"ไอ้..อมร ตื่นเดี๋ยวนี้"
เข้มไปโวยวายที่หน้าบ้านของอมรในตอนสายของวันต่อมา ส่งผลให้อมรที่กำลังนอนกอดลูกกอดเมียอยู่ถึงกับสะดุ้งตื่น เขาคว้ามือถือมาดูเวลา เพิ่งจะแปดโมงเช้า เมื่อคืนกว่าเขาจะได้นอนเพราะต้องเคลียส์บัญชี และดูแลความเรียบร้อยของผับก็ปาเข้าไปตีห้าแล้ว เมียของเขาก็เหมือนกัน "อะไรหรือคะพี่ ?" ดาราภรรยาสาวสวยของอมรงัวเงียกำลังจะลุกขึ้นมา "ไม่มีอะไรหรอกที่รัก เจ้าเข้มน่ะ เดี๋ยวพี่ไปดูมันซะหน่อย นอนต่อเถอะ" ดาราจึงหันไปคว้าตัวลูกชายวัยสามขวบเข้ามาไว้ในอ้อมกอดและนอนต่อ อมรก้มลงจูบหน้าผากเมียหอมแก้มลูกเสร็จก็เดินออกไปดูเจ้าเพื่อนตัวดีที่มาโวยวายที่หน้าบ้านของเขา บ้านพักของมันเขาก็จัดไว้ให้ต่างหากแล้ว บ้านหลังนั้นอมรซื้อไว้เพื่อเอาไว้สำหรับรับแขก และเอาไว้ให้ญาติพี่น้องรวมทั้งเพื่อนฝูงพักโดยเฉพาะ ห่างกันไม่กี่หลังคาเรือน อยู่ในหมู่บ้านจัดสรรโครงการหรูที่สุดในตัวจังหวัดอุดรธานี "อะไรวะ?" พูดพร้อมกับเปิดประตูรั้วเพื่อให้เจ้าเพื่อนตัวดีเข้ามาในบ้าน "ข้าโดนเด็กในร้านเอ็งตบ" เข้มเมื่อเข้ามาในบ้านได้แล้วก็ไม่รอช้าเปิดประเด็นทันที "อะไรนะ?" อมรได้แต่งงเขายังไม่ทันจับใจความได้ด้วยซ้ำ เข้มชี้ที่แก้มของตัวเอง ซึ่งมันขึ้นริ้วเป็นแนวตามรอยนิ้วมือของผู้ตบ "เอ็งต้องรับผิดชอบ" อมรรวบรวมสติอีกครั้งและมองตามนิ้วชี้ของเพื่อน ก่อนจะหัวเราะก๊ากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ "ฝีมือผู้หญิง ?" มันเดาถูกได้ไงวะ เข้มได้แต่อุทานในใจ "ใช่แล้ว.." เข้มก็ยอมรับไปตามความจริง "จะให้ข้ารับผิดชอบยังไง ไล่ออกงั้นเหรอ ว่าแต่ว่าเด็กเสิร์ฟ เด็กดริ๊งค์ หรือว่านักร้องวะ แล้วแกไปทำอีท่าใหนถึงได้โดนตบซะเต็มแรงแบบนี้ ไม่อยากเชื่อ คนระดับอย่างคุณเข้ม หน้าตาแบบคุณเข้ม ผู้หญิงเห็นผู้หญิงน่าจะกรี๊ดนะ ไม่น่าจะตอบสนองด้วยการตบหน้าแกแบบนี้" อมรพูดออกมาซะยืดยาว เข้มได้แต่ลูบแก้มตัวเองข้างที่โดนตบ สายตาดุคู่นั้นเป็นประกายวาว "เอ็งต้องไปหาตัว..คน ๆ นั้นมาให้ข้า" บอกย้ำกับเพื่อนอีกครั้ง อมรจึงเริ่มจริงจังขึ้นมา "ว่าแต่แน่ใจได้ยังไงว่าเป็นเด็กในร้าน ไม่ใช่ลูกค้าที่มาเที่ยว" อมรถามเพื่อนอย่างจริงจัง "แน่ใจสิวะ เป็นเด็กในร้านเอ็งนั่นแหละ ก็แม่สาวเอวเด้งคนนั้นนั่นไง" "ดะ..