อลิสาและคีรินทร์เริ่มต้นโปรเจกต์งานใหญ่ร่วมกัน นั่นคือการออกแบบและก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของบริษัทคีรินทร์ ซึ่งเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญที่ตอกย้ำความสัมพันธ์ทั้งส่วนตัวและธุรกิจของพวกเขา โครงการนี้ถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่แต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและเป้าหมายร่วมกันของทั้งคู่
เช้าวันหนึ่งที่สดใส อลิสาและคีรินทร์นั่งอยู่ในห้องประชุมส่วนตัวที่บริษัทของคีรินทร์ แผนผังอาคารจำลองถูกวางอยู่ตรงหน้า รายละเอียดต่างๆ ของโปรเจกต์ถูกนำมาหารืออย่างกระตือรือร้น
"ลิซครับ โปรเจกต์นี้สำคัญกับพี่มากนะ" คีรินทร์พูดด้วยแววตาจริงจัง "มันไม่ใช่แค่อาคารสำนักงาน แต่มันคือสัญลักษณ์ของการเติบโตของบริษัท และการที่เราได้ทำมันด้วยกัน มันมีความหมายมากกว่านั้น"
อลิสายิ้มตอบรับ มือของเธอวางทับมือของคีรินทร์บนโต๊ะ "ลิซรู้ค่ะพี่คี ลิซก็จะทำให้เต็มที่ที่สุดเลยค่ะ ลิซเชื่อว่าเราจะทำมันออกมาได้ดีที่สุดแน่นอน"
ทั้งคู่ใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการประชุมระดมสมอง วางแผน และเลือกทีมงานที่ดีที่สุด โปรเจกต์นี้เป็นความฝันร่วมกันของพวกเขา อลิสารับหน้าที่หลักในการออกแบบและควบคุมการก่อสร้าง โดยมีคีรินทร์เป็นผู้สนับสนุนด้านงบประมาณและการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ การทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดทำให้พวกเขาได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันในมุมมองใหม่ๆ ทั้งในฐานะคู่รักและคู่ค้า
ในช่วงการวางแผนงาน อลิสาและคีรินทร์ใช้เวลาอย่างพิถีพิถันในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ พวกเขาพิจารณาถึงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ การออกแบบที่ยั่งยืน และการสร้างพื้นที่ทำงานที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และประสิทธิภาพ การประชุมดำเนินไปอย่างเข้มข้น บางครั้งก็ล่วงเลยไปจนดึกดื่น แต่พวกเขากลับไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย เพราะทุกรายละเอียดที่ร่วมกันสร้างสรรค์ขึ้นมานั้นเต็มไปด้วยความหวังและความฝันที่จะเห็นอาคารนี้เป็นรูปเป็นร่าง
"พี่คีคิดว่าเราควรใช้กระจกแบบไหนสำหรับส่วนหน้าอาคารดีคะ" อลิสาชี้ไปที่แบบจำลองด้วยความกระตือรือร้น "ลิซอยากให้มันสะท้อนแสงธรรมชาติได้ดีที่สุด แต่ก็ต้องประหยัดพลังงานด้วย"
คีรินทร์พยักหน้าพลางขบคิด "พี่เห็นด้วยกับลิซนะ เราต้องคำนึงถึงทั้งความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งาน งบประมาณก็สำคัญ แต่คุณภาพต้องมาก่อนเสมอ"
ความมุ่งมั่นและความเป็นมืออาชีพของทั้งคู่ทำให้ทีมงานรู้สึกมีกำลังใจอย่างมาก ทุกคนรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของหัวหน้าและผู้บริหารในการสร้างสรรค์โปรเจกต์นี้ให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งของอลิสาและคีรินทร์ยังส่งผลดีต่อบรรยากาศการทำงาน ทำให้ทีมงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งและทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น
ขณะที่โปรเจกต์กำลังดำเนินไปอย่างราบรื่น แพรไหมซึ่งทำงานร่วมกับภูริชอยู่เบื้องหลัง ก็เริ่มปฏิบัติการตามแผนของเธอ เธอใช้ช่องทางต่างๆ ที่มี ทั้งสื่อออนไลน์และคนวงใน เพื่อปล่อยข่าวลือที่มุ่งร้ายเกี่ยวกับโปรเจกต์ใหม่นี้ ข่าวลือเหล่านั้นมุ่งเป้าไปที่การบ่อนทำลายความน่าเชื่อถือของคีรินทร์และอลิสา
ข่าวลือแรกที่แพรไหมปล่อยคือเรื่อง "ความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง" โดยพาดพิงถึงการที่บริษัทของอลิสาได้รับโปรเจกต์ใหญ่โดยไม่มีการแข่งขันที่ยุติธรรม และมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่อาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ส่วนตัวกับคีรินทร์ ข่าวลือนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วในวงการธุรกิจและสื่อโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดคำถามและความสงสัยในหมู่สาธารณชน
"คุณคีรินทร์ครับ มีข่าวลือแปลกๆ เกี่ยวกับโปรเจกต์สำนักงานใหญ่ของเราครับ" เลขาของคีรินทร์เดินเข้ามาพร้อมสีหน้ากังวล พร้อมยื่นแท็บเล็ตที่มีข่าวพาดหัวต่างๆ ให้ดู ตัวอย่างเช่น “บริษัท ดีไซน์อินฟินิตี้ ได้โปรเจกต์ใหญ่ด้วยเส้นสาย?” หรือ “ความสัมพันธ์ CEO และสถาปนิก ก่อให้เกิดความได้เปรียบทางธุรกิจ?”
