โปรเจกต์อาคารสำนักงานใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป แม้จะมีข่าวลือปั่นป่วนในช่วงแรก แต่อลิสาและคีรินทร์ก็ยังคงมุ่งมั่นและทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ พวกเขาพยายามพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานและคุณภาพ แต่แพรไหมก็ไม่ได้หยุดแค่นั้น เธอเริ่มใช้กลยุทธ์ที่รุนแรงขึ้น นั่นคือการแทรกแซงและทำให้เกิดความผิดพลาดในการส่งมอบงานที่สำคัญ
การก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง โครงสร้างหลักเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทีมงานทุกคนทำงานอย่างหนักภายใต้การดูแลของอลิสาและคีรินทร์ คีรินทร์เองก็คอยเข้ามาตรวจดูความคืบหน้าและให้กำลังใจทีมงานอยู่เสมอ ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้สวย ความคืบหน้าของงานเป็นไปตามแผนที่วางไว้ การทำงานร่วมกันของทั้งคู่เป็นไปอย่างราบรื่น ทำให้โปรเจกต์เดินหน้าไปอย่างมีประสิทธิภาพ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เกิดความผิดพลาดร้ายแรงขึ้นในการส่งมอบวัสดุอุปกรณ์สำคัญที่ใช้ในการก่อสร้าง เหล็กเส้นจำนวนมากที่สั่งซื้อมามีขนาดและคุณสมบัติไม่ตรงตามที่ระบุในสัญญา ทำให้ไม่สามารถนำมาใช้งานได้ นี่เป็นความผิดพลาดที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ในระบบการทำงานที่มีมาตรฐานของบริษัท ซึ่งมีระบบการตรวจสอบที่รัดกุม
"นี่มันอะไรกัน!" หัวหน้าวิศวกรโวยวายเสียงดังลั่น เมื่อตรวจสอบพบความผิดพลาด "สั่งไปอีกแบบ ได้มาอีกแบบแบบนี้จะทำงานกันยังไง! นี่มันจะทำให้งานของเราล่าช้าไปอีกกี่วันกัน!" เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น
อลิสาได้รับรายงานเรื่องนี้ทันที เธอรีบเข้าไปตรวจสอบด้วยตัวเอง พร้อมด้วยทีมงานที่เกี่ยวข้อง และพบว่าข้อมูลการสั่งซื้อที่ส่งไปยังซัพพลายเออร์ถูกเปลี่ยนแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาต เอกสารทั้งหมดถูกแก้ไขอย่างแนบเนียน ไม่มีร่องรอยของการแฮกข้อมูลที่ชัดเจน ทำให้ยากที่จะสาวไปถึงตัวคนร้าย
"ใครทำ!" อลิสาถามด้วยน้ำเสียงโมโหและผิดหวัง เธอรู้สึกโกรธที่ความตั้งใจและความพยายามของทีมงานกำลังจะถูกบ่อนทำลาย ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องเงินจำนวนมหาศาล แต่ยังรวมถึงความล่าช้าของโปรเจกต์ และที่สำคัญที่สุดคือชื่อเสียงของบริษัทที่พวกเขาสร้างมาด้วยความยากลำบาก
เบื้องหลังความผิดพลาดครั้งนี้คือฝีมือของแพรไหม เธอใช้ช่องว่างทางระบบและพนักงานที่ถูกซื้อตัวไว้เพื่อทำการแทรกแซงข้อมูลการสั่งซื้ออย่างเงียบๆ แพรไหมไม่ได้ทำเองทั้งหมด แต่ใช้คนกลางและเครือข่ายที่ภูริชช่วยแนะนำให้เพื่อปกปิดร่องรอย การทำให้เกิดความผิดพลาดในการส่งมอบงานเช่นนี้ เป็นกลยุทธ์ที่มุ่งเป้าไปที่การสร้างความเสียหายโดยตรงและทำให้โปรเจกต์ล่าช้าออกไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แพรไหมนั่งหัวเราะอย่างสะใจอยู่คนเดียวในห้องทำงานของเธอ เมื่อได้รับรายงานว่าแผนการของเธอสำเร็จ “คราวนี้แหละ คีรินทร์ อลิสา พวกแกจะได้ลิ้มรสความปั่นป่วนบ้าง! ฉันจะทำให้พวกแกต้องเจ็บปวดกับการที่ต้องเสียทุกอย่างไป!” เธอรู้ว่าความเสียหายจากความผิดพลาดนี้จะสร้างความตึงเครียดให้กับทั้งคู่ และอาจนำไปสู่ความขัดแย้งภายในองค์กรได้
