ในบางครั้งที่พวกเขานั่งรวมตัวกัน อาจมีการหวนระลึกถึงเรื่องราวในอดีต ตั้งแต่ช่วงเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับแพรไหมและภูริช ไปจนถึงเรื่องราวความรักของแต่ละคู่ที่เริ่มต้นขึ้น พวกเขาจะหัวเราะไปกับเรื่องราวตลกๆ ที่เคยเกิดขึ้น และภูมิใจในสิ่งที่พวกเขาได้ผ่านพ้นมาด้วยกัน อดีตเหล่านั้นเป็นเหมือนบทเรียนที่ทำให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและมีความสุขในปัจจุบัน
เย็นวันหนึ่งที่บ้านของมิ้นท์และปกรณ์ บรรยากาศอบอุ่นเป็นพิเศษเมื่ออลิสาและคีรินทร์มาเยี่ยมเยียน หลังจากรับประทานอาหารค่ำกันเสร็จ ทั้งสี่คนก็มานั่งรวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่น น้องธารา ลูกชายของอลิสาและคีรินทร์ กำลังเล่นของเล่นอยู่ใกล้ๆ ในมุมห้อง
บทสนทนาเริ่มขึ้นอย่างเป็นกันเอง และไม่นานนัก ก็วนเวียนไปถึงเรื่องราวในอดีตที่พวกเขาเคยเผชิญมาด้วยกัน ทั้งช่วงเวลาที่ยากลำบากและความสุขที่ได้รับ
“ลิซจำได้ไหม ตอนที่เราต้องเผชิญหน้ากับแพรไหม” มิ้นท์เริ่มต้นด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ “ตอนนั้นมิ้นท์กังวลมากเลยค่ะ ไม่รู้ว่าทุกอย่างจะลงเอยยังไง”
อลิสาพยักหน้า “จำได้สิมิ้นท์ ตอนนั้นลิซเองก็เครียดเหมือนกัน แต่ก็ต้องพยายามเข้มแข็งไว้” เธอหันไปมองคีรินทร์ “พี่คีจำได้ไหมคะ ที่ลิซเข้าใจผิดคิดว่าพี่คีมีอะไรกับแพรไหม”
คีรินทร์หัวเราะเบาๆ เขาเอื้อมมือไปแอบหยิกแก้มอลิสาเบาๆ อย่างน่ารัก “จำได้สิครับ ตอนนั้นพี่พยายามอธิบายแทบแย่”
อลิสาส่งค้อนให้คีรินทร์เล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมา “ก็พี่คีดูสนิทกับแพรไหมมากนี่คะ ลิซก็เลยคิดไปเอง”
ปกรณ์เสริมขึ้นมา “ตอนนั้นพี่ก็ยังไม่เข้าใจคีรินทร์เท่าไหร่หรอก แต่พอได้เห็นคีรินทร์ดูแลลิซอย่างจริงจัง พี่ก็มั่นใจว่าคีรินทร์รักลิซจริงๆ”
การหวนระลึกถึงเรื่องราวความเข้าใจผิดในอดีต ทำให้พวกเขาทั้งสี่หัวเราะออกมาพร้อมกัน ความรักที่ยังคงสดใสและอบอุ่นในทุกโอกาส แม้จะผ่านเรื่องราวมากมาย ก็ยังคงเป็นพลังที่ขับเคลื่อนชีวิตของพวกเขา
บทสนทนาเปลี่ยนไปสู่เรื่องราวความรักของแต่ละคู่ ที่เริ่มต้นขึ้นอย่างไม่คาดฝัน
“แล้วพี่ปกรณ์ล่ะคะ จำความประทับใจแรกที่มีต่อมิ้นท์ได้ไหม” อลิสาแซวขึ้นมา
ปกรณ์ยิ้มเขินๆ เขามองไปที่มิ้นท์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก “จำได้สิครับพี่รู้สึกว่ามิ้นท์เป็นผู้หญิงที่มีความตั้งใจ และมีพลังงานบางอย่างที่ดึงดูดฉัน”
มิ้นท์หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอายเล็กน้อย เธอซบหน้าลงกับไหล่ของปกรณ์อย่างอ่อนโยน แสดงให้เห็นว่าความรักของพวกเขานั้นมีเรื่องราวที่น่าจดจำและเต็มไปด้วยความอบอุ่น
คีรินทร์มองภาพเพื่อนรักด้วยรอยยิ้มอบอุ่น เขาหันไปกุมมืออลิสาไว้แน่น “ส่วนพี่ก็จำได้แม่นเลยครับ วันแรกที่เจอลิซ พี่รู้สึกว่าลิซเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและน่าสนใจ”
อลิสาหัวเราะเบาๆ “ตอนนั้นลิซก็ยังไม่รู้หรอกค่ะว่าพี่คีจะมาทำให้ชีวิตลิซเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”
พวกเขาต่างมองหน้ากันด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความซาบซึ้งใจ เรื่องราวในอดีตของแต่ละคู่เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ที่ค่อยๆ ต่อเติมให้ชีวิตของพวกเขาสมบูรณ์แบบในวันนี้
การหวนระลึกถึงวันวาน ไม่ได้เป็นเพียงการระลึกถึงความทรงจำเก่าๆ แต่ยังเป็นการตอกย้ำว่าอดีตเหล่านั้นเป็นเหมือนบทเรียนอันล้ำค่าที่ทำให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและมีความสุขในปัจจุบัน
ปกรณ์พูดขึ้นมาอย่างจริงจัง “สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาคือความสำคัญของการเชื่อใจและการให้อภัย”
มิ้นท์พยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ค่ะ และการมีเพื่อนดีๆ คอยอยู่เคียงข้างก็เป็นสิ่งสำคัญที่สุด”
อลิสาเสริม “อดีตสอนให้เราเข้มแข็งขึ้น และรู้คุณค่าของสิ่งที่สำคัญจริงๆ ในชีวิต”
คีรินทร์โอบไหล่อลิสาแน่น “และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่เชื่อว่าความรักของเราจะช่วยให้เราผ่านทุกสิ่งไปได้เสมอ”
พวกเขาทั้งสี่คนต่างรับรู้ได้ถึงความผูกพันที่ลึกซึ้งที่ไม่มีอะไรมาทำลายได้ อดีตที่เต็มไปด้วยความท้าทายได้หล่อหลอมให้พวกเขาเป็นคนที่มีความสุขและเข้าใจชีวิตมากขึ้น ความสุขที่แท้จริงคือการได้อยู่เคียงข้างคนที่รัก แบ่งปันเรื่องราวชีวิต และเป็นกำลังใจให้กันและกันเสมอ
เมื่อค่ำคืนล่วงเลยไป เสียงหัวเราะและบทสนทนาที่อบอุ่นก็ยังคงดำเนินต่อไปในห้องนั่งเล่นของมิ้นท์และปกรณ์ น้องธาราหลับปุ๋ยไปแล้วในมุมห้อง อดีตที่ผ่านมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่แสนเศร้าหรือความสุขที่เปี่ยมล้น ล้วนเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างให้พวกเขาทั้งสี่เป็นอย่างทุกวันนี้
เรื่องราวในอดีตเหล่านั้น ไม่ได้เป็นเพียงความทรงจำ แต่เป็นเหมือนเข็มทิศที่นำทางชีวิต ทำให้พวกเขาก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและมีความสุขในปัจจุบัน ความรักของพวกเขาที่เต็มไปด้วยเรื่องราวที่น่าจดจำและอบอุ่น จะยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้แก่กันและกันตลอดไป
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่