ณ เรือนไม้สักยกพื้น
ในที่สุดทั้งสามก็เดินทางมาถึงที่หมายอย่างสวัสดิภาพในเวลาที่ตะวันใกล้จะตกดินพอดี โดยมีเจ้าของบ้านหรือตาบุญกับยายลียืนรอต้อนรับทั้งสามคนอยู่หน้าบ้านแล้ว เพราะหลานสาวคนโตหรือซีเซียได้โทรบอกทั้งสองล่วงหน้าแล้วว่าจะมาหา
ด้านซีเซียเมื่อลงจากรถก็รีบวิ่งไปหาตากับยายของเธอที่ยืนรออยู่หน้าบันไดบ้าน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว
"ตาจ๋ายายจ๋า สวัสดีค่ะ หนูคิดถึงตากับยายที่สุดเลย" พนมสองมือน้อยๆไว้ตากับยายเสร็จ ซีเซียก็เข้าไปกอดทั้งสองทันทีด้วยความคิดถึง แม้เธอจะกลับกรุงเทพไปได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่ก็รู้สึกคิดถึงท่านทั้งสองเหมือนว่ากลับไปนานเป็นเดือน
"ยายกับตาก็คิดถึงเราเหมือนกันยัยหนูเซีย เดินทางมาเหนื่อยๆขึ้นไปพักบนบ้านก่อนเถอะ" ยายลีเอ่ยพูดพลางลูบศรีษะเล็กของหลานสาวคนโตอย่างรักใคร่เอ็นดู ไม่ต่างกับตาบุญที่แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ลูบศรีษะเล็กของหลานสาวคนโตอย่างรักใคร่เอ็นดูเช่นเดียวกัน
...ตาบุญกับยายลี ถิ่นกำเนิดไม่ใช่คนใต้ แต่เป็นคนภาคกลางที่ย้ายมาตั้งถิ่นฐานสร้างครอบครัวอยู่ที่ใต้ตั้งแต่หนุ่มสาว ทั้งคู่จึงพูดภาษากลางกันตามปกติรวมถึงน้ำพั้นซ์ด้วย ทุกคนในครอบครัวพูดภาษากลางกันหมด ไม่ได้ติดพูดภาษาใต้หรือภาษาถิ่นแต่อย่างใด แต่ก็รู้ภาษาถิ่นดีและฟังภาษาถิ่นออกทุกคำ และในหมู่บ้านนี้ตาบุญกับยายลีนับว่าเป็นคนมีฐานะ เพราะมีที่ดินทำมาหากินหรือสวนยางมากกว่าร้อยไร้ บ้านเรือนก็หลังใหญ่กว่าคนในหมู่บ้าน และด้วยความที่ตาบุญเป็นคนเงียบๆดูน่าเกรงขามและยังเป็นคนเด็ดขาด ชาวบ้านจึงต่างพากันเคารพนับถือ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ใหญ่บ้านหรือคนใหญ่คนโตอีกหลายคน ที่ต่างพากันเคารพนับถือตาบุญกันหมด...