เดี๋ยว ใครแม่สาวเอวเด้ง ?" อมรมึนกับคำพูดของเพื่อน "ก็คนที่ตบข้าไง" แล้วเข้มก็เล่าให้เพื่อนฟังว่าคนที่เขาเรียกว่าแม่สาวเอวเด้งคนนั้นก็คือแดนเซอร์ที่ขึ้นเต้นโชว์เมื่อคืนนี้ คนที่ยืนอยู่แถวหลังสุดคนนั้น "อ๋อ,,ถ้างั้นต้องถามพี่นก เพราะว่าในเรื่องนักร้อง นักเต้น นักดนตรี พี่นกเป็นคนรับผิดชอบ แต่ว่าข้าก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับน้องเขาด้วยนะเว้ย เอ็งไม่ได้ลวนลามน้องเขาแน่นะ" เจ๊นกหรือพี่นกเป็นลูกพี่ลูกน้องกับอมร เป็นผู้จัดการร้าน รับผิดชอบทางด้านเอ็นเตอร์เทนทั้งหมด ทั้งนักร้อง แดนเซอร์ นักดนตรี หรือแม้กระทั่งเด็กนั่งดริ๊งค์ ต่างก็อยู่ในความดูแลของเจ๊แกทั้งหมด เข้มพยักหน้าเป็นการยืนยันว่าเขายังไม่ได้ลวนลามเธอแม้แต่น้อยได้แค่คิดเท่านั้นเอง อมรจึงโทรหาเจ๊นกเพื่อสอบถามว่าแม่สาวเอวเด้งของไอ้เข้มน่ะเป็นใคร เมื่อได้รู้คร่าว ๆ แล้วว่าเป็นเด็กในร้านจริง ๆ เขาจึงได้รายงานเพื่อนที่หน้ายังเป็นปื้นยาวจากฤทธิ์แม่สาวเอวเด้งคนนั้น "แล้วจะให้จัดการยังไง" อมรถามเพื่อน เข้มเมื่อได้รู้เรื่องของฝนจากเจ๊นกผ่านอมรอีกทีก็เกิดสนใจ เด็ก..บ้านนอกคนนี้ขึ้นมาทันที "ไม่เป็นไรข้าจัดการเอง ข้าจะไปหาเจ๊นกได้ที่ไหน" "บ้านพักพนักงาน" เมื่อได้คำตอบเข้มก็เดินดุ่ม ๆ ไปขับมอร์เตอร์ไซค์ ฮาร์เล่ย์คันใหญ่ที่จอดอยู่หน้าบ้านของอมรตรงไปยังผับ จุดประสงค์คือไปหาเจ๊นก อมรได้แต่เกาท้ายทอยตัวเองอย่างงง ๆ อะไรกันวะตอนแรกบอกว่าเขาจะต้องจัดการให้ พอตอนหลังบอกจะจัดการเอง เฮ้อ ! ช่างเถอะเรื่องของมัน ไปนอนกอดลูกกอดเมียต่อดีกว่า อมรบอกกับตัวเองแล้วจึงเดินขึ้นบ้านไปเพื่อนอนพักผ่อนเอาแรงต่อ เสียงเครื่องยนต์ 2 สูบวี-ทวิน คำรามอยู่หน้าหอพักพนักงานในผับของอมร เจ๊นกที่รออยู่แล้วเพราะอมรโทรบอกว่า เข้มเพื่อนของเขาจะมาหา เธอจึงนั่งรอเขาที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ต้นจามจุรี เมื่อเข้มเห็นเจ๊นกนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เขาก็ดับเครื่องยนต์และก้าวลงจากรถมอร์เตอร์ไซค์คันเท่ห์ที่ราคาแพงกว่ารถยนต์บางคันเสียอีก เดินตรงมาหาเจ๊นกและนั่งลงที่เก้าอี้ม้าหินอ่อนฝั่งตรงข้าม "เรียกเธอออกมาหาผม" ทันทีที่ตูดแตะเก้าอี้ม้าหินอ่อนเข้มก็บอกความต้องการของตัวเองกับเจ๊นกทันที เจ๊นกได้แต่เอามือทาบอกระงับความโมโหไว้ในใจ มิน่าล่ะเมื่อเช้ามันถึงได้ลุกลี้ลุกลนอยากจะกลับบ้านเร็ว ๆ จนเธอต้องแหกขี้ตาตื่นไปส่งมันตั้งแต่หกโมงเช้า ที่ใหนได้มันสร้างเรื่องไว้นี่เอง "ฝนกลับบ้านไปแล้วค่ะ พี่เพิ่งไปส่งมันตอนหกโมงเช้านี่เอง แต่ว่าเย็นนี้มันจะมาทำงานอยู่ เอาไว้เข้มรอเจอมันตอนเย็นนี้ได้ไหม ?" "บ้านฝนอยู่ไหน" เป็นอันว่าเจ๊นกรู้แล้วว่าเข้มไม่ต้องการรอ เธอจึงบอกรายละเอียดที่อยู่บ้านของฝนให้กับเข้มไป จากที่ฟังเรื่องราวจากอมรเจ๊นกรู้แค่ว่านังฝนไปตบหน้าผู้ชายคนนี้เข้าและเขาก็ไม่พอใจเป็นอย่างมากจนถึงกับต้องออกตามหาตัวกันเลยทีเดียว เข้มเมื่อออกมาจากหอพักแห่งนั้นแล้ว เขาก็ขับมอร์เตอร์ไซค์ฮาร์เล่ย์ เดวิดสัน มุ่งหน้าเข้าไปสู่อำเภอหนองวัวซอ ดินแดนที่โอบล้อมไปด้วยภูเขา ตอนนี้น่าจะประมาณสิบโมงเช้า แสงแดดอันร้อนระอุนั้นไม่ระคายผิวเขาแม้แต่น้อย เพราะแจ๊กเก็ตหนังอย่างดีสีดำ หมวกกันน็อคครึ่งใบยี่ห้อเดียวกันกับรถมอร์เตอร์ไซค์ แว่นกันแดดยี่ห้อเรแบน อีกอย่างวิวทิวทัศน์สองข้างทางทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ถ้าระยะทางตามที่เจ๊นกบอกน่าจะไม่เกินหนึ่งชั่วโมงเขาก็คงถึงบ้านของฝนอย่างแน่นอน เมื่อเข้าสู่ตัวอำเภอหนองวัวซอแล้วเขาก็แวะปั๊มเพื่อเติมน้ำมัน และหาอะไรรองท้องไปด้วย เขาเลือกกินข้าวผัดกระเพราที่ร้านในปั๊มนั่นแหละ อีกประมาณ 25 กม.ก็จะถึงหมู่บ้านของฝนแล้ว เข้มดูจากจีพีเอสในโทรศัพท์ กินข้าวกินกาแฟเรียบร้อยเขาก็พร้อมในการออกเดินทางเพื่อไปตามหาคนที่บังอาจ..กล้าตบหน้าเขา เข้มเป็นคนกรุงเทพ ฯ โดยกำเนิด เกิดมาบนกองเงินกองทองเลยก็ว่าได้ แต่ว่าชีวิตของเขาผ่านมาแล้วเกือบทุกรูปแบบ เพราะเกเรกว่าพี่น้องทุกคนในครอบครัว ทะเลาะกับพ่อและพี่ชายบ่อย เขาจึงออกมาใช้ชีวิตเองตอนเรียนปริญญาตรีที่อุเทนถวาย ล้มลุกคลุกคลานอยู่ห้าปีและได้รู้จักกับอมรตอนที่เรียนจบใหม่ ๆ เพราะอมรมาเป็นร้อยเวรพอดี โดนจับคดีชกต่อยบ่อยมากบางครั้งเป็นอมรเองนั่นแหละที่เป็นคนช่วยประกันตัวเขาออกมา เจอกันบ่อยจึงถูกชะตา อายุอานามก็ไล่เลี่ยกันจึงคบกันเป็นเพื่อน จนกระทั่งพ่อกับแม่มาตามตัวกลับบ้านเพราะพี่ชายของเขาสองคนประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ไม่มีคนช่วยบริหารกิจการที่บ้าน