คีรินทร์อ่านข่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เขาเข้าใจได้ทันทีว่านี่คือฝีมือของใครบางคน และมันต้องเกี่ยวข้องกับแพรไหมแน่นอน เขาพยายามระงับอารมณ์และตัดสินใจที่จะไม่ให้เรื่องนี้บั่นทอนกำลังใจของอลิสา
"ไม่ต้องกังวลครับพี่จะจัดการเรื่องนี้เอง" คีรินทร์บอกเลขาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เขาเรียกทีมกฎหมายและฝ่ายประชาสัมพันธ์เข้าประชุมทันที เพื่อวางแผนรับมือกับข่าวลือที่เกิดขึ้น เขาต้องการให้ทุกอย่างโปร่งใสที่สุดเพื่อปกป้องชื่อเสียงของบริษัทและอลิสา
อลิสาเองก็เริ่มได้รับผลกระทบจากข่าวลือ เธอเห็นคอมเมนต์ในโซเชียลมีเดียที่กล่าวหาว่าเธอใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวในการได้งาน และเพื่อนร่วมงานบางคนก็เริ่มแสดงท่าทีลังเลและไม่มั่นใจ เธอรู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็พยายามไม่เก็บมาใส่ใจมากนัก เพราะเธอมั่นใจในความโปร่งใสของงานที่เธอทำ และรู้ดีว่าเธอได้งานนี้มาด้วยความสามารถที่แท้จริง
"ลิซคะ มีคนพูดกันในกลุ่มว่าคุณคีรินทร์ให้งานลิซเพราะเป็นแฟนกันจริงเหรอคะ" เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งถามด้วยความไม่สบายใจ
อลิสายิ้มบางๆ "ไม่จริงหรอกค่ะ พี่คีรินทร์ให้ความสำคัญกับความสามารถเสมอค่ะ โปรเจกต์นี้เราได้มาเพราะบริษัทของเรามีศักยภาพที่เพียงพอ" เธอพยายามตอบอย่างใจเย็น เพื่อไม่ให้ข่าวลือส่งผลกระทบต่อทีมงาน
ในขณะที่ข่าวลือแพร่สะพัด ภูริชยังคงรักษากลยุทธ์ของเขา เขาไม่ได้ออกหน้าโจมตีอลิสาและคีรินทร์โดยตรง แต่กลับแสดงออกถึงความเข้าใจและความห่วงใย โดยเฉพาะกับอลิสา**
"คุณอลิสาครับ ผมได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับโปรเจกต์ของคุณแล้ว ผมรู้สึกไม่สบายใจแทนคุณจริงๆ" ภูริชส่งข้อความหาอลิสา "คุณอย่าได้กังวลใจไปเลยนะครับ คนที่มุ่งมั่นและตั้งใจทำงานย่อมได้รับผลตอบแทนที่ดีเสมอ ผมเชื่อมั่นในความสามารถของคุณ"
อลิสาอ่านข้อความของภูริช เธอรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่เขาติดต่อมา แต่ก็รู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาไม่น้อย แม้จะระแวงในเจตนาของเขาอยู่บ้าง แต่การได้รับกำลังใจในยามที่ข่าวลือถาโถมเข้ามาก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นได้ เธอตอบกลับข้อความของภูริชเพียงสั้นๆ ว่า "ขอบคุณค่ะคุณภูริช"
คีรินทร์เองก็รับรู้ถึงการติดต่อของภูริช เขาไม่พอใจแต่ก็ยังคงอดทน เพราะไม่อยากทำให้อลิสาต้องลำบากใจ เขาเลือกที่จะไว้วางใจอลิสาและเชื่อมั่นในความสัมพันธ์ของพวกเขามากกว่าที่จะแสดงอาการหึงหวงให้ภูริชได้ใจ
"พี่ไม่ชอบที่ภูริชเข้ามาวุ่นวายกับลิซนะ" คีรินทร์พูดกับอลิสาอย่างอ่อนโยน "แต่พี่เชื่อใจลิซนะ"
อลิสาจับมือคีรินทร์แน่น "ลิซรู้ค่ะพี่คีรินทร์ ลิซจัดการได้ค่ะ" เธอพยายามทำให้เขาคลายความกังวล
การที่แพรไหมเริ่มปั่นป่วนด้วยการปล่อยข่าวลือ เป็นเพียงก้าวแรกของแผนการอันซับซ้อน คีรินทร์และอลิสาจะต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่โปรเจกต์สำคัญของพวกเขากำลังดำเนินไป พวกเขาจะต้องพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าความรักของพวกเขานั้นแข็งแกร่ง และความสามารถของพวกเขานั้นคู่ควรกับโปรเจกต์นี้อย่างแท้จริง
ทั้งคู่รู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของอุปสรรคที่อาจจะเกิดขึ้น แต่พวกเขาก็พร้อมที่จะจับมือกันฟันฝ่าไปให้ได้ ความมุ่งมั่นที่จะทำให้โปรเจกต์นี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้พวกเขาก้าวต่อไปข้างหน้า ไม่ว่าข่าวลือหรืออุปสรรคใดๆ จะถาโถมเข้ามามากเพียงใดก็ตาม
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่