"สวัสดีครับ / สวัสดีครับ" เสียงทุ้มของเตชินท์และศิลาที่เดินตามหลังซีเซียมาติดๆ เอ่ยสวัสดีผู้ใหญ่ทั้งสองพร้อมยกมือไหว้ตามมารยาท
ด้านตาบุญกับยายลีก็ยกมือรับไหว้และยิ้มตอนรับอย่างดี ก่อนจะเป็นตาบุญที่เอ่ยพูดขึ้น
"มากันเหนื่อยๆ ขึ้นไปพักดื่มน้ำดื่มท่ากันบนบ้านก่อนเถอะ"
"ครับ/ครับ"
สิ้นเสียงตอบรับพร้อมกันของเตชินท์กับศิลา ทั้งหมดก็พากันเดินขึ้นไปบนบ้าน โดยที่สายตาคู่คมของเตชินท์เอาแต่กวาดมองหาร่างเล็กของเด็กสาวคนที่เขาเฝ้ารอเจอเธอมาตลอด แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ามองหาไปก็ไม่เจอเพราะเธอโดนขังไว้ในห้อง แต่ก็ยังอยากที่จะมองหาเธอ จนกระทั่งเดินขึ้นมาบนบ้าน ทุกคนก็ต่างนั่งลงยังเก้าอี้ไม้สักชุดใหญ่ที่มีโต๊ะเตี้ยทรงสี่เหลี่ยมวางอยู่ตรงกลาง พอต่างคนต่างหาที่นั่งกันเรียบร้อย เสียงเล็กๆของซีเซียก็เอ่ยพูดขึ้นทันที
"ตาจ๋า แล้ว.. เอ่อ พั้นซ์ล่ะคะ" ซีเซียรู้สึกกล้าๆกลัวๆที่จะถามตาของเธอ เพราะหวั่นเกรงในความสุขุมของคนเป็นตา แม้ตาจะเอ็นดูเธอมาก แต่เพราะเธอไม่ได้โตมากับตายาย จึงไม่แปลกถ้าเธอจะมีความหวั่นเกรงอยู่ โดยมีศิลานั่งอยู่ข้างๆไม่ห่าง ส่วนเตชินท์ก็นั่งมองอยู่ฝั่งตรงข้าม รอฟังอยู่เงียบๆ
"อยู่ในห้องโน่น ไอเจ้าพั้นซ์คงโทรไปเล่าให้ฟังแล้วสินะ เราถึงได้รีบมาหาตากับยายแบบนี้ คงไม่ใช่เรื่องงานแต่งอย่างเดียวหรอกใช่ไหม" ตาบุญเอ่ยตอบทันทีอย่างรู้ทัน เพราะดูจากท่าทีเกร็งๆของหลานสาวคนโต ตาบุญก็รู้แล้วว่าจุดประสงค์ของหลานสาวไม่ได้มาเพราะจะมาบอกเรื่องงานแต่งอย่างเดียว
ด้านเตชินท์ที่ได้ยินตาบุญเรียกน้ำพั้นซ์ว่าไอเจ้าพั้นซ์ ก็รู้สึกเอ็นดูในสรรพนามเรียกนี้ไม่น้อย เพราะแค่ฟังก็รู้ได้ว่าเจ้าตัวคงดื้อรั้นมาก แม้ว่าเขาจะพอรู้อยู่แล้วว่าน้ำพั้นซ์เป็นเด็กที่ซนเอาเรื่องเพราะตามดูเธอมาตั้งสี่ปี แต่ก็ไม่เคยเห็นความดื้อของเธอกับตาตัวเองสักที
ด้านซีเซียก็เงียบ ไม่ยอมตอบคำถามของคนเป็นตา เธอหันไปมองคนเป็นอาที่มองมาทางเธอนิ่งๆประหนึ่งขอความช่วยเหลือว่าจะตอบคนเป็นตาไปยังไงดี ทว่าเสียงของคนเป็นตาก็ดังขึ้นดึงความสนใจของเธอให้หันกลับมามอง
"ถ้าอยากไปหาเจ้าพั้นซ์ก็ไป แล้วบอกเจ้าพั้นซ์มันด้วยว่าครั้งนี้ตายอมปล่อยไปก่อน เห็นแก่ว่ามีแขกเต็มบ้านหรอกนะ ไม่อยากให้ทุกคนต้องมาอึดอัดกับเรื่องภายในครอบครัว"
ได้ยินเช่นนั้นซีเซียก็ยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจอย่างปิดไม่มิด ก่อนจะเอ่ยพูดกับตาด้วยน้ำเสียงใส่แจ๋ว
