หลังจากงานแต่งงานที่อบอุ่นและงดงามราวกับเทพนิยาย อลิสาและคีรินทร์ก็ได้เริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกันในบ้านหลังใหม่ที่พวกเขาช่วยกันออกแบบและตกแต่งอย่างพิถีพิถัน ทุกรายละเอียดในบ้านสะท้อนถึงความรักและความฝันที่พวกเขามีร่วมกัน ตั้งแต่สีผนังห้องนั่งเล่นที่อลิสาเลือกเอง เฟอร์นิเจอร์ไม้สักที่คีรินทร์คัดสรรมาอย่างดี ไปจนถึงภาพวาด ที่พวกเขาเลือกด้วยกันเพื่อประดับฝาผนัง ทุกมุมของบ้านล้วนเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวความรักของพวกเขา
เช้าวันแรกของการใช้ชีวิตคู่ อลิสาตื่นขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม เธอมองไปที่คีรินทร์ที่นอนหลับอยู่ข้างๆ แล้วอดที่จะเอื้อมมือไปลูบผมเขาเบาๆ ไม่ได้ การได้ตื่นมาเห็นเขาอยู่ข้างๆ แบบนี้เป็นความรู้สึกที่วิเศษที่สุด เธอลุกขึ้นจากเตียง แล้วลงมายังห้องครัว กลิ่นหอมของกาแฟและเบคอนลอยมาเตะจมูก
“อ้าว ตื่นแล้วเหรอลิซ” คีรินทร์ในชุดผ้ากันเปื้อนกำลังยืนทำอาหารเช้าอยู่หน้าเตา เขายิ้มให้เธออย่างอบอุ่น
“พี่คีทำอาหารเช้าให้ลิซเหรอคะ” อลิสาถามด้วยความประหลาดใจและดีใจ
“ครับ” คีรินทร์ตักไข่คนใส่จานให้เธอ “วันนี้วันแรกของการเป็นสามีภรรยากัน พี่อยากทำให้ลิซมีความสุขที่สุด”
อาหารเช้าวันนั้นเป็นอาหารเช้าที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความรัก พวกเขานั่งคุยกันไปยิ้มไป วางแผนสำหรับวันหยุดที่กำลังจะมาถึง การได้ใช้ชีวิตประจำวันร่วมกัน ทำให้พวกเขาได้เรียนรู้การปรับตัวเข้าหากันในทุกๆ เรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างการเลือกช่องทีวีไปจนถึงเรื่องใหญ่ๆ อย่างการบริหารจัดการการเงินของครอบครัว
แน่นอนว่าชีวิตคู่ไม่ได้มีแต่ความหวานชื่นเสมอไป บางครั้งก็มีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้องปรับจูน เช่น การจัดสรรเวลาทำงานกับเวลาส่วนตัว หรือความเห็นที่ไม่ตรงกันบ้างในบางเรื่อง อย่างเช่น การจัดเรียงหนังสือในชั้น หรือการเลือกสีผ้าม่าน แต่ทั้งหมดก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการพูดคุยและทำความเข้าใจซึ่งกันและกันอย่างเปิดอก
บ่ายวันหนึ่ง อลิสากำลังจัดดอกไม้ในแจกันที่ตั้งอยู่บนโต๊ะกลางห้องนั่งเล่น เธอบรรจงจัดดอกลิลลี่สีขาวและดอกกุหลาบสีชมพูให้เข้ากันอย่างสวยงาม คีรินทร์ที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้อง เห็นภาพนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปโอบกอดเธอจากด้านหลัง
“หอมจังเลยครับ” คีรินทร์กระซิบข้างหูเธอ “ทั้งดอกไม้แล้วก็ลิซด้วย”
อลิสาหัวเราะเบาๆ “พี่คีก็ ชมอะไรก็ไม่รู้” เธอพูดพลางซบใบหน้ากับแขนของเขาที่โอบอยู่รอบเอว
พวกเขาใช้เวลาว่างในบ้านร่วมกันอย่างมีความสุข บางวันก็ช่วยกันทำความสะอาดบ้าน บางวันก็ปลูกต้นไม้ในสวนเล็กๆ หลังบ้าน อลิสาชื่นชอบการทำสวน ส่วนคีรินทร์ก็มักจะมาช่วยรดน้ำต้นไม้และพรวนดินให้เธอเสมอ
