ตอนที่13 เพียงกระจกกั้น
“ถ้าหมดธุระก็เชิญกลับไปได้แล้ว” ขณะที่ฉลามกำลังนั่งเคาะนิ้วบนโต๊ะอย่างคนอารมณ์ดีอยู่ ๆ ก็โดนเจ้าของบ้านไล่กลับแบบไม่ทันตั้งตัว
“กลัวความลับรั่วไหลหรือไง พวกกูเป็นเพื่อนมึงนะไม่ใช่ศัตรูเผื่อมึงเข้าใจผิด” ฉลามสวนกลับทันควัน ทุกคนยังนั่งนิ่งไม่มีทีท่าจะลุกกลับออกไปสักคน
“พวกขี้เสือก แค่พวกมึงก้าวขาเข้ามาในบ้านกูก็รู้แล้วว่าตั้งใจมาเสือกโดยเอางานบังหน้า” ชาร์วีด่าสวนกลับไม่ไว้หน้าแม้แต่คนเดียว
“555 มึงยังฉลาดเหมือนเดิมนะไอ้ชาร์ ไอ้ฉลามอุตส่าห์คิดแผนตั้งนานมึงเสือกจับได้ซะงั้น ปะพวกเรากลับเถอะไม่สนุกแล้วว่ะ” อเล็กซ์หัวเราะร่าพร้อมตั้งท่าลุกขึ้น
“อย่าลืมสั่งลาเด็กมันด้วยล่ะ จะไม่อยู่อีกหลายวันเดี๋ยวเด็กมันคิดถึง” ฉลามยังไม่วายหันกลับมาบอกกับชาร์วีที่ตอนนี้กำลังจ้องแผ่นหลังของเพื่อนทั้งสามคิ้วขมวดเข้าหากัน
“นายจะรับกาแฟไหมครับ” ธาราถามขึ้นเมื่อตอนนี้ถึงเวลาอาหารว่างช่วงบ่ายของมาเฟียหนุ่ม
“กลับจากดูไบให้สถาปนิกเข้ามาดูพื้นที่ด้านหลังติดกับบ้านใหญ่ว่าสามารถปลูกบ้านหลังเล็กอีกหลังได้ไหม” ชาร์วีไม่ตอบคำถามธาราแต่กลับสั่งงานออกมาและสร้างความแปลกใจให้บอดี้การ์ดหนุ่มอยู่ไม่น้อย
“นายจะปลูกบ้านอีกหลังเหรอครับ”
“กูพูดไม่ชัดเจนเหรอเมื่อกี้” ชาร์วีถามกลับเสียงราบเรียบ
“ชัดเจนครับ แต่พื้นที่โซนด้านหลังของเราก็ว่างอีกเยอะแยะนายจะสร้างบ้านหลังเล็กตรงนั้นทำไม นายเคยบอกว่าปล่อยว่างไว้เผื่อนายจะสร้างกรงเจ้าชีต้าไม่ใช่เหรอครับ” ธาราถามขึ้นอีกครั้งด้วยความสงสัย
“กูจะสร้างบ้านตรงนั้น ให้สถาปนิกเข้ามาดูพื้นที่แล้วออกแบบบ้านด้วย กูต้องการให้เสร็จโดยเร็วที่สุด” ชาร์วีแจ้งความต้องการชัดเจนออกไปอีกครั้งจนคนที่ยังสงสัยอยู่ต้องเก็บกักความสงสัยไว้ก่อนแล้วรีบจัดการตามที่เจ้านายสั่ง
“ครับ ผมจะรีบจัดการให้เรียบร้อยครับ”
22:00 น. (GMT+7)
“พี่ธาราคะ พี่ธารา” พลอยใสวิ่งหน้าตั้งมาจากด้านหลังบ้านโดยในมือถือถุงกระดาษใบเล็กมาด้วย ธาราที่กำลังจะขึ้นรถก็ต้องหยุดชะงักและหันกลับมาตามเสียงเรียก
“มีอะไรพลอยใสถึงวิ่งมาแบบนี้ เดี๋ยวก็สะดุดล้มเอาหรอก”
“พลอยทำขนมให้ไปทานบนเครื่องด้วยค่ะ นั่งเครื่องบินตั้งหลายชั่วโมงเผื่อพี่ธาราหิว” ถุงกระดาษใบเล็กที่มีกระปุกคุกกี้กล่องเล็กอยู่ด้านในส่งให้บอดี้การ์ดหนุ่มพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ชาร์วีที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่ด้านในรถถึงกลับขบกรามแน่นเมื่อเห็นเด็กในการปกครองแสดงความห่วงใยกับมือขวาคนสนิทต่อหน้าต่อตาเขาคนที่ให้ข้าวให้น้ำส่งเสียเลี้ยงดู
“ขอบใจมาก งั้นพี่ไปก่อนนะเดี๋ยวนายนั่งรอในรถนานแล้ว”