"ขอบคุณแทนพั้นซ์นะคะ หนูจะรีบไปบอกพั้นซ์เดี๋ยวนี้เลยค่ะว่าตายอมให้อภัยแล้ว"
พูดจบซีเซียก็เตรียมจะลุกขึ้นไปหาน้ำพั้นซ์ ทว่าคนเป็นตาก็เอ่ยรั้งเอาไว้เสียก่อน
"เดี๋ยวก่อน ตาไม่ยกโทษให้ทั้งหมดหรอกนะ เรื่องที่คาดโทษเอาไว้ยังเหมือนเดิม"
"ค่ะตา"
ซีเซียตอบรับทันที ก่อนที่คนเป็นยายที่นั่งเงียบอยู่นานจะเอ่ยพูดขึ้นมาบ้าง
"เดี๋ยวตากับยายจะไปฟังพระสวดศพญาติผู้ใหญ่บ้านที่วัด เซียพาคุณๆเค้าไปกินข้าวในครัวข้างล่างด้วยนะลูก ยายทำกับข้าวเตรียมไว้ให้เยอะแยะเลย ไม่ต้องรอตากับยายนะ ตากับยายจะกินข้าวที่งาน กว่าจะกลับก็อาจจะดึกหน่อย ส่วนที่หลับที่นอนก็ให้คุณๆเค้านอนห้องเซีย ส่วนเซียก็ไปนอนกับพั้นซ์เอานะลูก"
"ได้ค่ะยาย งั้นหนูไปหาพั้นซ์ก่อนนะคะ" พูดจบซีเซียก็รีบดีดตัวลุกขึ้นแล้วเดินจ้ำอ้าวไปหาน้ำพั้นซ์ที่ห้องฝั่งขวาอย่างไว้
...ซึ่งห้องนอนจะแยกเป็นสองฝั่ง ฝั่งซ้ายจะเป็นห้องใหญ่แค่ห้องเดียว คือห้องของตาบุญกับยายลี ส่วนฝั่งขวาจะเป็นห้องเล็กสองห้อง ห้องแรกเป็นห้องของน้ำพั้นซ์ ห้องถัดไปคือห้องเก่าของพ่อแม่น้ำพั้นซ์ แต่ตอนนี้พ่อของน้ำพั้นซ์ได้เสียชีวิตไปนานแล้วด้วยโรคประจำตัว ส่วนแม่ก็มีครอบครัวใหม่และย้ายไปอยู่กับทางพ่อเลี้่ยงที่ตัวอำเภอนานแล้วเช่นกัน พอตอนที่ซีเซียย้ายมาอยู่ที่นี่ ห้องเก่าของพ่อแม่น้ำพั้นซ์จึงกลายมาเป็นห้องของซีเซียจนถึงปัจจุบัน และด้วยความที่บ้านนี้มีแค่สามห้องเท่านั้น จึงเป็นเหตุให้แขกของบ้านหรือเตชินท์กับศิลาต้องนอนด้วยกันในห้องของซีเซีย ส่วนตัวซีเซียก็ไปนอนกับน้ำพั้นซ์ ทางด้านศิลาแม้จะไม่อยากนอนแยกห้องกับเมียเด็ก แต่ในเมื่อบ้านมีห้องจำกัด เขาจึงต้องจำยอมนอนกับเพื่อนตามที่เจ้าบ้านจัดให้...
"พวกคุณตามสบายเลยนะ ตากับยายขอตัวไปวัดก่อน" ตาบุญพูดอย่างเป็นกันเองกับเตชินท์และศิลา แม้สองหนุ่มตรงหน้าจะมีอายุน้อยกว่ารุ่นลูกไม่กี่ปี แต่ตาบุญก็เลือกที่จะแทนตัวเองว่าตา ด้านสองหนุ่มใหญ่จึงยิ้มรับ จากนั้นหญิงชายชราทั้งสองคนก็พากันเดินลงไปข้างล่าง เดินไปขึ้นรถกระบะคันใหญ่สีขาวแล้วขับออกไปยังวัดใกล้บ้านที่จัดงานศพของญาติผู้ใหญ่บ้านอยู่
