อลิสาและคีรินทร์ได้ต้อนรับลูกน้อยเข้ามาในชีวิต ทำให้ครอบครัวอบอุ่นและสมบูรณ์ยิ่งขึ้น พวกเขาแบ่งเบาภาระการเลี้ยงลูก และมีความสุขกับการได้เห็นลูกเติบโต ในขณะที่มิ้นท์และปกรณ์เองก็ได้เริ่มต้นสร้างครอบครัวของตนเองด้วยความรักและความเข้าใจ พวกเขาทั้งสี่คนยังคงเป็นเพื่อนสนิทที่คอยให้คำปรึกษาและแบ่งปันความสุขให้กันและกันเสมอ ความรักของทั้งสองคู่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความสุขที่แท้จริงคือการได้อยู่เคียงข้างคนที่รัก และสร้างครอบครัวที่อบอุ่นไปด้วยกัน
เวลาเดินทางมาถึงจุดที่ความสุขได้เบ่งบานอย่างเต็มที่ในชีวิตของทั้งอลิสาและคีรินทร์ รวมถึงมิ้นท์และปกรณ์ แต่ละคู่ได้สร้างครอบครัวในฝันของตนเอง และความผูกพันระหว่างเพื่อนทั้งสี่ก็ยังคงแข็งแกร่งไม่เสื่อมคลาย
อลิสาและคีรินทร์ได้ต้อนรับลูกชายตัวน้อยที่น่ารักชื่อ น้องธารา เข้ามาเติมเต็มชีวิต น้องธาราเป็นเด็กช่างยิ้มและร่าเริง ทำให้บ้านของพวกเขามีชีวิตชีวาและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ คีรินทร์กลายเป็นคุณพ่อที่ทุ่มเทและเอาใจใส่ เขาช่วยอลิสาเลี้ยงลูกทุกอย่าง ตั้งแต่เปลี่ยนผ้าอ้อม ชงนม ไปจนถึงกล่อมนอน อลิสาเองก็ทำหน้าที่คุณแม่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เธอมีความสุขกับการได้เห็นลูกเติบโตในทุกๆ วัน
เช้าวันอาทิตย์ที่สดใส คีรินทร์และอลิสาพาน้องธาราไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน น้องธารานั่งอยู่ในรถเข็น มองสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยความสนใจ คีรินทร์เข็นรถเข็นอย่างช้าๆ ส่วนอลิสาก็เดินอยู่ข้างๆ มือของเธอจับมือของคีรินทร์ไว้แน่น
“พี่คีคะ ดูสิคะ น้องธารายิ้มใหญ่เลย” อลิสาพูดด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นลูกชายตัวน้อยส่งยิ้มหวานมาให้
คีรินทร์ก้มลงหอมแก้มลูกชายเบาๆ “สงสัยจะชอบอากาศดีๆ แบบนี้เหมือนพ่อ”
พวกเขาเดินไปนั่งบนม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ คีรินทร์อุ้มน้องธาราขึ้นมานั่งบนตัก แล้วพูดคุยกับลูกด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ตัวเล็กของพ่อโตไวๆ นะครับ พ่อกับแม่จะพาลูกไปเที่ยวเยอะๆ เลย”
อลิสามองภาพสามีและลูกชายด้วยความรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างหาที่สุดมิได้ คีรินทร์หันมามองอลิสา เขาส่งรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักมาให้เธอ ก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากของอลิสาอย่างอ่อนโยน
“พี่รักลิซนะ รักที่สุดเลย” คีรินทร์กระซิบเบาๆ
อลิสายิ้มตอบ “ลิซก็รักพี่คีค่ะ”
ความสุขที่เรียบง่ายแต่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและความเข้าใจ ทำให้ชีวิตครอบครัวของอลิสาและคีรินทร์สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
ในขณะเดียวกัน มิ้นท์และปกรณ์ก็ได้เริ่มต้นสร้างครอบครัวของตนเองด้วยความรักและความเข้าใจ ชีวิตคู่ของพวกเขาเต็มไปด้วยความสุขและความสดใส พวกเขาเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้าหากัน และเป็นกำลังใจให้กันและกันในทุกๆ ด้าน
มิ้นท์ยังคงทำงานที่รัก และปกรณ์ก็เติบโตในหน้าที่การงานเช่นกัน พวกเขาทั้งคู่ต่างประสบความสำเร็จในสายอาชีพของตนเอง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาคือการได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันในบ้านที่อบอุ่น
