“หมอซันคะ อาจารย์หมอวัลลภเรียกให้ไปพบค่ะ”
พยาบาลประจำแผนกศัลยกรรมคนหนึ่งรีบบอกอคิราห์ทันทีเมื่อเขาก้าวเท้าเข้ามายังแผนก
อคิราห์เป็นประจำแผนกศัลยกรรมทั่วไปของโรงพยาบาลรัฐบาลแห่งหนึ่ง เมื่อไม่กี่วันก่อนเขายื่นเรื่องขอลาออกกับทางโรงพยาบาลเพราะวางแผนไว้ว่าจะไปเรียนต่อศัลยกรรมตกแต่งที่ต่างประเทศ อาจารย์หมอคงจะเรียกเขาเข้าไปคุยเรื่องนี้
“สวัสดีครับอาจารย์”
“สวัสดี นั่งก่อนสิ”
“อาจารย์เรียกมาพบเพราะเรื่องที่ผมลาออกใช่ไหม”
“ใช่ ผมคิดว่าคุณควรจะขอลาไปเรียนมากกว่าลาออก” อาจารย์วัยเกือบเกษียณบอกกับคนที่เป็นทั้งรุ่นน้องและลูกศิษย์ เขาเสียดายชายหนุ่มฝีมือดีที่สอนมาเองกับมือ
“ผมวางแผนไว้ว่าหลังจากเรียนจบแล้วจะหางานที่นั่นสักพักค่อยกลับมาน่ะครับ”
“แสดงว่าจะไปด้วยทุนส่วนตัวใช่ไหม”
“ครับอาจารย์ ทุนของโรงพยาบาลเอาไว้ให้คนอื่นดีกว่า ผมเองก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง”
อคิราห์ไม่อยากใช้ทุนของโรงพยาบาลเพราะถ้าเรียนจบก็ต้องรีบกลับมาใช้ทุน ชายหนุ่มไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินเพราะครอบครัวพอมีฐานะ นอกจากนั้นยังได้เงินจากการฟ้องหย่าที่บิดาจ่ายให้กับมารดาของเขามากถึงยี่สิบล้าน
แต่เดิมเขาไม่คิดจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศเพราะต้องดูแลน้องชายซึ่งมีอายุห่างกับเขาถึง 10 ปี แต่ตอนนี้อคิราห์ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว เขาจึงอยากไปเรียนในสิ่งที่ตัวเองชอบและคิดว่าจะทำงานที่นั่นสักพักค่อยกลับมาทำงานที่เมืองไทย หรือถ้าอยู่ที่นั่นแล้วทุกอย่างมันโอเคเขาก็อาจจะไม่กลับมาอีกเลยก็ได้
“อีกหลายเดือนกว่าจะถึงวันนี้ ผมหวังว่าคงมีอะไรหรือใครทำให้คุณเปลี่ยนใจนะ จดหมายลาออกของคุณผมจะเก็บไว้ก่อน”
“ครับอาจารย์” อคิราห์เข้าใจว่าอาจารย์หวังดีกับเขา
ชายหนุ่มเดินออกจากห้องของอาจารย์แล้วกลับไปดูคนไข้ของตัวเองอย่างที่ทำเป็นประจำอยู่ทุกวัน พอถึงเวลาอาหารกลางวันก็ลงไปทานที่ห้องอาหารของโรงพยาบาล
อคิราห์สั่งข้าวหมูแดงกับน้ำลำไยหนึ่งแก้ว ก่อนจะเดินถือไปวางบนโต๊ะตัวหนึ่งซึ่งมีเพื่อนของเขานั่งอยู่ก่อนแล้ว
“ชล นึกยังมากินข้าวในโรงอาหาร” เขาถามชลหรือชลกรเพื่อนสนิทซึ่งตอนนี้เป็นแพทย์ประจำบ้านอยู่ที่แผนกอายุรกรรม
“ขี้เกียจออกไปข้างนอก”
“ฉันว่านายไม่ได้ขี้เกียจ เพราะได้ข่าวว่านายเลิกกับแฟน”
