หลังจากที่ได้เห็นภาพบาดตาบาดใจของคีรินทร์และอลิสาในงานกาล่าดินเนอร์ แพรไหมก็แทบจะคลั่ง ความแค้นที่สั่งสมมานานปะทุขึ้นจนเกินควบคุม เธอไม่สามารถทนเห็นอลิสาและคีรินทร์มีความสุขได้อีกต่อไป ความเจ็บปวดที่ถูกปฏิเสธและความโกรธที่อลิสาเข้ามาแย่งทุกสิ่งไปจากเธอ ทำให้แพรไหมพร้อมที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายความสุขของทั้งคู่
แพรไหมกลับมายังบ้านของเธอในสภาพที่แทบจะหมดสติด้วยความโกรธ เธอขว้างข้าวของกระจายไปทั่วห้อง เสียงแก้วแตกดังเพล้งไปทั่วบริเวณ ภาพรอยยิ้มของอลิสาที่ยืนเคียงข้างคีรินทร์ยังคงหลอกหลอนอยู่ในห้วงความคิดของเธอ
“แก! แกมันแย่งทุกอย่างไปจากฉัน อลิสา!” เธอตะโกนก้องอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาแห่งความริษยาไหลอาบแก้ม แพรไหมไม่เคยรู้สึกพ่ายแพ้และถูกลดทอนคุณค่าได้มากขนาดนี้มาก่อน
เธอทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวหรู พยายามสงบสติอารมณ์ แต่ภาพของคีรินทร์ที่มองอลิสาด้วยสายตาเปี่ยมรัก ก็ยิ่งทำให้ความแค้นในใจเธอโหมกระหน่ำ เธอคิดถึงแผนการต่างๆ ที่จะทำให้อลิสาและคีรินทร์ต้องเจ็บปวด ต้องพรากจากกัน ต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส และแล้วความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวของเธอภูริช
แพรไหมจำได้ว่าในงานกาล่า ภูริชเองก็อยู่ในงาน และเธอสังเกตเห็นแววตาของเขาที่มองอลิสา มันเป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสนใจบางอย่าง คล้ายกับแววตาของผู้ที่กำลังวางแผน แพรไหมรู้ดีว่าภูริชไม่ใช่คนธรรมดา เขามีทั้งอำนาจ เงินทอง และสติปัญญาที่เฉลียวฉลาด ถ้าหากเธอสามารถดึงภูริชเข้ามาเป็นพวกได้ แผนการแก้แค้นของเธอก็จะมีน้ำหนักมากขึ้นหลายเท่า
แพรไหมไม่รอช้า วันรุ่งขึ้นเธอพยายามหาช่องทางติดต่อกับภูริช เธอส่งข้อความไปหาเขาอย่างสุภาพแต่แฝงด้วยความเร่งรีบ ขอเวลานัดพบเป็นการส่วนตัว เพื่อหารือเรื่องสำคัญบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับอลิสาและคีรินทร์
ภูริชซึ่งกำลังจับตาดูสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา ได้รับข้อความจากแพรไหม เขายิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย “ในที่สุดก็มาถึงจุดนี้จนได้” เขารู้ดีว่าแพรไหมต้องการอะไร และนี่คือโอกาสที่เขาจะสามารถใช้ประโยชน์จากความแค้นของเธอ เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายของตัวเอง
ภูริชตอบรับการนัดหมายอย่างง่ายดาย เขาเลือกสถานที่ที่เป็นร้านอาหารส่วนตัว เงียบสงบ และเป็นที่รู้จักเฉพาะกลุ่ม เพื่อให้การสนทนาเป็นไปอย่างเป็นความลับ
เมื่อทั้งสองมาพบกัน แพรไหมมาในชุดที่ดูเรียบร้อยแต่แฝงด้วยความดุดัน แววตาของเธอเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความเย็นชา ส่วนภูริชยังคงมาในมาดสุขุมและเยือกเย็นตามสไตล์ของเขา เขาเป็นฝ่ายทักทายแพรไหมก่อนด้วยรอยยิ้มบางๆ
“คุณแพรไหมมีอะไรสำคัญจะคุยกับผมหรือครับ” ภูริชถามด้วยน้ำเสียงปกติ แต่แววตาของเขาจับจ้องไปยังแพรไหมอย่างพิจารณา
แพรไหมไม่รอช้า เธอเข้าประเด็นทันที “ฉันรู้ว่าคุณภูริชเองก็สนใจอลิสา” เธอหยุดเล็กน้อย เพื่อสังเกตปฏิกิริยาของภูริช ภูริชยังคงสีหน้าเรียบเฉย “และฉันก็รู้ว่าคุณไม่ได้แค่สนใจเธอในฐานะคู่ค้าทางธุรกิจ”
ภูริชหัวเราะในลำคอเบาๆ “คุณแพรไหมดูจะรู้อะไรหลายอย่างนะครับ”