เขาจึงยอมละทิ้งชีวิตที่โลดโผนและท้าทายแบบนั้นกลับไปช่วยพ่อกับแม่บริหารกิจการจนอยู่ตัวและขยายออกไปจนมั่นคง เริ่มคิดถึงชีวิตแบบที่เคยใช้ช่วงวัยรุ่นเขาจึงได้มาหาอมรที่นี่ 'จังหวัดอุดรธานี' บ้านเกิดของอมรเพื่อนรัก อมรลาออกจากข้าราชการตำรวจเพื่อมาเปิดผับเพราะเขารักในเสียงเพลงและการสังสรรค์ ออกจากตัวอำเภอหนองวัวซอมุ่งเข้าสู่ตำบลอูบมุงผ่านเข้าไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ ในตำบลแห่งนี้ จีพีเอสในโทรศัพท์ก็แจ้งว่าได้มาถึงจุดหมายแล้ว เข้มจึงได้สอบถามป้าคนหนึ่งที่ปั่นจักรยานผ่านมาพอดี "ป้าครับ รู้จักคนชื่อฝน ที่ทำงานร้านอาหารไหมครับ" ป้าคนนั้นทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฝนที่ทำงานร้านอาหารก็น่าจะมีคนเดียวนั่นแหละ "โน่นบ้านมัน" ชี้ไปที่บ้านไม้สองชั้นหลังเก่า ๆ ข้างบนเป็นไม้ที่สภาพน่าจะสร้างมาแล้วหลายสิบปี ข้างล่างเป็นปูนที่สภาพก็เก่าไม่ต่างกัน แต่ดูสะอาดสะอ้านเรียบร้อย มีกุหลาบและไม้ดอกหลายชนิดปลูกไว้ที่หน้าบ้านหลายกอ "แต่ตอนนี้มันไม่อยู่หรอก มันไปขายของที่ปั๊มน้ำมันที่ใหญ่ ๆ ที่พ่อหนุ่มผ่านมานั่นแหละ น่าจะสังเกตเห็นนะ หมู่บ้านที่ผ่านมานั่นน่ะ" เข้มคิดอยู่ครู่หนึ่ง ผ่านตาเขาแว้บ ๆ เหมือนกัน เขาก้มหัวลงเป็นเชิงขอบคุณป้าคนนั้น และขับรถมอร์เตอร์ไซค์กลับออกมายังหมู่บ้านแรกที่เขาผ่านมา "ชิ..ตามหาตัวยากจังนะแม่สาวเอวเด้ง"หนึ่งปีต่อมา"อ้ายเข้ม ตื่นได้แล้วจ้า มื้อนี่เฮาต้องไปหว่านข้าวเด้ อ้ายลืมบ่ ?"ฝนเขย่าตัวปลุกสามีของเธอ เข้มงัวเงียลุกขึ้นมาดูเวลาในมือถือ ตีห้าครึ่งแล้ว รีบลุกไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน พลางบอกกับตัวเอง ไม่ได้ลืมหรอกว่าวันนี้ต้องหว่านข้าว แต่ว่าเมื่อคืน..กับเมียมากไปหน่อยเลยลุกไม่ขึ้น ทำธุระส่วนตัวเสร็จก็มากินกาแฟอุ่น ๆ กับข้าวต้มมัดที่แม่ยายทำมาให้รองท้อง วันนี้เขาต้องไปไถนาและหว่านข้าวเพราะสองสามวันที่แล้วฝนแรกของฤดูโปรยปรายลงมา ช่วงนี้แหละจะเป็นช่วงที่ชาวนาจะเริ่มไถและเริ่มหว่านข้าวเข้มกับฝนแต่งงานกันได้ครบหนึ่งปีแล้ว เขาซื้อที่นาเพิ่มอีกหลายสิบไร่ จนคุณวิกรณ์กับคุณหญิงอมรรัตน์บ่น มัวแต่ทำไร่ไถนาจนไม่มีเวลาทำหลานให้ท่าน เมื่อคืนเข้มจึง..