ตอนที่ 2 การันต์
ดวงตาที่หนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้น เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ก็รู้ได้ทันทีว่าที่นี่คือในห้องของโรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง แสงนวล ๆ สาดผ่านผ้าม่านบาง ๆ จากริมหน้าต่าง หูของเธอยังอื้อเล็กน้อย ดวงตายังพร่ามัว จากความรู้สึกแสบร้อน
เพลงรักมองซ้าย มองขวาก่อนจะเห็นว่าข้าง ๆ เตียงนั้นมีผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เธอจ้องมองใบหน้าของเขาถึงพบว่าเขาหลับตาพริ้ม มุมปากมีรอยเหยียดยิ้มนิด ๆ แวววาวด้วยเสน่ห์แบบผู้ชายคูล ๆ
กลิ่นน้ำหอมที่ดูหรูหราจาง ๆ ลอยแตะจมูก ทำให้หัวใจของเพลงรักเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอยังคงจ้องมองใบหน้าคมคายของผู้ชายข้างเตียง กวาดสายตามองรูปทรงจมูกที่โด่งเป็นสัน ไล่สายตามองคิ้วหนาสีดำธรรมชาติแบบไม่ต้องปรุงแต่ง ริมฝีปากที่น่าดึงดูดสีแดง แม้จะมีติดคล้ำเล็กน้อยแต่ก็ยังดูดีมาก ๆ
หญิงสาวพยายามขยับตัวเพื่อจะลุกขึ้น แต่ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่เป็นใจ ความรู้สึกเจ็บช้ำตามร่างกาย แล่นแปล๊บเข้ามา ทำให้เธอนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกสุดท้ายที่จำได้คือเธอหน้ามืดก่อนจะเซออกไปกลางถนน
'นี่ฉันล้มไปชนรถเขาพังหรือเปล่าเนี่ย.. ไม่ใช่ว่าเขาอยู่รอเรียกค่าเสียหายจากเราหรอกใช่ไหมนะ'
ในขณะที่เพลงรักกำลังถกเถียงกับตัวเองอยู่ในใจ สายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปจ้องมองใบหน้าของเขาอีกครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะความหล่อเหลาของผู้ชายคนนี้ หรือเพราะในชีวิตนี้ของเธอยังไม่เคยเจอใครที่น่าดึงดูดเช่นเขามาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่เธอมั่นใจก็คือผู้ชายคนนี้ดูดีมากจริง ๆ
“จ้องขนาดนี้ ไม่เข้ามาสิงฉันเลยล่ะ” เสียงนุ่มทุ้มชวนฝันของผู้ชายตรงหน้าดังขึ้น ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ลืมตา ใช้สายตาคมกริบเหลือบมองเธอช้า ๆ แต่เพียงแค่สบตาก็ทำให้เพลงรักถึงกับชะงัก หัวใจดวงน้อยเต้นรัวราวกับรัวกลอง
“คะ.. คุณ!” เขาหันมามองใบหน้าของเธอ ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงต่ำ
“ทำไม! เห็นฉันแล้วเป็นใบ้เลย!? หรือว่าติดอ่าง!?” เธอทั้งกลัวทั้งตกใจ ก่อนจะละล่ำละลักเอ่ยขอโทษที่เสียมารยาท
“ขอโทษนะคะที่เสียมารยาท!” เธอพูดพร้อมกับก้มหน้าลงเพราะความเขินอาย ใบหน้ารู้สึกร้อนวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก แต่ด้านชายหนุ่มกลับยืนนิ่งราวกับเป็นเรื่องที่เขาชินชา ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นมาแล้วใช้นิ้วดีดหน้าผากเธอไม่ทันได้ตั้งตัว
“โอ๊ย!” เพลงรักสะดุ้งก่อนจะปัดมือเขาออกแทบจะทันที ก่อนจะได้สติว่าทำอะไรลงไป ใจเธอก็ไม่อยากให้เป็นแบบนี้แต่ร่างกายกลับมีปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติ
“คะ.. ขอโทษค่ะ ฉัน.. ฉันไม่ได้ตั้งใจค่ะ คุณ.. คุณชื่ออะไรคะ?”