“แน่นอนค่ะ” แพรไหมตอบอย่างมั่นใจ “เพราะฉันกับคุณภูริชมีศัตรูร่วมกัน นั่นคือคีรินทร์ และอลิสา” แววตาของเธอฉายประกายความแค้น “ฉันต้องการที่จะเห็นความสัมพันธ์ของพวกเขาพังทลายลง และฉันเชื่อว่าคุณภูริชก็ต้องการสิ่งนั้นเช่นกัน”
แพรไหมวางมือลงบนโต๊ะ ใบหน้าของเธอดุดันขึ้น “ฉันขอเสนอการร่วมมือกับคุณภูริชค่ะ เรามีเป้าหมายเดียวกัน และเราต่างก็มีสิ่งที่อีกฝ่ายไม่มี ฉันมีข้อมูลวงในเกี่ยวกับคีรินทร์และอลิสาที่บางครั้งคุณอาจจะเข้าไม่ถึง และคุณภูริชมีอำนาจและเครือข่ายที่แข็งแกร่งกว่าฉัน”
ภูริชฟังข้อเสนอของแพรไหมอย่างเงียบๆ เขายกกาแฟขึ้นจิบช้าๆ พลางคิดในใจว่านี่คือสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด การที่แพรไหมเสนอตัวเข้ามาเอง ทำให้แผนการของเขาเดินหน้าไปได้ง่ายขึ้นมาก
“แล้วคุณแพรไหมต้องการอะไรจากเรื่องนี้ครับ” ภูริชถาม เพื่อให้แน่ใจว่าทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจตรงกัน
“ฉันต้องการเห็นพวกเขาทุกข์ทรมาน” แพรไหมตอบด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ฉันต้องการให้คีรินทร์เจ็บปวดกับการที่ต้องเสียอลิสาไป และฉันต้องการให้อลิสาต้องเผชิญกับความเจ็บปวดที่ฉันเคยเจอมาทั้งหมด”
ภูริชยิ้มบางๆ “ข้อเสนอของคุณน่าสนใจมากครับคุณแพรไหม” เขาตอบรับข้อเสนออย่างไม่ลังเล “ผมยินดีที่จะร่วมมือกับคุณ”
แพรไหมรู้สึกพอใจ เธอรู้ว่าเธอมาถูกทางแล้ว การร่วมมือกับภูริชจะทำให้แผนการแก้แค้นของเธอมีโอกาสสำเร็จสูงขึ้นมาก
แม้จะตอบรับข้อเสนอของแพรไหม แต่ในใจของภูริชนั้น เขามีแผนการที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก เขาไม่ได้ต้องการที่จะทำลายอลิสาอย่างที่แพรไหมต้องการ แต่เขาต้องการที่จะได้อลิสามาอยู่เคียงข้างเขาต่างหาก
ภูริชมองว่าแพรไหมเป็นเพียงหมากตัวหนึ่งในกระดานเกมความรักของเขา เธอเป็นเครื่องมือที่จะช่วยสร้างสถานการณ์ที่ทำให้ความสัมพันธ์ของอลิสากับคีรินทร์สั่นคลอน และเปิดโอกาสให้เขาแทรกซึมเข้าไปในชีวิตของอลิสาได้ลึกขึ้น
เขาเชื่อว่าการสร้างสถานการณ์ให้คีรินทร์ดูเป็นคนไม่ดี หรือการทำให้อลิสาต้องเจอกับปัญหาต่างๆ จะทำให้เธอหันมาพึ่งพาเขามากขึ้น และเมื่อเธอต้องพึ่งพาเขามากพอ ความรู้สึกดีๆ ก็จะเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเธอในที่สุด
ภูริชจึงเริ่มต้นแผนการด้วยการให้แพรไหมเป็นผู้ริเริ่มในการสร้างปัญหาต่างๆ ให้กับคีรินทร์และอลิสา โดยเขาจะคอยให้คำแนะนำและสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องออกหน้ามากเกินไป และยังคงรักษาภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของอลิสาไว้
เขาจะใช้ข้อมูลที่แพรไหมมีเกี่ยวกับอลิสาและคีรินทร์ เพื่อวางแผนการที่แยบยลยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น ภูริชอาจจะแนะนำให้แพรไหมปล่อยข่าวลือบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของคีรินทร์ หรือสร้างสถานการณ์ให้คีรินทร์ต้องเจอกับปัญหาทางธุรกิจ เพื่อทำให้เขาสูญเสียความมั่นคง และทำให้อลิสาเกิดความไม่มั่นใจในตัวเขา
ในขณะเดียวกัน ภูริชก็จะยังคงรักษาบทบาทของเพื่อนร่วมงานที่ดีและพันธมิตรทางธุรกิจที่ไว้ใจได้ของอลิสาต่อไป เมื่ออลิสาต้องเจอกับปัญหาที่เกิดจากการกระทำของแพรไหม ภูริชก็จะปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับความช่วยเหลือและคำแนะนำที่เหมาะสม ทำให้เธอยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่พึ่งพาได้มากเพียงใด