“ใครบอกมึงวะ ข่าวไวชิป” คนพูดส่ายหัว เขากับแฟนนักศึกษาเพิ่งจะเลิกกันไม่ถึง 24 ชั่วโมงข่าวก็กระจายไปทั่วอย่างกับมะเร็งระยะรุกราม
“วันก่อนยังเห็นรักกันจะตาย แล้วทำไมมาเลิกกันได้ล่ะ”
“เรื่องเดิม ปัญหาเดิมฉันไม่มีเวลาให้เขา”
“เฮ้อ อาชีพอย่างเราหาคนเข้าใจยาก”
“ฉันเห็นด้วยนะซัน ต่อไปนี้ฉันว่าจะตั้งใจทำงานดีกว่า เก็บเงินไว้ อยากได้ก็ซื้อกิน”
“พูดง่ายนะ แต่ก็ระวังโรคด้วย”
“รู้หรอกน่าว่าถุงยางอนามัยเขาซื้อกันที่ไหน แล้วนายล่ะเป็นยังไงบ้าง ทำใจได้หรือยัง”
“อือ ก็พอทำใจได้ ฉันไม่ค่อยสนิทกับน้องเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกใจหายที่เขาไม่อยู่แล้ว”
“อือ ฉันเป็นห่วงนายนะ บิวก็ด้วย”
ชื่อของหญิงสาวที่เพื่อนเอ่ยขึ้นมานั้นทำให้ อคิราห์เงยหน้าขึ้นมองคนพูดด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ชลกรก็ไม่ได้สะทกสะท้าน
“เมื่อไหร่บิวจะเข้าใจสักทีว่าฉันไม่ได้ชอบผู้หญิง”
“แต่เขาก็ไม่เคยเห็นนายคบผู้ชายนี่หว่า เขาเลยคิดว่านายพูดเล่น” ชลกรพูดตามที่ได้ยินมาจากบิวหรือกีรณาเพื่อนอีกคนที่ตอนนี้ทำงานอยู่ที่แผนกกุมารเวช
“ก็เพราะเขาไม่เห็นไง แล้วฉันจะต้องไปป่าวประกาศให้คนอื่นรู้ด้วยเหรอว่ากำลังคบใคร นอนกับใคร ผู้หญิงนี่แม่งเข้าใจยากจริงๆ”
“ฉันเห็นด้วยกับนายเลยข้อนี้ เข้าใจยากจริง นี่ก็ว่าจะลองเปลี่ยนใจมาคบผู้ชายดู เริ่มจากนายก่อนคนแรกดีไหม”
“ไม่อะ ฉันไม่นิยมผู้ชายแบบนาย”
“ทำไม แบบฉันมันเป็นยังไง นายยังไม่ลองแล้วจะรู้เหรอว่าผู้ชายอย่างฉันก็เด็ดอยู่นะ”
“นายพูดเหมือนอยากให้ฉันลอง”
“กล้าไหมล่ะ”
“นายไม่ต้องมาท้าฉัน ต่อให้หน้ามืดแค่ไหนฉันก็ไม่เอานายมาทำเมียหรอก”
“เอาทำผัวก็ได้นะ สนไหมล่ะ” คุณหมอท่าทางสุภาพพูดออกมาหน้าตาเฉย
“เชิญป้ายหน้านะครับคุณหมอชลกร” อคิราห์ส่ายหัวก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ
หลังจากสอบเสร็จวิชาแรกไทธัชก็วิ่งมายังห้องธุรการเขาอยากรู้ว่าทำไมถึงมีประกาศให้เขาเข้าห้องสอบ เพราะตอนที่มาขอผ่อนผันค่าเทอมอาจารย์แจ้งเขาว่าให้มาสอบวันหลัง
“ครูครับ ทำไมผมถึงได้สอบพร้อมเพื่อนล่ะครับ ผอ.กลับมาแล้วเหรอครับ”
“เปล่าหรอกจ้ะ ผอ. ยังไม่กลับมาแต่มีคนชำระค่าเทอมให้เธอแล้ว”
“ใครครับ”
“ครูนึกว่าเธอรู้แล้วว่าใครเป็นคนจ่ายให้”
“ผมไม่รู้ครับครู หรือว่าแม่มาจ่าย” หัวใจของเขาหล่นไปที่ตาตุ่มถ้าคนที่มาจ่ายเป็นแม่ นั่นก็หมายความว่าท่านรู้เรื่องที่เขาโดนโกงแล้ว