กับเมียหวังลบคำปรามาสของพ่อให้ได้'จุ๊บ'ทานกาแฟเสร็จก็จูบแก้มเมียรัก แล้วเดินไปที่รถไถขับออกไปยังท้องนา เพื่อไถนาเตรียมหว่านข้าว เข้มยิ้มอย่างมีความสุข ชีวิตนี้ไม่ต้องการอะไรแล้ว การอยู่อย่างเรียบง่ายแบบนี้ก็คือที่สุดของความสุขฝนเลิกขายน้ำแข็งใสเพราะเข้มไม่อยากให้เธอเหนื่อย อีกอย่างเขาต้องเดินทางเข้ากรุงเทพ ฯ เดือนละครั้งเพื่อไปดูงานที่บริษัท แน่น
เข้มพาฝนแวะทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้านข้างทาง และพาเธอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านโดยขับมอเตอร์ไซค์คนละคัน เข้มขับมอเตอร์ไซค์ของฝน ส่วนฝนขับมอเตอร์ไซค์ของเข้ม ในตอนแรกฝนก็ไม่กล้าขับเพราะเธอไม่เคยขับรถมีคลัตช์มาก่อน และอีกอย่างมอเตอร์ไซค์ของเข้มคันใหญ่มากด้วย เครื่องยนต์มีขนาดถึง 1252 ซีซี เป็นทรงสปอร์ต แต่เพราะฝนหัวเร็วแทบทุกเรื่องเข้มแนะนำแค่นิดเดียวเธอก็ขับได้ปร๋อ แถมยังติดใจอีกต่างหาก"คุณเข้มขอขี่บ่อย ๆ ได้ไหมอ้ะ"เข้มยิ้มอ่อน"ตอบคำถามมาก่อน ระหว่างฉันกับรถ เธอชอบขี่อะไรมากกว่ากัน ?"ฝนตีผลัวะเข้าที่แขนเขาแก้เขิน"บ้าสิ ฝนยังไม่เคยขี่คุณเข้ม"พูดจบเธอก็หน้าแดง เข้มคิดในใจเดี๋ยวคืนนี้เธอจะได้ลองขี่เขาดู ถึงตอนนั้นเขาจะถามเธออีกทีระหว่างขี่พี่กับขี่รถของพี่อันใหนดีกว่ากันตอนแรกเข้มกะว่าถ้าพาเธอออกไปหาอะไรกินเสร็จแล้ว เขาจะยังไม่พาเธอกลับบ้านกะว่าจะนอนกกเธอสักสามวันสามคืน แต่เจ้าของร้านขายบ้านน็อคดาวน์โทรมาบอกว่ากำลังเอาบ้านเข้ามาส่ง แผนการณ์ที่วางไว้จึงต้องมีอันเปลี่ยนแปลง จำต้องเข้าไปดูเรือนหอสำเร็จรูปของตัวเองก่อน"ว้าว ๆๆ สวยมากเลยคุณเข้ม หลังกะทัดรัดน่ารักด้วย"เมื่อฝนเห็นบ้านไม้ไผ่ท
"อยากให้หยุดไหม ?"ฝนส่ายหน้าและหลับตาลง เข้มจึงอุ้มเธอไปที่เตียง ถอดเสื้อผ้าของเธอออกอย่างนุ่มนวลโยนออกไปไม่ใส่ใจทิศทาง ฝนสั่นสะท้านไปทั้งตัว เอนกายลงบนเตียงกว้างช้า ๆ คิดจะคว้าผ้าห่มมาคลุมกาย แต่เข้มรวบมือทั้งสองข้างของเธอไปไว้เหนือหัว พร้อมกับใช้สายตาสำรวจรูปร่างที่แสนงดงามของเธอ หน้าอกอวบที่มีขนาดใหญ่เกินตัว เอวเล็กคอดกิ่ว เรียวขายาว และผิวอันเรียบเนียนนั้นเป็นประกายยามต้องแสงไฟ ตัดกับผิวสีเข้มของเขาได้อย่างลงตัว"ไม่ต้องกลัว"เพราะเห็นร่างกายของเธอสั่นสะท้านเขาจึงกระซิบที่ข้างหูของเธอเป็นการปลอบใจ จูบแก้มเธอเบา ๆ และไล่ริมฝีปากอุ่นร้อนนั้นมาประกบกับริมฝีปากของเธออีกครั้ง ปล่อยมือของเธอให้เป็นอิสระ เพื่อจะใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองให้เป็นประโยชน์ เพราะเป้าหมายลำดับต่อมาของเข้มก็คือสองเต้าอวบใหญ่นั้น ฝ่ามือร้อนทั้งสองข้างของเข้มประกบลงบนสองเต้าอวบของเธอ ฝนสะดุ้ง เข้มบีบคลึงเบา ๆ สร้างความคุ้นเคยให้เธอผ่านความเสียวซ่าน ก่อนจะออกแรงขยำตามอารมณ์ที่คุกรุ่นของเขา "อือ .."ฝนครางประท้วงในลำคอเพราะความเจ็บ เข้มจึงเบามือลงจากการบีบเค้นเป็นลูบไล้ ถอนริมฝีปากบางออกจากริมฝีปากอวบอิ่มที่บวมเ
ฝนนั่งมองโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่เข้มซื้อให้เธอแทนเครื่องที่พวกมันทุบอย่างหงอยเหงาตลอดช่วงบ่ายนั้นเข้มไม่ได้โทรหาฝนเลย ยิ่งตอกย้ำให้เธอคิดว่าเข้มจะต้องโกรธเธอแน่นอนแต่ไม่รู้ว่าเขาโกรธเรื่องอะไร ฝนจึงโทรไปปรึกษาฟองจันทร์คนที่เธอรักเหมือนพี่สาว ด้วยประสบการณ์อันมากมายของฟองจันทร์จะต้องช่วยเธอได้แน่ ๆ "ว่าไงฝน ?""พี่ฟอง ฝนมีเรื่องอยากปรึกษาเดี๋ยวไปหาที่ร้านนะ""มีเรื่องอะไร ? ได้ ๆ เข้ามาหาพี่เลย"ฟองจันทร์เองก็รักและเป็นห่วงฝนเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเหมือนกัน ฝนจึงขออนุญาติพ่อกับแม่ไปหาฟองจันทร์ที่อยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยขับมอเตอร์ไซค์คันเก่าของพ่อไป ตาสอนกับนางฉวีไม่อยากให้ลูกสาวออกจากบ้านไปไหนเลยเพราะเพิ่งเกิดเรื่อง แต่ก็ทนลูกอ้อนและเหตุผลของลูกสาวไม่ไหว"แม่จ๋า พ่อจ๋า ไม่ต้องห่วงหรอกจ้ะ คนที่ทำมันก็ถูกจับไปแล้ว อีกอย่างร้านพี่ฟองก็ไม่ไกลสักหน่อยเดี๋ยวหนูจะรีบไปรีบกลับน้า"พูดจบเธอก็รีบสตาร์ทมอเตอร์ไซค์และขับออกไปทันที ประมาณยี่สิบนาทีก็มาถึงร้านกาแฟของฟองจันทร์"พี่ฟอง สวัสดีจ้า พี่เพชรไปทำงานเหรอจ๊ะ ?""เปล่าจ้ะ พี่เพชรเขาพาแฟนของฝนไปธุระน่ะ นี่คุณเข้มเขาไม่ได้บอกฝนเหรอ"ฝนส่ายหน้า ดวงต
เมื่อจัดการยามหน้าประตูเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่พร้อมด้วยพวกของเข้มก็บุกเข้าไปในโกดังร้าง "หยุด ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ"เมื่อสิ้นเสียงของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มของคนร้ายและเจ้าหน้าที่ ส่วนอมรกับเข้ม พี่ดำและพี่ขาวรีบตรงไปยังอาคารหลังเล็กที่แยกออกมาจากโกดังหลังใหญ่ ซึ่งตรงนี้ไม่มีเวรยามเลย ผิดกับตรงโกดังหลักที่มีเวรยามวางอยู่ทั้งห้าคน"สัญญาณแจ้งว่าอยู่ตรงจุดนี้แน่นะครับนาย ?"