ชีวิตคู่ของอลิสาและคีรินทร์ดำเนินไปอย่างมีความสุขในบ้านหลังใหม่ที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่น พวกเขาค่อยๆ เรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับนิสัยส่วนตัวของกันและกันในทุกๆ วันที่ผ่านไป แม้จะมีบางมุมที่แตกต่างกันบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะทั้งคู่พร้อมที่จะทำความเข้าใจและยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นเสมอ
อลิสาเป็นคนละเอียดอ่อนและชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อย ในขณะที่คีรินทร์เป็นคนง่ายๆ สบายๆ บางครั้งก็เผลอวางของไม่เป็นที่บ้าง แต่ทุกครั้งที่อลิสาเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คีรินทร์ก็จะรีบปรับตัวและจัดเก็บให้เข้าที่ทันที เขาไม่อยากให้เรื่องเล็กๆ น้อยๆ มาบั่นทอนความสุขของเธอ
“พี่คีคะ แก้วกาแฟวางไว้ตรงนี้อีกแล้วนะคะ” อลิสาพูดพร้อมกับหยิบแก้วไปเก็บในครัว
คีรินทร์เดินตามมาโอบกอดเธอจากด้านหลัง “ขอโทษครับลิซ พี่เผลออีกแล้ว” เขาก้มลงหอมแก้มเธอเบาๆ “ให้พี่ล้างจานชดเชยไหมครับ”
อลิสายิ้ม “ก็ได้ค่ะ”
การช่วยเหลือกันในเรื่องงานบ้านเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ชีวิตคู่ของพวกเขาราบรื่น คีรินทร์จะรับหน้าที่ล้างจานในตอนเย็นเสมอ ส่วนอลิสาก็จะรับผิดชอบการทำความสะอาดบ้านและดูแลต้นไม้ในสวน คีรินทร์มักจะแอบมาช่วยอลิสารดน้ำต้นไม้ในตอนเช้า บางครั้งก็แกล้งหยอกเธอด้วยการฉีดน้ำใส่เบาๆ จนอลิสาต้องหัวเราะออกมา
“พี่คี! เล่นอะไรเนี่ย!” อลิสาแกล้งทำเสียงดุ แต่รอยยิ้มก็ประดับอยู่บนใบหน้าของเธอ
คีรินทร์หัวเราะชอบใจ แล้วเดินเข้ามาใกล้ โอบกอดเธอจากด้านหลังแล้วหอมแก้มอีกครั้ง “เป็นการขอบคุณที่ดูแลต้นไม้ของเราไงครับ”
ทุกเช้าก่อนไปทำงาน อลิสาจะเตรียมชุดทำงานให้คีรินทร์อย่างพิถีพิถัน เธอจะเลือกเนคไทที่เข้ากับเสื้อเชิ้ต และจัดวางทุกอย่างให้เรียบร้อยบนเตียง คีรินทร์มักจะตื่นขึ้นมาเห็นภาพนั้นเสมอ และรอยยิ้มก็จะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที
“ขอบคุณนะครับลิซ” คีรินทร์พูดพลางเดินเข้าไปกอดเธอแน่นก่อนออกไปทำงาน เขาจะซบหน้าลงกับไหล่ของเธอ สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ จากตัวเธอ แล้วจูบที่หน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน “ขับรถดีๆ นะคะ” อลิสาบอก
“ครับ” คีรินทร์ตอบรับ แล้วเดินออกไปพร้อมรอยยิ้มและความอบอุ่นในใจ
พวกเขาช่วยเหลือกันในเรื่องงานด้วยเช่นกัน อลิสามักจะปรึกษาคีรินทร์เรื่องงานที่ออฟฟิศเมื่อเธอมีปัญหา คีรินทร์ก็จะให้คำแนะนำที่ดีและช่วยแก้ปัญหาให้เธอเสมอ ส่วนคีรินทร์เองก็มักจะให้อลิสาช่วยตรวจสอบเอกสารสำคัญก่อนที่จะส่งให้ลูกค้า เพราะเขาเชื่อมั่นในความละเอียดรอบคอบของเธอ
การใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันทำให้ความรักของอลิสาและคีรินทร์ยิ่งเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน พวกเขาได้เรียนรู้ที่จะเป็นทั้งคนรัก เพื่อนคู่คิด และกำลังใจให้กันและกันในทุกสถานการณ์
ในยามเย็นหลังกลับจากทำงาน พวกเขามักจะนั่งคุยกันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน คีรินทร์จะคอยรับฟังเรื่องราวของอลิสาอย่างตั้งใจ ส่วนอลิสาก็จะให้กำลังใจและสนับสนุนคีรินทร์ในทุกเรื่องที่เขาทำ
“วันนี้พี่มีประชุมเยอะเลยครับลิซ เหนื่อยมาก” คีรินทร์พูดพร้อมกับเอนตัวซบกับไหล่ของอลิสาขณะที่พวกเขากำลังนั่งดูทีวีด้วยกัน
อลิสาลูบผมเขาเบาๆ “พักผ่อนเยอะๆ นะคะพี่คี เดี๋ยวลิซนวดให้”
ทุกๆ กิจกรรมที่ทำร่วมกัน ไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหน ก็ล้วนเต็มไปด้วยความรักและความสุขของอลิสาและคีรินทร์ พวกเขามักจะไปทานอาหารค่ำนอกบ้านด้วยกันในคืนวันศุกร์ หรือไปเดินเล่นในสวนสาธารณะในวันหยุดสุดสัปดาห์
วันหนึ่ง พวกเขากำลังเดินเล่นอยู่ในสวนสาธารณะ คีรินทร์เดินจับมืออลิสาไว้แน่น เขามองไปรอบๆ สวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้นานาชนิด
“ลิซครับ” คีรินทร์พูดขึ้นมา “พี่มีความสุขจังเลยครับที่ได้ใช้ชีวิตแบบนี้กับลิซ”
อลิสาเงยหน้ามองเขา แล้วยิ้ม “ลิซก็เหมือนกันค่ะพี่คี ขอบคุณนะคะที่เข้ามาในชีวิตลิซ”
คีรินทร์ดึงอลิสาเข้ามากอด เขาจูบหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน “พี่รักลิซนะครับ”
“ลิซก็รักพี่คีค่ะ” อลิสาตอบกลับ
ความรักของพวกเขาเปรียบเสมือนบทเพลงแห่งความสุขที่บรรเลงขึ้นในทุกๆ วัน เป็นบทเพลงที่มีท่วงทำนองที่งดงามและอบอุ่น เต็มไปด้วยความเข้าใจ การยอมรับ และการดูแลเอาใจใส่กันและกัน การปรับตัวในชีวิตประจำวันไม่ได้เป็นอุปสรรค แต่กลับเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขามีความหมายและลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น
พวกเขารู้ว่าชีวิตคู่ยังต้องเจอเรื่องราวอีกมากมายในอนาคต แต่ตราบใดที่มีกันและกันอยู่ข้างๆ มีความรักและความเข้าใจเป็นรากฐาน พวกเขาก็พร้อมที่จะก้าวผ่านทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยกันอย่างมีความสุข
ตอนพิเศษ งานวิวาห์ของธาราและอิงดาวเสียงดนตรีไทยบรรเลงอย่างไพเราะเสนาะหู กลิ่นหอมของดอกมะลิและดอกกล้วยไม้ลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณเรือนไทยโบราณที่ถูกประดับประดาอย่างงดงามด้วยผ้าไหมสีทองและดอกไม้นานาพันธุ์ แสงแดดยามเช้าสาดส่องลงมากระทบกับเครื่องประดับทองคำที่เจ้าสาวสวมใส่ ส่องประกายเป็นประกายระยิบระยับวันนี้เป็นวันสำคัญ วันที่หัวใจสองดวงจะผูกพันกันชั่วนิรันดร์ วันวิวาห์ของธาราและอิงดาวหลังจากที่ทั้งคู่ตัดสินใจเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงที่มีต่อกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความกังวลของครอบครัว ความไม่เข้าใจของคนรอบข้าง และแรงกดดันจากขนบธรรมเนียมประเพณีคีรินทร์และอลิสาพ่อแม่ของธารา รู้สึกประหลาดใจและกังวลใจอย่างมากเมื่อลูกชายสารภาพว่าเขารักอิงดาวเกินกว่าคำว่าน้องสาว“ธาราลูก ลูกแน่ใจหรือ” อลิสาถามด้วยน้ำเสียงกังวลใจในวันนั้น “อิงดาวเป็นลูกพี่ลูกน้องของเรานะลูก”คีรินทร์เองก็เสริม “เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนนะลูก มันอาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่สบายใจกับครอบครัวเราได้”ทางด้านมิ้นท์และปกรณ์ พ่อแม่ของอิงดาว ก็รู้สึกไม่ต่างกันนัก โดยเฉพาะมิ้นท์ที่เป็น