“โอ๊ะ! คุณชาร์วีไม่ได้ขึ้นรถคันที่ขับออกไปก่อนเหรอคะ” ดวงตากลมโตเพ่งสายตามองผ่านกระจกเข้าไปด้านในเมื่อรู้ว่าคนที่เธออยากเจอนั่งอยู่ด้านในตรงหน้าเธอที่มีเพียงกระจกสีดำกั้น
“นายนั่งอยู่ในรถคันนี้ พี่ไปก่อน อย่าลืมที่พี่บอกไว้ว่าอย่าเถลไถลมีอะไรให้บอกลุคค์ เข้าใจไหม”
“ค่ะ เข้าใจค่ะ” ปากเล็กตอบกลับแต่สายตายังคงจ้องอยู่ที่ประตูรถตรงหน้า
“กลับเข้าบ้านได้แล้วมันดึกมาแล้ว” ธาราพูดกับเด็กสาวอีกครั้งก่อนจะเดินไปเปิดประตูขึ้นไปนั่งตรงตำแหน่งด้านข้างคนขับและรถก็เคลื่อนตัวออกไปโดยมีเด็กสาวยืนมองจนรถเคลื่อนตัวพ้นบริเวณรั้วบ้าน
“กูนึกว่าจะยืนร่ำลากันทั้งคืน” เสียงเรียบของชาร์วีเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงประชด
“คุกกี้ครับ เผื่อนายหิว” ธาราไม่ตอบกลับแต่ยื่นถุงคุกกี้ฝีมือเด็กสาวให้คนเป็นนายที่ตอนนี้กำลังนั่งคิ้วผูกเข้าหากัน จ้องมองธาราผ่านกระจกมองหลังด้วยสายตากรุ่นโกรธ
“เธอทำมาให้มึงไม่ใช่เหรอ ก็แดกเข้าไปซะสิ” ถ้อยคำประชดที่เปล่งออกจากปากหยักบ่งบอกอารมณ์ของคนพูดได้เป็นอย่างดี
“นายก็รู้ว่าเด็กมันตั้งใจทำมาให้นาย ไม่กินผมเอาให้ไอ้เนทนะครับ” ธาราแกล้งลองใจคนเป็นนายตั้งท่าจะส่งถุงคุกกี้ให้เนทที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถในวันนี้
“ไอ้ธารา” เสียงกดต่ำเรียกชื่อมือขวาอีกครั้ง ธาราจำต้องส่งถุงกระดาษใบนั้นให้คนเป็นนายทันที
{เดินทางปลอดภัยนะคะ} ข้อความบนกระดาษโน้ตสีชมพูที่เขียนด้วยลายมือน่ารัก ชาร์วีเมื่อเห็นข้อความถึงกับคลายสีหน้าหงุดหงิดลงทันที
“ระวังน้ำตาลขึ้นนะครับ” ธารายังไม่วายเอ่ยแซวคนเป็นนาย จนเนทที่ทำหน้าที่ขับรถในวันนี้ถึงกับเกร็งที่ต้องมานั่งอยู่ท่ามกลางสงครามประสาทของเจ้านายกับมือขวา และกลัวโดนหางเลขไปด้วยเมื่อเจ้านายโมโห
“ไม่ต้องเสือกห่วงกูให้มากนัก กูไม่ใช่ลูกมึง” ชาร์วีสวนกลับทันควันพร้อมส่งสายตาฟาดฟันผ่านกระจกมองหลัง ก่อนจะหันกลับมาสนใจข้อความบนกระดาษโน้ตที่อ่านวนซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า
“พี่ลุคค์สวัสดีค่ะ” พลอยใสที่กลับจากโรงเรียนเห็นลุคค์กำลังลงจากรถพอดีจึงเดินเข้าไปทักทายสวัสดี
“สวัสดีครับคนสวย วันนี้เรียนเป็นไงบ้างเหนื่อยไหม” ลุคค์หันไปกล่าวทักทายเด็กสาวด้วยรอยยิ้มอบอุ่น นอกจากธาราก็มีลุคค์อีกคนที่ค่อนข้างสนิทกับพลอยใสเพราะบอดี้การ์ดหนุ่มทั้งสองคนค่อนข้างเอ็นดูพลอยใสอยู่ไม่น้อย
“นิดหน่อยค่ะ ช่วงนี้ก็กำลังสอบFinalและเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย แล้วพี่ลุคค์ล่ะคะช่วงนี้พลอยไม่ค่อยเจอพี่ลุคค์เลย”