“ไม่ใช่หรอก คนที่จ่ายให้เป็นพี่ชายของอคินทร์ เขาบอกว่ารู้จักนาย”
“แล้วเขาอยู่ไหนครับ ผมอยากคุยกับเขา”
“เขากลับไปแล้ว ครูว่ารีบกลับสอบวิชาต่อไปเถอะ เรื่องค่าเทอมก็มีคนจ่ายให้แล้ว ไม่ต้องกังวลอีกแล้ว”
“ครับ ขอบคุณครับ”
พอได้คำตอบแล้วไทธัชก็เดินกลับไปยังห้องสอบตามเดิม เขายังเหลือวิชาที่ต้องสอบวันนี้อีกถึงสองวิชาจึงยังไม่อยากคิดเรื่องนี้ ในเมื่อรู้แล้วว่าคนที่จ่ายเงินคือใคร เอาไว้สอบเสร็จในเย็นวันศุกร์ค่อยไปหาชายคนนั้นก็ได้
แม้ไม่รู้ว่าจะหาเงินมาจากไหนเพื่อเอาไปคืนพี่ชายของเพื่อน แต่ก็ไม่คิดจะได้เงินของใครมาฟรี ๆ ถ้าเป็นไปได้ไทธัชอาจต้องหางานพิเศษทำเพื่อเอาเงินไปคืน
“ได้เรื่องไหมวะไท”
“อือ มีคนจ่ายค่าเทอมให้”
“ใครวะ” แทนคุณหรือแทนถาม เขารู้แค่ว่าเพื่อนไม่มีเงินมาจ่ายค่าเทอมแต่ไม่รู้เหตุผลเพราะไทธัชไม่ยอมบอก
“พี่ชายไอ้คิว”
“ไอ้คิว” แทนคุณไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนคนนี้เท่าไหร่ เพราะแทนคุณเป็นสายกีฬาส่วนอคินทร์เป็นเด็กสายวิชาการ
“เขาทำแบบนั้นทำไมวะ มึงกับไอ้คิวก็ไม่สนิทกันนี่หว่า”
“กูก็ไม่รู้ สอบเสร็จกูจะไปถามเขา จะหาเงินไปคืนเขาด้วย”
“มึงจะหาเงินที่ไหนวะ”
“หางานพิเศษทำ”
“แต่อีกไม่กี่เดือนเราก็จะต้องสอบเข้ามหาลัยแล้วนะ มึงจะมีเวลาอ่านหนังสือเหรอ”
“ไม่เป็นไรกูคิดว่าแบ่งเวลาได้”
“อือ กูเอาใจช่วยมึงนะ เดี๋ยวกูจะลองถามพี่กูดูว่ามีงานอะไรที่ให้มึงทำได้บ้างไหม” พี่ชายของแทนคุณนั้นเป็นบาร์เทนเดอร์อยู่ในบาร์แห่งหนึ่งแถวถนนสีลม
“ขอบใจนะแทน”
คุยกันได้เพียงเท่านี้ก็ถึงเวลาสอบวิชาต่อไป ไทธัชมีสมาธิกับการทำข้อสอบมากกว่าวิชาแรก เพราะเขารู้ดีว่าการสอบแต่ละครั้งมันมีผลกับชีวิตที่เหลือของตัวเองมากแค่ไหน
เด็กหนุ่มไม่ได้มาจากครอบครัวที่ร่ำรวยเพราะฉะนั้นการศึกษาจึงเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นมาได้
อคิราห์ไปส่งไทธัชเสร็จแล้วก็กลับมาที่คอนโด ขณะกำลังเดินไปหยิบน้ำในตู้เย็นก็เห็นไอแพดที่อีกคนลืมไว้เขาถือวิสาสะหยิบขึ้นมาดู ก็เห็นข้อความที่เพื่อนของไทธัชส่งเข้ามาหลังจากอ่านแล้วก็รู้สึกกังวลเพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ไทธัชกำลังถูกคนในคณะเข้าใจผิด เนื่องจากมีผู้หญิงคนหนึ่งออกมาพูดทำนองว่าไทธัชเป็นเกย์และตอนนี้กำลังมีเสี่ยใหญ่คนหนึ่งคอยช่วยเหลือเรื่องการเงินอยู่อคิราห์เปิดเข้าไปตามลิงค์ต้นเรื่องก็เห็นคนมาแสดงความคิดเห็นต่อจากเจ้าของโพสต์กันสนุกปาก