หลังจากที่คีรินทร์และอลิสาได้ปรับความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง และได้ผ่านบททดสอบจากความรู้สึกของนาราและธาม รวมถึงการรุกคืบอย่างสุขุมของภูริช ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ยิ่งแน่นแฟ้นและมั่นคงขึ้น พวกเขาตระหนักว่าการแสดงออกถึงความรักและความผูกพันให้สาธารณชนรับรู้เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังคู่แข่งและทุกคนรอบข้างว่าความรักของพวกเขานั้นจริงจังและไม่มีใครสามารถเข้ามาแทรกแซงได้อีกต่อไป ฉากนี้จะแสดงถึงความมั่นคงและความรักที่เปิดเผย ทั้งทางกายและใจ
งานกาล่าดินเนอร์การกุศลที่จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ใจกลางเมือง เป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบสำหรับคีรินทร์และอลิสาที่จะแสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่มั่นคงของพวกเขา ค่ำคืนนั้น อลิสามาในชุดราตรียาวสีขาวบริสุทธิ์ สง่างามราวกับเจ้าหญิง ส่วนคีรินทร์อยู่ในชุดทักซิโด้สีดำสนิท ดูหล่อเหลาและภูมิฐาน เขาเดินเข้ามาในงานพร้อมกับอลิสา มือของเขากอบกุมมือของเธอไว้แน่น ไม่มีการปล่อยมือกันแม้แต่วินาทีเดียว
ทุกสายตาจับจ้องมาที่พวกเขา เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นทั่วห้องโถง ผู้คนต่างประหลาดใจกับการปรากฏตัวของคู่นี้ที่ดูสนิทสนมกันเกินกว่าจะเรียกว่าแค่เพื่อนร่วมงานหรือคู่ค้าทางธุรกิจ คีรินทร์ยิ้มทักทายผู้คนอย่างเป็นกันเอง แต่แววตาของเขายังคงจดจ่ออยู่ที่อลิสาตลอดเวลา
เมื่อเดินไปถึงโต๊ะอาหารที่จัดไว้ คีรินทร์ดึงเก้าอี้ให้อลิสานั่งอย่างสุภาพ และไม่ลืมที่จะเลื่อนเก้าอี้ของตัวเองไปนั่งข้างๆ เธอตลอดเวลา ในระหว่างงาน เขาจะโน้มตัวไปกระซิบข้างหูอลิสาเป็นระยะ ทำให้เกิดรอยยิ้มหวานๆ บนใบหน้าของเธอ และไม่ว่าจะต้องทักทายแขกคนไหน อลิสาจะยืนอยู่เคียงข้างเขาเสมอ หรือไม่ก็อยู่ในระยะสายตาที่เขาเอื้อมมือไปสัมผัสได้
ในช่วงเวลาที่แขกกำลังดื่มด่ำกับเครื่องดื่มและอาหารรสเลิศ คีรินทร์จะเอื้อมมือไปโอบเอวอลิสาเบาๆ ดึงเธอเข้ามาใกล้ตัว แสดงออกถึงความเป็นเจ้าของอย่างเปิดเผย แต่ยังคงไว้ซึ่งความสุภาพ การสัมผัสที่ดูเป็นธรรมชาติแต่เต็มไปด้วยความหมายนี้ ทำให้ทุกคนในงานรับรู้ได้ถึงความผูกพันของทั้งคู่
แม้แต่ตอนที่แพรไหมและภูริช ซึ่งเป็นแขกในงานเช่นกัน เดินผ่านมา พวกเขาก็เห็นภาพของคีรินทร์และอลิสาที่ยืนเคียงข้างกัน คีรินทร์วางมือบนหลังของอลิสาอย่างปกป้อง ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ความมั่นใจ และความรักที่เปล่งประกายออกมา แพรไหมได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความริษยา ส่วนภูริช แม้จะยังคงรักษาสีหน้าสุขุม แต่แววตาของเขาก็ฉายแววผิดหวังเล็กน้อย
หลังจากเสร็จสิ้นงานกาล่า คีรินทร์ขับรถมาส่งอลิสาที่คอนโด ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ทั้งคู่ก็หลุดออกจากบทบาทที่ต้องแสดงต่อหน้าสาธารณชน คีรินทร์ดึงอลิสาเข้ามากอดแน่น สูดดมกลิ่นหอมจากเรือนผมของเธอ
"เหนื่อยไหมลิซ" คีรินทร์กระซิบถาม