“ถามทำไม!?” แต่นอกจากเขาจะไม่ตอบคำถามของเธอแล้ว การันต์กลับหันมาจ้องหน้าเพลงรักนิ่งราวกับกำลังสแกนจับผิดอะไรบางอย่าง
“ก็.. ก็คุณพาฉันมาส่งโรงพยาบาล แค่อยากขอบคุณเฉย ๆ ค่ะ ถ้าคุณไม่สะดวกไม่เป็นอะไร” เพลงรักรีบพูดเพื่อไม่ให้เขาเข้าใจผิด ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกอึดอัดกับสายตาที่เขามองมาแบบนั้น แต่อีกใจหนึ่งกลับมีความรู้สึกบางอย่างกำลังก่อตัวขึ้น
“หึ!! งั้นเหรอ” เขาตอบออกมาเสียงเย็น ๆ ก่อนจะดันตัวเองไปพิงเก้าอี้นั่งตัวตรงแล้วยกแขนขึ้นมากอดอก และเป็นเหมือนบทสนทนาที่ถูกตัดขาด เพราะเพลงรักเองก็ไม่รู้ว่าในเวลานี้เขากำลังคิดอะไรอยู่
“การันต์” แต่ผ่านไปเพียงไม่ถึง 5 นาทีที่ทั้งสองคนนั่งเงียบอยู่ในห้อง ก็เป็นชายหนุ่มตรงหน้าที่เอ่ยปากขึ้นมาดื้อ ๆ เพลงรักหันไปมองหน้าเขาทันที ก็เห็นว่าเขานั้นจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว
“แล้วคุณ.. เอ่อ.. คุณเป็นใครคะ” เธอถามต่อด้วยเสียงสั่น ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนี้จะหล่อมาก แต่ดูเหมือนคำพูดและสายตาของเขาจะไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่
“คนที่เธอวิ่งมาตัดหน้ารถไง” การันต์พูดออกมาแทบจะทันทีที่เธอถามจบ น้ำเสียงของเขาแฝงความรำคาญอย่างปิดไม่มิด
“อยากตายหรือไง! วิ่งออกมาไม่ดูตาม้าตาเรือ!”
“หนู.. หนูไม่ได้ตั้งใจวิ่งออกไป และก็ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดอุบัติเหตุด้วย ขอโทษนะคะ”
“หึ!! ไม่ได้ตั้งใจจริงเหรอ ไม่ใช่ว่าวิ่งมาตัดหน้าเพื่อจะเรียกร้องค่าเสียหายหรอกเหรอ” ชายหนุ่มพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงไปด้วยแรงกดดัน เพราะสายตาของเขานั้นจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเพลงรักไม่กะพริบ
“ฟื้นแล้วเหรอ” แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบอะไร ประตูหน้าห้องพักผู้ป่วยก็เปิดออก พร้อมกับร่างของผู้ชายที่หล่อเหลาไม่แพ้คนตรงหน้าเอ่ยถามอย่างคนที่ดีใจ
สองเท้าของชายหนุ่มผู้นั้นก้าวเข้ามาใกล้เตียงของเธอ พร้อมกับฉีกยิ้มมาให้อย่างอบอุ่นและปลอดภัย และนั่นจึงทำให้เพลงรักเผลอยิ้มตอบอย่างไม่รู้ตัว
“เป็นยังไงบ้าง คุณรู้สึกดีขึ้นไหม?” นอกจากใบหน้าของเขาที่ดูใจดีแล้ว ความรู้สึกของเธอเวลาที่ได้ฟังน้ำเสียงนี้กลับรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันไม่ถึง 1 นาที จะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยมากกว่าคนที่อยู่กับเธอมาครึ่งชีวิตเสียอีก
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ ขอบคุณทั้งคุณที่ดูใจดีและคุณ..” ในตอนที่เอ่ยขอบคุณสายตาของเพลงรักเหลือบมองผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเตียงเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะดูไม่ได้สนใจอะไรเธอสักเท่าไหร่ แต่สำหรับเพลงรักแล้วกลับรู้สึกเกร็งไม่น้อย