บ้างก็ว่าเสี่ยที่ดูแลไทธัชอยู่นั้นภรรยาอยู่แล้ว บ้างก็ว่าไทธัชทำทุกอย่างเพื่อแลกกับเงินก้อนโต แต่ทำให้อคิราห์โมโหที่สุดก็คือคนที่บอกว่าเสี่ยของไทธัชนั้นทั้งแก่ทั้งอ้วนและยังหัวล้านอีกด้วยแต่ก็มีบางความคิดเห็นที่บอกว่าเป็นเกย์ไม่ผิด แต่ผิดที่ไม่รู้จักเลือกคนให้ดี ๆ หน่อยไม่ใช่เห็นแก่เงินจนลืมนึกถึงหน้าตาและอายุ แม้จะมีหลายคนบอกว่าไทธัชไม่ได้เป็นแบบนั้น เพราะเคยเห็นแฟนของไทธัชแล้ว แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเท่าไหร่ เพราะน้อยคนนักที่จะได้เห็นไทธัชกับแฟนอยู่ด้วยกันอคิราห์ไม่รู้ว่าไทธัชเห็นโพสต์นี้แล้วจะเป็นยังไงบ้างชายหนุ่มรีบโทรไปถามเพราะกลัวว่าอีกคนจะรู
หลังเลิกเรียนอคิราห์ก็มารับไทธัชตามที่นัดไว้ พอชายหนุ่มเห็นรถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาก็รีบเดินไปขึ้นรถทันที“รอพี่นานไหม” อคิราห์ถามพร้อมกับยื่นชาเขียวให้กับคนรัก“ขอบคุณครับ รอไม่นานเพิ่งลงมาไม่ถึงห้านาที”รถเคลื่อนออกมาได้สักระยะไทธัชก็ถามขึ้น“พี่ซันทำไมไม่บอกผมเรื่องเงิน 25 ล้าน”“พี่นึกว่าแม่บอกไทแล้วนะ เพราะตอนนั้นพี่ไม่ได้อยู่เมืองไทย”“อยู่ที่ไหนก็บอกได้เหมือนกันนะครับ ผมว่าพี่ตั้งใจปิดมากกว่า”“พี่จะปิดได้ยังไง นั่นมันบัญชีของไทนะ”“แต่ก็น่าจะบอกรู้ไหม ว่าเอาเงินนั้นไปฝากประจำจะได้ดอกเบี้ยเยอะเลย”“ที่ผ่านมาไม่เคยเอาสมุดบัญชีไปปรับเลยใช่ไหม”“ครับ บัญชีนี้ไม่มีในแอปธนาคารด้วยก็เลยไม่รู้ว่ามีเงินเข้า พอดีวันนี้คุณธีรธรเขาโอนเงินค่ามัดจำเขาก็เลยลองเอาไปปรับดู”“พี่อยากให้ไทเก็บไว้ใช้จ่าย”“ไม่หรอกครับ ผมว่าจะขออนุญาตเอาไปเปิดบัญชีฝากประจำได้ไหมครับ ถ้าได้ดอกเบี้ยค่อยเอามาใช้”“จะขอพี่ทำไท นั้นเงินของไท”“แต่แม่พี่บอกว่าให้พี่ แต่พี่ยกให้ผม”“นั้นไง ก็ยกให้แล้ว ไทจะเอาไปทำอะไรก็ได”“ขอบคุณนะครับ เงินมากขนาดนั้นทั้งชาติผมคงไม่มีโอกาสหาได้”“บอกแล้วไงไทเป็นเด็กดี มีอะไรที่พี่ให้ได้พี่
