“ไปแซวน้องมัน เดี๋ยวริลก็เสียเซลฟ์หรอก แล้ววินนี่ล่ะ ทำยังไงเวลาเจอคนที่ชอบเหรอจ๊ะ?” เซร่าได้ทีเอ่ยถามต่อโดยครั้งนี้เป้าหมายเปลี่ยนไปเป็นศิลปินหญิงเดี่ยวคนแรกของรุ่น “ก็แค่แสดงความรักออกไปให้คนที่ชอบรับรู้” “ไม่คิดว่าจะเป็นสายบวกแฮะ วินนี่ดูเป็นคนขี้อายอะ” “ถ้าได้เจอคนที่ชอบจริงๆ ก็ไม่อายหรอก แต่จะรีบหาโอกาสใกล้ชิดให้ได้เลย” “ใจกล้าเหมือนกันนะพี่น่ะ” จาริลได้ทีแซววินนี่อย่างมีอารมณ์ขัน “แล้วจะให้พี่ทำยังไงเล่า อย่างน้อยถ้าไม่รีบทำความรู้จัก อาจไม่มีโอกาสครั้งต่อไปให้ได้เจอกันอีกแล้วป้ะ” ยิ่งได้ฟังคนข้างกายก็ส่งยิ้มเอ็นดูให้เธอ “อย่างมึงน่ะไม่ต้องจีบใครก็มีผู้ชายเข้าหา ทุกครั้งที่กูไปกินเหล้ากับพวกมึงห้าคนมันต้องมีผู้ชายมาขอชนแก้วกับมึงทุกครั้ง พวกไอ้แมนเป็นพยายานให้กูได้” วินตาทำได้แค่ยิ้มเป็นคำตอบให้ กรรชิง ศิลปินชายเดี่ยวที่นับว่าได้ว่าสนิทกับเธอและอีกสี่หนุ่มมากที่สุด ก่อนที่เซร่าจะเอ่ยแซวเธออีกครั้ง “วินนี่มีสเน่ห์ก็เพราะความใสซื่อนี่แหละ เอ๊ะ หรือว่าซื่อบื้อดี” ตอนนั้นเองที่จาริลต้องกลั้นขำ วินตาถลึงตาใส่รุ่นน้องข้างกายไปหนึ่งที “วินนี่เนี่ย คือสมบัติของร
“ก่อนหน้านี้เห็นให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าอยากโฟกัสกับงานมากกว่า” คราวนี้เซร่าเพื่อนร่วมวงของรีเบคก้าและเป็นเจ้าของคำถามเมื่อครู่เอ่ยเสริม วินตาพยักหน้าช้าๆ “อื้ม ถ้าถามเราตอนนี้คำตอบก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละ” “แล้วที่วงในเขาลือกันว่าวินนี่แอบกิ๊กกับรุ่นน้องร่วมค่ายล่ะ” “จาริล…” เป็นเธอเองที่เอ่ยพร้อมกับเผลอหันไปมองร่างสูงข้างกาย จาริลหันมามองเธอด้วยความประหลาดใจ “ผมอะนะ?” วินตารีบเบือนใบหน้ากลับมาแล้วเริ่มอธิบายให้ทุกคนฟังในตอนนั้นอย่างเนิบช้าแต่ชัดเจน “ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่มีคนคิดว่าเรากับริลชอบกันหรือว่าแอบคบกันอยู่ ไม่รู้คนพวกนั้นเขาเห็นเคมีอะไรในตัวพวกเรา” “พี่วินนี่ดีเกินไปสำหรับคนอย่างผมครับ” “เนี่ย ริลมันหยอดสาวแบบนี้ หว่านเสน่ห์โดยไม่รู้ตัว” เซร่าลงความเห็นพร้อมกับส่งยิ้มล้อเลียนอีกฝ่าย “ถ้าแบบนี้ไม่เรียกว่าหว่านเสน่ห์หรอก เราไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ” จาริลหันไปจ้องมองคนข้างกายไม่วางตา เขาไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดทีเล่นทีจริงจากรุ่นพี่เช่นนั้น “ไปแซวน้องมัน เดี๋ยวริลก็เสียเซลฟ์หรอก แล้ววินนี่ล่ะ ทำยังไงเวลาเจอคนที่ชอบเหรอจ๊ะ?” เซร่าได้ทีเอ่ยถามต่อโดยครั