“เอ่อ.. ขอบคุณคุณการันต์ด้วยนะคะ ขอบคุณจริง ๆ ตอนนี้หนูรู้สึกโอเคขึ้นมากแล้ว ถ้าคุณมีธุระสามารถกลับก่อนได้เลยนะคะ หนูไม่เป็นไร”
“ราเชนทร์” เธอเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ท่าทางใจดีด้วยสีหน้าฉงน ก่อนจะถึงบางอ้อแล้วพยักหน้าตอบด้วยความเข้าใจ
“เพลงรักค่ะ” ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เกิดในตระกูลที่ดี แต่ก็พอรู้เรื่องมารยาทอยู่บ้าง หากมีใครเอ่ยชื่อของเขาให้เรารู้จัก เราก็ควรเอ่ยชื่อของเราตอบเพื่อไม่ให้เสียมารยาท
“เธอแน่ใจเหรอ?” แต่ยังไม่ทันที่ทั้งสองคนจะได้พูดอะไรกันมากกว่านั้น เสียงของการันต์ก็ดังขึ้นแบบเย็นยะเยือก
“ก็ดี! ถ้าเธอจะให้เรากลับก็ได้แล้วก็รักษาตัวเองให้มันดี ๆ อย่าเที่ยวไปวิ่งชนรถใครอีก มันเสียเวลาคนอื่นเขา” การันต์พ่นคำพูดออกมายาวเหยียด ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทันทีที่เพลงรักเห็นความสูงของเขาก็ต้องตกใจ เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นผู้ชายที่สูงเท่าเขามาก่อน
“ว่าไง! แน่ใจใช่ไหม” และไม่รู้ว่าเพราะเธอจ้องเขานานเกินไปหรือเปล่า ถึงทำให้ผู้ชายตรงหน้าดีดหน้าผากเธอเพื่อเรียกสติอีกครั้งแล้วถามย้ำ
“ค่ะ.. แน่ใจค่ะ เอ่อ..” แต่ก็เหมือนเพิ่งนึกอะไรออก เธอตอบแบบอ้ำอึ้งก่อนจะกวาดสายตามองในห้องพักไข้นี้ช้า ๆ ก่อนจะหันมาสบตากับชายหนุ่มอีกครั้ง
“เอ่อ.. โรงพยาบาลนี้คือโรงพยาบาลอะไรเหรอคะ” สิ่งที่เธอลืมไปเสียสนิทก็คือตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอนั้นไม่มีอะไรเลย ในตอนที่เธอวิ่งหนีพ่อเลี้ยงกับแม่แม้แต่กระเป๋าก็ไม่ได้หยิบมา แต่ถึงหยิบมาก็คงใช้อะไรไม่ได้เพราะในกระเป๋านั้นไม่เหลือเงินเลยสักบาท
“ไม่ต้องกังวล ฉันเลือกโรงพยาบาลที่ดีที่สุด เลือกหมอชั้นนำมาตรวจให้เธอด้วย อาการนี้นอนพักที่นี่ 1 คืนก็พอ”
“ค่ารักษาพยาบาล.. เท่าไหร่คะ” เธอถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ ในตอนที่เขาบอกว่าเลือกโรงพยาบาลที่ดีที่สุด หรือแม้กระทั่งแค่ตรวจอาการยังเลือกหมอชั้นนำ ถ้าเป็นอย่างที่เธอคิดนี่ไม่ใช่ว่าเขากำลังขุดหลุมฝั่งเธอไว้ที่นี่เหรอ
“ค่าแอดมิดที่นี่คืนละ 50,000 บาท” การันต์มองหน้าเพลงรักและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ
“ห้าหมื่น!!!” ทันทีที่ได้ยินตัวเลข เธอก็ตกใจพร้อมกับตะโกนออกมาด้วยใบหน้าเหลอหลา มั่นใจได้เลยว่านาทีนี้สีหน้าของเธอคงซีดกว่าเดิมแน่
และทันทีที่ได้สติมือเล็ก็ยกขึ้นมาเตรียมถอดสายน้ำเกลือแทบจะทันที เพราะมั่นใจได้เลยว่าเธอไม่มีปัญญาจ่ายค่ารักษาพยาบาลแน่ แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ถอดสายน้ำเกลือออกการันต์ที่ไวกว่าเอื้อมมากระชากแขนเธอเอาไว้
“ตลกสิ้นดี! เธอคิดว่าแค่ถอดมันออกแล้ววิ่งหนีไปเขาจะไม่คิดเงินเหรอ?”