ด้านน้ำพั้นซ์ขับรถมาถึงบ้านไข่ดำ ไม่ทันจะได้จอดรถสนิทเธอก็เอ่ยถามหาไข่ดำกับป้าแดงแม่ของไข่ดำที่นั่งกินข้าวอยู่หน้าบ้าน"ป้าแดงไอไข่ดำอยู่ไหมจ๊ะ""อยู่หลังบ้าน ไปแลตะ" (อยู่หลังบ้าน ไปดูสิ)ได้ยินเช่นนั้นน้ำพั้นซ์ก็รีบเอาขาตั้งรถลง พอจอดรถเสร็จเธอก็รีบเดินไปหาไข่ดำหลังบ้านตามที่ป้าแดงบอกทันทีด้านไข่ดำที่นั่งชื่นชมปลากัดหลายตัวที่อยู่ในขวดแก้วใสๆหรือขวดเหล้าหงส์และขวดโซดา พอหันไปเห็นน้ำพั้นซ์ที่เดินมุ่งตรงมาทางตัวเอง ไข่ดำก็เอ่ยทักออกไปทันที"อ่าวพี่พั้นซ์ มาแลไอเงินเนาะ" (อ่าวพี่พั้นซ์ มาดูไอเงินเหรอ)"อือ ว่าจะมาดูตั้งแต่เช้าแล้วแหละ แต่เมื่อวานต้องมีใครไปบอกตาแน่ว่าพี่แอบไปเล่นปลากันที่บ้านพี่แสน พี่เลยโดนตาจับขังไว้ในห้องตั้งแต่เมื่อวาน นี่ตาก็เพิ่งปล่อยออกมาเนี่ยแหละ โคตรเซ็งเลย อย่าให้รู้นะว่าใครที่มันปากบอนไปบอกตา แม่จะไปจับแหกปากถึงบ้านเลยคอยดู" น้ำพั้นซ์พูดด้วยท่าทีกระฟัดกระเฟียด ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห เพราะไม่รู้ว่าคนที่เอาเรื่องของเธอไปฟ้องตาเป็นใคร แต่ก็คงจะไม่พ้นพวกป้าข้างบ้านอีกเหมือนเดิม แค่ไม่รู้ตัวบุคคลแน่ชัดเท่านั้น เพราะพวกที่ชอบทำตัวเป็นป้าข้างบ้านมันมีเยอะเหลือเกิน"โหด
ด้านน้ำพั้นซ์เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องนอนของตัวเองอย่างร้อนใจ เพราะก่อนหน้านี้ซีเซียได้ส่งข้อความบอกเธอว่ามาถึงที่นี่แล้ว เธอจึงตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อไหร่ซีเซียจะมาช่วยเธอให้เป็นอิสระจากการถูกขังไว้ในห้องแบบนี้เสียที ทว่าพอได้ยินเสียงกึกกักๆคล้ายว่ากลอนประตูไม้หน้าห้องกำลังถูกเปิดออกจากคนข้างนอก น้ำพั้นซ์ก็ยิ้มออกมาได้จนแก้มแทบปริ และไม่รอช้าสองขาเรียวเล็กเดินกรูไปยังประตูห้องทันที และเมื่อประตูไม้คู่บานเล็กถูกผลักเข้ามาจากคนด้านนอก ก็ทำให้สองสาวสบตากันพร้อมเอ่ยเรียกชื่อกันและกันทันที"เซีย/พั้นซ์"หมับ!เห็นเช่นนั้นน้ำพั้นซ์ก็ก้าวขาออกจากห้องแล้วกอดหมับคนที่มีศักดิ์เป็นพี่สาวทันทีด้วยความดีใจ ด้านซีเซียก็กอดตอบทันทีเช่นเดียวกัน ไม่นานสองสาวก็ผละกอดออกจากกัน แล้วเป็นน้ำพั้นซ์ที่เอ่ยพูดขึ้นก่อน"ขอบใจนะเซียที่มาช่วยเรา""ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้เอง"ด้านสองหนุ่มใหญ่ที่ยืนมองอยู่ด้านหลังของซีเซีย ไม่ได้อยู่ในสายตาของน้ำพั้นซ์เลย เพราะมัวแต่ดีใจที่ซีเซียมาช่วย น้ำพั้นซ์จึงให้ความสำคัญแค่ซีเซียที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอเท่านั้น กระทั่งซีเซียเอ่ยพูดขึ้น"อาศิกับอาเตก็มาด้วยนะ มัวแต่ดีใจอยู่นั่นแ