หลังจากงานแฟนมีตติ้งจบสิ้นลง คํ่าคืนต่อมาศิลปินทุกคนก็พากันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขาดก็แต่จาริลกับวินนี่ที่มาสายจนทุกคนคิดว่าจะไม่ยอมมาตามนัดเสียแล้ว สาเหตุที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่มาช้าก็เพราะมัวแต่นอนหลับเพลิน กว่ารุ่นน้องจะมาเรียกเธอหน้าห้องเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ฝ่ายรุ่นน้องทั้งที่ถูกสั่งให้เดินทางมาก่อนกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จาริลเลือกที่จะรอรุ่นพี่ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะเป็นฝ่ายที่สายจนทำให้รุ่นพี่ต้องรออยู่เสมอก็ตาม แต่เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่รอ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ติดจะงัวเงียของหญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนที่มันจะแสดงความหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา “บอกว่าไม่ต้องรอไง” วินตาพูดเสียงกระแทกพร้อมกับเดินผ่านหน้ารุ่นน้องไปอย่างรวดเร็ว จาริลถึงกับหน้าเสียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปใกล้ๆ ชนิดก้าวต่อก้าว เขาลืมกฎที่ต้องห่างกันสองเมตรไปชั่วคราว และผลของการเดินเข้ามาถึงร้านอาหารช้าเป็นสองคนสุดท้ายก็ทำให้ที่ว่างสองที่ที่เหลืออยู่เป็นของวินตากับจาริลอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่เฮคเตอร์ แม้นเมือง นั่งตรงข้ามกับวินตาและจาริล ถัดด้วยศิลปินคนอื่นๆ และเว
“นี่ พี่ไม่ได้คิดจริงจังถึงขั้นเป็นแฟนของรามิลแล้วแต่งเข้าบ้านน้องหรอกนะ ก็แค่อยากจะคุยกับมิลก็เท่านั้น แต่ถ้านายไม่เปิดโอกาสให้พี่คบกับมิล ก็ถือว่าเราจบกันแค่นี้” คำประกาศิตของวินตาทำให้อีกฝ่ายเหมือนถูกบังคับ จาริลต้องเลือกระหว่างความเห็นแก่ตัวของตนกับความปรารถนาของรุ่นพี่ ทั้งที่เขาไม่เคยอยากแนะนำพี่ชายของตนให้ใคร แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าจะสูญเสียความสัมพันธ์ของตนกับคนตรงหน้าไป เขาถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ไหล่ทั้งสองห่อลงและคอตกด้วยท่าทางที่หงอยลงไปถนัดตา “น้องจะยอมไหม พี่จะนับถึงห้า หนึ่ง สอง สาม” “ก็ได้ครับ! ผมยอมเปิดทางให้พี่เข้าหามิลก็ได้ แต่ผมไม่รับประกันว่าจะได้คบรึเปล่า” “แค่ให้มิลเป็นคนตัดสินใจโดยไม่มีน้องมาเกี่ยวข้องก็พอ” “แล้วผมต้องทำยังไง?” “เอาเบอร์โทรของพี่ชายน้องมาให้พี่ แล้วที่เหลือพี่จะจัดการเอง” “นี่พี่จะจีบพี่ชายผมจริงๆ หรือทำเพื่อแก้แค้นผมกันแน่ พี่ก็รู้นี่ว่าเราไม่ถูกกัน ผมไม่เคยยอมให้คนใกล้ตัวไปสนิทสนมกับเขาหรอกนะ” “ฟังนะ พี่ไม่ได้ทำเพราะอยากจะแก้แค้น มันก็แค่ข้อแลกเปลี่ยน มีเรื่องหนึ่งที่พี่ไม่เคยบอกใคร คือมิลกับพี่เคยเจอกันมาก่อน พี่คิดว่าเข
