรถตู้ของบริษัทพาทุกคนมาถึงสนามบิน วินตาเริ่มพูดคุยกับทุกคนยกเว้นจาริล เธอไม่สนใจรุ่นน้องที่มาด้วยกันแม้แต่น้อย เมื่อเธอเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่เพิ่งมีกลุ่มคนลุกจากไป จาริลก็ทำท่าจะเดินตามลงไปนั่งข้างๆ แต่เธอก็รีบฉุดแขนของแม้นเมืองที่ยืนอยู่ให้นั่งตามลงมาแทน ทำให้ที่นั่งฝังนี้ไม่เหลือที่ว่างให้ร่างสูงอีกแล้ว จาริลมองรุ่นพี่อย่างเข้าใจดีทุกอย่าง แต่มันสายเกินไปที่เพิ่งจะมารับรู้ ความรู้สึกของอีกฝ่ายเอาตอนนี้ เขายอมรับว่าเขาผิดที่ทิ้งพี่วินนี่ให้อยู่คนเดียว แบบนั้น เขาน่าจะคิดให้ดีก่อนที่จะทำมันลงไป “พี่โกรธผมจริงๆ ใช่ไหม?” จาริลถามต่อหน้าสมาชิกในวงทั้งสามคนของเขา อคินที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบลุกจากที่นั่งแล้วผลักจาริลให้นั่งลงแทนที่ตน ส่วน อีกสองคนที่เหลือต่างก็หันไปมองทิศทางอื่นทำราวกับไม่สนใจการมีอยู่ของชายและหญิงคู่นี้สองคนตรงนี้ เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าจาริลกำลังง้อรุ่นพี่อยู่ “โกรธผมเหรอ...” จาริลยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้ร่างบางมากขึ้น จนวินตาต้องใช้ สองมือดันหน้าอกจาริลไ
หลงทาง วินตารำพึงในใจอย่างห่อเหี่ยว หญิงสาวเดินเต็ดเตร่ไปเรื่อยๆ ก่อนจะพบว่าตนเองวนกลับมาทางเดิม เมื่อรู้ตัวเช่นนั้นเธอจึงไม่มีกะจิตกะใจจะเที่ยวเล่นอีกต่อไป สองเท้าหยุดเดินพลางคลำหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อสูท เมื่อหยิบมันขึ้นมาแล้วนิ้วเรียวรีบเลื่อนหารายชื่อก่อนจะกดโทรหาคนที่พึ่งพาได้มากหี่สุด รอไม่ถึงสิบวินาทีเท่านั้นเสียงจากปลายสายก็ดังขึ้นทักทายเธออย่างสดใส “ไงคะ” “พี่แอร์โรว์อยู่ไหนคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามรุ่นพี่ที่คาดว่าตอนนี้เจ้าตัวคงกำลังเดินอยู่ที่ใดสักแห่งแถวๆ นี้ “พี่อยู่ที่... เอ่อ ที่ร้านขายไก่ย่างเสียบไม้ ตรงนี้มันโซนขายของกิน” “เอ่อ พี่คะ วินนี่หลงทางทำไงดี” วินตาพูดเหมือนจะร้องไห้ ใบหน้าหันมองรอบ กายแต่ไม่มีใครรู้จักเธอ อย่างน้อยยามนี้ถ้าเธอเจอแฟนคลับเข้าสักคน เธอก็คงจะ กล้าขอความช่วยเหลือจากคนเหล่านั้นบ้าง “แล้วจาริลไปไหน? วินนี่ ไปกับจาริลไม่ใช่เหรอ แล้วมันอยู่ไหน?” “ไม่รู้ วินนี่หลงกับน้อง” “โทรหารึยัง จะได้พากันกลับมา” แต่คำแนะนำนั้นกลับทำให้วินตารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา จะให้เธอโทรตามอีกฝ่ายได้อย่างไร เธอไม่คิดจะไปขัดจังหวะคนทั้งสองและก็ไม่อยากเรีย
สำหรับวินตาแล้วมันเป็นเพียงร้านธรรมดาๆ ร้านหนึ่งจึงพาลให้นึกสงสัยว่าคนที่พามากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ถึงได้พาเธอแวะเข้าร้านที่เหมาะกับเด็กผู้หญิงแบบนี้ “จะซื้อของฝาก?” วินตาถามตามความคิดที่น่าจะเป็นไปได้แต่จาริลกลับให้คำตอบที่เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อน “ผมมาตามหาสาวคนหนึ่งน่ะครับ ตอนจบคอนเสิร์ตเธอตามมาส่งเราขึ้นรถ แล้วก็สอดนามบัตรเข้ามาในแขนเสื้อผม” “แล้วนายก็มาจริงๆ เนี่ยนะ” วินตาหันขวับไปมองหน้ารุ่นน้องอย่างไม่อยากจะ เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เธอไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่ารุ่นน้องคนนี้จะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ “ครับ พี่อย่าบอกใครนะ” แม้แต่แฟนคลับที่ควรจะยกเว้น แต่เจ้าตัวก็ไม่สนใจงั้นเหรอ วินตาถึงกับพูดไม่ออก คนเป็นรุ่นพี่จึงทำใจนิ่งแล้วเดินเคียงคู่ร่างสูงเข้าไปหยุดอยู่ภายในร้านทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป แขกผู้มาเยือนจึงได้พบกับเจ้าของร้านหรือเจ้าของนามบัตรที่จาริลตั้งใจมาพบเจอ สาวสวยคนนั้นส่งยิ้มกว้างมาทักทายพวกเธอเป็นอย่างแรก บรรยากาศระหว่างพวกเธอทั้งสามเหมือนจะเป็นไปด้วยความอึดอัด หญิงสาวแสดงความ