ณ เรือนไม้สักยกพื้นในที่สุดทั้งสามก็เดินทางมาถึงที่หมายอย่างสวัสดิภาพในเวลาที่ตะวันใกล้จะตกดินพอดี โดยมีเจ้าของบ้านหรือตาบุญกับยายลียืนรอต้อนรับทั้งสามคนอยู่หน้าบ้านแล้ว เพราะหลานสาวคนโตหรือซีเซียได้โทรบอกทั้งสองล่วงหน้าแล้วว่าจะมาหาด้านซีเซียเมื่อลงจากรถก็รีบวิ่งไปหาตากับยายของเธอที่ยืนรออยู่หน้าบันไดบ้าน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว"ตาจ๋ายายจ๋า สวัสดีค่ะ หนูคิดถึงตากับยายที่สุดเลย" พนมสองมือน้อยๆไว้ตากับยายเสร็จ ซีเซียก็เข้าไปกอดทั้งสองทันทีด้วยความคิดถึง แม้เธอจะกลับกรุงเทพไปได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่ก็รู้สึกคิดถึงท่านทั้งสองเหมือนว่ากลับไปนานเป็นเดือน"ยายกับตาก็คิดถึงเราเหมือนกันยัยหนูเซีย เดินทางมาเหนื่อยๆขึ้นไปพักบนบ้านก่อนเถอะ" ยายลีเอ่ยพูดพลางลูบศรีษะเล็กของหลานสาวคนโตอย่างรักใคร่เอ็นดู ไม่ต่างกับตาบุญที่แม้จะไม่ได้พูดอะไร แต่ก็ลูบศรีษะเล็กของหลานสาวคนโตอย่างรักใคร่เอ็นดูเช่นเดียวกัน...ตาบุญกับยายลี ถิ่นกำเนิดไม่ใช่คนใต้ แต่เป็นคนภาคกลางที่ย้ายมาตั้งถิ่นฐานสร้างครอบครัวอยู่ที่ใต้ตั้งแต่หนุ่มสาว ทั้งคู่จึงพูดภาษากลางกันตามปกติรวมถึงน้ำพั้นซ์ด้วย ทุกคนในครอบครัวพูดภาษากลางกันห
วันต่อมาวันนี้ทั้งสามคนออกเดินทางกันตั้งแต่เช้ามืด ใช้รถตู้คันหรูสีดำเป็นยานพาหนะในการเดินทางจากกรุงเทพลงใต้ โดยเตชินท์กับศิลาผลัดเปลี่ยนกันมาขับรถ ส่วนซีเซียก็นั่งอยู่เบาะหลัง พูดคุยกับคนรักและอาของเธอน้ำเสียงเจื้อยแจ้วไปเรื่อย"อาเตพวกเราถึงไหนกันแล้วคะ อีกนานไหมกว่าจะถึงบ้านตากับยาย" แม้ซีเซียจะรู้ดีว่าบ้านตากับยายของเธออยู่จังหวัดไหนและเขตไหนของภาคใต้ แต่เพราะเธอไม่รู้เส้นทาง เธอจึงถามคนเป็นอาออกไปแบบนั้น"เข้าเขตภาคใต้มาไกลแล้วครับ อีกประมาณสองชั่วโมงก็น่าจะถึงแล้ว" เตชินท์เอ่ยตอบขณะที่ดวงตาคู่คมมองยังถนนเบื้องหน้า ก่อนจะเอ่ยถามหลานสาวกลับบ้างในสิ่งที่เขาอยากรู้เต็มประดาถึงเรื่องที่เคยตกลงกันไว้"แล้วตกลงน้องเซียจะบอกอาได้ยังครับ ว่าจะช่วยอาจีบหนูพั้นซ์ยังไง"ได้ยินเช่นนั้นซีเซียก็รีบหยัดตัวขึ้นมาเกาะเบาะคนขับจากด้านหลังที่คนเป็นอานั่งอยู่แล้วเอ่ยตอบออกไป"ถ้าอาเตอยากได้พั้นซ์ อาเตก็ต้องทำให้พั้นซ์มาอยู่กับพวกเราก่อนค่ะ เพราะถ้ายังอยู่ห่างไกลกันแบบนี้แล้วอาเตจะจีบพั้นซ์ยังไงล่ะคะ จริงไหม""แล้วอาต้องทำยังไงให้หนูพั้นซ์มาอยู่บ้านเรา แล้วตากับยายน้องเซียจะยอมให้หนูพั้นซ์มาอยู่กับพ