วันนี้พวกหนุ่มๆ มีถ่ายทำรายการที่ประเทศญี่ปุ่น วินตาในฐานะศิลปินเดี่ยวที่มีผลงานเพลงฟีตเจอริ่งกับทั้งสี่หนุ่มในอัลบั้มล่าสุดจึงได้ถูกรับเชิญไปด้วย การสัมภาษณ์ถามตอบในรายการเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากต้องอาศัยล่ามแปลภาษาตลอดระยะเวลาการถ่ายทำโดยในช่วงท้ายของรายการนั้นกลับเรียกรอยยิ้มจากทั้งห้าคนได้เป็นอย่างดี เมื่อพวกเธอแต่ละคนต้องผลัดกันออกมายืนด้านหน้าอีกคนที่กำลังยืนหันหลังให้ ระหว่างนั้นจะมีคำถามปรากฏขึ้นบนหน้ามอนิเตอร์ให้พวกเขาสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังร่วมกันตอบคำถามที่เกี่ยวกับสมาชิกคนนั้นคนแรกที่ถูกเลือกให้ออกมายืนด้านหน้าคือแม้นเมือง ตามด้วยอคิน และต่อมาก็คือเธอบุคลิกภาพของวินนี่?เฮคเตอร์ : น่าเบื่อเป็นคนยังไง?เฮคเตอร์ : ใจดี อ่อนไหวง่ายลักษณะนิสัยที่เจ้าตัวยังไม่รู้?จาริล : มีระยะห่างแม้นเมือง : ชอบที่มืดเฮคเตอร์ : ไม่เชื่อฟังจาริล : ทำให้คนอื่นผิดหวังเป็นคนที่คุณสามารถเดทด้วยได้?จาริล : ได้เฮคเตอร์/แม้นเมือง/อคิน : ไม่แต่แล้วเฮคเตอร์ก็เปลี่ยนใจใหม่เฮคเตอร์ : เดทได้ ผมเดทกับวินนี่ก็ได้สิ่งที่คุณหวังว่าเจ้าตัวจะเปลี่ยน?แม้นเมือง : ความประมาทเฮคเตอร
“ถ้าบอกว่าจะมาก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ แล้วคืนนี้เลิกงานไม่ดึกมากเราถึงได้มากันได้ไง” “ไม่ดึกอะไร ตอนนี้มันสี่ทุ่มแล้วนะ อย่างนี้วินนี่ก็อยู่ได้แค่แปบเดียวน่ะสิ" ร่างสูงโปร่งเอ่ยอย่างเสียดาย ทำให้จาริลที่นึกหมั่นไส้พี่ชายตนเองอยู่เป็นทุนเดิมนั้นยื่นมือไปตบลงบนบ่าของพี่ชาย “ไม่ต้องเสียดายจ้า เพราะคืนนี้พวกเราจะนอนที่นี่” “จริงเหรอ?” “ใช่ ริลขออนุญาตคุณน้าแล้วด้วย”เมื่อเธอยิ้มมันก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มตามไปด้วย “น้าเตรียมห้องไว้ให้แล้วนะ ห้องนอนแขกอยู่ชั้นล่าง อาจจะรกไปหน่อยเพราะใช้เก็บของบางส่วนของสองคนนี้” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูนอนได้ ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่ให้มารบกวน” เมื่อคุณแม่ของลูกชายทั้งสองคนขอปลีกตัวออกไปเพื่อให้พวกเด็กๆ อย่างเธอได้พูดคุยกัน ภายในห้องนั่งเล่นก็เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนกับหญิงสาวคนหนึ่ง ด้วยเหตุที่ห้องนั่งเล่นมีโซฟาตัวยาวแค่เพียงตัวเดียว จาริลจึงเสียสละนั่งลงบนพี้นแล้วให้รุ่นพี่กับพี่ชายนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน ปกติแล้วจาริลไม่เคยยอมให้เพื่อนใกล้ชิดกับพี่ชาย วินตายังเคยถูกกีดกันให้ออกห่างจากรามิลมาแล้วเมื่อครั้งที่เคยเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวของเขาที่นี่ในปีก่อน แต่ยามนี้ม