ตอนที่ 131 ธาราสารภาพรักอิงดาว (ตอนจบ)สายลมยามค่ำคืนในกรุงเทพฯ พัดเอื่อยๆ เข้ามาในห้องนั่งเล่นที่เงียบสงบของธารา แสงไฟจากโคมไฟหัวเตียงสลัวๆ ส่องกระทบกับใบหน้าของธาราและอิงดาวที่นั่งอยู่บนโซฟาตรงข้ามกัน บรรยากาศเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจของทั้งคู่ที่ได้ยินหลังจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจเริ่มคลี่คลาย และอิงดาวได้ยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ไปแล้ว ความใกล้ชิดระหว่างธาราและอิงดาวก็เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น สัญญาณจากใจที่ทั้งคู่ส่งออกมาเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ แต่กำแพงที่มองไม่เห็นของความเป็นลูกพี่ลูกน้องก็ยังคงกั้นขวางอยู่วันนี้หลังจากที่พวกเขาเพิ่งกลับจากการทานอาหารค่ำด้วยกัน ธารารู้สึกว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะพูดความในใจออกไป เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถเก็บงำความรู้สึกนี้ไว้ได้อีกต่อไปแล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็พร้อมที่จะเผชิญหน้าธาราสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่เขามี“อิงดาวครับ พี่มีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับอิงดาว” ธารากล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังจนอิงดาวรู้สึกได้อิงดาวหันมามองธารา ใบหน้าข
ตอนที่ 130 สัญญาณจากใจหลังจากอิงดาวยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอกลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ยังคงใช้เวลาอยู่กับธารามากขึ้น พวกเขาทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกันบ่อยขึ้น ความรู้สึกระหว่างธาราและอิงดาวเริ่มเปลี่ยนไปอย่างละเอียดอ่อน มีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ภายในใจของทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นการมองตาที่ยาวนานกว่าปกติ การสัมผัสกันโดยบังเอิญที่ทำให้ใจเต้นแรง หรือบทสนทนาที่ลึกซึ้งเกินกว่าความเป็นพี่น้อง ธารายังคงไม่กล้าสารภาพความรู้สึกที่แท้จริงออกไป แต่อิงดาวเองก็เริ่มรู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไปในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสอง บทสรุปของตอนนี้จะทิ้งท้ายไว้ให้ผู้อ่านลุ้นว่าความสัมพันธ์ของธาราและอิงดาวจะก้าวไปในทิศทางใดต่อไปในอนาคตสายลมยามเย็นพัดโชยอ่อนเข้ามาในระเบียงคอนโดมิเนียมของธารา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับราวกับดวงดาวบนผืนฟ้า อิงดาวนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้หวายตัวโปรดของธารา ส่วนธารากำลังง่วนอยู่กับการจัดเตรียมอาหารว่างเล็กๆ น้อยๆ หลังจากการทำงานร่วมกันอย่างหนักหน่วงเพื่อแก้ไขวิกฤตการณ์ทางธุรกิจของ ‘มั่งคั่งแลนด์’ บรรยากาศเงียบสงบและผ่อนคลาย
ตอนที่ 129 ความรักที่ต้องเลือกอิงดาวเริ่มทบทวนความสัมพันธ์กับพฤกษ์ เธอตระหนักว่าพฤกษ์อาจไม่ใช่คนที่เธอต้องการจริงๆ ในยามยาก และความรู้สึกที่เธอมีต่อพฤกษ์อาจเป็นเพียงความประทับใจชั่วคราว เธอตัดสินใจที่จะยุติความสัมพันธ์กับพฤกษ์ ทำให้ธารารู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่เขาก็ยังคงเก็บงำความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะยังคงสับสนกับกำแพงของความเป็นพี่น้องที่คอยกั้นขวางพวกเขาอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่ฝนตกหนัก เสียงฟ้าคำรามก้องสะท้อนความรู้สึกภายในใจของอิงดาวที่กำลังปั่นป่วน เธอทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นของเธอ ดวงตาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างที่มืดมิด มือถือวางคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ เธอไม่ได้แตะต้องมันเลยตลอดหลายชั่วโมงที่ผ่านมา เพราะเธอกำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตัวเองวิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาได้กลายเป็นบททดสอบที่สำคัญสำหรับชีวิตของอิงดาว และรวมถึงความสัมพันธ์ของเธอกับพฤกษ์ด้วย ในช่วงที่เธอต้องเผชิญกับความยากลำบากที่สุด พฤกษ์ไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคาดหวังเธอจำได้ว่าเธอเคยรู้สึกประทับใจในตัวพฤกษ์มากแค่ไหน เขาเป็นคนฉลาด มีเสน่ห์ มีความมั่นใจ และดูเหมือนจะเข้าใจเธอในหลายๆ เรื่อง แต่เมื่อวิก
ตอนที่ 128 เมื่ออิงดาวต้องการที่พึ่งจากวิกฤตการณ์ทางธุรกิจ อิงดาวรู้สึกท้อแท้และเปราะบางมาก เธอเริ่มรู้สึกว่าพฤกษ์ไม่ได้ให้กำลังใจเธอเท่าที่ควร หรือไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังเผชิญหน้า อิงดาวหันมาพึ่งพาธารามากขึ้นเธอระบายความในใจและความกังวลให้กับธาราฟัง ธารารับฟังด้วยความเข้าใจและให้กำลังใจน้องสาวอย่างเต็มที่ เขากอดอิงดาวแน่นเพื่อปลอบประโลม เมื่ออิงดาวได้อยู่ในอ้อมกอดของธารา เธอกลับรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ธาราเองก็รู้สึกเจ็บปวดที่เห็นอิงดาวเสียใจ แต่ก็มีความสุขที่ได้อยู่เคียงข้างเธอเสียงฝนพรำนอกหน้าต่างห้องทำงานของอิงดาวในค่ำคืนที่เงียบสงัด สะท้อนกับหยาดน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตาของเธอ รายงานตัวเลขผลประกอบการที่แสดงถึงการขาดทุนอย่างต่อเนื่องวางแผ่บนโต๊ะ เหมือนเป็นกระจกสะท้อนความรู้สึกท้อแท้และเปราะบางในใจของเธอ วิกฤตการณ์ทางธุรกิจที่ถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน ทำให้อิงดาวรู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงสู่ก้นบึ้งของความสิ้นหวังเธอพยายามที่จะเข้มแข็ง พยายามที่จะยิ้มและให้กำลังใจทีมงาน แต่ลึกๆ แล้ว เธอกำลังรู้สึกโดดเดี่ยวและเหนื่อยล้าเกินกว่าจะรับไหว เธอพยายามโทรหาพฤกษ์
ตอนที่ 127 โอกาสที่ใกล้ชิดเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ในวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ธุรกิจของอิงดาวได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ธาราในฐานะพี่ชายและผู้บริหารที่มีประสบการณ์ตัดสินใจเข้ามาช่วยเหลืออิงดาวอย่างเต็มที่ พวกเขาต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อแก้ไขปัญหา วิกฤตการณ์นี้กลายเป็นโอกาสที่ทำให้ธาราและอิงดาวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น และได้เห็นความสามารถและความมุ่งมั่นของกันและกันอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ธารารู้สึกดีใจที่ได้อยู่เคียงข้างอิงดาวในยามยาก แต่ก็เจ็บปวดที่ต้องเห็นอิงดาวเสียใจจากปัญหาที่เกิดขึ้นเช้าวันหนึ่ง ท้องฟ้ากรุงเทพฯ ดูจะมืดครึ้มกว่าปกติ คล้ายกับเมฆหมอกที่ปกคลุมบรรยากาศในวงการอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับพายุลูกใหญ่ ข่าวใหญ่พาดหัวตามหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ข่าวธุรกิจ: “เศรษฐกิจโลกชะลอตัวหนัก ส่งผลกระทบตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์” “ธนาคารเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ ผู้ซื้อชะลอการตัดสินใจ”มาตรการที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยรวม และแน่นอนว่า ‘มั่งคั่งแลนด์’ ของอิงดาวก็ได้รับผลกระทบอย่างจัง โครงการที่กำลังพัฒนาหลายแห่