ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้พี่ลีวายคิดแบบนั้น ทั้งที่ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่เขากล่าวหา ถึงจะชอบแต่ก็รู้ตัวเองดีว่าไม่มีสิทธิ์และเขาไม่มีวันหันมาสนใจ
@มหาวิทยาลัย ฉันไม่มีเพื่อนที่สนิทมีแต่คนที่รู้จัก อาจเป็นเพราะปิดกั้นตัวเองและไม่กล้าเข้าสังคมทำให้ไม่มีเพื่อนเหมือนคนอื่นเขา วันนี้อาจารย์ให้จับคู่ทำวิจัยคนอื่นๆ ก็ได้คู่กันหมดแล้วเหลือแค่ฉัน “มิลิน มาคู่กับเราไหม” เสียงของเพื่อนในห้องเอ่ยถามฉันที่นั่งเงียบ เขาชื่ออาต เรารู้จักกันแต่ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร “อาตไม่คู่กับวินหรอ” “ไอ้วินมันมีคู่แล้ว” “อือ โอเค^_^” ฉันนึกว่าตัวเองจะไม่มีคู่แล้วซะอีกแบบนี้ค่อยโล่งใจหน่อย “เราจะทำวิจัยเรื่องอะไรกันดี” ฉันกับอาตช่วยกันคิดอยู่นาน เมื่อคิดได้ก็แบ่งหน้าที่กัน การทำวิจัยใช้เวลานานเราไม่สามารถทำเสร็จภายในวันเดียวได้ เห็นว่าได้เวลาเลิกเรียนแล้วฉันจึงรีบขอตัวกลับก่อน ที่ต้องรีบก็เพราะวันนี้พี่ลีวายมารับ ไม่ใช่คนขับรถของที่บ้าน หากช้าไปแค่วินาทีเดียวเขาก็โกรธฉันเป็นฟืนเป็นไฟแล้ว “มิลินๆ” เสียงของอาตตะโกนเรียกขณะที่ฉันกำลังเร่งฝีเท้าเดินไปที่รถ “ว่าไงอาต” “เธอลืมโทรศัพท์” “อุ้ย! ฉันนี่มันขี้ลืมจริงๆ เลย ขอบคุณนะ” ฉันรับโทรศัพท์มา ก่อนจะเห็นว่าหน้าจอโชว์เบอร์ของพี่ลีวายโทรมาอยู่หลายสาย หัวใจดวงน้อยๆ หล่นลงมาอยู่ที่ตาตุ่มทันที “เสียงโทรศัพท์ดังไม่ยอมหยุดเลย แฟนโทรตามหรอ” “เปล่าหรอก เรายังไม่มีแฟน” “จริงดิ? ไม่มีแฟนจริงๆ ใช่ไหม” ปี้นๆๆๆๆ!!! ยังไม่ทันอ้าปากตอบเสียงแตรรถก็ดังสนั่นขึ้นทำเอาฉันสะดุ้งโหย่ง “ไปก่อนนะอาต” พูดจบฉันก็รีบสาวเท้าเดินมาที่รถให้เร็วที่สุด ก่อนจะเปิดประตูเข้ามานั่งด้านใน ไม่กล้าแม้แต่จะหันมองคนที่นั่งข้างๆ “ทำไมไม่ให้มันไปส่ง เสียเวลาชิบหาย” “ขอโทษที่ทำให้รอนานค่ะ” รถหรูขับออกไปจากมหาวิทยาลัยด้วยความเร็ว แต่ทว่าไม่ได้ขับไปทางที่จะกลับบ้าน “พะ พี่ลีวายจะไปไหนหรอคะ” “หุบปาก! เสียงของเธอทำให้ฉันหงุดหงิด” “ถ้าอย่างนั้นจอดให้มิลินลงข้างหน้านั้นก็ได้ค่ะ ดะ เดี๋ยวมิลินเรียกแท็กซี่กลับเอง” ดวงตาคมหันมาจ้องเขม็งราวกับสิ่งที่ฉันพูดมันทำให้ไม่พอใจเอามากๆ “ถ้าพ่อไม่สั่งไว้ ฉันคงปล่อยเธอลงไปนานแล้ว ไม่ต้องมาอวดดี!!” “มิลินไม่ได้อวดดีนะคะ” “เงียบ!!” ฉันสะดุ้งเฮือกกับน้ำเสียงที่ตวาดบอก มันรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจดวงน้อย