“แต่ว่าแพงขนาดนั้น หนูไม่มีปัญญาจ่ายหรอก”
“ไม่มีเงินก็อยู่นิ่ง ๆ”
ตอนที่ 10 ลงโทษพูดจบชายหนุ่มได้ใช้อีกมือกระชากแขนของเพลงรัก ก่อนจะผลักเธอล้มลงบนโซฟา มือหนาแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองทีละเม็ดจนเผยให้เห็นแผ่นอก ก่อนที่เขาจะโยนเสื้อเหล่านั้นทิ้งไปอย่างไม่ไยดีไม่เพียงเท่านั้น ชายหนุ่มยังรีบร้อนปลดเข็มขัดออกพร้อมทั้งงัดความเป็นตัวตนที่ตื่นขึ้นออกมาชมโลกกว้าง เมื่อครั้งนั้นหญิงสาวไม่ทันได้เห็นตัวตนของเขาได้ชัดเจน แต่ครั้งนี้ทันทีที่สายตาของเธอจับจ้องมองความเป็นชาย ดวงตาของเธอก็ต้องเบิกโพลงความเป็นตัวตนที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้กางเกงตัวใหญ่ มันทำให้เธอปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเจ้าสิ่งนั้นมันช่างใหญ่โตกว่าที่เธอคิดเอาไว้มากแต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้หายตกใจ ชายหนุ่มกลับเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะจับหัวของเธอเข้าไปใกล้จนริมฝีปากสัมผัสกับสิ่งนั้น“อม!!” การันต์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด มือหนากดศีรษะของเธอเข้าไปใกล้จนริมฝีปากนั้นอ้าออกแล้วครอบครองแท่งเนื้ออย่างช่วยไม่ได้เพลงรักที่ยังไม่ประสีประสาเรื่องนี้ กลับถูกเขาชักจูงจนเธอพอจะจับทางได้ ริมฝีปากหวานขยับเข้าออกเป็นจังหวะ สลับกับใช้ลิ้น เล็ก ๆ นั้นห
ตอนที่ 9 เธอเป็นสิ่งของของฉันเสียงกระจกไฟฟ้าถูกเลื่อนขึ้นหลังจากลูกน้องคนสนิทถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด ภายในรถยนต์หรูที่กำลังจอดสนิทอยู่หน้ามหาวิทยาลัยนั้น มีสายตาคมกริบมองจ้องภาพของหญิงสาวที่เขารู้จักดีกำลังยิ้มมีความสุขให้กับผู้ชายคนอื่น ทั้งสองจับมือกันด้วยท่าทางสนิทสนมก่อนจะพากันเดิมข้ามถนนเข้าไปในมหาลัยการันต์ยังคงจ้องมองทั้งสองอยู่แบบนั้นไม่แม้แต่จะขยับตัวหรือพูดอะไรออกมาเลยสักนิด สายตาของเขายังเอาแต่จดจ้องผ่านบานกระจกใสไปยังร่างของเพลงรัก หญิงสาวที่เพิ่งอ้าขาให้เขาเมื่อคืน เสียงหวานที่ครวญครางใต้ร่างเขายังจดจำได้ดี แต่บัดนี้เธอกลับกำลังดูมีความสุขกับคนอื่น“หึ! นี่เหรอคนใสซื่อ ที่แท้ก็ร่านไม่เบา” น้ำเสียงของการันต์คำรามต่ำลอดไรฟัน ก่อนจะหันไปพูดกับราเชนทร์ด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด“หึ! ถ้าร้านเล็ก ๆ หน้ามหาลัยนั่นมันทำให้เธอมีความสุขขนาดนั้น ก็ไปทำให้มันหายไปซะ!”“ครับ!” ราเชนทร์ตอบรับคำสั่งผู้เป็นนายโดยไม่ถามเหตุผลเลยแม้แต่คำเดียว“แล้วไอ้ผู้ชายนั่นให้ทำยังไงครับเฮีย” ราเ