“ช่วงนี้พี่ยุ่งงานที่ผับ แต่ช่วงที่นายกับพี่ธาราไม่อยู่พี่ก็จะอยู่ที่บ้านใหญ่ตลอด เราจะได้เจอหน้ากันทุกวันรับรองพลอยต้องเบื่อหน้าพี่แน่ ๆ”
“พลอยไม่มีทางเบื่อหน้าหล่อ ๆ ของพี่ลุคค์แน่นอนค่ะ” เด็กสาวตอบกลับเสียงใส
“ได้โปรดอย่าชมหน้าหล่อ ๆ ของพี่ให้นายได้ยินเด็ดขาด พี่ยังไม่อยากเป็นคนหล่อตกงานตอนนี้ รถคันนี้ก็ยังผ่อนไม่หมด เงินในบัญชีก็ยังไม่พอซื้อเครื่องบินเจ็ต บ้านก็ยังไม่ลงเสา สาวก็ยังไม่ได้กอด พี่ยังอยากมีงานทำต่อไปอยู่ครับ” ลุคค์แกล้งพูดติดตลกจนเด็กสาวหัวเราะออกมากับความตลกขี้เล่นของลุคค์
ครืด ~ ครืด ~ ครืด
เสียงโทรศัพท์สั่นในกระเป๋ากางเกงของบอดี้การ์ดหนุ่มดังแทรกขึ้น
“ครับนาย” ลุคค์รีบรับสายทันทีเมื่อเบอร์ที่โทรเข้ามานั้นคือมาเฟียหนุ่มที่อยู่คนละทวีปห่างกันกว่า 4885 กิโลเมตร
“มึงว่างมากเหรอ งานที่กูสั่งไปถึงไหนแล้ว” เสียงเข้มถามกลับมาตามสาย
“ผมกำลังจะส่งข้อมูลให้นายดูครับ”
“แล้วเมื่อไหร่จะส่งมา กูเห็นมึงยืนคุยกับเด็กนั่นเป็นชั่วโมงแล้ว” ชาร์วีกระแทกเสียงดังมาตามสายอย่างหงุดหงิด ด้วยความที่เจออากาศร้อนของเมืองทะเลทรายส่งผลให้อารมณ์เริ่มร้อนตาม
“นายอย่าหวงของจนหน้ามืดสิครับผมแค่ทักทายกับพลอยใสยังไม่ถึงสิบนาทีเลย แค่นี้นะครับผมจะรีบส่งงานไปให้” ลุคค์พูดจบก็กดตัดสายคนเป็นนายทันที โดยไม่กลัวว่าเจ้านายจะโมโหจนไล่เขาออกหรือไม่เพราะลุคค์กับธาราเรื่องฝีปากกล้าก็อยู่ระดับใกล้ ๆ กัน
“แม่งเอ้ย! ลูกน้องแต่ละคน ให้มันได้อย่างนี้สิวะ” ชาร์วีสบถด่าขึ้นเสียงดังเมื่อถูกมือซ้ายคนสนิทกดตัดสายพร้อมกับข้อความแดกดัน จนมังกรที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามขึ้น
“หงุดหงิดเรื่องอะไรวะ” มังกรไม่เข้าใจอาการหงุดหงิดของเพื่อนทั้งที่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้การเจรจาธุรกิจก็ผ่านไปได้ด้วยดี
“เกิดอะไรขึ้นครับนาย” ธาราที่นั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับหันมาถามคนเป็นนายทันที
“~” ชาร์วีไม่ตอบคำถามเอาแต่จ้องหน้าจอโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น
รถยนต์ Toyota Sequoia V8 5.7 ลิตรกำลังโลดแล่นอยู่บนทะเลทรายกว้างสุดลูกหูลูกตา มุ่งหน้าสู่ใจกลางเมืองดูไบด้วยความเร็วเต็มสปีด บรรยากาศภายในรถที่เงียบสงัดมีเพียงเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเข้ามาให้ได้ยิน บรรยากาศที่สว่างจ้าและร้อนระอุจากแสงแดดของดวงอาทิตย์ ท้องฟ้ากำลังเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีครามมืดครึ้มเมื่อพระอาทิตย์กำลังจะตกดินและความหนาวเย็นเข้ามาแทน รถยังทำความเร็วสม่ำเสมอโดยมีรถของบอดี้การ์ดอีกสองคันวิ่งประกบหน้าหลังเพื่อรักษาความปลอดภัย
