หลังจากที่ลงจากเวทีแล้ว ฝนก็ไปล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า เตรียมตัวกลับห้องพักที่ทางเจ๊นกจัดไว้ให้ เนื่องจากหมู่บ้านของฝนไกลจากตัวจังหวัดถึง 45 กม. ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่สะดวกเดินทางกลับเจ๊นกจึงจัดห้องพักให้เธอพักที่นี่ก่อนแล้วเดี๋ยวจะไปส่งเธอที่บ้านในตอนเช้าเพราะเธอต้องขายน้ำแข็งไสในตอนกลางวัน และหากมีงานอีกเจ๊ก็จะไปรับเธอในตอนเย็น ๆ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่แรก ๆ ที่เธอทำงานเป็นแดนเซอร์ให้เจ๊นก ไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่ทำ ซึ่งช่วงหลัง ๆ เธอมาทำงานให้เจ๊นกเฉลี่ยอาทิตย์ละสี่คืน คือ คืนวันพฤหัสถึงคืนวันอาทิตย์
"ทำไมเอ็งไม่มาทำประจำเลยวะฝน นี่ถ้าเอ็งเต้นไม่เก่งและหาคนแทนได้นะเจ๊จะไม่เรียกแกเด็ดขาดขี้เกียจไปรับไปส่ง พักที่นี่เลยสิเอ็งจะได้ไม่ต้องเทียวมาเทียวไปให้เหนื่อยด้วย ทำประจำไปเลยเงินดีจะตาย ดีกว่าขายน้ำแข็งใสเป็นไหน ๆ เผลอ ๆ อาจจะมีเสี่ยเลี้ยง รูปร่างหน้าตาอย่างเอ็งเนี่ยผู้ชายชอบจะตาย ถึงจะไม่สวยมาก แต่ก็สวยคมมีเสน่ห์ ถ้าแกยิ้มให้มันเก่ง ๆ พูดจาเอาอกเอาใจคนหน่อยนะ ขี้คร้านพวกเฒ่าหัวงูจะตามเอ็งต้อย ๆ ถ้าเอ็งมานะเจ๊จะจัดห้องพักให้เอ็งต่างหาก จะได้ไม่ต้องพักรวมกับคนอื่น ๆ" เจ๊นกเคยถามและเคยบอกกับเธออย่างนั้น แต่ฝนก็ไม่ยอมมาทำประจำสักที พ่อไม่สบาย แม่ก็ไม่ค่อยแข็งแรง แถมน้องสาวอีกสองคนก็ยังเด็ก ถ้าเธอมาคงไม่มีใครดูแล อีกอย่างนึงภาพลักษณ์ของเธอตอนนี้ในสายตาของคนทั้งหมู่บ้าน ไม่สิทั้งอำเภอเลยดีกว่า ก็คือเด็กใจแตกที่ทำงานร้านอาหาร ซึ่งคนทั่วไปเข้าใจว่าคนที่ทำงานร้านอาหารจะต้องขายตัวทุกคน ขืนเธอมาทำประจำสิพวกป้า ๆ อา ๆ ข้างบ้าน ได้รุมประนามเธอแน่ ๆ เธอเคยอธิบายกับป้า ๆ อา ๆ ข้างบ้านทั้งหลายเหล่านั้นว่า..เธอไม่ได้ขายตัวแต่ก็ไม่มีประโยชน์ เธอจึงเงียบเสียปล่อยให้คิดกันไปเอาเองเถอะ เราทำอะไรเรารู้อยู่แก่ใจ แต่ชื่อเสียงด้านลบของฝนนั้นบางครั้งก็ถือว่ามีประโยชน์อยู่บ้างเพราะลูกค้าน้ำแข็งใสของเธอส่วนมากเป็นผู้ชายที่อยากจะมาพิสูจน์ดูว่ามันเป็นจริงอย่างที่คนเขาพูดเขาลือกันหรือเปล่าซะมากกว่า จึงไม่แปลกที่ร้านน้ำแข็งใสของเธอจะมีหนุ่ม ๆ แวะเวียนมาเป็นลูกค้าประจำเพราะอยากแทะโลมแม่ค้าคนสวยนั่นเอง เมื่อเดินเกือบจะถึงห้องพักที่อยู่ด้านหลังผับ ฝนก็นึกขึ้นมาได้ว่าลืมกระเป๋าสะพายไว้ในล็อกเกอร์เธอจึงคิดจะเดินย้อนกลับไปเอากระเป๋า ซึ่งมันก็ไม่ไกลจากตรงนี้สักเท่าไหร่แต่เมื่อเธอเดินเข้าไปในห้องล็อกเกอร์ ก็เจอกับนักร้องสาวสวยดาวประจำผับกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกับมือกลองประจำผับอยู่ ด้วยความตกใจและไม่เคยเจอหนังสดแบบจะ ๆ แบบนี้มาก่อนฝนจึงเปลี่ยนใจไม่เอากระเป๋าแล้ว ไม่อยากรบกวนกิจกรรมเข้าจังหวะของคนทั้งสอง พรุ่งนี้ค่อยมาเอาดีกว่าอย่างน้อยเธอก็ล็อกกุญแจอยู่ ทิปสามพันที่ได้มาคงไม่หายหรอกมั้ง เธอจึงเดินอ้อมออกไปอีกทาง และทางนี้ก็เป็นลานจอดรถของลูกค้าและเป็นบริเวณที่สูบบุหรี่ด้วย ตอนนี้น่าจะเที่ยงคืนกว่า ๆ ผู้คนยังคงสนุกสนานกันอยู่ในผับ ฝนเดินไปเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณที่สูบบุหรี่ เธอก็เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งยืนสูบบุหรี่อยู่ เพราะมัวแต่ใจเต้นตึกตักกับหนังสดที่เพิ่งเจอมา แล้วจู่ ๆ ก็เจอผู้ชายที่มีกลิ่นไอของความไม่ธรรมดาแผ่ซ่านออกมารอบตัว ฝนจึงสะดุดขาตัวเอง และลงไปนั่งพับเพียบเรียบร้อยอยู่แทบเท้าของเขาคนนั้น "ว้าย !" อุทานออกมาเสียงดัง เงยหน้าขึ้นหวังจะขอความช่วยเหลือจากเขา แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร เข้มก็คว้าแขนของเธอสอดมือเข้าไปใต้รักแร้ทั้งสองข้างยกตัวเธอลอยขึ้นมาทั้งตัว และเอาตัวเธอไปวางไว้บนม้ายาวที่ทางผับเตรียมไว้ให้สำหรับนั่งสูบบุหรี่ "เป็นอะไรมากไหม ?" ฝนที่มัวแต่ทึ่งในพละกำลังของเขาที่สามารถยกตัวเธอลอยจากตรงนั้นมานั่งตรงนี้ภายในเวลาไม่กีวินาทีก็ยังพูดไม่ออก จนเขาต้องเขย่าตัวเธอเบา ๆ และถามซ้ำอีกรอบนั่นแหละเธอจึงหาเสียงตัวเองเจอตอบเขาออกไป "ไม่เป็นไรขอบคุณมากค่ะ" เข้มที่แค่ได้สบตากับฝนเขาก็รู้ทันทีว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ก็คือคนเดียวกับแม่สาวแดนเซอร์เอวเด้งคนนั้นนั่นเอง เขามองหน้าอกของเธอที่มันดันเสื้อยืดสีดำตัวกระจิ๋วราวกับมันจะทะลักล้นเสื้อตัวนิดเดียวตัวนั้นออกมาเอวคอดเล็กหน้าท้องแบนราบ แต่สะโพกกับผายออกรับกับเรียวขายาว เธอใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น..อืม..กางเกงขาสั้นแบบนี้นี่เองที่เขาเรียกว่า'สั้นเสมอหู' เขาเคยได้ยินจากเพลงที่เจ้าอมรมันชอบเปิดในผับนี้แหละตอนแรกเขาก็นิยามคำ ๆ นี้ไม่ออกแต่พอมาเห็นแม่สาวแดนเซอร์คนนี้เข้าเขาก็นึกภาพออกทันที หน้าใสปราศจากเครื่องสำอางค์ ผมบ๊อบสั้นความยาวแค่ประบ่า นี่มันทรงผมเด็กม.