"ไม่เลยค่ะพี่คี" อลิสาตอบ เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก "ลิซมีความสุขมากที่ได้อยู่กับพี่คีรินทร์แบบนี้"
คีรินทร์ยิ้มอย่างอ่อนโยน เขาเลื่อนมือไปสัมผัสแก้มเนียนของอลิสา ก่อนจะประทับจูบลงบนริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา จูบที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความรักที่บริสุทธิ์ จูบนั้นค่อยๆ ลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ความปรารถนาที่เก็บซ่อนไว้ตลอดทั้งคืนพลันปะทุขึ้น
คีรินทร์ค่อยๆ อุ้มอลิสาขึ้นในอ้อมแขน เดินตรงไปยังห้องนอนที่มืดสลัว มีเพียงแสงไฟจากโคมข้างเตียงที่ให้ความสว่างรำไร บรรยากาศภายในห้องอบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความรักที่เปี่ยมล้น
คีรินทร์วางอลิสาลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา เขาค่อยๆ ปลดซิปชุดราตรีของอลิสาออกอย่างใจเย็น เผยให้เห็นผิวขาวเนียนที่ซ่อนอยู่ภายใน ทุกการเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความทะนุถนอมและอ่อนโยน อลิสาเองก็ช่วยปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของคีรินทร์ออก ก่อนจะลูบไล้แผงอกแข็งแกร่งของเขาเบาๆ
เมื่อร่างกายของทั้งสองเปลือยเปล่า คีรินทร์มองสำรวจอลิสาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล เขาก้มลงจูบไปตามลำคอระหง ไหล่เนียน และค่อยๆ ไล่ลงมาตามแผ่นหลังของเธอ อลิสาสะท้านเฮือกทุกครั้งที่ริมฝีปากอุ่นร้อนของเขาสัมผัสผิวของเธอ
“พี่คีอืมมม” อลิสาครางเสียงแผ่ว พลางพลิกตัวหันหลังให้กับคีรินทร์ เธอค่อยๆ คุกเข่าลง มือยันเตียงไว้เบาๆ แผ่นหลังของเธอโค้งเล็กน้อย เชิญชวนให้คีรินทร์เข้ามาสัมผัส
คีรินทร์เข้าใจในท่าทางของเธอ เขายิ้มอย่างมีเสน่ห์ ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้ามาอยู่ด้านหลังอลิสา ร่างกายของเขาสัมผัสกับแผ่นหลังเนียนของเธออย่างแนบแน่น อลิสาเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย เตรียมพร้อมรับสัมผัสจากเขา
“พร้อมสนุกกับพี่หรือยัง” คีรินทร์กระซิบถามเสียงพร่า มือของเขาลูบไล้ไปตามสะโพกกลมกลึงของอลิสาอย่างแผ่วเบา
“ค่ะอื้อออ” อลิสาตอบเสียงกระเส่า
คีรินทร์ค่อยๆ เริ่มการสอดใส่ช้าๆ และนุ่มนวล การเข้าได้ลึกของท่านี้ทำให้ทั้งคู่รู้สึกถึงความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้ง “อ่าาาาลิซแน่นเหลือเกิน” คีรินทร์ครางต่ำ เขาเริ่มขยับสะโพกอย่างช้าๆ แต่หนักแน่น จังหวะการเคลื่อนไหวที่สม่ำเสมอทำให้เกิดความเร่าร้อนที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น
“อื้อออพี่คีลึกจังค่ะ” อลิสาครางตอบ พลางขยับสะโพกรับการเคลื่อนไหวของเขาอย่างเป็นธรรมชาติ เธอกดมือลงบนเตียงแน่น เมื่อความสุขเริ่มทวีคูณ
“โอ้วววตรงนั้นค่ะใช่เลย” เธอพูดเสียงกระเส่า
คีรินทร์เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเล็กน้อย ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเต็มไปด้วยความปรารถนาและความรักที่เขาเก็บงำมาตลอดคืน เขาโน้มตัวลงมาจูบแผ่นหลังของอลิสา สูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่นของเธออย่างลึกซึ้ง “อ่าาาลิซของพี่”