"นายจะออกไปดื่มข้างนอกไหมครับคืนนี้” ธาราถามขึ้นเมื่อทุกคนกลับมาถึงโรงแรมที่พักกลางเมืองดูไบ ที่อู้ฟู่ไปด้วยความหรูหราบ่งบอกฐานะของผู้คนที่อาศัยอยู่เมืองนี้
“ไม่ กูต้องการพักผ่อน พรุ่งนี้เช้าเตรียมเครื่องบินให้พร้อมเราจะบินกลับไทยพรุ่งนี้” สิ้นคำสั่งชาร์วีก็เดินเข้าห้องส่วนตัวทันทีด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่
“เนท แจ้งนักบินด้วยพรุ่งนี้เราจะเดินทางกลับไทย” ธารายกโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาเนทเพื่อแจ้งนักบินเตรียมวางแผนการบินสำหรับวันพรุ่งนี้ และหันไปสั่งงานบอดี้การ์ดที่ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่บริเวณโดยรอบทั้งชั้นที่เขาจัดการเช่าเหมาทั้งชั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวและง่ายต่อการรักษาความปลอดภัย
“ไอ้ชาร์ล่ะ ไม่ลงมาดื่มด้วยเหรอ” มังกรที่นั่งดื่มอยู่ที่คลับส่วนตัวของแรมโดยมีสาวเอเชียสองสามคนนั่งห้อมล้อมคอยดูแลปรนนิบัติอยู่ข้างกาย เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นธาราเดินเข้ามาคนเดียวไร้เงามาเฟียหนุ่ม
“นายบอกว่าต้องการพักผ่อนครับ” ธาราตอบกลับสั้น ๆ ก่อนจะนั่งลงดื่มเงียบ ๆ โดยมีเนทเป็นคนทำหน้าที่ชงเหล้าให้
“เด็กคนนั้นดูไร้เดียงสาเกินกว่าที่จะยืนเคียงข้างไอ้ชาร์นะ” อยู่ ๆ มังกรก็พูดขึ้น สายตาคมตวัดขึ้นมองหน้าและกระดกเหล้าในแก้วรวดเดียวหมด
“เธอแข็งแกร่งกว่าที่คุณคิด และอีกอย่างเด็กคนนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับนายนอกจากเป็นเด็กในอุปการะแค่นั้นครับ”
“มึงโตมากับไอ้ชาร์ตั้งแต่เด็ก มึงอย่าบอกกูว่ามึงดูไม่ออกว่าไอ้ชาร์มันสนใจเด็กคนนั้นพิเศษกว่าคนอื่น” มังกรจ้องหน้าธาราและพูดขึ้นน้ำเสียงหนักแน่น
“เป็นเรื่องส่วนตัวของนายครับ” ธาราเลือกตัดบททันที
“กูไม่ได้สนใจเรื่องชาติกำเนิดของเด็กคนนั้น ถ้าเด็กคนนั้นสามารถยืนเคียงข้างไอ้ชาร์ได้ทุกคนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร จะยินดีด้วยซ้ำที่คนเย็นชาอย่างไอ้ชาร์จะรักคนอื่นเป็น”
“เรื่องของกูไม่ต้องให้คนอื่นมาคิดแทน และอีกอย่างกูก็ไม่ได้คิดอะไรกับเด็กคนนั้น กูมีหน้าที่แค่ส่งเสียพวกเธอให้เรียนจบและมีอนาคตที่ดีตามความต้องการของพ่อกูเท่านั้น” ชายหนุ่มร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำกางเกงสแลกสีดำสวมรองเท้าหนังมันวับเดินมาหย่อนสะโพกนั่งลงโซฟาตรงตำแหน่งที่ว่างฝั่งตรงข้ามธารา
“งั้นกูขอเด็กคนนั้นมาดูแลต่อได้ไหม รู้สึกถูกชะตากับเด็กมันมาก”
“อย่ายุ่งกับคนของกู” เสียงเหี้ยมบอกเสียงลอดไรฟันออกไป สายตาคมดุบ่งบอกว่าหมายความตามที่พูด