ไทธัชถูกประคองเดินมาที่เตียงในเวลาเกือบตีสอง ขาเขาสั่นจนแทบเดินไม่ไหว แต่ก็ไม่อยากให้อคิราห์อุ้ม เพราะดูแล้วอีกคนก็หมดแรงไม่ต่างจากตัวเองมากนักจากที่คิดจะไปอาบน้ำให้สดชื่น แต่คนพี่ก็อาสาเป็นคนทำความสะอาดช่องทางรักที่เต็มไปด้วยน้ำสีขาวขุ่น แต่เพราะคนทำความสะอาดช่ำชองจนเกินไปไทธัชจึงตื่นตัวอีกครั้งและบทรักก็บรรเลงใต้ฝักบัวอยู่อีกเกือบครึ่งชั่วโมง ก่อนทั้งสองจะปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองถึงจุดสุดยอดไปกี่ครั้ง รู้แต่ทุกครั้งมันเต็มไปด้วยความสุข อคิราห์ส่งผ่านความรักความคิดถึงผ่านทุกสัมผัสจนไทธัชลืมเรื่องน้อยใจไปจนหมดสิ้น“ไทครับ เรียนกี่โมงนะ”“สิบโมงครับ ตอนนี้กี่โมงแล้ว” ไทธัชยังไม่ยอมออกจากผ้าห่ม เขายังคงกอดอคิราห์ไว้อย่างนั้น กลัวเหลือเกินว่าที่ผ่านมาเมื่อคืนมันจะเป็นเพียงความฝัน“แปดโมงครับ นอนต่ออีกหน่อยก็ได้ เดี๋ยววันนี้พี่ขับรถไปส่ง”“ผมไปเองได้ครับ นั่งรถไฟฟ้าไปแป๊บเดียวก็ถึงหรือโหนรถเมล์ไปก็ได้”“อย่าดื้อครับ ลองลุกมาก่อนไหม แล้วลองเดินดูว่าตัวเองจะเดินขึ้นบันไดสถานีรถไฟฟ้าได้ไหมหรือจะยืนเบียดคนอื่นบนรถเมล์ไหวไหม” อคิราห์มองคนที่นอนจมอยู่บนเตียงนอนแล้วก็รู้สึกสงสา
ก่อนกลับคอนโดไทธัชไลน์ไปถามอคิราห์ว่าเย็นนี้เขาจะทานอะไรแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่อ่าน ชายหนุ่มเลยแวะซื้อข้าวสวยและกับข้าวที่อคิราห์ชอบกลับไปด้วยเขากลับมาถึงห้องก็ปิดไฟมืด เขาคิดว่าอคิราห์คงนอนอยู่ที่ห้องนอนเล็กเหมือนเดิม แต่เปิดเข้าไปห้องก็ว่างเปล่า ไทธัชเริ่มกังวลหรือว่าภาพเหตุการณ์เมื่อเช้าเป็นสิ่งที่เขาคิดไปเอง ชายหนุ่มรีบเดินมาดูที่ห้องนอนใหญ่แล้วก็ยิ้มเมื่อเห็นว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นคืออคิราห์จริงไทธัชไม่อยากกวนเวลานอนจึงกลับมาอาบน้ำที่ห้องของตัวเอง คิดว่าให้อคิราห์นอนต่อ แต่ก็ทนใจแข็งได้ไม่นานเพราะอยากพูดคุยกับเขาให้หายคิดถึงชายหนุ่มเปิดเข้าไปในห้องอีกครั้งก็ไม่คนที่นอนอยู่เมื่อครู่ เขาได้ยินเสียงอาบน้ำ จึงรีบออกมาเตรียมอาหารไว้รอพอทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินไปตามอคิราห์อีกครั้งก๊อก ก๊อก ก๊อก“พี่ซันครับ ผมเข้าไปได้ไหม”เงียบ..“ผมเข้าไปแล้วนะ”ไทธัชถามอีกครั้งแต่คนในห้องก็ยังไม่ตอบ เขาจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ออกจากห้องน้ำก็เลยนั่งรออยู่บนเตียง“ผมมาตามไปกินข้าวครับ ผมไปรอข้างนอกนะครับ” ไทธัชรีบบอกเมื่อเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ“ทำไมต้องไปรอข้างนอก ไหนว่าคิดถึง