"ป้าแก้วคะ อาเตกลับมาจากบริษัทยังคะ" เสียงหวานของคนเป็นหลานหรือซีเซีย เอ่ยถามหาคนเป็นอากับป้าแม้บ้านด้วยความร้อนใจ เพราะเธอรอคุยเรื่องสำคัญกับอาของเธอตั้งแต่บ่ายจนตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว จึงทำให้เธอร้อนใจเป็นอย่างมาก โดยมีคนรักหรือศิลายืนอยู่ข้างๆไม่ห่าง"กลับมาแล้วค่ะ อยู่บนห้องทำงาน เมื่อกี้ป้าเพิ่งเอาของว่างกับน้ำไปให้คุณเตมาค่ะ"สิ้นเสียงป้าแม่บ้าน ซีเซียก็ไม่รอช้าสองขาเรียวเล็กก้าววิ่งขึ้นไปบนชั้นสองยังห้องทำงานของคนเป็นอาอย่างไว"น้องเซียอย่าวิ่งครับเดี๋ยวล้ม" ศิลาพูดตามหลังไวๆของคนรัก พลางส่ายหน้าให้อย่างนึกเอ็นดู ก่อนจะรีบเดินตามเธอไปติดๆเมื่อมาถึงห้องทำงานของคนเป็นอา ซีเซียก็เปิดประตูเข้าไปทันทีแกรก!ด้านเตชินท์ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหรูหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง เขาจึงละสายตาจากแฟ้มงานตรงหน้าแล้วเงยหน้าขึ้นมองไปยังประตูห้องทันที พอเห็นว่าเป็นใครเปิดประตูเข้ามาโดยไม่เคาะประตูก่อน เตชินท์จึงเอ่ยดุออกไป"เอาอีกแล้วนะครับน้องเซีย อาบอกกี่ครั้งแล้วว่าก่อนเข้ามาให้เคาะประตูห้องก่อน" เตชินท์เอ่ยดุ พลางเบนสายตาไปมองเพื่อนตัวเองที่เดินตามหลังหลานสาวเข้ามาในห้องอ
แนะนำตัวละครพระเอก เตชินท์ หรือ อาเต นักธุรกิจหนุ่มใหญ่มากความสามารถ หล่อ รวย อบอุ่น ขี้เล่น ไม่ถือตัว แต่บุคลิคภายนอกอาจจะดูนิ่งๆ อายุ38ปี สูง188เซนติเมตรนางเอก น้ำพั้นซ์ หรือ หนูพั้นซ์ เด็กใต้กะโปโลจอมแสบซน ดื้อรั้นไม่ฟังใคร ร่าเริงสดใส อัธยาศัยดี หน้าตาน่ารักราวกับตุ๊กตา อายุ22ปี สูง159เซนติเมตร ลำดับตัวละครเนื่องจากนิยายเรื่องนี้เป็นซีรี่ย์ต่อจากเรื่องเด็กดื้อของศิลา ไรท์จึงขอแนะนำลำดับความสัมพันธ์ของตัวละครกันก่อนจะไปอ่านบทนำนะคะ เพื่อความเข้าใจได้ง่ายขึ้นสำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านหรือตามมาจากเรื่องแรก... เตชินท์คือเพื่อนสนิทของศิลา และเขายังเป็นอาแท้ๆของซีเซีย (ศิลากับซีเซียคือพระนางในเรื่องเด็กดื้อของศิลา) ส่วนน้ำพั้นซ์ก็เป็นลูกของน้องสาวแม่ซีเซียหรือเป็นลูกพี่ลูกน้องกับซีเซียทางฝ่ายแม่นั่นเอง แต่ทั้งคู่อายุรุ่นเดียวกัน เข้าใจอีกอย่างง่ายๆคือ แม่ของซีเซียกับแม่ของน้ำพั้นซ์เป็นพี่น้องกันบทนำ...เขา หนุ่มใหญ่นักธุรกิจมากความสามารถ หล่อ รวย เป็นที่หมายปองของสาวน้อยสาวใหญ่ที่พร้อมทอดสะพานทอดกายให้เขาทุกเมื่อ ทว่าเขากลับไม่สนใจใครเลยนอกจาก เธอ เด็กสาวกะโปโลจอมแสบซน หน้าตาน่ารักรา