“แต่ผมน่ะไม่เคยคิดว่าพี่วินนี่น่าเบื่อเลยนะ” จู่ๆ ประโยคนี้ก็ดังขึ้นจากชายอีก คนที่นั่งอยู่บนเตียงด้านข้าง วินตาค่อยๆ หันไปยิ้มให้รุ่นน้อง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเพียงพูดเพื่อเอาใจเธอหรือเปล่า แต่ได้ยินแบบนั้นมันก็อดที่จะรู้สึกดีไม่ได้ “หึ คงจะรักพี่วินนี่สินะ บอกด้วยนี่ว่าจะเดทกับพี่วินนี่” ประโยคนี้เฮคเตอร์เป็นคนพูด เขาฉวยร่างวินตาเข้าไปไว้ในอ้อมกอดอย่างหยอกล้อ “วินนี่เป็นของฉัน” “ไม่ให้หรอก เฮคบอกว่าเราน่าเบื่อ แถมยังลังเลบอกไม่เดทกับเราในตอนแรก ด้วย ไอ้คนพูดจากลับกลอก” วินตาขืนตัวออกจากอ้อมกอดของเฮคเตอร์สำเร็จแล้วก็โผเข้าไปกอดร่างสูงอีกเตียงหนึ่งแทน ทำให้ร่างของจาริลเสียหลักล้มลงนอนบนเตียง นัยน์ตาทั้งสองคู่จ้องประสานกันจนบังเกิดความขวยเขินเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเรียกสติตนกลับมาได้ วินตาก็พลิกตัวลงนอนตามปกติจึงคล้ายว่าเธอนอนอยู่ระหว่างเฮคเตอร์และจาริล “จาริลระวังโดนแกล้งนะ” รุ่นพี่แร็ปเปอร์เตือนด้วยความหวังดี เขาล้มตัวลงนอนเล่นมือถือต่ออีกครั้ง ฝ่ายวินตาที่รู้สึกเหมือนถูกพาดพิงก็เอ่ยขึ้นในทันที “เราไม่ใช้มุกเดิมๆ หรอก ตราบใดที่เขาไม่กวนใจเรา เราก็ไม่ทำอะไร ห
“ถ้าบอกว่าจะมาก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ แล้วคืนนี้เลิกงานไม่ดึกมากเราถึงได้มากันได้ไง” “ไม่ดึกอะไร ตอนนี้มันสี่ทุ่มแล้วนะ อย่างนี้วินนี่ก็อยู่ได้แค่แปบเดียวน่ะสิ" ร่างสูงโปร่งเอ่ยอย่างเสียดาย ทำให้จาริลที่นึกหมั่นไส้พี่ชายตนเองอยู่เป็นทุนเดิมนั้นยื่นมือไปตบลงบนบ่าของพี่ชาย “ไม่ต้องเสียดายจ้า เพราะคืนนี้พวกเราจะนอนที่นี่” “จริงเหรอ?” “ใช่ ริลขออนุญาตคุณน้าแล้วด้วย”เมื่อเธอยิ้มมันก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มตามไปด้วย “น้าเตรียมห้องไว้ให้แล้วนะ ห้องนอนแขกอยู่ชั้นล่าง อาจจะรกไปหน่อยเพราะใช้เก็บของบางส่วนของสองคนนี้” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูนอนได้ ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่ให้มารบกวน” เมื่อคุณแม่ของลูกชายทั้งสองคนขอปลีกตัวออกไปเพื่อให้พวกเด็กๆ อย่างเธอได้พูดคุยกัน ภายในห้องนั่งเล่นก็เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนกับหญิงสาวคนหนึ่ง ด้วยเหตุที่ห้องนั่งเล่นมีโซฟาตัวยาวแค่เพียงตัวเดียว จาริลจึงเสียสละนั่งลงบนพี้นแล้วให้รุ่นพี่กับพี่ชายนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน ปกติแล้วจาริลไม่เคยยอมให้เพื่อนใกล้ชิดกับพี่ชาย วินตายังเคยถูกกีดกันให้ออกห่างจากรามิลมาแล้วเมื่อครั้งที่เคยเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวของเขาที่นี่ในปีก่อน แ