ปลายชัด ๆ อย่าบอกนะว่าเธอมาทำงานพิเศษพวกนี้เพราะหาเงินเอาไปซื้อข้าวของเครื่องใช้ไร้สาระต่าง ๆ พ่อแม่ผู้ปกครองรู้หรือเปล่าหนอว่าลูกหลานใจแตกจนต้องมาหาลำไพ่พิเศษด้วยการมาเป็นแดนเซอร์ในผับแห่งนี้ ฝนเมื่อเห็นว่าเขาเริ่มใช้สายตาสำรวจเนื้อตัวของเธอราวกับว่าเธอไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอยู่ก็ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที คราแรกร้อนเพราะเขินอาย แต่เมื่อเห็นสายตาของเขาเริ่มหื่นกามขึ้นเรื่อย ๆ จากอายก็เปลี่ยนมาเป็นโกรธแทน เข้มโน้มตัวลงมาเพื่อจะเก็บรองเท้าช้างดาวของฝนที่มันหลุดตอนที่เขายกตัวเธอขึ้นมา ฝนก็เข้าใจผิดคิดว่าเขากำลังจะจูบเธอ จึงตบหน้าเขาเข้าไปเต็มแรง 'เพี๊ยะ !' เสียงดังฟังชัด นี่ถ้าอยู่ในที่ ๆ มันมีแสงสว่างมากกว่านี้สักหน่อยเธอคงเห็นรอยแดงเป็นปื้นยาวเป็นรอยนิ้วของเธออยู่บนข้างแก้มของเขาเป็นแน่ เข้มตกตะลึงลูบแก้มตัวเองเพื่อลดความแสบ ฝนอาศัยจังหวะนั้นก้มลงเก็บรองเท้าและลอดผ่านใต้รักแร้ของเขาวิ่งออกจากตรงนั้นแบบใส่เกียร์หมา เมื่อมาถึงหน้าห้องพักฝนก็กอดรองเท้ายืนหอบแฮ่ก ๆ "วิ่งหนีผีมารึไงนังฝน?" เจ๊นกเท้าสะเอวถามฝนออกมาเสียงดัง เธอไม่ตอบเจ๊นกแต่เดินเข้าไปในห้องพักแทน หาหมอนกับผ้าห่มที่พับอยู่มุมห้อง เปิดพัดลมเพดานและล้มตัวลงนอนด้วยใจเต้นระทึก นึกถึงคำถามของเจ๊นกแล้วเธอก็ได้แต่รำพึงในใจ "น่ากลัวกว่าผีอีก" ภาวนาในใจขออย่าให้เขาจำเธอได้ ไม่งั้นเดือดร้อนแน่ ตบหน้าลูกค้าไปซะเต็มแรงขนาดนั้น เธอนอนคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้จนเผลอหลับไปหนึ่งปีต่อมา"อ้ายเข้ม ตื่นได้แล้วจ้า มื้อนี่เฮาต้องไปหว่านข้าวเด้ อ้ายลืมบ่ ?"ฝนเขย่าตัวปลุกสามีของเธอ เข้มงัวเงียลุกขึ้นมาดูเวลาในมือถือ ตีห้าครึ่งแล้ว รีบลุกไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน พลางบอกกับตัวเอง ไม่ได้ลืมหรอกว่าวันนี้ต้องหว่านข้าว แต่ว่าเมื่อคืน..กับเมียมากไปหน่อยเลยลุกไม่ขึ้น ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็มากินกาแฟอุ่น ๆ กับข้าวต้มมัดที่แม่ยายทำมาให้รองท้อง วันนี้เขาต้องไปไถนาและหว่านข้าวเพราะสองสามวันที่แล้วฝนแรกของฤดูโปรยปรายลงมา ช่วงนี้แหละจะเป็นช่วงที่ชาวนาจะเริ่มไถและเริ่มหว่านข้าวเข้มกับฝนแต่งงานกันได้ครบหนึ่งปีแล้ว เขาซื้อที่นาเพิ่มอีกหลายสิบไร่ จนคุณวิกรณ์กับคุณหญิงอมรรัตน์บ่น มัวแต่ทำไร่ไถนาจนไม่มีเวลาทำหลานให้ท่าน เมื่อคืนเข้มจึง..