พี่ดำถาม เข้มพยักหน้า กระชับปืนในมือและค่อย ๆ ย่องไปตรงหน้าประตู ฝนที่ได้ยินเสียงปืนเธอรีบลุกขึ้นและเดินมะงุมมะงาหราในความมืดตรงไปยังประตู เธอวางแผนไว้ในใจว่าถ้ามีคนเปิดประตูเข้ามาเธอจะวิ่งสวนออกไป ตายเป็นตาย เธอเอาหูแนบกับประตูไว้เพื่อฟังเสียงด้านนอกเสียงปืนทางด้านโกดังใหญ่เงียบลงแล้ว อมรจึงขอตัวไปดูทางนั้น เมื่อเป็นดังนี้แล้วเข้มก็รับรู้ได้ทันทีว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว เขาจึงส่งเสียงเรียกออกไป"ฝน ! เธออยู่ในนั้นไหม ?"ฝนดีใจแทบบ้าตาย ในตอนแรกเธอคิดว่าตัวเองหูฝาดไป แต่พอเขาตะโกนเรียกอีกเป็นครั้งที่สองเธอก็แน่ใจว่าเป็นเสียงของเข้มแน่ ๆ"คุณเข้ม ! ช่วยฝนด้วยค่ะ"เมื่อได้ย
ในใจของเข้มตอนนี้ร้อนรนราวกับไฟ เขารู้ได้ทันทีว่าคนที่จับตัวฝนไปจะต้องเป็นไอ้หน้าตัวเมียที่ชื่อเก่งคนนั้นแน่ ๆ เพราะเขาไม่ได้มีศัตรูที่ใหนนอกจากมันคนนี้ฝนงัวเงียตื่นขึ้นมาในห้องมืดสลัวห้องหนึ่ง เธอจำได้ว่าหลังจากออกมาจากห้องน้ำมีพวกวัยรุ่นสามคนจับตัวเธอมา โดยคนหนึ่งใช้ปืนจี้ที่เอวของเธอ และอีกสองคนประกบซ้ายขวา ดูเผิน ๆ แล้วเหมือนวัยรุ่นหนุ่มสาวมาเที่ยวงานบุญบั้งไฟทั่วไป หากไม่สังเกตให้ดีจะมองไม่เห็นปืนที่จี้อยู่ที่เอวของเธอเลย เพราะพวกมันใช้ตัวบังเอาไว้ เธอพยายามตั้งสติและมองหาเข้มแต่มันพาเธอเดินออกไปทางหลังโรงเรียนซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับสนามฟุตบอลที่กำลังทำการแสดงอยู่ บริเวณนั้นเป็นทุ่งนาและป่ายาง มันบังคับให้เธอขึ้นรถตู้คันสีขาวที่จอดรออยู่ในสวนยางแห่งนั้น และตอนที่เธอขึ้นมานั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว หนึ่งในสามก็ควักเอาผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากและจมูกเธอไว้ ฝนเดาได้ทันทีว่านั่นคือยาสลบเพราะมันเหมือนฉากในละครไม่มีผิด เธอกลั้นหายใจไว้แต่ก็กลั้นไว้ได้ไม่นานจำต้องสูดเอาอากาศเพื่อนำมันเข้าปอดทำให้เธอสูดเอากลิ่นเหม็นเอียนบนผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นเข้าไปเต็มรูจมูก สติของเธอค่อย ๆ ดับวูบลงเมื่อลำดับเหต