แพรไหมเริ่มดำเนินการตามแผนการที่เธอและภูริชวางร่วมกัน เธอใช้เส้นสายและความสัมพันธ์เก่าๆ ในวงสังคมและธุรกิจ เพื่อปล่อยข่าวลือบางอย่างเกี่ยวกับคีรินทร์ ข่าวลือเหล่านั้นมุ่งเป้าไปที่การทำลายภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของคีรินทร์ในสายตาของสาธารณชน และสร้างความไม่สบายใจให้กับอลิสา
แพรไหมติดต่อกับนักข่าวบางคนที่เธอรู้จัก เพื่อให้เขียนข่าวในเชิงลบเกี่ยวกับคีรินทร์ โดยเน้นประเด็นที่เกี่ยวกับความไม่โปร่งใสในการทำธุรกิจ หรือความสัมพันธ์ในอดีตที่อาจส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของเขา ข่าวเหล่านั้นถูกเผยแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว สร้างความปั่นป่วนให้กับบริษัทของคีรินทร์และตัวคีรินทร์เอง
เมื่ออลิสาเห็นข่าวเหล่านั้น เธอย่อมรู้สึกตกใจและกังวลใจเป็นอย่างมาก เธอพยายามสอบถามคีรินทร์ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น คีรินทร์เองก็ต้องใช้เวลาในการชี้แจงและจัดการกับข่าวลือเหล่านั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาย่อมได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดที่เกิดขึ้น
ในขณะที่คีรินทร์กำลังวุ่นวายกับการแก้ไขปัญหา ภูริชก็เริ่มเข้ามารับบทบาทของ “ผู้ช่วยเหลือ” เขาส่งข้อความมาหาอลิสา แสดงความเห็นอกเห็นใจ และเสนอความช่วยเหลือในด้านต่างๆ เช่น การให้คำปรึกษาทางกฎหมาย หรือการใช้เส้นสายทางธุรกิจของเขาเพื่อช่วยจัดการกับข่าวลือเหล่านั้น
“คุณอลิสาครับ ผมทราบข่าวแล้ว ผมรู้สึกไม่สบายใจแทนคุณจริงๆ” ภูริชส่งข้อความหาอลิสา “ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยได้ โปรดบอกผมได้เลยนะครับ ผมยินดีเสมอ”
อลิสารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของภูริช แม้ว่าเธอจะยังคงระแวงเขาอยู่บ้าง แต่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ การได้รับความช่วยเหลือจากใครสักคนก็เป็นสิ่งที่มีค่ามาก
แพรไหมมองว่าการร่วมมือกับภูริชเป็นหนทางที่จะนำไปสู่การแก้แค้นที่สำเร็จ เธอต้องการเห็นอลิสาและคีรินทร์ต้องแยกจากกัน และต้องเจอกับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เธอพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้
ส่วนภูริชนั้น เขามีเป้าหมายที่ซับซ้อนกว่า เขาไม่ได้ต้องการที่จะทำลายอลิสา แต่เขาต้องการที่จะเป็นผู้กอบกู้ เป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือและอยู่เคียงข้างเธอในยามที่เธอลำบาก เขาเชื่อว่าเมื่อเวลาผ่านไป ความรู้สึกดีๆ ที่อลิสามีให้เขาจะค่อยๆ พัฒนาไปสู่ความรัก
เขาใช้แพรไหมเป็นเครื่องมือในการสร้างปัญหา เพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสเข้ามาเป็น “พระเอก” ในชีวิตของอลิสา และในขณะที่แพรไหมกำลังเดินหมากตามแผนการแก้แค้นของเธอ ภูริชก็กำลังเดินหมากตามแผนการพิชิตหัวใจของเขาอย่างเงียบๆ และสุขุม
การร่วมมือกันครั้งนี้จึงเป็นการร่วมมือที่ซับซ้อนและมีเดิมพันสูง แต่ละฝ่ายต่างมีเป้าหมายของตัวเอง และต่างก็พยายามใช้ประโยชน์จากอีกฝ่ายหนึ่ง ความสัมพันธ์ระหว่างแพรไหมและภูริชจะเป็นอย่างไร และแผนการของพวกเขาจะส่งผลกระทบต่อความรักของคีรินทร์และอลิสามากน้อยเพียงใด ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่