เมื่อคีรินทร์ทราบเรื่อง เขารีบเข้ามาจัดการสถานการณ์ทันที เขาสั่งให้ตรวจสอบระบบทั้งหมดอย่างละเอียด และพยายามหาทางแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด เขาติดต่อซัพพลายเออร์รายอื่นเพื่อจัดหาสินค้าทดแทนอย่างเร่งด่วน การที่โปรเจกต์ต้องหยุดชะงักและต้องสั่งวัสดุใหม่ ทำให้ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายจำนวนมาก งบประมาณที่วางไว้เริ่มบานปลายออกไปอย่างน่าตกใจ
คีรินทร์พยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่แสดงความกังวลให้อลิสาเห็นมากนัก แต่อลิสาก็สัมผัสได้ถึงความตึงเครียดที่เขาแบกรับอยู่ เธอรู้สึกผิดที่โปรเจกต์ที่เธอรับผิดชอบหลักต้องมาเจออุปสรรคเช่นนี้
ในสถานการณ์วิกฤตเช่นนี้ ภูริชยังคงใช้กลยุทธ์ของเขา เขาไม่ได้เข้ามาซ้ำเติมหรือแสดงความยินดีในความล้มเหลวของอลิสาและคีรินทร์ แต่กลับแสดงบทบาทของ “ผู้หวังดี” ที่พร้อมจะช่วยเหลือ และใช้โอกาสนี้ในการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับตัวเองในสายตาของอลิสา
ภูริชติดต่อไปยังอลิสาเพื่อแสดงความเห็นอกเห็นใจ และเสนอความช่วยเหลือจากเครือข่ายของเขา "คุณอลิสาครับ ผมได้ข่าวเรื่องปัญหาการจัดส่งวัสดุแล้ว ผมรู้สึกไม่สบายใจแทนคุณจริงๆ ผมพอจะรู้จักซัพพลายเออร์รายใหญ่ที่มีคุณภาพและสามารถส่งของได้ทันที ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลือ ผมยินดีครับ"
คำเสนอของภูริชเป็นสิ่งที่อลิสายากจะปฏิเสธ เพราะในสถานการณ์ที่เร่งด่วนเช่นนี้ การได้รับความช่วยเหลือจากแหล่งที่เชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งเพื่อไม่ให้โปรเจกต์ต้องหยุดชะงักนานกว่านี้ อลิสาจึงตกลงรับความช่วยเหลือจากภูริช โดยไม่รู้เลยว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอยู่เบื้องหลัง และเขากำลังเล่นเกมที่ซับซ้อนเพื่อเข้าใกล้เธอ
การที่ภูริชเข้ามาช่วยเหลือในยามวิกฤตเช่นนี้ ยิ่งทำให้เขาสร้างภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาของอลิสา** เธอยิ่งรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่พึ่งพาได้ และเป็นคนดีที่พร้อมจะช่วยเหลือเธอเสมอ ความรู้สึกดีๆ ที่อลิสามีต่อภูริชค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ โดยที่เธอไม่ทันสังเกตเห็นถึงเจตนาที่แท้จริงของเขา
ในขณะที่คีรินทร์แม้จะขอบคุณภูริชที่ให้ความช่วยเหลือ แต่ก็ยังคงมีความสงสัยและระแวงในตัวเขาอยู่ลึกๆ เขาพยายามหาหลักฐานเพื่อเชื่อมโยงแพรไหมกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังไม่พบเบาะแสที่ชัดเจน
เหตุการณ์นี้ทำให้โปรเจกต์ล่าช้าออกไป และสร้างความตึงเครียดให้กับคีรินทร์และอลิสาอย่างมาก พวกเขาต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อกู้สถานการณ์ และต้องคอยระแวงภัยที่มองไม่เห็นจากศัตรูที่กำลังซ่อนตัวอยู่ แต่พวกเขาก็ยังคงจับมือกันอย่างมั่นคง เพื่อผ่านพ้นอุปสรรคนี้ไปให้ได้ ความท้าทายนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขายิ่งแข็งแกร่งขึ้น เพราะมันพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาสามารถผ่านพ้นทุกสิ่งไปได้ตราบใดที่พวกเขายังอยู่เคียงข้างกัน
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่