“แม้แต่ในบ้านตัวเองก็ยังหลง” กล่าวจบแล้วก็เดินกลับเข้าห้องตัวเองไป ทิ้งให้หญิงสาวเพียงคนเดียวยืนหน้าร้อนผ่าวอยู่ตรงข้ามเจ้าของห้องวินตารู้สึกอายที่สับสนระหว่างห้องนอนของรุ่นน้องทั้งสอง“มีไรเหรอ…”“ขอเข้าไปคุยข้างในได้ไหม?”“อื้อ”วินตาเดินตามเงาหลังของร่างสูงเข้าไปในห้อง เขานั่งลงปลายเตียงเคียงข้างชายหนุ่ม ภายในห้องไม่ได้เปิดไฟและเธอก็ไม่ได้ขอให้อีกฝ่ายเปิดมัน เพราะเป็นพวกชอบอยู่ในความมืดอยู่แล้ว นาทีนี้เธอจึงบอกเล่าเรื่องราวผ่านความมืดที่มองไม่เห็นตัวผู้ฟัง“มีอะไรเหรอครับ?” จาริลถามเข้าเรื่องเพราะรู้ดีว่าหากไม่มีธุระรุ่นพี่คงไม่เข้ามาหาเขาถึงในห้อง และมันมักจะเป็นแบบนี้มาเสมอนับตั้งแต่ที่เขายังเป็นศิลปินฝึกหัด แม้พวกเขาจะมาสนิทกันภายหลังแต่รุ่นพี่ก็ยังมีระยะห่างกับทุกคนวินตาจ้องมองไปยังตำแหน่งที่คาดว่าเป็นใบหน้าของจาริล เขาถอนหายใจเหมือนคนสิ้นหวัง ก่อนจะค่อยๆ เอ่ยบอกจาริลออกไปถึงความทุกข์ในใจที่มีอยู่“พี่ชายน้องบอกว่ามีคนที่ชอบแล้ว”“ฮะ! ว่าไงนะครับ?”ร่างสูงรีบยื่นมือไปจับสองแขนของร
เป็นเวลากว่าหลายอาทิตย์แล้วที่วินตาติดต่อกับรามิลโดยไม่มีใครรู้นอกเหนือจากจาริล เธอใช้เวลาว่างที่มีอยู่น้อยนิดในแต่ละวันแชทหาอีกฝ่าย บางคืนก่อนนอนหากยังไม่เหนื่อยล้าพวกเธอจะวิดีโอคอลหากันเพื่อบอกฝันดีให้ชื่นใจ เมื่อตื่นขึ้นมาเช้าวันใหม่เธอมักจะได้อ่านข้อความที่อีกฝ่ายส่งมาให้กำลังใจว่า 'สู้ๆ' นั่นยิ่งทำให้วินตาเบิกบานใจจนอยากให้ทุกๆ วันเป็นแบบนี้ไปอีกนานตอนนี้พวกเธออยู่ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน และกำลังรอเรียกคิวไปสแตนด์บายหลังเวทีประกาศรางวัล ศิลปินจากค่ายของเธอที่ถูกเชิญมาร่วมงานจึงยังมีท่าทีผ่อนคลายและบ้างก็พูดคุยกันเงียบๆ บ้างอัพสตอรี่ไอจีหรือติ๊กต็อก ในขณะที่วินตาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็คข้อความเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อยี่สิบห้านาทีก่อนรามิลส่งข้อความตอบแชทของเธอ ข้อความที่เธอส่งไปหาเขานั้นเป็นการบอกเล่าให้รู้ว่าเธอกำลังจะขึ้นทำการแสดงบนเวทีประกาศรางวัล หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงนับจากข้อความนั้นถูกส่ง ชายหนุ่มก็ตอบข้อความกลับมาด้วยประโยคที่เธอไม่อาจคาดเดาน้ำเสียงของอีกฝ่ายได้เลย'ถ้ากลับมา เรามีเรี่องต้องคุยกัน'หัวใจของวินตาเต้นแรงเมื่อได้อ่านประโยคที่ไม่รู้ว่าผู้ส่งกำลังคิดหรือ
จาริลรู้สึกเหมือนถูกขัดใจอย่างรุนแรงและก็คิดว่าอีกไม่นานตนเองคงรู้สึกเหมือนถูกแย่งคนสำคัญในชีวิตไป ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนอื่นแต่เป็นคนสำคัญตรงหน้านี้“เดี๋ยวมานะ”“ไปไหน?”รามิลเงยหน้าขึ้นถามเมื่อน้องชายลุกขึ้นตั้งท่าจะเดินไปที่ไหนสักแห่ง ฝ่ายคนที่ไม่อยากอยู่เห็นฉากใกล้ชิดของทั้งคู่จึงเอ่ยตอบโดยไม่หันกลับไปมองทั้งสองคนบนโซฟาด้านหลังอีก“ไปหาแม่”ร่างสูงเดินจากมาเพื่อปล่อยให้ทั้งสองคนมีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพัง เขาไม่ได้เดินไปหาคุณแม่อย่างที่พูดเมื่อฝ่าเท้ามันเดินไปยังห้องว่างอีกห้องหนึ่งที่ปัจจุบันนี้ถูกใช้ต่างห้องเก็บของ เขาบิดประตูแล้วผลักมันเข้าไปก่อนคลำหาสวิตซ์ไฟข้างฝาผนังเมื่อไฟกลางห้องส่องสว่างจนมองเห็นทุกอย่างชัดเจน เขาก็ตรงไปยังโต๊ะเขียนหนังสือเป็นสิ่งแรก สองมือเลื่อนลิ้นชักโต๊ะออกมาจนสุดแล้วหยิบกล่องทรงลี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดพอดีมือออกมาก่อนจะเคาะมันลงสามครั้งบนก้านนิ้วชี้เพื่อให้วัตถุสารเสพติดที่อัดแท่งอยู่ในมวนกระดาษสีขาวไหลลงมาตามแรงเคาะ จากนั้นจึงนำมันขึ้นมาคาบไว้คาริมฝีปาก มือหยิบไฟแช็กที่วางอยู่ในลิ้นชักตรงนั้นขึ้นมาจุดเปลวไฟพร้อมกับป้องปากกันลมสองนิ้วเ
“ถ้าบอกว่าจะมาก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ แล้วคืนนี้เลิกงานไม่ดึกมากเราถึงได้มากันได้ไง” “ไม่ดึกอะไร ตอนนี้มันสี่ทุ่มแล้วนะ อย่างนี้วินนี่ก็อยู่ได้แค่แปบเดียวน่ะสิ" ร่างสูงโปร่งเอ่ยอย่างเสียดาย ทำให้จาริลที่นึกหมั่นไส้พี่ชายตนเองอยู่เป็นทุนเดิมนั้นยื่นมือไปตบลงบนบ่าของพี่ชาย “ไม่ต้องเสียดายจ้า เพราะคืนนี้พวกเราจะนอนที่นี่” “จริงเหรอ?” “ใช่ ริลขออนุญาตคุณน้าแล้วด้วย”เมื่อเธอยิ้มมันก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มตามไปด้วย “น้าเตรียมห้องไว้ให้แล้วนะ ห้องนอนแขกอยู่ชั้นล่าง อาจจะรกไปหน่อยเพราะใช้เก็บของบางส่วนของสองคนนี้” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูนอนได้ ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่ให้มารบกวน” เมื่อคุณแม่ของลูกชายทั้งสองคนขอปลีกตัวออกไปเพื่อให้พวกเด็กๆ อย่างเธอได้พูดคุยกัน ภายในห้องนั่งเล่นก็เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนกับหญิงสาวคนหนึ่ง ด้วยเหตุที่ห้องนั่งเล่นมีโซฟาตัวยาวแค่เพียงตัวเดียว จาริลจึงเสียสละนั่งลงบนพี้นแล้วให้รุ่นพี่กับพี่ชายนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน ปกติแล้วจาริลไม่เคยยอมให้เพื่อนใกล้ชิดกับพี่ชาย วินตายังเคยถูกกีดกันให้ออกห่างจากรามิลมาแล้วเมื่อครั้งที่เคยเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวของเขาที่นี่ในปีก่อน แ
“แต่ผมน่ะไม่เคยคิดว่าพี่วินนี่น่าเบื่อเลยนะ” จู่ๆ ประโยคนี้ก็ดังขึ้นจากชายอีก คนที่นั่งอยู่บนเตียงด้านข้าง วินตาค่อยๆ หันไปยิ้มให้รุ่นน้อง ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเพียงพูดเพื่อเอาใจเธอหรือเปล่า แต่ได้ยินแบบนั้นมันก็อดที่จะรู้สึกดีไม่ได้ “หึ คงจะรักพี่วินนี่สินะ บอกด้วยนี่ว่าจะเดทกับพี่วินนี่” ประโยคนี้เฮคเตอร์เป็นคนพูด เขาฉวยร่างวินตาเข้าไปไว้ในอ้อมกอดอย่างหยอกล้อ “วินนี่เป็นของฉัน” “ไม่ให้หรอก เฮคบอกว่าเราน่าเบื่อ แถมยังลังเลบอกไม่เดทกับเราในตอนแรก ด้วย ไอ้คนพูดจากลับกลอก” วินตาขืนตัวออกจากอ้อมกอดของเฮคเตอร์สำเร็จแล้วก็โผเข้าไปกอดร่างสูงอีกเตียงหนึ่งแทน