ทั้งคู่ต่างปล่อยเสียงครางออกมาเป็นจังหวะที่ประสานกัน ความสุขที่เข้มข้นแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย อลิสาเชิดหน้าขึ้น ปล่อยเสียงครางที่เร่าร้อนออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“อ๊าาาาาาพี่คีแรงอีกค่ะอ๊าาาา” ร่างกายของเธอเริ่มสั่นสะท้าน คีรินทร์เร่งจังหวะให้เร็วขึ้นอีกครั้ง ปลดปล่อยทุกความรู้สึกที่เขามีต่อเธอออกมาในทุกการเคลื่อนไหว จนกระทั่งทั้งคู่ก้าวไปถึงจุดสูงสุดของความสุขพร้อมกัน “อ่าาาาาาาาาาลิซ!” คีรินทร์คำรามออกมา
หลังจากบทรักอันเร่าร้อนครั้งแรกผ่านไปคีรินทร์ค่อยๆ ดึงอลิสาให้ลุกขึ้นยืนช้าๆ เขากอดเธอไว้แน่น ซบหน้าลงบนไหล่ของเธอ สูดหายใจเข้าลึกๆ
“ลิซพี่รักลิซนะ” คีรินทร์กระซิบเสียงพร่า
“ลิซก็รักพี่คีรินทร์ค่ะ” อลิสาตอบ เธอยืนพิงอกแกร่งของเขา รู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่สุด
คีรินทร์ค่อยๆ พลิกตัวอลิสาให้หันหน้าเข้าหาเขา ดวงตาของทั้งคู่สบกันในความมืดที่อบอวลไปด้วยความรัก คีรินทร์ประคองใบหน้าของอลิสาขึ้น แล้วจูบเธออย่างอ่อนโยนอีกครั้ง จูบที่เต็มไปด้วยความรัก ความทะนุถนอม และความปรารถนาที่ยังไม่จางหาย
“อยากต่อไหมลิซ” คีรินทร์กระซิบถาม “พี่อยากอยู่กับลิซแบบนี้ทั้งคืน”
อลิสายิ้มตอบรับ “ค่ะอยากค่ะ”
คีรินทร์ค่อยๆ อุ้มอลิสาขึ้น ให้ขาของเธอโอบรอบเอวของเขาเอาไว้ ท่านี้ทำให้พวกเขาสามารถยืนแนบชิดกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ คีรินทร์เดินถอยหลังไปพิงผนังห้องนอนที่มั่นคง เพื่อรองรับน้ำหนักของทั้งคู่ มือของคีรินทร์โอบประคองสะโพกของอลิสาไว้มั่น ขณะที่มือของอลิสาก็โอบรอบคอของเขาอย่างแนบแน่น
“อ่าาาาพี่คี” อลิสาครางเบาๆ เมื่อคีรินทร์เริ่มการสอดใส่ในท่ายืน ท่านี้ทำให้เกิดการเสียดสีที่แตกต่างออกไป สร้างความรู้สึกที่เร่าร้อนอย่างรวดเร็ว
คีรินทร์เริ่มขยับสะโพกช้าๆ และหนักแน่น การเคลื่อนไหวของเขามีจังหวะที่มั่นคงและทรงพลัง อลิสาสะท้านเฮือกทุกครั้งที่เขาขยับตัว เธอจิกเล็บลงบนแผ่นหลังของคีรินทร์เบาๆ ด้วยความสุข
“อื้อออพี่คีลึกมากค่ะอ๊าาาา” อลิสาครางเสียงสูงขึ้น เธอซบหน้าลงกับไหล่ของคีรินทร์ ปล่อยให้ความรู้สึกไหลท่วมท้น
“ชอบไหมลิซชอบไหมครับ” คีรินทร์กระซิบถามเสียงพร่า เขาเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นเล็กน้อย สะโพกของเขากระแทกกระทั้นเข้าหาเธออย่างต่อเนื่อง
“ชอบค่ะอ๊าาาาาาชอบมากพี่คีอ๊าาาาาาา” อลิสาครางออกมาอย่างสุดเสียง ร่างกายของเธอเริ่มอ่อนระทวยลงช้าๆ แต่เธอก็ยังคงกอดคีรินทร์ไว้แน่นไม่ปล่อย
ทั้งคู่ยังคงเคลื่อนไหวประสานกันอย่างเร่าร้อน ความสุขที่เข้มข้นยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งทั้งคู่ต่างถึงจุดสูงสุดพร้อมกันอีกครั้ง “อ่าาาาาาาาาลิซ!” คีรินทร์คำรามออกมา ก่อนที่ร่างกายของทั้งคู่จะสั่นสะท้านและทรุดลงเล็กน้อย