กับเมียหวังลบคำปรามาสของพ่อให้ได้'จุ๊บ'ทานกาแฟเสร็จก็จูบแก้มเมียรัก แล้วเดินไปที่รถไถขับออกไปยังท้องนา เพื่อไถนาเตรียมหว่านข้าว เข้มยิ้มอย่างมีความสุข ชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรแล้ว การอยู่อย่างเรียบง่ายแบบนี้ก็คือที่สุดของความสุขฝนเลิกขายน้ำแข็งใสเพราะเข้มไม่อยากให้เธอเหนื่อย อีกอย่างเขาต้องเดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ เดือนละครั้งเพื่อไปดูงานที่บริษัท แน่น
เข้มพาฝนแวะทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านข้างทาง และพาเธอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านโดยขับมอเตอร์ไซค์คนละคัน เข้มขับมอเตอร์ไซค์ของฝน ส่วนฝนขับมอเตอร์ไซค์ของเข้ม ในตอนแรกฝนก็ไม่กล้าขับเพราะเธอไม่เคยขับรถมีคลัตช์มาก่อน และอีกอย่างมอเตอร์ไซค์ของเข้มคันใหญ่มากด้วย เครื่องยนต์มีขนาดถึง 1252 ซีซี เป็นทรงสปอร์ต แต่เพราะฝนหัวเร็วแทบทุกเรื่องเข้มแนะนำแค่นิดเดียวเธอก็ขับได้ปร๋อ แถมยังติดใจอีกต่างหาก"คุณเข้มขอขี่บ่อย ๆ ได้ไหมอ้ะ"เข้มยิ้มอ่อน"ตอบคำถามมาก่อน ระหว่างฉันกับรถ เธอชอบขี่อะไรมากกว่ากัน ?"ฝนตีผลัวะเข้าที่แขนเขาแก้เขิน"บ้าสิ ฝนยังไม่เคยขี่คุณเข้ม"พูดจบเธอก็หน้าแดง เข้มคิดในใจเดี๋ยวคืนนี้เธอจะได้ลองขี่เขาดู ถึงตอนนั้นเขาจะถามเธออีกทีระหว่างขี่พี่กับขี่รถของพี่อันใหนดีกว่ากันตอนแรกเข้มกะว่าถ้าพาเธอออกไปหาอะไรกินเสร็จแล้ว เขาจะยังไม่พาเธอกลับบ้านกะว่าจะนอนกกเธอสักสามวันสามคืน แต่เจ้าของร้านขายบ้านน็อคดาวน์โทรมาบอกว่ากำลังเอาบ้านเข้ามาส่ง แผนการณ์ที่วางไว้จึงต้องมีอันเปลี่ยนแปลง จำต้องเข้าไปดูเรือนหอสำเร็จรูปของตัวเองก่อน"ว้าว ๆๆ สวยมากเลยคุณเข้ม หลังกะทัดรัดน่ารักด้วย"เมื่อฝนเห็นบ้านไม้ไผ่ท
"อยากให้หยุดไหม ?"ฝนส่ายหน้าและหลับตาลง เข้มจึงอุ้มเธอไปที่เตียง ถอดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างนุ่มนวลโยนออกไปไม่ใส่ใจทิศทาง ฝนสั่นสะท้านไปทั้งตัว เอนกายลงบนเตียงกว้างช้า ๆ คิดจะคว้าผ้าห่มมาคลุมกาย แต่เข้มรวบมือทั้งสองข้างของเธอไปไว้เหนือหัว พร้อมกับใช้สายตาสำรวจรูปร่างที่แสนงดงามของเธอ หน้าอกอวบที่มีขนาดใหญ่เกินตัว เอวเล็กคอดกิ่ว เรียวขายาว และผิวอันเรียบเนียนนั้นเป็นประกายยามต้องแสงไฟ ตัดกับผิวสีเข้มของเขาได้อย่างลงตัว"ไม่ต้องกลัว"เพราะเห็นร่างกายของเธอสั่นสะท้านเขาจึงกระซิบที่ข้างหูของเธอเป็นการปลอบใจ จูบแก้มเธอเบา ๆ และไล่ริมฝีปากอุ่นร้อนนั้นมาประกบกับริมฝีปากของเธออีกครั้ง ปล่อยมือของเธอให้เป็นอิสระ เพื่อจะใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เพราะเป้าหมายลำดับต่อมาของเข้มก็คือสองเต้าอวบใหญ่นั้น ฝ่ามือร้อนทั้งสองข้างของเข้มประกบลงบนสองเต้าอวบของเธอ ฝนสะดุ้ง เข้มบีบคลึงเบา ๆ สร้างความคุ้นเคยให้เธอผ่านความเสียวซ่าน ก่อนจะออกแรงขยำตามอารมณ์ที่คุกรุ่นของเขา "อือ .."ฝนครางประท้วงในลำคอเพราะความเจ็บ เข้มจึงเบามือลงจากการบีบเค้นเป็นลูบไล้ ถอนริมฝีปากบางออกจากริมฝีปากอวบอิ่มที่บวมเ
ฝนนั่งมองโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เข้มซื้อให้เธอแทนเครื่องที่พวกมันทุบอย่างหงอยเหงาตลอดช่วงบ่ายนั้นเข้มไม่ได้โทรหาฝนเลย ยิ่งตอกย้ำให้เธอคิดว่าเข้มจะต้องโกรธเธอแน่นอนแต่ไม่รู้ว่าเขาโกรธเรื่องอะไร ฝนจึงโทรไปปรึกษาฟองจันทร์คนที่เธอรักเหมือนพี่สาว ด้วยประสบการณ์อันมากมายของฟองจันทร์จะต้องช่วยเธอได้แน่ ๆ "ว่าไงฝน ?""พี่ฟอง ฝนมีเรื่องอยากปรึกษาเดี๋ยวไปหาที่ร้านนะ""มีเรื่องอะไร ? ได้ ๆ เข้ามาหาพี่เลย"ฟองจันทร์เองก็รักและเป็นห่วงฝนเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเหมือนกัน ฝนจึงขออนุญาติพ่อกับแม่ไปหาฟองจันทร์ที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยขับมอเตอร์ไซค์คันเก่าของพ่อไป ตาสอนกับนางฉวีไม่อยากให้ลูกสาวออกจากบ้านไปไหนเลยเพราะเพิ่งเกิดเรื่อง แต่ก็ทนลูกอ้อนและเหตุผลของลูกสาวไม่ไหว"แม่จ๋า พ่อจ๋า ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ คนที่ทำมันก็ถูกจับไปแล้ว อีกอย่างร้านพี่ฟองก็ไม่ไกลสักหน่อยเดี๋ยวหนูจะรีบไปรีบกลับน้า"พูดจบเธอก็รีบสตาร์ทมอเตอร์ไซค์และขับออกไปทันที ประมาณยี่สิบนาทีก็มาถึงร้านกาแฟของฟองจันทร์"พี่ฟอง สวัสดีจ้า พี่เพชรไปทำงานเหรอจ๊ะ ?""เปล่าจ้ะ พี่เพชรเขาพาแฟนของฝนไปธุระน่ะ นี่คุณเข้มเขาไม่ได้บอกฝนเหรอ"ฝนส่ายหน้า ดวงต