บ่ายวันหนึ่ง มิ้นท์กำลังจัดดอกไม้ในแจกันในห้องนั่งเล่น ปกรณ์เดินเข้ามาจากด้านหลัง แล้วโอบกอดเธอไว้แน่น
“หอมจังเลยครับมิ้นท์” ปกรณ์กระซิบข้างหูเธอ เสียงทุ้มต่ำของเขาทำให้มิ้นท์รู้สึกอบอุ่น
มิ้นท์ยิ้ม เธอเอนตัวพิงแผ่นอกของปกรณ์อย่างสบายใจ “มิ้นท์ชอบจัดดอกไม้ค่ะ มันทำให้บ้านดูสดชื่น”
ปกรณ์จูบที่ไหล่ของมิ้นท์เบาๆ “มิ้นท์ทำอะไรก็สวยไปหมดแหละครับ”
มิ้นท์หัวเราะเบาๆ ด้วยความเขินอาย “พี่ปกรณ์นี่ก็พูดไปเรื่อย”
พวกเขาทั้งคู่ต่างมีความสุขกับชีวิตคู่ที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความหมาย การได้ทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ร่วมกันในแต่ละวัน เป็นเหมือนการเติมเต็มความรักให้แก่กันและกันเสมอ
แม้ว่าแต่ละคู่จะมีชีวิตครอบครัวของตนเอง แต่ความผูกพันระหว่างอลิสาและคีรินทร์ กับมิ้นท์และปกรณ์ก็ยังคงแข็งแกร่งไม่เปลี่ยนแปลง พวกเขายังคงเป็นเพื่อนสนิทที่คอยให้คำปรึกษาและแบ่งปันความสุขให้กันและกันเสมอ
บ่อยครั้งที่พวกเขาทั้งสี่คนจะนัดมาพบกันที่บ้านของใครคนใดคนหนึ่ง เพื่อร่วมรับประทานอาหาร คุยกันถึงเรื่องราวต่างๆ ในชีวิต และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การเลี้ยงลูกสำหรับอลิสาและคีรินทร์
วันหนึ่ง ทั้งสี่คนนัดมาทานอาหารเย็นกันที่บ้านของอลิสาและคีรินทร์ น้องธารากำลังเล่นของเล่นอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่น สร้างเสียงหัวเราะให้กับทุกคน
“ลิซคะ น้องธาราโตไวมากเลยนะคะ” มิ้นท์พูดพลางยื่นมือไปลูบศีรษะของน้องธาราอย่างเอ็นดู
“ใช่ค่ะมิ้นท์ แป๊บๆ ก็จะขวบแล้วค่ะ” อลิสาตอบด้วยรอยยิ้ม
“แล้วมิ้นท์กับพี่ปกรณ์ล่ะ เมื่อไหร่จะมีข่าวดีบ้าง” คีรินทร์แซว
ปกรณ์มองหน้ามิ้นท์แล้วยิ้ม “ก็คงอีกไม่นานคีรินทร์”
มิ้นท์หน้าแดงเล็กน้อย “แกก็พูดไป”
พวกเขาทั้งสี่คนนั่งพูดคุยกันถึงเรื่องราวในชีวิตประจำวัน การทำงาน และความสุขที่ได้รับจากการสร้างครอบครัวของตนเอง อลิสาเล่าถึงความท้าทายและความสุขในการเลี้ยงลูก ส่วนมิ้นท์ก็แบ่งปันประสบการณ์การใช้ชีวิตคู่ที่อบอุ่น
“ลิซดีใจนะที่เราทุกคนมีความสุขแบบนี้” อลิสาพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ
“ใช่ครับลิซ” คีรินทร์เสริม “ความสุขที่แท้จริงคือการได้อยู่เคียงข้างคนที่รัก และสร้างครอบครัวที่อบอุ่นไปด้วยกัน”
ปกรณ์พยักหน้าเห็นด้วย “ฉันก็คิดอย่างนั้นแหละคีรินทร์”
“มิ้นท์ก็เหมือนกันค่ะ” มิ้นท์กล่าวปิดท้าย
เรื่องราวของอลิสาและคีรินทร์ รวมถึงมิ้นท์และปกรณ์ เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความสุขที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่การเอาชนะผู้อื่น หรือการมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบโดยปราศจากอุปสรรคใดๆ แต่คือการได้เรียนรู้ที่จะก้าวผ่านความท้าทายต่างๆ ด้วยกัน การให้อภัย การเข้าใจ และการสร้างครอบครัวที่อบอุ่นไปด้วยความรักและความผูกพัน
ความสุขของทั้งสองคู่เป็นภาพสะท้อนของความรักที่มั่นคงและยั่งยืน พวกเขาต่างค้นพบความหมายที่แท้จริงของชีวิต นั่นคือการได้อยู่เคียงข้างคนที่รัก แบ่งปันความสุข ความทุกข์ และสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่กันและกันเสมอ
เมื่อค่ำคืนล่วงเลยไป แสงไฟในบ้านของอลิสาและคีรินทร์ก็ยังคงส่องสว่างอบอุ่น เสียงหัวเราะของเด็กน้อยและเสียงพูดคุยของผู้ใหญ่ยังคงดังแว่วมา เป็นสัญญาณของความสุขที่สมบูรณ์และยั่งยืนของสองครอบครัว สองความรัก ที่จะคงอยู่ตลอดไป
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่