“พี่คีดูสิคะ ดอกไม้บานแล้ว” อลิสาชี้ไปที่ดอกทานตะวันที่เพิ่งผลิบานในสวนเล็กๆ ของพวกเขา
คีรินทร์ยิ้ม เขาเอื้อมมือไปจับมืออลิสาไว้แน่น “เหมือนความรักของเราเลยนะลิซ ที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นทุกวัน”
ในคืนวันหยุด พวกเขามักจะดูหนังด้วยกันบนโซฟาตัวใหญ่ในห้องนั่งเล่น อลิสาจะซบหน้ากับอกของคีรินทร์ ส่วนเขาก็จะโอบกอดเธอไว้หลวมๆ คอยลูบผมเธอเบาๆ ตลอดเวลา ฉากจบของหนังโรแมนติกที่กำลังฉายอยู่บนจอ ทำให้อลิสาน้ำตาคลอ
คีรินทร์เห็นดังนั้นก็ก้มลงจูบหน้าผากของอลิสาอย่างอ่อนโยน “ร้องไห้อีกแล้วเหรอลิซ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเอ็นดู “หนังมันเศร้าขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“ก็มันซึ้งนี่คะ” อลิสาตอบพลางซุกหน้ากับอกเขาแน่นขึ้น
คีรินทร์ยิ้ม เขากอดเธอแน่นขึ้นอีก “ไม่ต้องกลัวนะครับ พี่จะอยู่ข้างๆ ลิซเสมอ พี่จะไม่มีวันทำให้ลิซเสียใจเด็ดขาด”
การใช้ชีวิตคู่ทำให้อลิสาและคีรินทร์ได้เรียนรู้บทเรียนใหม่ๆ ในทุกๆ วัน พวกเขาเรียนรู้ที่จะประนีประนอม เรียนรู้ที่จะให้อภัย และเรียนรู้ที่จะเติบโตไปพร้อมๆ กัน
วันหนึ่ง อลิสากลับจากทำงานด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า เธอมีเรื่องไม่สบายใจที่ออฟฟิศ คีรินทร์เห็นดังนั้นก็รีบเดินเข้ามาหา
“เป็นอะไรไปครับลิซ ดูเหนื่อยๆ นะ” คีรินทร์ถามด้วยความเป็นห่วง
อลิสาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง คีรินทร์รับฟังเธออย่างตั้งใจ และให้คำแนะนำที่ดีเสมอ เขาคอยปลอบโยนและให้กำลังใจเธออยู่เสมอ ทำให้อลิสารู้สึกโล่งใจและมีพลังที่จะสู้ต่อไป
“ขอบคุณนะคะพี่คี ที่อยู่ข้างๆ ลิซเสมอ” อลิสาพูดพร้อมกับสวมกอดเขาไว้แน่น
“พี่ก็จะอยู่ข้างๆ ลิซแบบนี้ไปตลอดแหละครับ” คีรินทร์ตอบด้วยความจริงใจ
พวกเขาช่วยกันสร้างกฎเล็กๆ น้อยๆ ในบ้าน เช่น การผลัดกันทำอาหาร การช่วยกันล้างจาน หรือการแบ่งหน้าที่รับผิดชอบงานบ้านต่างๆ เพื่อให้การใช้ชีวิตร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่นและมีความสุข
ทุกคืนก่อนนอนคีรินทร์จะกอดอลิสาไว้แน่น และจูบที่หน้าผากของเธอเสมอ มันเป็นกิจวัตรเล็กๆ ที่แสดงออกถึงความรักและความผูกพันที่ลึกซึ้งในชีวิตคู่ที่เพิ่งเริ่มต้น
“ฝันดีนะครับลิซ” คีรินทร์กระซิบ
“ฝันดีค่ะพี่คี” อลิสาตอบ
บ้านหลังใหม่ของอลิสาและคีรินทร์ไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นสัญลักษณ์ของความรัก ความผูกพัน และอนาคตที่สดใสที่พวกเขากำลังจะสร้างขึ้นด้วยกัน มันคือ "บ้านของเรา" ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ความเข้าใจ และความสุขในทุกๆ วัน
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่