ตั้งแต่เด็กพี่ลีวายไม่เคยพูดดีกับฉันเลย สักครั้งก็ไม่เคย รถเลี้ยวเข้ามายังโรงแรมหรู ซึ่งเป็นแค่โรงแรมบังหน้าเท่านั้น เพราะด้านในคือบ่อนคาสิโน จุดศูนย์รวมสิ่งผิดกฎหมาย ฉันรู้ว่าคุณท่านและพี่ลีวายทำธุรกิจสีเทา และคุณท่านก็เคยพามาที่นี่แต่ไม่บ่อยนัก ฉันไม่ชอบที่แบบนี้เอาซะเลย เมื่อจอดรถแล้วพี่ลีวายก็เปิดประตูเดินนำไปโดยไม่สนใจฉันที่อยู่ด้านหลัง จึงต้องรีบวิ่งตามเพราะกลัวจะไม่ทัน อีกอย่างคนที่นี่ก็น่ากลัวกันทั้งนั้น #ภายในห้องทำงาน กินเวลาไปหลายชั่วโมงที่พี่ลีวายนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะไม่ยอมลุกขึ้นไปไหน ส่วนฉันก็ได้แต่มองและแอบคิดในใจว่าจะมีสักครั้งไหมที่ผู้ชายคนนี้ใจดีกับฉันบ้าง แค่ครั้งเดียวก็ยังดี “มองอะไร?” เป็นเพราะฉันเผลอไปจ้องเขาอยู่นานทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวจึงถูกถามเสียงแข็ง “ปะ เปล่าค่ะ” จู่ๆ พี่ลีวายก็ลุกขึ้นมาจากโต๊ะทำงานแล้วเดินตรงมาหาฉันที่นั่งอยู่บนโซฟา หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นรัวไม่เป็นจังหวะแขนขาเกร็งไปหมด “ฉันรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่” “…….” ฉันรีบก้มหน้าหลบสายตาอำมหิตคู่นั้นทันที หัวใจดวงน้อยมันเต้นรัวมากกว่าเดิมเมื่อพี่ลีวายโน้มใบหน้าลงมาใกล้ๆ “จะ จะทำอะไรคะ” หมับ!! ฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นมาบีบปลายคางของฉันอย่างแรงเพื่อให้เงยหน้าขึ้น “อื้อ เจ็บนะคะ” “คิดว่าฉันจะทำอะไร?” “…….” พี่ลีวายกำลังทำให้ฉันกลัว เขาออกแรงบีบที่มือแรงขึ้นทำให้ฉันต้องนิ่วหน้าเพราะความเจ็บและพยายามจะดึงมือหนาออก แต่ก็ไม่เป็นผล “จำเอาไว้ว่าฉันไม่มีวันพิศวาสผู้หญิงแบบเธอ” ฉันเห็นแต่ความเกลียดชังในสายตาคู่นั้น ไม่มีความหมายอื่นๆ แฝงอยู่เลยวันเวลาผ่านไปเนิ่นนานจนฉันคลอดลูกคนที่สองให้กับคาแลน รอบนี้ได้ลูกสาวเขาดีใจมากเลยนะ เพราะเจ้าตัวได้คนโตเป็นลูกชายสมใจแล้วเจ้าหญิงตัวน้อยวัยหกเดือนของเรามีชื่อว่าเมลร่า ฉันกับคาแลนชอบชื่อลูกมาก ๆ เพราะมันเหมาะกับหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มอย่างลูกสาวฉันที่สุดเผลอแป๊บเดียวมาคัสในก็ได้เป็นพี่ชายคน แถมยังเห่อน้องมากอีกด้วย ถ้ามีโอกาสหรือมีจังหวะมาคัสก็จะคอยช่วยฉันเลี้ยงน้องตลอด“มามี๊น้องตื่นหรือยังครับ” หมอบอกว่ามาคัสฉลาดรอบรู้ และมีพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ที่ดีเยี่ยมฉันปลื้มใจมากที่เห็นลูกเติบโตมาอย่างดี“ยังเลยลูก ไว้รอน้องตื่นแล้วค่อยไปเล่นกับน้องนะ”“ครับ วันนี้มาคัสมีนิทานจะมาเล่าให้น้องฟังด้วย” ได้ยินแบบนั้นคนเป็นแม่อย่างฉันก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้“จริงเหรอครับ มาคัสของมามี๊เก่งที่สุดเลย ขอบคุณนะลูก” ฉันก้มลงกอดลูกชายหัวแก้วหัวแหวนพร้อมกับหอมหัวเบา ๆ หนึ่งที ฉันกับคาแลนมักจะพูดขอบคุณลูกบ่อย ๆ ในเวลาที่เขาทำสิ่งดี ๆ“มาคัสรักน้อง อยากดูแลน้องครับ”“ลงมาได้ยินประโยคนี้ทำเอาปาปี๊ชื่นใจที่สุดเลยลูก” ระหว่างนั้นคาแลนก็เดินลงมาจากชั้นสองพอดี เขากำลังเตรียมตัวไปทำงาน“ปาปี๊~” พอเห็นพ่อเดินลงมามาคั
สามเดือนผ่านไป ฉันกับคาแลนเพิ่งกลับจากโรงพยาบาล วันนี้คุณหมอนัดไปตรวจและอัลตราซาวนด์ดูเพศลูกสภาวะแท้งคุกคามตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ด้วยอายุครรภ์ที่มากขึ้นด้วยไม่ต้องเฝ้าระวังอย่างตอนแรก“ทำหน้าขมวดคิ้วตั้งแต่ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะคะ เป็นอะไรบอกมิลาหน่อย” ฉันถามสามีที่กำลังทำหน้าเครียดตั้งแต่รู้เพศลูก “เฮียไม่อยากให้ลูกเราเป็นผู้หญิงเหรอคะ”ฉันเม้มปากเบา ๆ ไม่ได้อยากคิดแต่ท่าทางของคาแลนทำให้ต้องถามไปอย่างนั้น เขาแปลกไปเมื่อรู้เพศทั้งที่ก่อนหน้าเราตั้งชื่อลูกไว้แล้วทั้งชายและหญิง“ลูกเฮียนะหนู ถามแบบนั้นได้ยังไง”“ก็เฮียทำหน้าเครียด”“เฮียแค่คิดว่าตัวเองต้องหวงลูกมากแน่ ๆ”ระบายยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมโล่งใจทันทีที่ได้ยินคำตอบนั้น นึกว่าไม่ชอบใจซะอีกที่แท้ก็หวงลูกสาวนี่เอง“คงต้องให้การ์ดเฝ้าตั้งแต่เด็ก ให้เข้าโรงเรียนหญิงล้วนนะหนู”“แบบนี้ถ้ายัยหนูจะมีแฟน…” ยังพูดไม่จบประโยคคนตัวสูงก็รีบขัด “อย่าเพิ่งคิดไปถึงขั้นนั้นสิหนู เฮียใจหาย”“กับมาคัสเฮียไม่เห็นห่วงเลย”“มาคัสเป็นผู้ชาย”“คุณพ่อขี้หวงคิดมากตั้งแต่ลูกยังไม่คลอดออกมาเลยนะคะ” ฉันแซวพร้อมยกนิ้วขึ้นเกลี่ยแก้มอย่างหยอกล้อ คาแลนเอามือมาจับมื
อาทิตย์ผ่านไป ฉันกับคาแลนจดทะเบียนสมรสเรียบร้อยแล้ว ในตอนนี้เราคือสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายตอนนี้คาแลนกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของฉันแล้วใช้มือลูบท้องไปมาอย่างนั้นนานหลายนาทีแล้ว“อยากรู้แล้วว่าลูกจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” ใบหน้าคมคายเงยขึ้นมองฉันแล้วพูดต่อ “ถ้าได้ผู้หญิงเฮียคงหวงมากแน่”ฉันยิ้มกว้างให้กับคำพูดนั้นของคนที่หนุนตักอยู่ ก่อนจะเอามือลูบผมเขาเบา ๆ“หวงได้แต่อย่าไปกำหนดชีวิตของลูกมากเกินไปนะคะ”“เฮียไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนหนูสบายใจได้”คาแลนจับมือของฉันไปจูบเบา ๆ ช่วงนี้ชีวิตคู่ของเรามันลงตัวมาก ๆ ไร้อุปสรรคเหมือนอย่างก่อนหน้า ตัดสินใจไม่ผิดจริง ๆ ที่เลือกรักผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก“อาทิตย์หน้าเฮียว่าง ไปเที่ยวกันนะครับ”“เที่ยวที่ไหนเหรอคะ” ฉันมองคนบนตักที่กำลังยิ้มหวาน“หนูมีที่ไหนที่อยากไปไหม”“ทุกที่ที่มีเฮีย มิลามีความสุข”“เฮ้อ เฮียรักหนูจะตายแล้วมิลา”ร่างหนาหยัดตัวขึ้นนั่ง แล้วยกมือมาประคองใบหน้าของฉันพร้อมจ้องด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น ก่อนจะโน้มลงมาเรื่อย ๆ ระยะห่างระหว่างใบหน้าค่อย ๆ แคบลงจนกระทั่งริมฝีปากกดซับลงมา“อื้อ~”รสจูบที่อบอวลไปด้วยความอ่อนโยนและนุ่มนวล
วันต่อมา ตื่นมาไม่เห็นคาแลนอยู่ในห้องแล้ว มาคัสก็หายไปจากห้องของเขาเหมือนกัน ฉันค่อย ๆ เดินลงจากบันไดอย่างเชื่องช้าลงมาที่ชั้นล่าง ก่อนจะนั่งบนรถเข็นเพราะถ้าคนตัวสูงเห็นฉันเดินคงถูกดุแน่ ๆรถเข็นจะเป็นแบบขับเคลื่อนอัตโนมัติโดยใช้มือบังคับปุ่มบนที่พักแขน ได้ยินเสียงแว่วมาจากทางครัวจึงไปดูภาพที่เห็นคือคาแลนกับลูกชายอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อน ทั้งคู่กำลังช่วยกันทำอาหาร มาคัสดูท่าจะชอบช่วยพ่อเขาทำใหญ่เลย ฉันกำลังทอดสายตามองสองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม“มามี๊” อุตส่าห์แอบตรงมุมแล้วแท้ ๆ แต่ลูกชายตัวน้อยหันมาเจอจนได้ คาแลนหันมองตามเสียงเรียกของลูก ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ “หนูลงมายังไงคะ?”น้ำเสียงที่เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลนั้นต่างจากแววตาที่กำลังจ้องแบบดุ ทำเอาฉันไม่กล้าตอบร่างหนาที่ใส่ชุดกันเปื้อนเดินมาหยุดตรงหน้าแล้วนั่งลงเอามือมาลูบวนบนท้องของฉันพร้อมกับฟ้องลูก“ดูมี๊สิ ดื้อเดินลงมาเองแบบนี้ปาปี๊ขอดุได้ไหม”“ลูกบอกว่าไม่ได้ค่ะ”“ลูกหรือแม่ครับ?”“เฮียอย่าดุมิลาสิ” ฉันเบ้ปากส่งสายตาออดอ้อนทำให้ คาแลนส่ายหน้าไปมาช้า ๆ ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เห็นแบบนั้นก็รู้ว่ารอดแล้ว“คราวหลังไม่เอาแบบนี้นะมิลา เฮียเป็นห