ทำให้ร่างของจาริลเสียหลักล้มลงนอนบนเตียง นัยน์ตาทั้งสองคู่จ้องประสานกันจนบังเกิดความขวยเขินเพียงช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อเรียกสติตนกลับมาได้ วินตาก็พลิกตัวลงนอนตามปกติจึงคล้ายว่าเธอนอนอยู่ระหว่างเฮคเตอร์และจาริล “จาริลระวังโดนแกล้งนะ” รุ่นพี่แร็ปเปอร์เตือนด้วยความหวังดี เขาล้มตัวลงนอนเล่นมือถือต่ออีกครั้ง ฝ่ายวินตาที่รู้สึกเหมือนถูกพาดพิงก็เอ่ยขึ้นในทันที “เราไม่ใช้มุกเดิมๆ หรอก ตราบใดที่เขาไม่กวนใจเรา เราก็ไม่ทำอะไร ห
“ถ้าบอกว่าจะมาก็ไม่เซอร์ไพรส์สิ แล้วคืนนี้เลิกงานไม่ดึกมากเราถึงได้มากันได้ไง” “ไม่ดึกอะไร ตอนนี้มันสี่ทุ่มแล้วนะ อย่างนี้วินนี่ก็อยู่ได้แค่แปบเดียวน่ะสิ" ร่างสูงโปร่งเอ่ยอย่างเสียดาย ทำให้จาริลที่นึกหมั่นไส้พี่ชายตนเองอยู่เป็นทุนเดิมนั้นยื่นมือไปตบลงบนบ่าของพี่ชาย “ไม่ต้องเสียดายจ้า เพราะคืนนี้พวกเราจะนอนที่นี่” “จริงเหรอ?” “ใช่ ริลขออนุญาตคุณน้าแล้วด้วย”เมื่อเธอยิ้มมันก็ทำให้ชายหนุ่มยิ้มตามไปด้วย “น้าเตรียมห้องไว้ให้แล้วนะ ห้องนอนแขกอยู่ชั้นล่าง อาจจะรกไปหน่อยเพราะใช้เก็บของบางส่วนของสองคนนี้” “ไม่เป็นไรเลยค่ะ หนูนอนได้ ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะที่ให้มารบกวน” เมื่อคุณแม่ของลูกชายทั้งสองคนขอปลีกตัวออกไปเพื่อให้พวกเด็กๆ อย่างเธอได้พูดคุยกัน ภายในห้องนั่งเล่นก็เหลือเพียงชายหนุ่มสองคนกับหญิงสาวคนหนึ่ง ด้วยเหตุที่ห้องนั่งเล่นมีโซฟาตัวยาวแค่เพียงตัวเดียว จาริลจึงเสียสละนั่งลงบนพี้นแล้วให้รุ่นพี่กับพี่ชายนั่งบนโซฟาตัวเดียวกัน ปกติแล้วจาริลไม่เคยยอมให้เพื่อนใกล้ชิดกับพี่ชาย วินตายังเคยถูกกีดกันให้ออกห่างจากรามิลมาแล้วเมื่อครั้งที่เคยเดินทางมาเยี่ยมครอบครัวของเขาที่นี่ในปีก่อน แต่ยามนี้ม
วันนี้พวกหนุ่มๆ มีถ่ายทำรายการที่ประเทศญี่ปุ่น วินตาในฐานะศิลปินเดี่ยวที่มีผลงานเพลงฟีตเจอริ่งกับทั้งสี่หนุ่มในอัลบั้มล่าสุดจึงได้ถูกรับเชิญไปด้วย การสัมภาษณ์ถามตอบในรายการเป็นไปอย่างช้าๆ เนื่องจากต้องอาศัยล่ามแปลภาษาตลอดระยะเวลาการถ่ายทำโดยในช่วงท้ายของรายการนั้นกลับเรียกรอยยิ้มจากทั้งห้าคนได้เป็นอย่างดี เมื่อพวกเธอแต่ละคนต้องผลัดกันออกมายืนด้านหน้าอีกคนที่กำลังยืนหันหลังให้ ระหว่างนั้นจะมีคำถามปรากฏขึ้นบนหน้ามอนิเตอร์ให้พวกเขาสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังร่วมกันตอบคำถามที่เกี่ยวกับสมาชิกคนนั้นคนแรกที่ถูกเลือกให้ออกมายืนด้านหน้าคือแม้นเมือง ตามด้วยอคิน และต่อมาก็คือเธอบุคลิกภาพของวินนี่?เฮคเตอร์ : น่าเบื่อเป็นคนยังไง?เฮคเตอร์ : ใจดี อ่อนไหวง่ายลักษณะนิสัยที่เจ้าตัวยังไม่รู้?จาริล : มีระยะห่างแม้นเมือง : ชอบที่มืดเฮคเตอร์ : ไม่เชื่อฟังจาริล : ทำให้คนอื่นผิดหวังเป็นคนที่คุณสามารถเดทด้วยได้?จาริล : ได้เฮคเตอร์/แม้นเมือง/อคิน : ไม่แต่แล้วเฮคเตอร์ก็เปลี่ยนใจใหม่เฮคเตอร์ : เดทได้ ผมเดทกับวินนี่ก็ได้สิ่งที่คุณหวังว่าเจ้าตัวจะเปลี่ยน?แม้นเมือง : ความประมาทเฮคเตอร