เมื่อจัดการยามหน้าประตูเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่พร้อมด้วยพวกของเข้มก็บุกเข้าไปในโกดังร้าง "หยุด ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ"เมื่อสิ้นเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มของคนร้ายและเจ้าหน้าที่ ส่วนอมรกับเข้ม พี่ดำและพี่ขาวรีบตรงไปยังอาคารหลังเล็กที่แยกออกมาจากโกดังหลังใหญ่ ซึ่งตรงนี้ไม่มีเวรยามเลย ผิดกับตรงโกดังหลักที่มีเวรยามวางอยู่ทั้งห้าคน"สัญญาณแจ้งว่าอยู่ตรงจุดนี้แน่นะครับนาย ?"พี่ดำถาม เข้มพยักหน้า กระชับปืนในมือและค่อย ๆ ย่องไปตรงหน้าประตู ฝนที่ได้ยินเสียงปืนเธอรีบลุกขึ้นและเดินมะงุมมะงาหราในความมืดตรงไปยังประตู เธอวางแผนไว้ในใจว่าถ้ามีคนเปิดประตูเข้ามาเธอจะวิ่งสวนออกไป ตายเป็นตาย เธอเอาหูแนบกับประตูไว้เพื่อฟังเสียงด้านนอกเสียงปืนทางด้านโกดังใหญ่เงียบลงแล้ว อมรจึงขอตัวไปดูทางนั้น เมื่อเป็นดังนี้แล้วเข้มก็รับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว เขาจึงส่งเสียงเรียกออกไป"ฝน ! เธออยู่ในนั้นไหม ?"ฝนดีใจแทบบ้าตาย ในตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองหูฝาดไป แต่พอเขาตะโกนเรียกอีกเป็นครั้งที่สองเธอก็แน่ใจว่าเป็นเสียงของเข้มแน่ ๆ"คุณเข้ม ! ช่วยฝนด้วยค่ะ"เมื่อได้ย
ในใจของเข้มตอนนี้ร้อนรนราวกับไฟ เขารู้ได้ทันทีว่าคนที่จับตัวฝนไปจะต้องเป็นไอ้หน้าตัวเมียที่ชื่อเก่งคนนั้นแน่ ๆ เพราะเขาไม่ได้มีศัตรูที่ใหนนอกจากมันคนนี้ฝนงัวเงียตื่นขึ้นมาในห้องมืดสลัวห้องหนึ่ง เธอจำได้ว่าหลังจากออกมาจากห้องน้ำมีพวกวัยรุ่นสามคนจับตัวเธอมา โดยคนหนึ่งใช้ปืนจี้ที่เอวของเธอ และอีกสองคนประกบซ้ายขวา ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนวัยรุ่นหนุ่มสาวมาเที่ยวงานบุญบั้งไฟทั่วไป หากไม่สังเกตให้ดีจะมองไม่เห็นปืนที่จี้อยู่ที่เอวของเธอเลย เพราะพวกมันใช้ตัวบังเอาไว้ เธอพยายามตั้งสติและมองหาเข้มแต่มันพาเธอเดินออกไปทางหลังโรงเรียนซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับสนามฟุตบอลที่กำลังทำการแสดงอยู่ บริเวณนั้นเป็นทุ่งนาและป่ายาง มันบังคับให้เธอขึ้นรถตู้คันสีขาวที่จอดรออยู่ในสวนยางแห่งนั้น และตอนที่เธอขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว หนึ่งในสามก็ควักเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากและจมูกเธอไว้ ฝนเดาได้ทันทีว่านั่นคือยาสลบเพราะมันเหมือนฉากในละครไม่มีผิด เธอกลั้นหายใจไว้แต่ก็กลั้นไว้ได้ไม่นานจำต้องสูดเอาอากาศเพื่อนำมันเข้าปอดทำให้เธอสูดเอากลิ่นเหม็นเอียนบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเข้าไปเต็มรูจมูก สติของเธอค่อย ๆ ดับวูบลงเมื่อลำดับเหต