คีรินทร์ค่อยๆ ประคองอลิสาให้เดินกลับมาที่เตียงอย่างแผ่วเบา ทั้งคู่นอนหงายลงบนเตียงข้างกัน อลิสาหอบหายใจเล็กน้อยด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสุขและความพึงพอใจ คีรินทร์ดึงหมอนหนุนมาสองใบ และวางรองใต้สะโพกของอลิสา เพื่อยกสะโพกของเธอให้สูงขึ้นเล็กน้อย
“พี่อยากให้ลิซสบายที่สุดครับ” คีรินทร์กระซิบ พลางใช้มือลูบไล้ต้นขาของอลิสาเบาๆ
อลิสายิ้มตอบรับ เธอยกขาขึ้นพาดบนไหล่ของคีรินทร์ ขณะที่เขาค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นมาอยู่ด้านบน การยกสะโพกของอลิสาขึ้นทำให้มุมของการสอดใส่แตกต่างออกไป ทำให้เกิดการกระตุ้นที่จุดใหม่ๆ และลึกซึ้งยิ่งขึ้น
คีรินทร์เริ่มการเคลื่อนไหวอย่างช้าๆ การเสียดสีที่แตกต่างออกไปทำให้เกิดความรู้สึกที่เร่าร้อนอย่างรวดเร็ว “อืมมมลิซท่านี้ก็ดีนะครับ” คีรินทร์ครางต่ำ
“ค่ะอื้อออแปลกดีค่ะ” อลิสาตอบพลางบิดตัวเล็กน้อยด้วยความสุข เธอสัมผัสได้ถึงแรงกดที่ลึกซึ้งและกระตุ้นจุดที่ละเอียดอ่อน
คีรินทร์โน้มตัวลงมาจูบอลิสาอย่างดูดดื่ม จังหวะการเคลื่อนไหวของเขาเริ่มเร็วขึ้นและหนักแน่นขึ้น ความสุขที่ได้รับจากท่านี้เป็นความสุขที่เต็มเปี่ยมและชวนให้หลงใหล
“พี่คีอ๊าาาาาาไม่ไหวแล้วค่ะอ๊าาาาาาา” อลิสาครางเสียงขาดห้วง ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปทั่ว คีรินทร์รู้ว่าเธอใกล้ถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง เขาเร่งจังหวะสุดท้ายอย่างรุนแรงและร้อนแรง ปลดปล่อยทุกความปรารถนาที่เขามีออกมา
ทั้งคู่จมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งความสุขที่ลึกซึ้งที่สุด พร้อมกันเป็นครั้งที่สามในค่ำคืนนี้ ร่างกายของพวกเขาแนบชิดกัน อบอวลไปด้วยเหงื่อไคลและความรักที่หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
หลังจากบทรักอันเร่าร้อนสิ้นสุดลง คีรินทร์นอนกอดอลิสาไว้แน่นบนเตียง อลิสาซบหน้าลงกับอกแกร่งของเขา หัวใจของทั้งคู่เต้นเป็นจังหวะเดียวกัน ความเหนื่อยอ่อนที่เกิดขึ้นถูกแทนที่ด้วยความสุขและความอิ่มเอมใจอย่างที่สุด
"ลิซพี่รักลิซนะ รักมากที่สุดเลย" คีรินทร์กระซิบเสียงแผ่ว พลางจูบเรือนผมของอลิสา
"ลิซก็รักพี่คีรินทร์ค่ะ" อลิสาตอบ เธอเงยหน้าขึ้นจ้องมองเขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความเชื่อมั่น "ความรักของเราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงค่ะ"
ในค่ำคืนนี้ คีรินทร์และอลิสาได้แสดงออกถึงความรักและความผูกพันที่มั่นคงแข็งแรง ทั้งต่อหน้าสาธารณชน และในความใกล้ชิดที่ลึกซึ้งที่สุด การที่พวกเขาเปิดเผยความรักของตัวเองต่อทุกคน เป็นการตอกย้ำว่าพวกเขาเลือกที่จะอยู่เคียงข้างกัน ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคใดๆ ก็ตาม
ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่ความรักที่โรแมนติก แต่ยังเป็นความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความเข้าใจ ความเชื่อใจ และความซื่อสัตย์ต่อกันและกัน บทเรียนต่างๆ ที่ผ่านมาได้หล่อหลอมให้ความรักของพวกเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอนาคตที่กำลังจะมาถึงด้วยกัน
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่