1 เดือนผ่านไปฉันได้ออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน เราย้ายมาอยู่บ้านหลังที่ซื้อไว้ในตอนนั้นแล้ว เพิ่งตกแต่งเสร็จเมื่ออาทิตย์ก่อนส่วนใหญ่ฉันจะนอนอยู่บนเตียงเวลาจะไปเข้าห้องน้ำหรือเดินไปไหนคาแลนจะช่วยประคอง ถ้าออกไปข้างนอกต้องนั่งรถเข็น เพราะคุณหมอสั่งห้ามเรื่องไม่ควรขยับร่างกายเยอะมาคัสได้แยกไปนอนอีกห้องสมใจคุณพ่อของเขาแล้ว เพราะคาแลนกลัวว่าลูกจะนอนดิ้นมาโดนท้อง แต่ตัวลูกชายไม่งอแงแล้วก็อยากแยกห้องเหมือนกัน แหงสิพ่อเขาจัดห้องเตรียมไว้ถูกใจขนาดนั้น“พรุ่งนี้มีประชุม เฮียคงกลับมาตอนบ่ายนะมิลา”“ไหวเหรอคะ ช่วงนี้เฮียอาการไม่ค่อยดีเลย” มองคนตัวสูงอย่างเป็นห่วง เขาแพ้ท้องแทนฉันหนักมาก เรียกได้ว่าเหม็นอาหารทุกอย่าง กินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมด กินได้แค่ของเปรี้ยวเห็นแล้วนึกเห็นใจมาก ๆ เพราะเคยผ่านมาก่อนรู้ว่าทรมานขนาดไหน ใบหน้าหล่อตอนนี้ซูบผอมลงไปค่อนข้างเยอะ“ประชุมผู้ถือหุ้นประจำเดือนยังไงก็ต้องไปครับ” คาแลนก้มลงมาจูบหน้าผากของฉันแผ่วเบา ตอนนี้กำลังนั่งดูทีวีอยู่ชั้นล่างของบ้าน“คันเลนจะมาส่งมาคัสกี่โมงคะ”“คงสองทุ่ม กินมื้อเย็นที่บ้านใหญ่ก่อน” วันนี้ลูกชายงอแงอยากไปเล่นกับน้องคีย์และ
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาข่าวของคาแลนกับคุณหนูลี่กำลังเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง เพราะทั้งคู่ต่างมีหน้าตาทางสังคม คาแลนให้พี่ชายช่วยเรื่องปิดข่าวทั้งหมดให้เร็วที่สุดส่วนฉันก็พยายามไม่ดูข่าวห่างจากมือถือเพราะมันทำให้เครียดไม่เป็นผลดีเท่าไร ยิ่งตอนนี้มีอาการแท้งคุกคาม“ตอนเย็นคัลเลนจะพามาคัสมาที่โรงพยาบาลนะหนู” คนที่กำลังนั่งปลอกผลไม้เอ่ยบอก เราไม่ได้พูดคุยเรื่องนั้นเพราะต่างรู้ดีว่ามันไม่มีอะไร และฉันก็ไม่ได้ถามว่าเขาจะจัดการกับผู้หญิงอย่างลี่เว่ยหลินยังไง“ลูกงอแงไหมคะ” ฉันเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยกลัวจะงอแงแต่ถ้าจะให้มาอยู่ที่โรงพยาบาลคงไม่ได้“ที่บ้านใหญ่มีเพื่อนเล่นลูกไม่งอแงเลย”“มาคัสรู้ไหมคะว่ากำลังจะมีน้อง”“ยังครับ ถ้ารู้คงดีใจที่จะมีเพื่อนเล่น”“เฮียไม่เข้าบริษัทเลย ไม่ต้องเฝ้ามิลาตลอดก็ได้” สามวันแล้วที่ฉันนอนติดเตียงที่โรงพยาบาลส่วนคาแลนไม่ได้เข้าบริษัทเลย“เฮียเอางานที่บริษัทมาทำที่นี่ดีกว่าทิ้งให้หนูอยู่คนเดียว” เขาปลอกผลไม้เสร็จพอดีจากนั้นก็ยกจานมานั่งเก้าอี้ข้าง ๆ เตียงแล้วป้อนฉัน“พรุ่งนี้เฮียจะออกไปจัดการปัญหากับเว่ยหลิน”“ค่ะ”“ทางนั้นเรียกร้องให้รับผิดชอบที่ทำลูกสาวเขาเสียห