สิ้นสุดคำพูดของเธอ ชายหนุ่มได้ตวาดเสียงดังลั่นจนหญิงสาวสะดุ้งและทรุดตัวลงพร้อมกับร้องไห้“เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบคนล้ำเส้น นับจากวันนี้ไปเราสองคนไม่มีอะไรต่อกันอีก”“พี่กรณ์จะทิ้งอินเหรอ! พี่ได้อินแล้วจะทิ้งอินเหรอ! อินไม่ยอมหรอกนะ!” เพลงรักยืนมองภาพตรงหน้าด้วยความตกใจ สำหรับเธอแล้วไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้เดือดดาลขนาดนี้มาก่อน ดวงตาสวยยังคงจ้องมองภาพของกรณ์ที่นั่งลงช้า ๆ ใช้มือเชยคางหญิงสาวขึ้นมา รอยยิ้มที่เขาส่งไปให้ดูน่าขนลุก ก่อนจะเห็นว่าเขาเลื่อนใบหน้าไปกระซิบข้างหูของเธอแม้ว่าเพลงรักจะไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร แต่หลังจากนั้นหญิงสาวก็ทุบหน้าอกเขารัว ๆ ด้วยความไม่พอใจ และก็เป็นกรณ์ที่ลุกขึ้นก่อน และยืนปล่อยให้หญิงสาวนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้หันไปสนใจอะไรเธออีกในตอนนั้นเป็นจังหวะเดียวกับที่ชายหนุ่มหันมาเห็นเพลงรักที่กำลังมองอยู่พอดี และทันทีที่เขาเห็นเธอใบหน้าเมื่อครู่ที่เรียบเฉยดุดันก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มหวานแบบที่เธอเห็นเป็นประจำทันทีหญิงสาวเองก็ยิ้มตอบกลับ แม้ในใจจะรู้สึกกระอักกระอ่วนเพราะไม่สามารถสลัดภาพที่เธอเห็นเมื่อครู่
ตอนที่ 8 ผู้ชายที่ดีที่สุดการันต์ขับรถออกจากเพนต์เฮ้าส์อย่างใจเย็น แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความรู้สึกสับสนบางอย่าง ร่างกายที่เครียดตึงด้วยอารมณ์ปรารถนาเมื่อครู่เริ่มผ่อนคลายลงอย่างมาก แต่สิ่งที่เข้ามาทำให้ใจเขาเกือบสั่นนั้นคือความรู้สึกแปลก ๆ ที่ก่อตัวขึ้นในอกข้างซ้าย ชายหนุ่มเหยียบคันเร่งอย่างรวดเร็วไปยังคฤหาสน์ของตนเอง โดยพยายามสลัดความคิดที่ยุ่งเหยิงนั้นให้หลุดออกไป“ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว พอเบื่อก็เอาไปขาย จะคิดมากไปทำไมวะ”แสงแดดอ่อน ๆ ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามากระทบใบหน้าของเพลงรักจาง ๆ พอให้ช่วยปลุกเธอขึ้นมา หญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ก่อนที่ภาพความทรงจำเมื่อคืนก็ดูเหมือนจะทำงานได้เป็นอย่างดี วิ่งวนเข้ามาในหัวเธอราวกับกำลังตอกย้ำเหตุการณ์นั่นร่างบอบบางขยับลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะรู้สึกเจ็บปวดไปตามร่างกาย โดยเฉพาะในส่วนที่เธอรู้สึกว่ายังบอบช้ำมากที่สุด แม้จะเขินอายจนไม่กล้าจะนึกถึง แต่สุดท้ายเธอก็ต้องบังคับตัวเองลุกขึ้นจากเตียงหลังจากที่เธอยืนได้มั่นคงดีแล้ว เพลงรักได้หันกลับไปดึงผ้าห่มบนที่นอนออก ดวงตาหวานจ้องมองผ้าปูที่นอนที่เลอะคร