ไทธัชรู้สึกว่าเวลาของตัวเองจะเดินช้ากว่าของคนอื่น ตั้งแต่ปีใหม่ครั้งนั้นอคิราห์ก็ยังไม่กลับมาเมืองไทยเลยสักครั้ง เขารู้ว่าอีกคนยุ่งทั้งเรียนและเก็บเกี่ยวประสบการณ์แต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ปีใหม่ครั้งที่ผ่านมาเขาต้องนอนร้องไห้อยู่คอนโดเพราะคิดถึงความทรงจำที่เคยมีด้วยกันกับคนรัก ไหนจะช่วงวาเลนไทน์ที่ผ่านมาถึงสองครั้งเขาก็เคยได้มีโอกาสฉลอง มีแต่ของขวัญที่ส่งมาทั้งปีใหม่ วาเลนไทน์รวมไปถึงวันเกิด แต่ใครบอกว่าเขาอยากได้ของขวัญมีราคาพวกนั้นแม้จะวิดีโอคอลคุยกันทุกวัน บอกรักกันทุกวันแต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับอ้อมกอดที่อบอุ่นของผู้ที่ชื่ออคิราห์เลยสักนิด“ไท เหนื่อยเหรอท่าทางไม่ดีเลย”“นิดหน่อยครับ วันนี้มีกิจกรรมรับน้องผมเป็นพี่ปีสามก็เลยเหนื่อยหน่อย พี่ซันล่ะครับ ดูเหมือนช่วงนี้จะร่าเริงเป็นพิเศษนะครับ มีอะไรดีหรือเปล่า”“ก็แค่วันนี้อาจารย์ให้พี่ได้ลองทำอะไรหลาย ๆ อย่างแล้วพี่ก็ทำออกมาได้ดี”“พี่ซันเก่งอยู่แล้ว ผมว่าถ้ากลับมาครั้งนี้คงยุ่งจนไม่มีเวลาให้ผมแน่ ๆ เลย”“ถ้ากลับไปพี่คงพักสักระยะแล้วค่อยเริ่มงาน พี่จะให้เวลาไทเต็มที่เลยดีไหม”“อือ ถ้าพี่กลับมาเราไปเที่ยวทะเลกันไหมครับ ผมอยากพาแม่กับยายไ
หลังจากที่ส่งหลักฐานให้กับทนายแล้วไทธัชก็หมดหน้าที่ แต่เขาก็คอยติดตามความเคลื่อนไหวที่ผ่านมาทางอคิราห์อยู่ทุกวันเรื่องหย่าจบไปตั้งแต่สัปดาห์แรก เพราะคุณตรีวุฒิกลัวว่าเรื่องที่เขาพาเด็กผู้ชายเข้ามานอนในบ้านจะรู้ถึงหูคนอื่น และจะทำให้เขาเสียชื่อเสียง เขาจ่ายค่าเลี้ยงดูคุณอรณีถึง 25 บาท แต่เขาไม่รู้เลยว่าหลังจากเซ็นใบหย่าแล้ว เรื่องราวมันจะรุนแรงขึ้นในแบบที่เขาแทบจะไม่มีที่ยืนในสังคมมารดาของอคิราห์ร้องไห้จนเป็นลมเมื่อทราบเรื่องที่ลูกชายโดนพ่อเลี้ยงกระทำชำเรา เธอโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองที่ดูแลลูกไม่ดี และยังพาคนชั่วอย่างตรีวุฒิเข้ามาอยู่ในบ้าน แต่เธอก็ไม่ได้โดดเดี่ยวเพราะได้คุณอรรณพอดีตสามีคอยอยู่ข้าง ๆพอตั้งสติได้คุณอรณีก็เข้มแข็งขึ้น เธอและคุณอรรณพนำคลิปหลักฐานที่นายตรีวุฒิทำกับลูกชาย ภาพถ่าย และคำขู่ที่ฝ่ายนั้นส่งมาคุกคามลูกชายของเขาให้กับตำรวจ เธอก็บอกให้จัดการทุกอย่างตามกฎหมายโดยไม่ต้องห่วงว่าเธอจะรู้สึกยังไง จะเสียชื่อเสียงไหม เธออยากให้ผู้ชายคนนั้นรับโทษจากการกระทำของตัวเองโดยเร็วที่สุดพอมีข่าวว่าตรีวุฒิถูกจับ ก็มีเด็กหนุ่มอีกหลายคนซึ่งตกเป็นเหยื่อทางอารมร์ของตรีวุฒิเข้ามาแจ้