“นี่ พี่ไม่ได้คิดจริงจังถึงขั้นเป็นแฟนของรามิลแล้วแต่งเข้าบ้านน้องหรอกนะ ก็แค่อยากจะคุยกับมิลก็เท่านั้น แต่ถ้านายไม่เปิดโอกาสให้พี่คบกับมิล ก็ถือว่าเราจบกันแค่นี้” คำประกาศิตของวินตาทำให้อีกฝ่ายเหมือนถูกบังคับ จาริลต้องเลือกระหว่างความเห็นแก่ตัวของตนกับความปรารถนาของรุ่นพี่ ทั้งที่เขาไม่เคยอยากแนะนำพี่ชายของตนให้ใคร แต่ก็กลัวเหลือเกินว่าจะสูญเสียความสัมพันธ์ของตนกับคนตรงหน้าไป เขาถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง ไหล่ทั้งสองห่อลงและคอตกด้วยท่าทางที่หงอยลงไปถนัดตา “น้องจะยอมไหม พี่จะนับถึงห้า หนึ่ง สอง สาม” “ก็ได้ครับ! ผมยอมเปิดทางให้พี่เข้าหามิลก็ได้ แต่ผมไม่รับประกันว่าจะได้คบรึเปล่า” “แค่ให้มิลเป็นคนตัดสินใจโดยไม่มีน้องมาเกี่ยวข้องก็พอ” “แล้วผมต้องทำยังไง?” “เอาเบอร์โทรของพี่ชายน้องมาให้พี่ แล้วที่เหลือพี่จะจัดการเอง” “นี่พี่จะจีบพี่ชายผมจริงๆ หรือทำเพื่อแก้แค้นผมกันแน่ พี่ก็รู้นี่ว่าเราไม่ถูกกัน ผมไม่เคยยอมให้คนใกล้ตัวไปสนิทสนมกับเขาหรอกนะ” “ฟังนะ พี่ไม่ได้ทำเพราะอยากจะแก้แค้น มันก็แค่ข้อแลกเปลี่ยน มีเรื่องหนึ่งที่พี่ไม่เคยบอกใคร คือมิลกับพี่เคยเจอกันมาก่อน พี่คิดว่าเข
หลังจากงานแฟนมีตติ้งจบสิ้นลง คํ่าคืนต่อมาศิลปินทุกคนก็พากันไปเลี้ยงฉลองที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ขาดก็แต่จาริลกับวินนี่ที่มาสายจนทุกคนคิดว่าจะไม่ยอมมาตามนัดเสียแล้ว สาเหตุที่ทำให้คนเป็นรุ่นพี่มาช้าก็เพราะมัวแต่นอนหลับเพลิน กว่ารุ่นน้องจะมาเรียกเธอหน้าห้องเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบชั่วโมงแล้ว ฝ่ายรุ่นน้องทั้งที่ถูกสั่งให้เดินทางมาก่อนกลับไม่ยอมเชื่อฟัง จาริลเลือกที่จะรอรุ่นพี่ทั้งที่แต่ก่อนเขามักจะเป็นฝ่ายที่สายจนทำให้รุ่นพี่ต้องรออยู่เสมอก็ตาม แต่เขาอาจจะคิดผิดก็ได้ที่รอ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาที่ติดจะงัวเงียของหญิงสาวก้าวเดินออกมาจากห้องก่อนที่มันจะแสดงความหงุดหงิดเมื่อเห็นร่างที่นั่งอยู่บนโซฟา “บอกว่าไม่ต้องรอไง” วินตาพูดเสียงกระแทกพร้อมกับเดินผ่านหน้ารุ่นน้องไปอย่างรวดเร็ว จาริลถึงกับหน้าเสียก่อนที่เขาจะเดินตามหลังอีกฝ่ายไปใกล้ๆ ชนิดก้าวต่อก้าว เขาลืมกฎที่ต้องห่างกันสองเมตรไปชั่วคราว และผลของการเดินเข้ามาถึงร้านอาหารช้าเป็นสองคนสุดท้ายก็ทำให้ที่ว่างสองที่ที่เหลืออยู่เป็นของวินตากับจาริลอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่เฮคเตอร์ แม้นเมือง นั่งตรงข้ามกับวินตาและจาริล ถัดด้วยศิลปินคนอื่นๆ และเว