ตอนที่ 7 เทสต์ของหลังจากที่การันต์เหยียบคันเร่งรถสปอร์ตมิดไมล์ เขามาถึงโรงแรมได้ในเวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ชายหนุ่มเดินขึ้นไปยังเพนต์เฮาส์ของตนเองด้วยความเร่งรีบ ก่อนจะใส่รหัสแล้วเปิดประตูเข้าไปในเวลาต่อมาทันทีที่ประตูถูกเปิดออกไฟในห้องก็พร้อมเพรียงกันสว่างขึ้น การันต์กวาดตามองไปรอบ ๆ โซฟาตัวใหญ่ แต่กลับไม่เห็นว่าเพลงรักจะอยู่ตรงนั้น สองเท้ารีบก้าวเดินตรงไปยังตำแหน่งห้องนอน ก่อนจะลองขยับลูกบิดประตูและพบว่ามันไม่ได้ล็อกและทันทีที่เปิดเข้าไป แม้ว่าในห้องจะมืดมากแต่ก็ยังพอมีแสงนวล ๆ จากโคมไฟหัวเตียงให้ความสว่างอยู่บ้าง ทำให้ดวงตาคมเห็นภาพของเพลงรักที่นอนอยู่บนเตียงขนาดคิงไซต์ภายใต้ผ้าห่มผืนหนา การันต์ค่อย ๆ ปิดประตูอย่างเบามือที่สุดก่อนที่สองเท้าจะค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้เธอเงียบ ๆชายหนุ่มหยุดยืนอยู่ข้างเตียง เขาย่อลงแล้วค่อย ๆ สอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่มข้าง ๆ หญิงสาวที่นอนหลับอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว แม้แต่คนอื่นเดินเข้ามาใกล้เธอยังไม่ขยับ มีเพียงแค่ส่งเสียงอืออาเล็กน้อยทั้งที่ยังไม่ลืมตาการันต์ใช้มือข้างหนึ่งค่อย ๆ สอดเข้าไปใต้คอของเธ
ตอนที่ 6 ภาพติดตาเสียงประตูรถตู้ปิดดังสนั่น หลังจากที่การันต์ก้าวออกจากเพนต์เฮาส์เขาได้ทิ้งร่างเล็ก ๆ ของผู้หญิงที่เขาเพิ่งนำกลับมาไว้ที่นั่น“คืนนี้ไม่พักที่นี่เหรอเฮีย”“ไม่” เสียงทุ้มตอบเรียบเย็นก่อนจะเอนศีรษะนอนหลับตา“ดูจากสภาพเธอแล้วให้พักดีกว่า.. พรุ่งนี้ค่อยมา” ราเชนทร์พยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไรต่อ แต่สายตานั้นก็ยังเผลอเหลือบมองขึ้นไปยังเพนต์เฮาส์ที่การันต์เพิ่งเดินลงมา ชายหนุ่มเหลือบมองลูกน้องคนสนิทของตัวเอง แล้วหลับตาลงพูดขึ้นกับเขาอีกครั้ง“สนใจผู้หญิงคนนั้นเหรอ” ลูกน้องหนุ่มแทบจะหันกลับมามองหน้าของเจ้านายแทบจะทันที ถึงแม้เขาจะยังหลับตาอยู่ในท่าสบาย ๆ แต่สำหรับราเชนทร์ที่ทำงานกันมานานกลับรู้ดีว่าคำพูดนี้หมายถึงอะไร“ผมเหรอ”“กูแบ่งให้เล่นได้นะ อยากลองไหม” น้ำเสียงที่เหมือนไม่จริงจังนั้น แต่กลับแฝงไปด้วยความรู้สึกหลายอย่าง และเพราะคำพูดนี้จึงทำให้เขารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก“คุณการันต์ล้อผมเล่นแล้ว..” เขายิ้มเจื่อน ๆ